|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เพียงชั่วโมงหนึ่ง
เคท โชแปง เขียน ด้วยทราบดีว่าคุณนายมัลลาร์ดนั้นป่วยด้วยโรคหัวใจ พวกเขาจึงระแวดระวังให้เธอทราบข่าวการเสียชีวิตของสามีด้วยความนุ่มนวลที่สุด
โจเซฟีน น้องสาวของเธอเป็นผู้แจ้งข่าวนี้ด้วยประโยคที่ไม่ปะติดปะต่อ ให้ความนัยที่คลุมเครือเปิดเผยออกเพียงครึ่งๆ ริชาร์ดผู้เป็นเพื่อนของสามีก็อยู่ใกล้ๆ เธอที่นั่นด้วย เขานั่นเองเป็นผู้อยู่ที่สำนักงานหนังสือพิมพ์เมื่อข่าวหายนะทางรถไฟนั้นมาถึง โดยมีชื่อของเบรนท์ลีย์ มัลลาร์ดอยู่เป็นชื่อแรกของบัญชีหัวข้อ “ผู้เสียชีวิต” เขายอมเสียเวลาเพียงรอยืนยันความจริงด้วยโทรเลขฉบับที่สอง และรีบเร่งมาเพื่อนำข่าวเศร้ามาบอกเธอก่อนมิตรผู้หย่อนความระมัดระวังกว่าคนอื่นๆ
เธอมิได้รับฟังเรื่องนี้เช่นหญิงคนอื่นๆ จะรับฟัง คือด้วยความตะลึงงันไม่อาจเข้าถึงความหมายของมันได้ เธอปล่อยอารมณ์ร่ำไห้อย่างรุนแรงไม่อาจยับยั้งในอ้อมแขนของน้องสาวในทันที เมื่อคลื่นแห่งความเศร้าโศกสงบลง เธอละกลับห้องไปเพียงลำพัง ปฏิเสธไม่ยอมให้ใครตามไป
ที่นั่นมีเก้าอี้เท้าแขนตัวใหญ่น่าสบายตั้งอยู่ หันหน้าไปทางหน้าต่างที่เปิดอ้า เธอทรุดตัวลงนั่ง เปลี้ยลงด้วยความอ่อนแอที่เกาะกินร่างกายและดูเหมือนกำลังซึมซาบเข้าสู่จิตใจ
นอกช่องว่างสี่เหลี่ยมนั้นเธอเห็นหมู่ยอดไม้ที่หน้าบ้านสั่นไหวด้วยชีวิตชีวาแห่งฤดูใบไม้ผลิที่มาเยือน เค้าฝนหอมหวานอยู่ในอากาศ ในถนนเบื้องล่างมีพ่อค้าเร่ร้องขายของอยู่ ท่วงทำนองของเพลงที่มีใครร้องอยู่ในที่ไกลๆ ดังแว่วให้เธอได้ยินอย่างเลือนราง และนกกระจอกนับจำนวนไม่ถ้วนกำลังส่งเสียงร้องอยู่ใต้ชายคา
เมื่อมองจากหน้าต่างห้องของเธอยังเห็นท้องฟ้าสีฟ้าปรากฏอยู่ที่นั่นที่นี่ระหว่างหมู่เมฆที่บรรจบและซ้อนทับกันในทิศตะวันตก
เธอนั่งหงายศีรษะพิงพนักนุ่มของเก้าอี้โดยแทบไม่เคลื่อนไหว เว้นแต่เมื่อคลื่นสะอื้นแล่นขึ้นมาตามลำคอและเขย่าร่างเธอ เหมือนเด็กน้อยที่ร้องไห้จนหลับไปที่ยังสะอื้นไห้อยู่ในความฝัน
เธอยังสาว มีใบหน้างามสงบ เส้นสายบนใบหน้าแสดงถึงความข่มกลั้นและแม้แต่ความแข็งแกร่ง แต่บัดนี้มีแววเลื่อนลอยไร้ชีวิตอยู่ในดวงตาเธอที่จ้องไปยังช่องฟ้าสีฟ้าที่ไกลตานั้น แต่แววตานั้นไม่ใช่การจมจ่อมคำนึง ดูบ่งถึงการจดจ่ออยู่กับการใช้สมองครุ่นคิดใคร่ครวญยิ่งกว่า
เหมือนมีบางอย่างเคลื่อนใกล้เข้ามาหาเธอ และเธอก็กำลังรอรับมันอย่างหวาดหวั่นใจ นั่นเป็นอะไรกันหรือ เธอเองก็ไม่ทราบ สิ่งนั้นเลือนรางลี้ลับเกินกว่าเธอจะระบุชื่อได้ แต่เธอรู้สึกแน่ว่ามันค่อยๆ ลงมาจากฟากฟ้า ค่อยๆ มาหาเธอผ่านทางสรรพสำเนียง ทางกลิ่นอายหอมหวน ทางสีสันที่ระบายอยู่ในอากาศ
ยามนี้ทรวงอกของเธอสะท้อนขึ้นลงอย่างรุนแรง เธอเริ่มจดจำสิ่งที่กำลังเข้ามายึดกุมใจเธอนี้ได้ และพยายามเต็มกำลังใจที่จะผลักดันมันกลับไป แต่ก็ด้วยความอ่อนแรงเช่นเดียวกับมือขาวเรียวยาวคู่นั้นเอง
เมื่อเธอยอมสยบแก่อารมณ์นั้น คำพูดแผ่วเบาคำหนึ่งก็หลุดรอดออกมาจากริมฝีปากที่เผยอน้อยๆ เธอกระซิบกระซาบคำนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เสรี! เสรี! เสรี!” แววว่างเปล่าและความหวาดหวั่นที่ตามหลังมาหายไปจากดวงตา คงเหลือแต่ความคมกล้าและสุกสว่าง ชีพจรเต้นถี่เร็ว ส่งกระแสโลหิตไปสร้างความอบอุ่นและผ่อนคลายทั่วทั้งร่างเธอ
เธอไม่ได้สงสัยรั้งรอเลยว่าสิ่งที่เกาะกุมเธออยู่นี้มิใช่ความยินดีอย่างท่วมท้น ความรู้สึกสัมผัสที่ชัดเจนและอิ่มเอมทำให้เธอปัดความคิดเช่นนั้นให้เป็นเรื่องไร้สาระ
เธอทราบดีว่าตนเองจะร่ำไห้อีกครั้งแน่เมื่อเห็นมือที่อ่อนโยนคู่นั้นประสานกันอยู่ในความตาย เห็นดวงหน้าที่ไม่เคยมองเธอโดยปราศจากความรักนั้นนิ่งขึงเป็นสีเทาไร้ชีวิต แต่เธอมองข้ามช่วงเวลาขมขื่นนั้นไปยังวันเวลาอันยาวนานเบื้องหน้าที่จะเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว และเธอก็ยินดีอ้าแขนโอบอุ้มช่วงเวลานั้นอย่างเต็มที่
จะไม่มีใครอยู่เพื่อเธอแล้วในวันเวลาที่กำลังจะมาถึงนี้ เธอจะอยู่เพื่อตัวเองเท่านั้น จะไม่มีความประสงค์แรงกล้าใดจะมาบิดผันความประสงค์ของเธอด้วยความดึงดันเช่นของเหล่ามนุษย์ชายหญิงที่เชื่อว่าตนมีสิทธิ์จะยัดเยียดความคิดของตนให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน จะด้วยความตั้งใจดีหรือความประสงค์ร้ายก็มิได้ทอนให้การกระทำนั้นเป็นอาชญากรรมน้อยลงเลยเมื่อเธอมองในเวลาอันกระจ่างใจเช่นนี้
แต่กระนั้นเธอก็รักเขา... ในบางขณะ มิใช่เสมอไปทุกขณะ แต่นั่นจะสำคัญอะไรเล่า รักซึ่งเป็นข้อปริศนาไม่รู้จบนั้นจะมีค่าอันใดเมื่อเผชิญกับความต้องการแสดงความคิดตนอย่างเปี่ยมล้นซึ่งเธอเพิ่งตระหนักในขณะนั้นว่าเป็นแรงผลักดันที่แข็งแกร่งที่สุดประจำชีวิตเธอ.
“เสรี! เสรีทั้งกายและใจ!” เธอกระซิบไม่ขาดปาก
โจเซฟีนคุกเข่าอยู่หน้าประตูที่ปิดสนิทนั้น ทาบริมฝีปากกับรูกุญแจ วอนขอเข้าไป “หลุยส์ เปิดประตูเถิดพี่ ฉันขอร้อง เปิดประตูเถิด พี่จะเจ็บไข้เอานะ นั่นพี่ทำอะไรอยู่น่ะหลุยส์ เห็นแก่พระเจ้า เปิดประตูเถอะ”
“อย่ามายุ่ง ฉันไม่เจ็บไม่ไข้อะไรหรอก” มิได้เลย เธอกำลังดื่มด่ำกับน้ำทิพย์แห่งชีวิตจากหน้าต่างที่เปิดอ้านั่นต่างหาก
ความคำนึงของเธอแล่นพล่านไปยังคืนวันข้างหน้า วันแห่งฤดูใบไม้ผลิ วันแห่งฤดูร้อน และทุกๆ วันที่เป็นของเธอแต่ผู้เดียว เธอนึกอธิษฐานอย่างฉับพลันว่าชีวิตนี้จงยืนยาว เพิ่งวานนี้เองที่เธอยังคิดด้วยความผวาว่าชีวิตนี้จะยาวเกินไป
เธอลุกขึ้นในที่สุด และเปิดประตูออกตามคำวิงวอนของน้องสาว มีประกายแห่งชัยชนะอันรุ่มร้อนอยู่ในดวงตาเธอ และเธอก็เยื้องย่างด้วยท่าทีของเทวีแห่งชัยชนะโดยไม่รู้ตัว เธอโอบเอวน้องสาวไว้และเดินลงบันไดไปด้วยกัน ริชาร์ดยืนรอเธอทั้งสองอยู่เชิงบันได
มีคนกำลังใช้กุญแจเปิดประตูหน้า เป็นเบรนท์ลี มัลลาร์ดนั่นเอง เขาดูเหนื่อยล้าจากการเดินทางอยู่บ้าง ถือกระเป๋าและร่มอย่างปกติ เขาอยู่ไกลจากที่เกิดเหตุ และไม่ทราบเสียด้วยซ้ำว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เขายืนงงงันเมื่อได้ยินเสียงร้องกรีดของโจเซฟีน และได้เห็นริชาร์ดรีบถลาเข้ามาบังเขาไม่ให้ภรรยาได้เห็น
แต่ริชาร์ดก็ช้าเกินไป
เมื่อหมอมาถึงพวกเขาต่างกล่าวว่าเธอตายด้วยโรคหัวใจ... ด้วยความปีติที่คร่าชีวิต
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Kate Chopin เป็นหญิงสาวผู้ดีอเมริกันชาวใต้ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เป็นผู้หญิงอย่างที่เขาเรียกกันว่า Sounthern Belle ถ้านึกภาพไม่ออกก็นึกถึงวงสังคมของสการ์เล็ต โอฮาราในวิมานลอยนั่นแหละ
หลังกิจการครอบครัวล้มเหลวและสามีตาย โชแปงหาเลี้ยงตัวเองและลูก 6 คนด้วยการเขียนหนังสือขาย ได้ชื่อว่าเป็นนักเขียนแนวแสดงสีสันของท้องถิ่นที่มีชื่อพอสมควร เพราะแถบที่เธออยู่เป็นแถบวัฒนธรรมชาวเครโอลที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง คือเป็นวัฒนธรรมของชาวฝรั่งเศสอพยพ พูดภาษาที่มีรากมาจากภาษาฝรั่งเศส
แต่ชีวิตนักเขียนของโชแปงก็สะดุดลงเมื่อนวนิยายเรื่อง The Awakening ออกตีพิมพ์ เนื้อเรื่องกล่าวถึงหญิงสาวชาวใต้ที่เพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีความสุขในชีวิต เธอ "ตื่น" ขึ้นด้วยการมีชู้และทิ้งครอบครัวไป โชแปงถูกประณามอย่างรุนแรง หนังสือถูกแบน สมาคมศิลปะแห่งเซ็นหลุยส์เพิกถอนสมาชิกภาพของเธอ อีกห้าปีต่อมาเธอก็เสียชีวิต
The Awakening กลายเป็นหนังสือที่ถูกลืมอยู่กว่าครึ่งศตวรรษ จนกระทั่งขบวนการสตรีนิยมเฟื่องฟู จึงมีผู้กลับไป "ค้นพบ" ใหม่ในช่วงทศวรรษที่ 1960 ปัจจุบันกลายเป็นวรรณกรรมสำคัญของอเมริกา และของแนวเขียนแนววิจารณ์สตรีนิยม
มีแปลเป็นภาษาไทยแล้ว แต่อาจหาอ่านยากสักหน่อย เพราะจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
Create Date : 27 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 27 ตุลาคม 2550 11:08:39 น. |
|
3 comments
|
Counter : 917 Pageviews. |
|
|
|
โดย: อั๊งอังอา วันที่: 29 ตุลาคม 2550 เวลา:9:06:45 น. |
|
|
|
โดย: rebel วันที่: 30 ตุลาคม 2550 เวลา:22:08:48 น. |
|
|
|
|
|
|
the grinning cheshire cat
|
|
|
|
|
|
เราไม่สามารถ attach ไฟล์ทางเมลได้เลยตั้งแต่เมื่อคืน เน็ตมันหอยมากๆ ไม่รู้เป็นไร เซ็ง