ครั้งหนึ่งแมวถูกยกขึ้นเป็นเทพเจ้า และบัดนี้มันก็ยังไม่ลืมเรื่องนั้น (หึหึ //เลียอุ้งเท้า)
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
10 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
เรื่องของคุณหมอดูลิตเติ้ล (2)

บทที่สาม
ปัญหาการเงินอีกแล้ว

และไม่ช้าคุณหมอก็เริ่มหาเงินได้อีก และซาร่าห์พี่สาวของเขาก็ซื้อชุดใหม่ชุดหนึ่งและมีความสุขมาก สัตว์บางตัวที่มาหาเขาป่วยมากเสียจนต้องอยู่ที่บ้านคุณหมอเป็นอาทิตย์ และเมื่ออาการดีขึ้นพวกมันก็ชอบนั่งอยู่บนเก้าอี้บนสนามหญ้า

และหลายครั้งทีเดียวที่ถึงแม้จะหายแล้ว พวกมันก็ไม่อยากจะจากไป เพราะทุกตัวชอบคุณหมอและบ้านของเขามาก และเขาไม่เคยทำใจปฏิเสธได้เมื่อพวกมันถามว่าจะอยู่กับเขาได้หรือไม่เลย และดังนั้นเขาก็ยิ่งมีสัตว์เลี้ยงมากขึ้นและมากขึ้น

ครั้งหนึ่งเมื่อเขากำลังนั่งสูบไปป์บนกำแพงสวนในตอนเย็น เกิดมีคนเล่นหีบเพลงชาวอิตาเลียนคนหนึ่งเดินผ่านมา เขาถือเชือกผูกลิงตัวหนึ่งมาด้วย

คุณหมอมองเห็นทันทีว่าปลอกคอของลิงรัดแน่นเกินไป และมันก็สกปรกและไม่มีความสุขด้วย เขาจึงเอาลิงตัวนั้นมาจากชาวอิตาเลียน โดยให้เงินเขาไปหนึ่งชิลลิ่ง และบอกให้ไปเสีย คนเล่นหีบเพลงโกรธมาก บอกว่าจะเก็บลิงตัวนั้นไว้ แต่คุณหมอบอกว่าถ้าเขาไม่ยอมไปเป็นต้องโดนชกแน่ จอห์น ดูลิตเติ้ลเป็นคนแข็งแรงมาก ถึงแม้จะไม่ค่อยสูงนักก็ตาม ดังนั้นชาวอิตาเลียนจึงจากไปพร้อมกับคำพูดหยาบคาย ลิงตัวนั้นก็เลยอยู่กับคุณหมอดูลิตเติ้ล และได้มีบ้านดีๆ สัตว์ตัวอื่นในบ้านเรียกมันว่า “ชีชี” ซึ่งเป็นคำทั่วไปในภาษาลิง แปลว่า”ขิง”

และอีกครั้งหนึ่ง เมื่อคณะละครสัตว์มาที่พัดเดิลบี จระเข้ที่ปวดฟันขนาดหนักก็หนีออกมาในตอนกลางคืน และเข้ามาในสวนของคุณหมอ คุณหมอพูดกับมันเป็นภาษาจระเข้ พามันเข้ามาในบ้านและช่วยให้ฟันที่ปวดดีขึ้น แต่เมื่อจระเข้เห็นว่าบ้านหลังนี้น่าอยู่ขนาดไหน มีที่ต่างๆ ไว้ให้สัตว์แต่ละชนิด มันก็เกิดอยากจะอยู่กับคุณหมอขึ้นมาด้วย มันถามว่าขอนอนในบ่อเลี้ยงปลาที่ท้ายสวนไม่ได้หรือ มันสัญญาว่าจะไม่กินปลา พอคนจากคณะละครสัตว์จะมาเอาตัวมันกลับไป มันก็อาละวาดอย่างร้ายกาจจนขู่พวกนั้นกลัวกลับไปหมด แต่กับทุกๆ คนในบ้านแล้วมันจะอ่อนโยนราวกับลูกแมวเสมอทีเดียว

แต่ทีนี้บรรดาคุณสุภาพสตรีชราทั้งหลายก็เกิดกลัวที่จะส่งสุนัขตัวเล็กๆ ที่เลี้ยงไว้มาหาคุณหมอดูลิตเติ้ลเพราะเจ้าจระเข้นั่น และพวกชาวนาก็ไม่เชื่อว่ามันจะไม่กินลูกแกะและลูกวัวป่วยที่พวกเขาพามารักษา ดังนั้นคุณหมอจึงไปหาเจ้าจระเข้และบอกมันว่ามันต้องกลับไปหาคณะละครสัตว์แล้ว แต่มันก็ร้องไห้ออกมาเป็นน้ำตาหยดโต และวิงวอนขอให้หมออนุญาตให้อยู่ต่อไป คุณหมอก็เลยไม่อาจใจแข็งไล่มันออกไปได้

เมื่อเป็นเช่นนั้นพี่สาวของคุณหมอจึงมาพูดกับเขาว่า “จอห์น เธอต้องไล่เจ้านั่นออกไปนะ ตอนนี้พวกชาวนาและคุณผู้หญิงแก่ๆ กลัวจนไม่กล้าส่งสัตว์มาหาเธอแล้ว ทั้งที่เป็นเวลาที่เราเริ่มจะมีฐานะขึ้นมาอีกแท้ๆ คราวนี้เราต้องล่มจมกันหมดแน่ๆ นี่มันฟางเส้นสุดท้ายแล้วนะ ฉันจะไม่อยู่ดูแลบ้านให้เธออีกถ้าเธอไม่ยอมไล่เจ้าตะโขงนั่นออกไป”

“นั่นไม่ใช่ตะโขงนะครับ” คุณหมอพูด “เขาเป็นจระเข้”

“ฉันไม่สนว่าเธอจะเรียกมันว่าอะไร” พี่สาวเขาพูด “มันเป็นสิ่งร้ายกาจที่สุดถ้าไปเจออยู่ใต้เตียง ฉันจะไม่ยอมให้มันอยู่ในบ้านแน่”

“แต่เขาสัญญากับผมแล้วนะ” คุณหมอตอบ “ว่าเขาจะไม่กัดใครเลย เขาไม่ชอบคณะละครสัตว์ และผมก็ไม่มีเงินพอจะส่งเขากลับไปที่แอฟริกาบ้านเดิมของเขาด้วย เขาจัดการดูแลตัวเองได้ และดูๆ แล้วก็ทำตัวเรียบร้อยดีมาก พี่อย่าจู้จี้นักสิครับ”

“ฉันบอกเธอว่าฉันจะไม่ยอมให้มันอยู่แถวนี้” ซาร่าห์พูด “มันกินพรมน้ำมัน ถ้าเธอไม่เอามันออกไปในนาทีนี้ล่ะก็ ฉันจะ...ฉันจะไปแต่งงาน!”

“ก็ได้” คุณหมอพูด “พี่ไปแต่งงานเลย ช่วยไม่ได้นี่” ว่าแล้วเขาก็หยิบหมวกมาและเดินออกไปในสวน

ดังนั้นซาร่าห์ ดูลิตเติ้ลจึงเก็บข้าวของและจากไป และคุณหมอของเราก็ถูกทิ้งไว้ตามลำพังกับครอบครัวสัตว์ของเขา

และในไม่ช้าเขาก็ยากจนยิ่งกว่าที่เคยเป็นมาเสียอีก ในเมื่อมีปากมากมายต้องเลี้ยงดู มีบ้านต้องดูแล และไม่มีใครเป็นคนซ่อมแซมสิ่งต่างๆ แถมยังไม่มีเงินรายได้ไว้จ่ายคนขายเนื้ออีก ทุกอย่างก็ดูยากลำบากมากๆ แต่คุณหมอไม่กังวลเลยสักนิด

“เงินเป็นเรื่องน่ารำคาญ” เขาเคยพูดอย่างนั้น “เราคงจะดีกว่านี้มากถ้าไม่มีใครคิดประดิษฐ์มันขึ้นมาเลย เงินจะสำคัญตรงไหนล่ะ ตราบใดที่เรายังมีความสุขอยู่”

แต่ในไม่ช้าพวกสัตว์เองก็เริ่มเป็นกังวล และเย็นวันหนึ่งเมื่อคุณหมอกำลังนอนหลับอยู่บนเก้าอี้หน้าเตาผิงในครัว พวกมันก็เริ่มกระซิบกระซาบคุยกัน และทูทูนกฮูกที่ชำนาญทางเลขคณิตก็คำนวณออกมาว่ามีเงินเหลือพออยู่ได้อีกแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น โดยที่พวกมันต้องกินกันแค่วันละมื้อเดียวด้วย

แล้วนกแก้วก็พูดขึ้นว่า “ฉันคิดว่าพวกเราควรจะทำงานบ้านกันเอง อย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่เราทำได้ เพราะคิดกันจริงๆ แล้วที่พ่อเฒ่าต้องโดดเดี่ยวและยากจนอย่านี้ก็เป็นเพราะพวกเรา”

ดังนั้นจึงเป็นที่ตกลงกันว่าลิงชีชีจะทำหน้าที่ทำอาหารและซ่อมแซมสิ่งของ หมาจะกวาดพื้น ส่วนเป็ดจะปัดฝุ่นและทำเตียง นกฮูกทูทูจะทำบัญชี และหมูจะจัดการทำสวน ทุกตัวตั้งให้นกแก้วโพลินีเชียเป็นผู้ดูแลบ้านและซักรีด เพราะเธอเป็นผู้อาวุโสที่สุด

แน่นอนว่าในตอนแรกทุกตัวต้องรู้สึกว่างานใหม่ของตัวเป็นเรื่องยากมาก ทุกตัวยกเว้นชีชีที่มีมือและทำสิ่งต่างๆ ได้เหมือนคน แต่ไม่นานพวกมันก็เริ่มคุ้นเคย และต่างก็คิดว่าเป็นเรื่องสนุกที่ได้ดูเจ้าหมาจิพกวาดหางไปตามพื้นโดยมีผ้าขี้ริ้วผูกอยู่กับหางแทนไม้กวาดด้วย แล้วหลังจากนั้นไม่นานพวกมันก็ทำงานได้ดีมากจนคุณหมอพูดว่าบ้านของเขาไม่เคยมีระเบียบและสะอาดขนาดนี้มาก่อนเลย

ด้วยวิธีนี้ทุกสิ่งจึงเป็นไปได้ด้วยดีอยู่พักหนึ่ง แต่ทุกตัวก็รู้สึกว่าชีวิตยากมากเมื่อไม่มีเงิน

ถึงตอนนั้นพวกสัตว์ก็สร้างแผงผักและดอกไม้ที่หน้าประตูสวน และขายหัวผักกาดและดอกกุหลาบให้คนที่ผ่านไปมาบนถนน

ถึงกระนั้นก็ยังดูเหมือนว่าพวกมันหาเงินได้ไม่พอค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ดี แต่คุณหมอก็ยังไม่ยอมกังวล เมื่อนกแก้วไปบอกเขาว่าคนขายปลาไม่ยอมให้ปลาพวกมันอีกแล้ว เขาก็พูดว่า

“ไม่เป็นไรหรอก ตราบใดที่ไก่ยังออกไข่ และวัวยังให้นม เราก็ยังมีไข่เจียวกับเต้าหู้นมสดกินกันได้ แล้วก็ยังมีผักอยู่ในสวนตั้งเยอะแยะ ฤดูหนาวก็ยังอยู่อีกตั้งไกล อย่าเรื่องมากไปหน่อยเลย นั่นแหละปัญหาของซาร่าห์ เธอจู้จี้จุกจิกเหลือเกิน ฉันสงสัยว่าตอนนี้ซาร่าห์เป็นยังไงบ้างนะ เธอเป็นผู้หญิงที่แสนวิเศษทีเดียว ในบางเรื่องนะ นั่นแหละๆ!”

แต่หิมะก็มาถึงเร็วกว่าปกติในปีนั้น และถึงแม้ม้าแก่ขาเป๋จะลากไม้จากป่านอกเมืองมาให้มากมาย เพื่อจะได้มีไฟกองโตในครัว แต่ผักส่วนใหญ่ในสวนก็หมดไปแล้ว และที่เหลืออยู่ก็ถูกหิมะปกคลุม และสัตว์ส่วนใหญ่ก็หิวกันมากจริงๆ


บทที่สี่
ข่าวจากแอฟริกา

ฤดูหนาวปีนั้นหนาวมากเหลือเกิน และอยู่มาคืนหนึ่งในเดือนธันวาคม ตอนที่สัตว์ทุกตัวนั่งล้อมรอบกองไฟอุ่นๆ อยู่ในครัว และคุณหมอกำลังอ่านหนังสือที่เขาเขียนขึ้นเองเป็นภาษาสัตว์ดังๆ ให้ทุกตัวฟังอยู่นั้น จู่ๆ นกฮูกทูทูก็พูดขึ้นมาว่า

“ชู่ว์! นั่นเสียงอะไรข้างนอกน่ะ”

ทั้งหมดพากันเงี่ยหูฟัง และไม่ช้าก็ได้ยินเสียงใครกำลังวิ่งอยู่ แล้วประตูก็เปิดออก และลิงชีฃีก็วิ่งเข้ามา หายใจหายคอแทบไม่ทัน

“คุณหมอครับ!” มันร้อง “ผมเพิ่งได้ข่าวจากญาติของผมที่แอฟริกา เกิดมีความเจ็บป่วยอย่างหนักขึ้นในหมู่ลิงที่นั่น ทุกตัวไม่สบายกันหมด และมีลิงตายไปเป็นร้อยๆ พวกเขาได้ยินชื่อเสียงของหมอ และขอให้หมอไปที่แอฟริกาเพื่อหยุดโรคนั้น”

“ใครนำข่าวมาล่ะ” คุณหมอถามพลางถอดแว่นและวางหนังสือลง

“นกนางแอ่นตัวหนึ่งครับ” ชีชีพูด “เธออยู่ที่มุมรางน้ำฝนข้างนอก”

“พาเธอเข้ามาผิงไฟซิ” คุณหมอพูด “เธอต้องหนาวแย่แล้ว นกนางแอ่นบินไปทางใต้ตั้งแต่เมื่อหกอาทิตย์มาแล้วนี่!”

ดังนั้นนกนางแอ่นจึงถูกพาเข้ามา ตัวขดกลมและสั่นสะท้าน และถึงแม้จะกลัวอยู่บ้างในตอนแรก แต่ไม่นานมันก็อบอุ่นขึ้นและนั่งอยู่ที่ขอบชั้นเหนือเตาผิงและเริ่มพูด

พอมันเล่าจบคุณหมอก็พูดว่า

“ฉันยินดีอย่างยิ่งที่จะไปแอฟริกา โดยเฉพาะในอากาศหนาวขนาดนี้ แต่ฉันเกรงว่าเราจะไม่มีเงินเหลือพอจะซื้อตั๋วได้น่ะสิ เอากล่องเก็บเงินมาให้หน่อยสิชีชี”

เจ้าลิงก็เลยปีนขึ้นไปเอามันลงมาจากชั้นบนสุดของตู้ถ้วยชาม

แต่ไม่มีอะไรในนั้นเลย ไม่มีแม้แต่เพนนีเดียว!

“ฉันแน่ใจว่าเรามีเหลืออยู่อีกสองเพนนีนะ” คุณหมอว่า

เคยมีครับ” นกฮูกพูด “แต่หมอใช้มันซื้อลูกเขย่าให้ลูกแบดเจอร์ตัวที่ฟันกำลังขึ้นไปแล้วครับ”
“งั้นรึ?” คุณหมอพูด “ตายจริง ตายจริง! เงินนี่ช่างเป็นเรื่องน่ารำคาญเหลือเกิน จริงๆ ด้วย! เอาล่ะ ไม่เป็นไร บางทีถ้าไปที่ชายทะเลฉันอาจจะยืมเรือที่จะพาเราไปแอฟริกาได้สักลำ ฉันรู้จักกลาสีที่เคยพาลูกแบเบาะมาหาฉันเพราะเป็นโรคหัดอยู่คนหนึ่ง บางทีเขาอาจจะยอมให้เรายืมเรือก็ได้ เพราะเด็กคนนั้นหายดี”

ดังนั้นเช้าตรู่วันรุ่งขึ้นคุณหมอจึงไปที่ชายทะเล และพอกลับมาเขาก็บอกพวกสัตว์ว่าทุกอย่างเรียบร้อย กลาสีจะให้พวกเขายืมเรือ

เมื่อนั้นจระเข้และลิงและนกแก้วก็ดีใจมากและเริ่มร้องเพลง เพราะพวกมันกำลังจะได้กลับไปแอฟริกา ซึ่งเป็นบ้านที่แท้จริงของมัน และคุณหมอก็พูดว่า

“ฉันจะพาไปได้แค่เธอทั้งสามคน กับหมาจิพ เป็ดแด๊บแด๊บ หมูกั๊บกั๊บ และนกฮูกทูทูเท่านั้นนะ ส่วนสัตว์ที่เหลืออย่างดอร์เมาส์ หนูน้ำ และค้างคาวต้องกลับไปอยู่ในทุ่งบ้านเกิดจนกว่าเราจะกลับมาบ้านอีกครั้ง แต่ในเมื่อพวกเขาส่วนใหญ่หลับตลอดฤดูหนาวอยู่แล้ว ก็คงจะไม่ว่าอะไรมากนักหรอก และนอกจากนั้นการไปแอฟริกาก็จะไม่ดีกับพวกเขาด้วย”

ดังนั้นนกแก้ว ผู้ซึ่งเคยร่วมเดินทางไกลในทะเลมากอ่น ก็เริ่มบอกคุณหมอว่าเขาต้องเอาอะไรไปกับเรือด้วยบ้าง

“หมอต้องมีขนมปังทะเลไปมากๆ” มันพูด “’ตะปูแข็ง’ เขาเรียกกันอย่างนั้น และหมอก็ต้องมีเนื้อวัวในกระป๋องไปมากๆ แล้วก็สมออันหนึ่งด้วย”

“ฉันว่าเรือนั่นน่าจะมีสมอของมันเองนะ” คุณหมอพูด

“ก็ต้องแน่ใจนะคะ” โพลินีเชียพูด “เพราะมันสำคัญมาก เราจะหยุดไม่ได้เลยถ้าเราไม่มีสมอ และหมอก็ต้องมีระฆังใบหนึ่งด้วย”

“เอาไว้ทำไมหรือ” คุณหมอถาม

“เอาไว้บอกเวลาค่ะ” นกแก้วพูด “เราต้องตีมันทุกครึ่งชั่วโมง แล้วเราก็จะรู้ว่าเป็นเวลาเท่าไหร่แล้ว แล้วก็ต้องเอาเชือกไปเยอะๆ ด้วย มันมีประโยชน์เสมอเวลาเดินทาง”

แล้วจากนั้นพวกเขาก็เริ่มคิดว่าจะไปหาเงินจากไหนมาซื้อของที่ต้องใช้

“โอย น่าเบื่อจริง! เงินอีกแล้ว” คุณหมอร้อง “นี่แน่ะ! ฉันจะดีใจมากเลยถ้าได้ไปแอฟริกาที่เราไม่จำเป็นต้องมีเงินน่ะ! ฉันจะไปถามคนขายของชำดูนะว่าเขาจะรอเก็บเงินตอนที่ฉันกลับมาได้หรือเปล่า ...ไม่เอา ฉันจะส่งกลาสีไปถามเขาดีกว่า”

ดังนั้นกลาสีก็เลยไปหาคนขายของชำ และไม่ช้าก็กลับมาพร้อมด้วยของทุกอย่างที่ต้องการ

พวกสัตว์ก็เลยพากันเก็บข้าวของ และหลังจากปิดน้ำเพื่อไม่ให้น้ำในท่อแข็งจนท่อแตก และปิดหน้าต่างแล้ว พวกมันก็ปิดบ้านและเอากุญแจให้ม้าแก่ที่พักอยู่ในคอกม้า และเมื่อเห็นว่ามีฟางอยู่ในห้องใต้หลังคาพอให้ม้าอยู่ไปตลอดฤดูหนาวแล้ว ทุกตัวก็ขนข้าวของทั้งหมดไปที่ชายทะเลและขึ้นไปบนเรือ

คนขายเศษเนื้ออยู่ส่งคุณหมอและสัตว์ทุกตัวที่นั่น และเอาพุดดิ้งไขมันวัวอันใหญ่มาเป็นของขวัญให้คุณหมอด้วย เขาบอกว่าเขาได้ยินมาว่าจะหาพุดดิ้งไขมันวัวในต่างแดนไม่ได้เลย

ทันทีที่ขึ้นไปบนเรือ หมูกั๊บกั๊บก็ถามทันทีว่าเตียงอยู่ที่ไหน เพราะเป็นเวลาบ่ายสี่โมงแล้ว และมันต้องงีบ โพลินีเชียก็เลยพามันลงไปข้างล่างในลำตัวเรือและให้ดูเตียงที่ตั้งชิดผนังและเรียงซ้อนกันขึ้นไปข้างบนเหมือนตู้หนังสือ

“อะไรกัน นี่ไม่ใช่เตียงเสียหน่อย!” กั๊บกั๊บร้อง “มันเป็นชั้นต่างหาก!”

“เตียงในเรือเป็นอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ” นกแก้วพูด “มันไม่ใช่ชั้นนะ ปีนขึ้นไปแล้วหลับเสีย มันเรียกว่า ‘บังค์’ “

“ฉันว่าฉันยังไม่นอนตอนนี้ดีกว่า” กั๊บกั๊บพูด “ฉันตื่นเต้นเกินไป ฉันอยากจะขึ้นไปชั้นบนอีกแล้วดูทุกคนเริ่มเดินทาง”

“ก็ มันเป็นการเดินทางครั้งแรกของเธอนี่นะ” โพลินีเชียพูด “สักพักเธอก็จะปรับตัวไปได้เอง” แล้วมันก็กลับขึ้นบันไดเรือพลางฮัมเพลงนี้กับตัวเองไปด้วย

ฉันเคยเห็นทะเลดำและทะเลแดง
เคยแล่นเรือรอบเกาะไวท์
ฉันค้นพบแม่น้ำเหลือง
และแม่น้ำส้มด้วยในยามค่ำคืน
ตอนนี้กรีนแลนด์เลื่อนลับไปไกลอีกแล้ว
และฉันก็เห็นมหาสมุทรสีฟ้า
ฉันเบื่อสีสันพวกนี้แล้วเจน
ฉันจึงกลับมาหาเธออีกครา


เพิ่งจะเริ่มต้นออกเดินทาง คุณหมอก็พูดขึ้นว่าเขาต้องกลับไปถามทางไปแอฟริกาจากกลาสี

แต่นกนางแอ่นบอกว่ามันเคยไปที่นั่นมาหลายครั้งแล้ว และจะบอกทางให้ว่าจะไปได้อย่างไร

ดังนั้นคุณหมอจึงบอกให้ชีชีถอนสมอ แล้วการเดินทางก็เริ่มขึ้น



Create Date : 10 สิงหาคม 2551
Last Update : 10 สิงหาคม 2551 10:55:11 น. 6 comments
Counter : 521 Pageviews.

 
ตามอ่านครับ


โดย: เหมียวออก้า (orcahappy ) วันที่: 10 สิงหาคม 2551 เวลา:11:04:34 น.  

 


โดย: boyblackcat วันที่: 10 สิงหาคม 2551 เวลา:11:04:54 น.  

 

เข้ามาอ่านจ้า


โดย: นิยายสับปะรด วันที่: 10 สิงหาคม 2551 เวลา:18:26:10 น.  

 
โอ้...อยากอ่านแต่คอมช้ามากๆ ไว้เดี๋ยวเอาคอมตัวเร็วมาอ่านค่ะ(ขอแปะไว้ก่อน)


โดย: Nontagorn วันที่: 10 สิงหาคม 2551 เวลา:19:20:27 น.  

 
เย้ เย้ เย้
ออกเรือแล้ว


โดย: Guga IP: 58.8.104.110 วันที่: 12 สิงหาคม 2551 เวลา:9:16:52 น.  

 
ไม่ได้อ่านตอนหนึ่งเลยงงๆ
เจ้าแปลมาจากเล่มไหนยังไงเนี่ย เดี๋ยวลองไปอ่านตอนหนึ่งก่อน เผื่อบอกไว้



พบว่านักกีฬาชายยังใส่ชุดว่ายน้ำแบบเดิมๆ แข่งอยู่ กริกริ เอิ๊ก มีฟามสุขฟ่ะ
^
^
หมายฟามว่าอย่างไรไม่ทราบยะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 13 สิงหาคม 2551 เวลา:15:22:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

the grinning cheshire cat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




ปีศาจแมวอายุ 1,700 ปี บำเพ็ญตบะจนแปลงร่างเป็นคนได้ กำลังศึกษาวิถีชีวิตแบบมนุษย์ แต่รู้สึกว่ายากจัง เพราะยังคิดอะไรแบบแมวๆ อยู่เลย
Photobucket LMJ recommends


Photobucket
เต๋าแบบหมีพูห์ (The Tao of Pooh)
Benjamin Hoff เขียน
มนต์สวรรค์ จินดาแสง แปล
มติชน พิมพ์

หนังสือ Tao (หรือ Dao) spin-off ที่ไม่งี่เง่า และคนเขียนรู้จริงจริงๆ ทั้งเรื่องเต๋าและเรื่องหมี

Photobucket
ฅ.คน ฉบับ 41 มี.ค. 52

เจ้าหญิงพอลล่า:
หัวใจเธอมันน่ากราบ
กลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง:
ยังไงปลาทูก็เจ๋งกว่าโรงถลุงเหล็ก
สัมภาษณ์อ. นิธิ เอียวศรีวงศ์:
ฉบับลำแต้ๆ

เมฆาสัญจร
เมฆาสัญจร (Cloud Atlas)
เดวิด มิทเชลล์ เขียน
จุฑามาศ แอนเนียน แปล
มติชน พิมพ์

เหนือคำบรรยาย (เพราะตัดสินใจเลือกคำบรรยายไม่ถูก ฮา)

ยูโทเปีย และ 1984
ยูทเปีย
เซอร์โธมัส มอร์ เขียน
สมบัติ จันทรวงศ์ แปล
1984
จอร์จ ออร์เวลล์ เขียน
รัศมี เผ่าเหลืองทอง
และ
อำนวยชัย ปฏิพัทธเผ่าพงษ์ แปล
สมมติ พิมพ์

หนังสือเปิดหูเปิดตาระดับตัวพ่อ แถมปกสวยระดับตัวแม่อีกต่างหาก โอ๊ว

เทพเจ้าแห่งสิ่งเล็กๆ
เทพเจ้าแห่งสิ่งเล็กๆ
(The God of Small Things)
อรุณธตี รอย เขียน
สดใส แปล
โครงการสรรพสาส์น
ของสำนักพิมพ์มูลนิธิเด็ก พิมพ์

เรื่องเล่าโค-ตะ-ระอัศจรรย์จากอินเดีย

นายธนาคารเพื่อคนจน
นายธนาคารเพื่อคนจน
โมฮัมหมัด ยูนุส เขียน
สฤณี อาชวานันทกุล แปล
มติชน พิมพ์

อัตชีวประวัติฉบับกึ่งสุขกึ่งเศร้า บางครั้งก็เกือบเคล้าน้ำตา ของหนุ่มนักเรียนนอก กับธนาคารหลังคามุงหญ้า (บานประตูก็ไม่มี) ของเขาและลูกศิษย์ ที่หาญกล้าพุ่งชนทุกอย่างเพื่อให้ผู้หญิงจนๆ จำนวนมากในบังคลาเทศยืนหยัดด้วยขาของตัวเองได้

(อันที่จริงเราควรจะแนะนำว่า นี่เป็นหนังสืออัตชีวประวัติของนักเศรษฐศาสตร์ที่แก้ปัญหาความยากจนในบังคลาเทศจนได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2006 แต่ม่ายอ่ะ ทำงั้นแล้วจะได้อะไร คุณจะรู้เหรอว่าหนังสือเล่มนี้ทั้งสนุกเป็นบ้าและ insightful ขนาดไหน กริๆ)



I'm reading




Potjy's currently-reading book recommendations, reviews, favorite quotes, book clubs, book trivia, book lists


100+ TBR 2010



2010 reading goal

Friends' blogs
[Add the grinning cheshire cat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.