ครั้งหนึ่งแมวถูกยกขึ้นเป็นเทพเจ้า และบัดนี้มันก็ยังไม่ลืมเรื่องนั้น (หึหึ //เลียอุ้งเท้า)
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
27 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
เพียงชั่วโมงหนึ่ง

เคท โชแปง เขียน


ด้วยทราบดีว่าคุณนายมัลลาร์ดนั้นป่วยด้วยโรคหัวใจ พวกเขาจึงระแวดระวังให้เธอทราบข่าวการเสียชีวิตของสามีด้วยความนุ่มนวลที่สุด

โจเซฟีน น้องสาวของเธอเป็นผู้แจ้งข่าวนี้ด้วยประโยคที่ไม่ปะติดปะต่อ ให้ความนัยที่คลุมเครือเปิดเผยออกเพียงครึ่งๆ ริชาร์ดผู้เป็นเพื่อนของสามีก็อยู่ใกล้ๆ เธอที่นั่นด้วย เขานั่นเองเป็นผู้อยู่ที่สำนักงานหนังสือพิมพ์เมื่อข่าวหายนะทางรถไฟนั้นมาถึง โดยมีชื่อของเบรนท์ลีย์ มัลลาร์ดอยู่เป็นชื่อแรกของบัญชีหัวข้อ “ผู้เสียชีวิต” เขายอมเสียเวลาเพียงรอยืนยันความจริงด้วยโทรเลขฉบับที่สอง และรีบเร่งมาเพื่อนำข่าวเศร้ามาบอกเธอก่อนมิตรผู้หย่อนความระมัดระวังกว่าคนอื่นๆ

เธอมิได้รับฟังเรื่องนี้เช่นหญิงคนอื่นๆ จะรับฟัง คือด้วยความตะลึงงันไม่อาจเข้าถึงความหมายของมันได้ เธอปล่อยอารมณ์ร่ำไห้อย่างรุนแรงไม่อาจยับยั้งในอ้อมแขนของน้องสาวในทันที เมื่อคลื่นแห่งความเศร้าโศกสงบลง เธอละกลับห้องไปเพียงลำพัง ปฏิเสธไม่ยอมให้ใครตามไป

ที่นั่นมีเก้าอี้เท้าแขนตัวใหญ่น่าสบายตั้งอยู่ หันหน้าไปทางหน้าต่างที่เปิดอ้า เธอทรุดตัวลงนั่ง เปลี้ยลงด้วยความอ่อนแอที่เกาะกินร่างกายและดูเหมือนกำลังซึมซาบเข้าสู่จิตใจ

นอกช่องว่างสี่เหลี่ยมนั้นเธอเห็นหมู่ยอดไม้ที่หน้าบ้านสั่นไหวด้วยชีวิตชีวาแห่งฤดูใบไม้ผลิที่มาเยือน เค้าฝนหอมหวานอยู่ในอากาศ ในถนนเบื้องล่างมีพ่อค้าเร่ร้องขายของอยู่ ท่วงทำนองของเพลงที่มีใครร้องอยู่ในที่ไกลๆ ดังแว่วให้เธอได้ยินอย่างเลือนราง และนกกระจอกนับจำนวนไม่ถ้วนกำลังส่งเสียงร้องอยู่ใต้ชายคา

เมื่อมองจากหน้าต่างห้องของเธอยังเห็นท้องฟ้าสีฟ้าปรากฏอยู่ที่นั่นที่นี่ระหว่างหมู่เมฆที่บรรจบและซ้อนทับกันในทิศตะวันตก

เธอนั่งหงายศีรษะพิงพนักนุ่มของเก้าอี้โดยแทบไม่เคลื่อนไหว เว้นแต่เมื่อคลื่นสะอื้นแล่นขึ้นมาตามลำคอและเขย่าร่างเธอ เหมือนเด็กน้อยที่ร้องไห้จนหลับไปที่ยังสะอื้นไห้อยู่ในความฝัน

เธอยังสาว มีใบหน้างามสงบ เส้นสายบนใบหน้าแสดงถึงความข่มกลั้นและแม้แต่ความแข็งแกร่ง แต่บัดนี้มีแววเลื่อนลอยไร้ชีวิตอยู่ในดวงตาเธอที่จ้องไปยังช่องฟ้าสีฟ้าที่ไกลตานั้น แต่แววตานั้นไม่ใช่การจมจ่อมคำนึง ดูบ่งถึงการจดจ่ออยู่กับการใช้สมองครุ่นคิดใคร่ครวญยิ่งกว่า

เหมือนมีบางอย่างเคลื่อนใกล้เข้ามาหาเธอ และเธอก็กำลังรอรับมันอย่างหวาดหวั่นใจ นั่นเป็นอะไรกันหรือ เธอเองก็ไม่ทราบ สิ่งนั้นเลือนรางลี้ลับเกินกว่าเธอจะระบุชื่อได้ แต่เธอรู้สึกแน่ว่ามันค่อยๆ ลงมาจากฟากฟ้า ค่อยๆ มาหาเธอผ่านทางสรรพสำเนียง ทางกลิ่นอายหอมหวน ทางสีสันที่ระบายอยู่ในอากาศ

ยามนี้ทรวงอกของเธอสะท้อนขึ้นลงอย่างรุนแรง เธอเริ่มจดจำสิ่งที่กำลังเข้ามายึดกุมใจเธอนี้ได้ และพยายามเต็มกำลังใจที่จะผลักดันมันกลับไป แต่ก็ด้วยความอ่อนแรงเช่นเดียวกับมือขาวเรียวยาวคู่นั้นเอง

เมื่อเธอยอมสยบแก่อารมณ์นั้น คำพูดแผ่วเบาคำหนึ่งก็หลุดรอดออกมาจากริมฝีปากที่เผยอน้อยๆ เธอกระซิบกระซาบคำนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า “เสรี! เสรี! เสรี!” แววว่างเปล่าและความหวาดหวั่นที่ตามหลังมาหายไปจากดวงตา คงเหลือแต่ความคมกล้าและสุกสว่าง ชีพจรเต้นถี่เร็ว ส่งกระแสโลหิตไปสร้างความอบอุ่นและผ่อนคลายทั่วทั้งร่างเธอ

เธอไม่ได้สงสัยรั้งรอเลยว่าสิ่งที่เกาะกุมเธออยู่นี้มิใช่ความยินดีอย่างท่วมท้น ความรู้สึกสัมผัสที่ชัดเจนและอิ่มเอมทำให้เธอปัดความคิดเช่นนั้นให้เป็นเรื่องไร้สาระ

เธอทราบดีว่าตนเองจะร่ำไห้อีกครั้งแน่เมื่อเห็นมือที่อ่อนโยนคู่นั้นประสานกันอยู่ในความตาย เห็นดวงหน้าที่ไม่เคยมองเธอโดยปราศจากความรักนั้นนิ่งขึงเป็นสีเทาไร้ชีวิต แต่เธอมองข้ามช่วงเวลาขมขื่นนั้นไปยังวันเวลาอันยาวนานเบื้องหน้าที่จะเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว และเธอก็ยินดีอ้าแขนโอบอุ้มช่วงเวลานั้นอย่างเต็มที่

จะไม่มีใครอยู่เพื่อเธอแล้วในวันเวลาที่กำลังจะมาถึงนี้ เธอจะอยู่เพื่อตัวเองเท่านั้น จะไม่มีความประสงค์แรงกล้าใดจะมาบิดผันความประสงค์ของเธอด้วยความดึงดันเช่นของเหล่ามนุษย์ชายหญิงที่เชื่อว่าตนมีสิทธิ์จะยัดเยียดความคิดของตนให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน จะด้วยความตั้งใจดีหรือความประสงค์ร้ายก็มิได้ทอนให้การกระทำนั้นเป็นอาชญากรรมน้อยลงเลยเมื่อเธอมองในเวลาอันกระจ่างใจเช่นนี้

แต่กระนั้นเธอก็รักเขา... ในบางขณะ มิใช่เสมอไปทุกขณะ แต่นั่นจะสำคัญอะไรเล่า รักซึ่งเป็นข้อปริศนาไม่รู้จบนั้นจะมีค่าอันใดเมื่อเผชิญกับความต้องการแสดงความคิดตนอย่างเปี่ยมล้นซึ่งเธอเพิ่งตระหนักในขณะนั้นว่าเป็นแรงผลักดันที่แข็งแกร่งที่สุดประจำชีวิตเธอ.

“เสรี! เสรีทั้งกายและใจ!” เธอกระซิบไม่ขาดปาก

โจเซฟีนคุกเข่าอยู่หน้าประตูที่ปิดสนิทนั้น ทาบริมฝีปากกับรูกุญแจ วอนขอเข้าไป “หลุยส์ เปิดประตูเถิดพี่ ฉันขอร้อง เปิดประตูเถิด พี่จะเจ็บไข้เอานะ นั่นพี่ทำอะไรอยู่น่ะหลุยส์ เห็นแก่พระเจ้า เปิดประตูเถอะ”

“อย่ามายุ่ง ฉันไม่เจ็บไม่ไข้อะไรหรอก” มิได้เลย เธอกำลังดื่มด่ำกับน้ำทิพย์แห่งชีวิตจากหน้าต่างที่เปิดอ้านั่นต่างหาก

ความคำนึงของเธอแล่นพล่านไปยังคืนวันข้างหน้า วันแห่งฤดูใบไม้ผลิ วันแห่งฤดูร้อน และทุกๆ วันที่เป็นของเธอแต่ผู้เดียว เธอนึกอธิษฐานอย่างฉับพลันว่าชีวิตนี้จงยืนยาว เพิ่งวานนี้เองที่เธอยังคิดด้วยความผวาว่าชีวิตนี้จะยาวเกินไป

เธอลุกขึ้นในที่สุด และเปิดประตูออกตามคำวิงวอนของน้องสาว มีประกายแห่งชัยชนะอันรุ่มร้อนอยู่ในดวงตาเธอ และเธอก็เยื้องย่างด้วยท่าทีของเทวีแห่งชัยชนะโดยไม่รู้ตัว เธอโอบเอวน้องสาวไว้และเดินลงบันไดไปด้วยกัน ริชาร์ดยืนรอเธอทั้งสองอยู่เชิงบันได

มีคนกำลังใช้กุญแจเปิดประตูหน้า เป็นเบรนท์ลี มัลลาร์ดนั่นเอง เขาดูเหนื่อยล้าจากการเดินทางอยู่บ้าง ถือกระเป๋าและร่มอย่างปกติ เขาอยู่ไกลจากที่เกิดเหตุ และไม่ทราบเสียด้วยซ้ำว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เขายืนงงงันเมื่อได้ยินเสียงร้องกรีดของโจเซฟีน และได้เห็นริชาร์ดรีบถลาเข้ามาบังเขาไม่ให้ภรรยาได้เห็น

แต่ริชาร์ดก็ช้าเกินไป

เมื่อหมอมาถึงพวกเขาต่างกล่าวว่าเธอตายด้วยโรคหัวใจ... ด้วยความปีติที่คร่าชีวิต



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket



Kate Chopin เป็นหญิงสาวผู้ดีอเมริกันชาวใต้ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เป็นผู้หญิงอย่างที่เขาเรียกกันว่า Sounthern Belle ถ้านึกภาพไม่ออกก็นึกถึงวงสังคมของสการ์เล็ต โอฮาราในวิมานลอยนั่นแหละ

หลังกิจการครอบครัวล้มเหลวและสามีตาย โชแปงหาเลี้ยงตัวเองและลูก 6 คนด้วยการเขียนหนังสือขาย ได้ชื่อว่าเป็นนักเขียนแนวแสดงสีสันของท้องถิ่นที่มีชื่อพอสมควร เพราะแถบที่เธออยู่เป็นแถบวัฒนธรรมชาวเครโอลที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง คือเป็นวัฒนธรรมของชาวฝรั่งเศสอพยพ พูดภาษาที่มีรากมาจากภาษาฝรั่งเศส

แต่ชีวิตนักเขียนของโชแปงก็สะดุดลงเมื่อนวนิยายเรื่อง The Awakening ออกตีพิมพ์ เนื้อเรื่องกล่าวถึงหญิงสาวชาวใต้ที่เพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีความสุขในชีวิต เธอ "ตื่น" ขึ้นด้วยการมีชู้และทิ้งครอบครัวไป โชแปงถูกประณามอย่างรุนแรง หนังสือถูกแบน สมาคมศิลปะแห่งเซ็นหลุยส์เพิกถอนสมาชิกภาพของเธอ อีกห้าปีต่อมาเธอก็เสียชีวิต

The Awakening กลายเป็นหนังสือที่ถูกลืมอยู่กว่าครึ่งศตวรรษ จนกระทั่งขบวนการสตรีนิยมเฟื่องฟู จึงมีผู้กลับไป "ค้นพบ" ใหม่ในช่วงทศวรรษที่ 1960 ปัจจุบันกลายเป็นวรรณกรรมสำคัญของอเมริกา และของแนวเขียนแนววิจารณ์สตรีนิยม

มีแปลเป็นภาษาไทยแล้ว แต่อาจหาอ่านยากสักหน่อย เพราะจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


Create Date : 27 ตุลาคม 2550
Last Update : 27 ตุลาคม 2550 11:08:39 น. 3 comments
Counter : 917 Pageviews.

 
แมว -- เจ้าจงเซฟภาพที่เจ้าต้องการไปก่อนเถิด
เราไม่สามารถ attach ไฟล์ทางเมลได้เลยตั้งแต่เมื่อคืน เน็ตมันหอยมากๆ ไม่รู้เป็นไร เซ็ง


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:20:49:26 น.  

 
ไม่มีเมล์ของแมว ส่งไปทางหลังไมค์แล้ว


โดย: อั๊งอังอา วันที่: 29 ตุลาคม 2550 เวลา:9:06:45 น.  

 
เรื่องนี้เคยอ่านตอนเรียน

ปล. ตกลงอีเมล์เขียนว่าไรอ่ะ มันอ่านไม่ได้ง่ะ


โดย: rebel วันที่: 30 ตุลาคม 2550 เวลา:22:08:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

the grinning cheshire cat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ปีศาจแมวอายุ 1,700 ปี บำเพ็ญตบะจนแปลงร่างเป็นคนได้ กำลังศึกษาวิถีชีวิตแบบมนุษย์ แต่รู้สึกว่ายากจัง เพราะยังคิดอะไรแบบแมวๆ อยู่เลย
Photobucket LMJ recommends


Photobucket
เต๋าแบบหมีพูห์ (The Tao of Pooh)
Benjamin Hoff เขียน
มนต์สวรรค์ จินดาแสง แปล
มติชน พิมพ์

หนังสือ Tao (หรือ Dao) spin-off ที่ไม่งี่เง่า และคนเขียนรู้จริงจริงๆ ทั้งเรื่องเต๋าและเรื่องหมี

Photobucket
ฅ.คน ฉบับ 41 มี.ค. 52

เจ้าหญิงพอลล่า:
หัวใจเธอมันน่ากราบ
กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง:
ยังไงปลาทูก็เจ๋งกว่าโรงถลุงเหล็ก
สัมภาษณ์อ. นิธิ เอียวศรีวงศ์:
ฉบับลำแต้ๆ

เมฆาสัญจร
เมฆาสัญจร (Cloud Atlas)
เดวิด มิทเชลล์ เขียน
จุฑามาศ แอนเนียน แปล
มติชน พิมพ์

เหนือคำบรรยาย (เพราะตัดสินใจเลือกคำบรรยายไม่ถูก ฮา)

ยูโทเปีย และ 1984
ยูทเปีย
เซอร์โธมัส มอร์ เขียน
สมบัติ จันทรวงศ์ แปล
1984
จอร์จ ออร์เวลล์ เขียน
รัศมี เผ่าเหลืองทอง
และ
อำนวยชัย ปฏิพัทธเผ่าพงษ์ แปล
สมมติ พิมพ์

หนังสือเปิดหูเปิดตาระดับตัวพ่อ แถมปกสวยระดับตัวแม่อีกต่างหาก โอ๊ว

เทพเจ้าแห่งสิ่งเล็กๆ
เทพเจ้าแห่งสิ่งเล็กๆ
(The God of Small Things)
อรุณธตี รอย เขียน
สดใส แปล
โครงการสรรพสาส์น
ของสำนักพิมพ์มูลนิธิเด็ก พิมพ์

เรื่องเล่าโค-ตะ-ระอัศจรรย์จากอินเดีย

นายธนาคารเพื่อคนจน
นายธนาคารเพื่อคนจน
โมฮัมหมัด ยูนุส เขียน
สฤณี อาชวานันทกุล แปล
มติชน พิมพ์

อัตชีวประวัติฉบับกึ่งสุขกึ่งเศร้า บางครั้งก็เกือบเคล้าน้ำตา ของหนุ่มนักเรียนนอก กับธนาคารหลังคามุงหญ้า (บานประตูก็ไม่มี) ของเขาและลูกศิษย์ ที่หาญกล้าพุ่งชนทุกอย่างเพื่อให้ผู้หญิงจนๆ จำนวนมากในบังคลาเทศยืนหยัดด้วยขาของตัวเองได้

(อันที่จริงเราควรจะแนะนำว่า นี่เป็นหนังสืออัตชีวประวัติของนักเศรษฐศาสตร์ที่แก้ปัญหาความยากจนในบังคลาเทศจนได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2006 แต่ม่ายอ่ะ ทำงั้นแล้วจะได้อะไร คุณจะรู้เหรอว่าหนังสือเล่มนี้ทั้งสนุกเป็นบ้าและ insightful ขนาดไหน กริๆ)



I'm reading




Potjy's currently-reading book recommendations, reviews, favorite quotes, book clubs, book trivia, book lists


100+ TBR 2010



2010 reading goal

Friends' blogs
[Add the grinning cheshire cat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.