|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
HERO
ช่วงนี้ผมกำลังอ่านThe Watchmen การ์ตูนฝรั่ง(อ่านได้ครึ่งเรื่องแล้ว) ถ้าตัดความซับซ้อนเชิงปรัชญาและบุคลิกตัวละครออกแล้วมองอย่างซื่อๆทื่อๆ ก็จะได้เรื่องราวของคนธรรมดาๆ(ไม่รวยหรือไฮเท็คแบบแบ็ทแมน)ที่ใส่หน้ากากแล้วออกมาต่อสู้กับสิ่งที่ตัวเองเกลียด ..ครับ.. ตอนนี้ผมเขียนถึงคอมมิคเรื่องนี้ได้เท่านี้แหละ แต่กระนั้นมันก็เป็นแรงบันดาลใจให้ผมนึกเรื่องการเป็น HERO ขึ้นมา ใน Watchmen คนที่เป็นฮีโร่ไม่จำเป็นต้องมีพลังพิเศษหรือร่ำรวยไฮเท็ค แค่มีแรงบันดาลแล้วก็ทำมันเลย ครับต้องทำมันเลย ประเด็นสำคัญคือ "ทำ" มันครับ
ผมลองคิดเล่นๆถึงระบบ HERO แบบง่ายๆที่เราสามารถกระทำได้ในสังคม เช่นระหว่างอยู่ในที่แห่งหนึ่งท่ามกลางฝูงคน ลองมองดูคนรอบๆสิครับ แน่นอน ว่าเราไม่สามารถปกป้องดูแลคนทั้งหมดนี้ได้ แต่คุณลองเลือก 1-2 คนในกลุ่มคนนั้น อาจจะเป็นเด็กๆ คนแก่ สาวสวย หรือใครก็ได้ที่คุณรู้สึกอยากปกป้องมากที่สุดในสายตาตอนนั้น แล้วคุณก็สัญญากับตัวเองว่าจะปกป้องเฝ้าดูคนๆนี้ตลอดช่วงเวลาที่เขาหรือเธออยู่ในสายตาคุณ ซึ่งถ้ามีการต้องการความช่วยเหลือเกิดขึ้นคุณจะไม่ลังเลสักวินาทีที่จะเข้าไปช่วย ไม่ว่าตอนนั้นจะมีคนอื่นอยู่มากมายคุณก็จะไม่นึกเกี่ยงให้คนอื่นช่วยแทนคุณ เสมือนคุณเป็นเทวดาประจำตัวของคนผู้นั้น - ฟังดูตลกดีไหมครับ? แต่เชื่อไหม ผมมีไอเดียนี้และทำแบบนี้มาหลายปีแล้วครับ และก็โชคดีที่ไม่เคยต้องเข้าช่วยเหลือใครอย่างจริงๆจังๆสักครั้ง จะมีแค่ลุกให้เด็กหรือคนท้องนั่งบนรถเมล์และช่วยดูตอนพวกเขาลงจากรถ ล่าสุดก็ช่วยเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนหนึ่งใส่รองเท้าในสนามเด็กเล่น มีแค่ประมาณนี้แหละครับไม่มีเรื่องสำคัญเลยสักครั้ง อ้อ. จะมีเรื่องน่าตื่นเต้นหน่อยก็ตอนที่ติดฝนอยู่ใต้ชายคาตึก แล้วตรงนั้นมี 2 นร.ม.ปลายที่เป็นแฟนกันยืนหลบฝนอยู่ด้วย ระหว่างรอฝนซาเม็ดก็มีเด็กช่างกลุ่มหนึ่งวิ่งลงจากรถเมล์มาร่วมหลบฝน ในตอนนั้นผมตั้งสัญญาขึ้นมาว่าถ้าเด็กม.ปลายคู่นั้นมีปัญหากับเด็กช่างผมจะเข้าช่วย แต่ก็โชคดีอีกล่ะครับที่ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ที่เขียนเล่ายืดยาว ก็หวังชวนให้ผู้หลงเข้ามาอ่านหน้านี้มาร่วมเล่นเป็นฮีโร่แบบผมกันดีไหมครับ คิดดูสิครับถ้าเล่นกันสักสิบคน(ปรกติมีคนเข้ามาblogผมแค่4-5คนเอง)ก็จะมี 10-20 คนปลอดภัยมากขึ้นในช่วงเวลา 10-20 นาที เหมือนน้อยนิดไม่สลักสำคัญ แต่ผมก็ไม่ได้หวังว่าให้มีความยิ่งใหญ่อะไรเกิดขึ้นหรอก แค่"ทำ"ไว้ก่อนก็พอ
..จริงๆที่ต้องเขียนยืดยาวขนาดนี้ ก็เนื่องจากวันนี้ผมไปงานหนังสือของเครือเนชั่นที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์ ปรกติผมจะไปกลับด้วยรถใต้ดิน แต่วันนี้แปลกที่ผมอยากนั่งรถเมล์ไปดูถ.อโศกช่วงค่ำ เลยเดินไปที่ป้ายรถเมล์
ป้ายรถเมล์หน้าศูนย์ประชุมฯในวันไม่มีงานใหญ่ เวลาทุ่มกว่าเปลี่ยวมาก และยิ่งเป็นเวลาเดียวกับพิธีเปิดโอลิมปิกบนถนนจึงโล่งมาก(ตำรวจเองก็คงอยากดูพิธีเปิดโอลิมปิกเหมือนคนอื่น) ที่ป้ายรถเมล์ มีคู่ทอมดี้(ทอมตัวเล็กๆ) ลุงคนหนึ่งในชุดคนทำงานออฟฟิตธรรมดา(ดูโทรมสกปรกนิดหน่อย เหมือนนักลงทุนเจ๊งหุ้นที่เพิ่งเดินคอตกออกมาจากห้องสมุดมารวย) และเด็กผู้หญิงอายุราวน.ศ.ปี1 หน้าตาดีใส่กางเกงขาสั้นน่ารักแต่ในความเปลี่ยวแบบนี้ดูแล้วกลัวแทน
ผมกับmp3+หูฟังอินเอียและเสียงเพลงที่ปิดแม้เสียงรถแล่นผ่าน ผมเห็น ไอ้แก่เดินไปนั่งคุยกับน้องน่ารักที่ใส่กางเกงขาสั้นสักพักมันก็เดินออกมายืนด้านหลังผม ผมก็เริ่มเอ๊ะ มีอะไรไหม เขารู้จักกันรึเปล่า พ่อลูกกันมั้ง? แล้วไอ้แก่มันก็เดินมาชวนผมคุยแต่ผมไม่ได้ยินเสียงมัน ผมรู้สึกว่าเหตุการณ์ไม่ค่อยปรกติแล้วจึงทำหน้าดุๆดึงหูฟังออกข้างหนึ่งก็ได้ยินมันพูดขำๆเกี่ยวรถมอเตอร์ไซค์ที่แล่นผ่านไปไม่เปิดไป ผมไม่คุยกับมันเสียบหูฟังกลับสรุปในใจว่ามันเพี้ยน แล้วมันก็เดินไปนั่งข้างน้องสาวคนนั้นอีก ผมมองมันแบบให้มันรู้ล่ะว่ามีคนมองมันอยู่นะ มันจะได้ไม่กล้าทำอะไรงี่เง่า (รถเมล์นานกว่าจะผ่าน ผ่านมาก็ไม่จอดอีก) ตอนมันเดินๆเหมือนมันเอามือไปรูดซิบด้วยไม่แน่ใจว่ารูดขึ้นหรือลงเห็นไม่ถนัด(เพราะกำลังปรับEQ mp3อยู่) แต่ก็ตั้งใจไว้ว่าจะยืนอยู่ตรงนั้นแหละจนกว่าน้องจะได้ขึ้นรถ แต่รถก็ไม่มาสักที แล้วน้องก็ดันไปคุยกับมันอีก "ไม่ดีเลยครับ" ไม่ว่าจะเป็นไอ้โรคจิตหรือพวกต้มตุ๋นไม่ควรไปสนทนากับมันเพราะจะเป็นการเปิดช่องให้กว้างขึ้น เห็นเช่นนั้นผมรู้สึกหงุดหงิดโดยลืมนึกไปว่าน้องเขายังเด็กไม่ได้แก่โลกอย่างเอ็งนะ ก็นึกอยากให้รถมาเร็วๆจะได้ไปๆกันสักที หรือให้มีคนมารอรถเพิ่มก็ได้ผมจะได้หมดภาระการเฝ้าดูสักที น้องเองก็มองมาที่ผมบ่อยๆ(มองตั้งแต่ผมเดินมาที่ป้ายรถแล้ว ไอ้แก่คงมากวนนานแล้ว)คล้ายส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ ไอ้ผมก็มัวแต่ฟังเพลงกับกังวลเรื่องแบตเครื่องเล่นที่ซื้อมาใหม่ว่ามันหมดไวกว่าปรกติรึเปล่า และเหตุการณ์มันก็ไม่ชัดเจน หรือถ้าไอ้บ้านั้นไม่ใช่ลุงแก่ๆ ผมคงเดินเข้าไปถามน้องแล้วว่ากำลังมีปัญหาอะไรรึเปล่าไอ้นี่มันกวนใจอะไรไหม ..อันที่จริง ที่มันไม่ชัดเจนก็เพราะผมอุดหูตัวเองด้วยmp3อยู่นั่นแหละครับ กว่าจะฉลาดขึ้นมาได้ก็ปล่อยให้เหตุการณ์มันตึงอยู่ตั้งนาน พอผมดึงหูฟังออกสักพัก น้องก็ลุกขึ้นพูดอะไรซึ่งผมไม่ได้ยินแล้วก็เดินออกไปจากป้ายรถเมล์ เดินไปตามทางมืดเปลี่ยวไปสู่ถนนสุขุมวิทที่ห่างไปอีกกิโลฯ ตายห่ะ! นี่มันเกินความคาดหมายไปเยอะเลย ไอ้แก่ทำท่าจะเดินตาม แต่มันเห็นผมมองอยู่ คู่ทอมดี้ก็มองด้วย ถ้ามันเดินตามผมเรียกมันแน่ ถ้ามันไปผมก็จะไปด้วย แต่โชคดีที่มันกลัวสายตาของผมทอมดี้ มันจึงหน้าละห้อยรอรถเมล์ต่อไป
ที่ผมต้องเขียนยืดยาวมาทั้งหมดนี้ เพราะผมรู้สึกผิดครับ(รู้สึกผิดชิบหาย!) ถ้าผมเอาหูฟังออกตั้งแต่แรกและแสดงท่าที่ให้ดูน่าอบอุ่นใจกว่านี้ น้องเขาคงไม่ต้องเดินไปตามทางเปลี่ยวมืดๆคนเดียวแบบนั้น(ขนาดผมเองยังไม่อยากเดินเลย) ขอเขียนระบายหน่อยเถอะ และผมต้องสัญญากับตัวเองใหม่แล้วว่าจะใช้สัญญา HERO อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และจะ"ทำ" จะ"ทำ"ให้ดีด้วย
ปล.ที่เคยบอกว่าจะเขียน art of being alone คงไม่เขียนแล้วนะครับ เพราะเนื้อหามันเกี่ยวกับการฟังเพลงโดยอุดหูด้วย mp3 ซึ่งเหตุที่เจอในวันนี้ทำให้คิดว่าการหมกมุ่นกับตัวเองและอุดหูอยู่ตลอดนั้นไม่เหมาะเท่าไร
Create Date : 09 สิงหาคม 2551 |
|
8 comments |
Last Update : 13 สิงหาคม 2551 1:45:54 น. |
Counter : 600 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: azamiya 9 สิงหาคม 2551 10:13:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: keyzer 11 สิงหาคม 2551 21:47:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: biggg 12 สิงหาคม 2551 17:14:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: ใหญ่ๆไม่ เล็กๆเราทำ (lomocat ) 12 สิงหาคม 2551 19:59:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: keyzer 13 สิงหาคม 2551 12:08:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: gun IP: 61.91.161.205 14 สิงหาคม 2551 23:19:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: azamiya 16 สิงหาคม 2551 12:30:44 น. |
|
|
|
|
|
|
|
เช้าวันก่อนบนรถตู้
เรานั่งลุ้นแทบแย่ค่ะ
ก็น้องนักเรียนข้างหน้าแกหลับ
ไม่หลับดีๆด้วยนะคะหัวแกส่ายไปส่ายมา
ที่ลุ้นอยู่ก็คือหัวแกจะฟาดเข้ากับประตูรึเปล่า
และแล้วจังหวะที่รถเปลี่ยนเลนเฟี๊ยวว
..
..
เราก็เผลอยื่นมือไปกันแกเฉยเลย
เปล่านะคะเราไม่ได้นึกจะเป็น Hero
หลังจากนั้นเราก็นั่งอมยิ้มไปจนถึงที่ทำงานเลยค่ะ
..
..