Let's take a break @ PhUkEt and PhiPhi IsLaNd

Let's take a break @ PhUkEt and PhiPhi IsLaNd





ทริปนี้เราและผองเพื่อนไปเที่ยวมาเมื่อเดือนที่แล้ว แต่เพิ่งมีเวลามาเขียนบล็อก (อ้างตลอด ^^")
จุดเริ่มต้นมันมาจากโปรฯลดราคาของAirasia
คือเราไม่เชื่อว่ามันจะมีโปรที่ราคาประหยัดจริงๆ น่าจะบวกค่านู่นค่านี่ไปอีกโข ก็เลยอยากจะลองซื้อดู
แล้วทำไปทำมาไปลงที่ภูเก็ตได้ไงไม่รู้ จองตั๋วต้นปี ได้flightซะปลายปีเลย
ไป-กลับ กทม.-ภูเก็ต ราคาไม่ถึงพัน มันยั่วยวนใจจริงๆ







โฉมหน้าผู้ร่วมทริป





Fri 28/10/11

Departure time: 10.40
Arrival Time: 12.10

เครื่องดีเลย์ด้วย พอไปถึงสนามบินภูเก็ตก็เกือบๆบ่ายโมงแล้ว ก็มีรถของรีสอร์ทมารับ
ทริปนี้3วัน2คืน เราพักที่ At Panta Resort ทั้งสองคืนเลย (ซื้อvoucherจากensogoมา รวม Breakfast)
โรงแรมอยู่ตรงถนนเทพกษัตรี ห่างจากสนามบินประมาณ20กิโล

โดยรวมแล้วชอบรีสอร์ทนี้มาก พนักงานบริการดี ไม่เรื่องมาก (ขออุปกรณ์อะไรเพิ่มก็เอามาให้หมด ไม่คิดตังด้วย)
บรรยากาศไทยๆ(แขกชาวต่างชาติแทบทั้งนั้นเลย) ทั้งสถาปัตยกรรม, การตกแต่ง และอะไรต่อมิอะไร งามมากๆ

แถมน้องแมวก็น่ารักถูกใจมาก มันเป็นแมวสามสีดูเป็นแมวผู้ดีมากๆ เชิดๆหยิ่งๆหุ่นผอมเพรียวสง่ามาก หลงรักเลย





สรุปว่า เทียบกับราคาคืนละ1400/2คนแล้วเราว่าที่พักนี้ไม่แพงมาก (แต่ก็แพงสำหรับคนถึงแตกอย่างเรา ฮ่าๆ)

ว่าแล้วก็รีวิวห้องพักซักหน่อยดีกว่า ไปดูกันเล้ยยย


ห้องพักคือวิมานของเรา




หน้าบ้าน




เตียงนอนแสนอุ่น





มีตั่ง+หมอนอิงด้วย แต่เอาไว้วางของเฉยๆ




TV+ตู้เย็น




ห้องน้ำ ^^




พร้อมกระติกน้ำร้อน ไดร์เป่าผม ผ้าเช็ดตัว เสื้อคลุมอาบน้ำ รองเท้า ครบครันทุกอย่างเลย
รีสอร์ทมีจักรยานให้ยืมปั่นฟรีด้วย น่ารักมากๆอะ แต่ไม่รู้จะปั่นไปไหนเลยไม่ได้ใช้บริการ





Smiley Smiley Smiley


พอ check in เสร็จเรียบร้อย ก็ตรวจสอบรถตรวจสอบสัญญา กับบริษัทรถเช่า(Budget)ที่นัดมาที่รีสอร์ทเลย(ซึ่งเราไม่ยุ่งเกี่ยว ให้หนุ่มๆดู)
พี่คนที่ขับรถไมรับที่สนามบิน ก็พอไปเลือกทัวร์ดำน้ำ
ที่ๆเค้าพาไป ก็เป็นเหมือนบริษัทนายหน้าของทัวร์ดำน้ำอีกทีนึง เจ๊แกก็แนะนำนู่นนี่มากมาย


สรุปว่า ซื้อทัวร์ไปเกาะพีพี กับ General Tour (เจ๊แกบอกว่าเป็นทัวร์ชั้นดี - -" ซึ่งจริงๆเหมือนจะไม่)
โบรชัวร์บอกว่า มีไป เกาะพีพีเล เกาะพีพีดอน และเกาะไข่
สถานที่ก็มี อ่าวมาหยา(relax), Monkey Beach(มีลิงอยู่ ไปให้อาหารมันได้), Viking Cave(มีเลี้ยงนกเอารังนก), เกาะไข่(ให้เลี้ยงอาหารปลา)
และดำน้ำอีก3ที่
ต่อรองราคาแล้ว ได้คนละ1600 (ถึงกับซีด -0-")


หิวกันจนไส้จะขาด แถมภูเก็ตนี่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งอาหาร ก็เลยเข้าเมืองไปหาของกิน
ไปกินกันที่ร้านหมี่ต้นโพธิ์ น้อยScience เป็นคนหาร้านมา
ร้านอยู่ตรงถนนภูเก็ต ใกล้ๆวงเวียนสุรินทร์




ตอนแรกก็ไม่เข้าใจว่าต้องถ่อมาถึงภูเก็ตเพื่อกินหมี่เนี่ยนะ แต่พอเห็นป้ายชื่อร้านแล้วรู้สึกกระตือรือร้นที่จะกินขึ้นมาทันที
"มาภูเก็ตทั้งที ไม่กินหมี่ต้นโพธิ์ได้งัย" แต่ว่า...พี่คะ "ไง" ไม่ใช่ "งัย" นะคะพี่




อาหารขึ้นชื่อของร้านนี้คือ ผัดหมี่ฮ่องกง แต่เราสั่งหมี่ผัดขี้เมามา (ไม่อยากสั่งซ้ำ อิอิ)




แล้วก็สั่งทอดมันมากิน 10ลูกจิ๋ว 30บาท แพงมาก แต่อร่อยดี เค้าทอดจนมันกรอบนอกนุ่มในเลยอะ




คือมาถึงร้านก็ประมาณ4โมงเย็นได้ กินเสร็จก็เกือบ5โมง เป้าหมายต่อไปคือ...แหลมพรหมเทพ!!!






อนิจจา...เหลือเวลาเท่าใดให้พวกข้าและผองเพื่อนยุรยาตรไปถึงที่นั่นเล่า ต้องเร่งรีบเสียแล้ว

แต่ว่ามันรีบไม่ค่อยจะได้ ถนนในตัวเมืองภูเก็ตมันแคบ และมีแยกไฟแดงเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ออกจากตัวเมือง ลงใต้จะไปแหลมพรหมเทพ ผ่านไฟแดงไม่ต่ำกว่า 10-20 อัน หงุดหงิดมาก
และทุกคนดูเหมือนจะดำเนินชีวิตอย่างสงบ เรียบง่าย ไม่เร่งรีบ
...แต่หนูจะไปดูพระอาทิตย์ตกดินนะคะ เห็นใจหนูหน่อยเถอะ!!!




กว่าจะไปถึงตรงแหลมพรหมเทพ ท้องฟ้าก็เป็นสีม่วงไปเรียบร้อยแล้ว และคนก็ทยอยเดินลงมาจากเนิน เห้อ!
แต่ไหนๆก็มาถึงแล้ว ขอมองหน่อย ตรงไหนนะ...แหลมพรหมเทพพพพพพพพพพพ





หามุมถ่ายรูปยากจริงๆ ส่องไปแล้วติดต้นไม่ไปหมดเลย ถ้ายกสูงก็จะไม่เห็นแหลม ถ้าจะเห็นแหลมก็ติดต้นไม้ ฮ่วย
เราใช้เวลาอยู่ตรงนั้นนานเหมือนกัน เอาให้คุ้มที่อุตส่าห์ฝ่าฟันการจราจรมาเพื่อพบพระอาทิตย์ลับของฟ้าไปแล้ว T_T


จนท้องฟ้ามืดสนิท เราค่อยเดินทางออกมา ไปหาข้าวกิน (ได้ข่าวว่าเพิ่งกินหมี่มาก่อนหน้านี้ไม่ใช่รึ - -" ก็มันคนละมื้อนี่นา)





แต่มันก็ยังเหมือนมีอะไรค้างคาในใจนะ มาถึงภูเก็ต แต่ยังไม่เห็นพระอาทิตย์ตกท้ายสุดของสยาม ณ แหลมพรหมเทพ
ซักวันหนึ่งในอนาคตข้างหน้า เราจะมาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่ให้ได้เลย แล้วเจอกันนะ...ภูเก็ต





ขากลับขับรถเส้นเลียบหาด (ไม่กลับเส้นผ่านเมืองแล่ว งอน!!)
ผ่านหาดกะตะ หาดกะรน หาดป่าตอง ... พอดีเห็นฝรั่งเยอะดี เลยว่าจะหาร้านอาหารทะเลกินแถวหาดป่าตองเนี่ยแหละ
ถนนตรงนั้นเป็น one way ก็เลยขับไปเรื่อยๆ จนจะสุดถนนอยู่แล้ว เลยตัดสินใจจอดรถแล้วเดินหาเอา
แล้วก็เจอร้านแบบที่ต้องการจนได้ แต่บอกไม่ถูกว่าอยู่ตรงไหน ฮ่าๆ
เป็นร้านอาหารทะเลริมหาดเลย แบบว่านั่งเท้าติดทรายเลย ใกล้มากๆ ร้านอยู่แถวๆเซเว่นอะ (ก็ไม่รู้อีกว่ามีกี่เซเว่น)
พอสั่งอาหารแล้วก็ไปเดินทะเลเล่น รู้สึกดีมากๆ มาภูเก็ตตั้งวันนึงแล้วในที่สุดก็ได้แตะทะเล


ตอนไปเสม็ดคิดว่าเกิดมาไม่เคยเจอทะเล หาดทรายสวย น้ำใสเท่านี้มาก่อน พอมาภูเก็ตแล้วเปลี่ยนใจเลย
แค่ชายหาดตรงร้านอาหาร ทรายยังนุ่มมากๆเลย ชอบ :)
แต่สังเกตได้อย่างนึงอะ ว่าคลื่นลมจะเรียบมากๆเลย คือพัดเข้ามาพร้อมกันทั้งแนวหาดเลย ไม่ได้เป็นคลื่นสั้นๆสลับกันพัดเข้ามา
ไม่รู้ว่าเป็นลักษณะเฉพาะของท้องที่ หรือว่าเกี่ยวกับคลื่นลมในช่วงนั้นอะนะ (ใครรู้บอกหนูทีนะคะ)
เดินเล่นซักพักอาหารก็มาถึง



จานแรก...หมึกมะนาว ชอบมากๆโดยเฉพาะสับปะรด มันเข้ากันได้ดีจริงๆ ^^




ต้มยำรวมมิตรน้ำข้น




กุ้งเผาตัวโต๊โต ^^




ปลาทอดน้ำปลา (ไม่น่ากินเท่าที่จินตนาการไว้เลย แต่ก็อร่อยดีนะ ;P)



ค่าเสียหายมื้อนี้ 1100 บาท ไม่ถูกไม่แพงนะ ชอบเลยเพราะว่าบรรยากาศดีมากๆ ไม่คิดว่าจะได้มานั่งใกล้หาดขนาดนี้
เสร็จแล้วก็ดิ่งตรงกลับที่พัก เตรียมตัวกับทริปวันรุ่งขึ้น








Sat 29/10/11

ตื่นแต่เช้า กินอาหารเช้าของโรงแรม แล้วก็เตรียมตัวไปเกาะพีพีกันดีกว่า ^^

จริงๆในทัวร์บอกไว้ว่าจะมารับถึงโรงแรม แล้วทำไปทำมา เค้าบอกว่าโรงแรมเราไกล เลยนัดเจอกันที่ร้านเอเย่นทัวร์
พอไปถึงปุ๊บ เค้าดันบอกว่าให้ขับรถตามไปที่ท่าเรือเลย จะได้กลับง่ายๆ (เราก็งงนะ ว่ามันมีง่ายยากด้วยเหรอ ถ้าเค้าขับกลับมาส่งที่ร้านเอเย่นน่ะ ฟังดูแหม่งๆไหม)
แต่ก็เอาเถอะ เราไปเลท ฮ่าๆ เลยไม่ได้บ่นอะไร




ท่าเรือที่จะไปขึ้นspeedboatอยู่ตรงลากูน่า (คล้ายๆกับย่านคนรวยน่ะ มีทั้งบ้าน ทั้งร้านอาหาร สปา ทัวร์)
โห แบบว่าสวยมากๆเลย เห็นเรือเป็นร้อยอะ เรือแพงๆทั้งนั้นด้วย อยากจะแอบเก็บใส่กระเป๋ากลับบ้านซักลำสองลำ พอดีทะเลสาบที่บ้านเพิ่งขยาย ฮ่าๆ






เวลาขึ้นเรือ เก้าโมง
ก่อนลงเรือ ไกด์ก็briefตารางคร่าวๆให้ฟัง ฟังบ้างไม่ฟังบ้างเพราะแดดร้อนมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ดีที่เอาผ้ามาจากรีสอร์มา พอกันร้อนได้หน่อย


นั่งเรือ speed boat ไป หัวเหอกระจุยไปหมด แถมนั่งผิดฝั่งเจอฝั่งที่โดนแดดด้วย เลยเซ็งเลย



ประชากรร่วมทริปมีประมาณ40คนได้ (ไหนตอนแรกเจ๊เอเย่นบอกว่า25คนไงฟระ เหอๆ)
เป็นชาวต่างชาติซะเยอะ ฝรั่ง+เอเชีย ถือเป็นอาหารตาชั้นเลิศเลยทีเดียว ถ้าไม่ติดว่าเค้ามากันเป็นคู่อะนะ
ที่แรกที่จะไปคือ อ่าวมาหยา ตรงเกาะพีพีเล ใช้เวลาประมาณ1ชั่วโมง
แต่พอนั่งตากแดดไปซักพัก โห ตอนแรกมาเป็นเม็ด ตอนหลังัเห็นเป็นดงเลย
ฝนนั่นเอง เล่นเอาเซ็งมากเลย ฝนตกยังพอว่า นึกว่าตกนิดหน่อย แต่มองขึ้นฟ้านี่ดำมืดเลย





แต่ก็แปลกอีก เหมือนมันมีแต่เมฆดงนั้น(เมฆเรียกเป็นดงเหรอ - -") พอผ่านไปก็มีแดดออก ในชื้นขึ้นหน่อย


>>>



จนเราไปถึงจุดหมายแรก อย่างฟ้าสดใส เย้ๆ



เห็นแล้วอยากจะกรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ดังๆ สวยมากๆเลยยยยยยยยยยยยยยย
คือไม่เคยเห็นน้ำทะเลใสแบบนี้มาก่อน
ไม่เคยเห็นหาดทรายขาวแบบนี้มาก่อน
ไม่เคยสัมผัสทรายนุ่มละเอียดแบบนี้มาก่อน
แถมท้องฟ้าก็สีฟ้าใสอีก Everything is perfect!

Except... people!!!
คนเยอะมากกกกกก ยังกะเปิดให้เที่ยวฟรีแหนะ
เออใช่ พูดถึงเที่ยวฟรี ทัวร์นี้รวมค่าขึ้นเกาะด้วย แต่เราก็ไม่สน เดินหน้าไล่ล่าตราประทับอุทยานแห่งชาติ
ในที่สุดก็ได้มา ดีใจมาก นึกว่าจะไม่มีหน่วยย่อยฯให้ปั๊มซะแล้ว อวดๆๆ




ดีใจมากๆเลย พอได้ตราประทับแล้วก็เอากระเป๋าไปเก็บบนเรือ แล้วก็...ตะลุยถ่ายรูปโลดดดดด


หล่อเนาะๆ ;P




หุขเขาที่รายล้อม





น้ำใสจัง รักเลย 




เปลี่ยนมุมบ้างๆ




อีกๆ




เรือน้อยๆของเรา





จนได้เวลาที่เค้าเรียกรวมตัว เราก็กลับไปขึ้นเรือกัน
แล้วเค้าก็บอกว่านี่เป็นอีกสถานที่นึง จะให้ถ่ายรูปกันบนเรือ ... ว่าแต่ที่นี่มันคือที่ไหน เหมือนเป็นหุบเขากลางทะเล
ไปsearch googleมา เหมือนจะเรียกว่า อ่าวโละซามะ






เสร็จแล้วก็แล่นเรือบรื๊นๆจากไป



ส่วน "Monkey Beach" เค้าบอกว่าตอนนี้ไม่มีลิง เดี๋ยวจะกลับมาใหม่ตอนบ่ายว่าเจอลิงไม๊
ซึ่งจวบจนปัจจุบันไกด์ก็ไม่ได้พูดถึงเลย ว่าทำไมไม่กลับไปดูลิง มีเหตุจำเป็นอะไร ทำไมไม่อธิบายมา เราก็งง สรุป อด ดู ลิง
ต่อไปก็ "Viking Cave" ก็จอดเรือไกลๆ บอกว่าเป็นเกาะสัมปทานรังนก ให้ดูจากตรงนี้ ไม่ยอมเข้าไปใกล้ๆ เราก็งง(อีก)


สรุปว่า...ไปดำน้ำเลย...แบบงงๆ (และกลัว)



** จากนี้จนจบทัวร์ดำน้ำ เราไม่ได้ถ่ายรูปมาแล้ว เนื่องจากตอนจะดำน้ำมัวตื่นเต้น ขึ้นจากน้ำก็เมาเรือ พอกินยาไปก็ง่วง ไม่มีอารมณ์ถ่ายรูปเลย **
ดำน้ำเนี่ยแหละ เป็น climax เลย เพราะว่าเรากลัวปลา!!!!!!!!!
Do you know fish is the most horrible things of my mind?
I know it sounds a little bit strange that why I'm afraid of a small animal that is beautiful.
I had a bad memories about fish got stuck in a bad dream about it, so pitiful :(
So, deciding to go snorkeling is one of the hardest things in my life, I think.
I have to fighting; in my mind; against my fear and my need to see coral.

Finally, my need is won!!!
ความรู้สึกแรกของการดำน้ำเลยนะ...มันแปลกๆกับการหายใจทางปาก
คือถ้าเรามีสติ ว่าต้องหายใจทางปาก เราก็ทำได้ แต่พอเราหลุด ก็พยายามหายใจทางจมูก ซึ่งมีแว่นดำน้ำบีบไว้อยู่
ทีงี้เราใส่แว่นไม่แน่นอีก พอพยายามหายใจทางจมูก มันก็สูดน้ำเข้ามาในตา พอถอดแว่นเพื่อเทน้ำออก ก็ดันสำลักน้ำ
มันวนๆงงๆแบบนี้ไปซักพักกว่าจะชิน (แถมทำแว่นเค้าเจ๊งไปอันนึงอีกต่างหาก)

พอชินแล้วก็สนุกดี เห็นปะการังใต้น้ำ ... คือมันไม่ฟอกขาวก็จริง แต่ก็เป็นสีน้ำตาลๆ ไม่สวยมากแต่ก็ตระการตาดี
ส่วนปลา ... มันก็ว่ายน้ำอยู่แถวปะการัง ดำน้ำมันมหัศจรรย์มากเหมือนเราใช้ชีวิตอยู่ใต้น้ำจริงๆ
คือเห็นปลาว่ายไปมาแล้วรู้สึกเหมือนว่ายอยู่กับมัน พอคิดอย่างงั้น มันเลยอยากมาว่ายกะเรามั๊ง
พอปลามันว่ายขึ้นเหนือน้ำ เราก็ต้องว่ายหนีมัน กว่าจะทำใจดำน้ำต่อได้ ไปๆมาๆหมดเวลา
สรุปว่าเหนื่อยกับการหัดใช้อุปกรณ์+หนีปลา แค่นี้ก็เกือบหมดเวลาละ

กำลังจะเริ่มสนุกอยู่เลยก็ต้องขึ้น เลยว่าเดี๋ยวได้ดำน้ำอีกสองที่ จะดำให้เต็มที่เลย
พอขึ้นเรือ ก็ประมาณ11โมงกว่า นึกว่าจะให้ไปดำน้ำอีกที่ แต่เค้าพาไปกินข้าว
ตอนนั้นเราก็เมาๆเรือ กินข้าวก็ดีถือว่าให้เท้าได้เหยียบแผ่นดินบ้างคงดี
กินยาแก้เมาด้วย พอกินเสร็จง่วงมากๆ กินข้าวนี่แทบจะสัปหงกใส่จานข้าว ง่วงมากจริงๆ
พอกินเสร็จ กะจะไปหามุมงีบซักหน่อย ปรากฎว่าถึงเวลาต้องไปต่ออีกแล้ว ก็เลยขึ้นเรือ
พอขึ้นเรือแล้วเราหลับเป็นตายด้วยฤทธิ์ยา อีกหนึ่งชั่วโุมงก็มาถึงเกาะไข่...ที่สุดท้ายของทัวร์วันนี้
ฟังไม่ผิดหรอก เค้าให้พักผ่อนชั่วโมงนึง ก่อนจะกลับภูเก็ต

สรุปว่าดำน้ำ 3 ที่ ก็เหลือแค่ 1

Monkey Beach ที่บอกว่าจะแวะกลับไปดูใหม่ก็ไม่พากลับไป
แถมที่เกาะไข่ ต้องเช่าเตียงผ้าใบ คู่ละ150มั๊งไม่แน่ใจ แบบว่าอย่างแพง ไม่รู้ฮั๊วกันกับเจ้าของเตียงรึิเปล่า
แน่นอนว่าเราก็ไม่เช่า ไปนั่งตรงทรายแทน(งก) แต่ว่าลมแรงมาก ตัวก็ยังไม่ค่อยแห้งจากดำน้ำ ทีนี้เลยหนาวเลย
แถมฝนก็มาตกพรำๆ ร่มก็ไม่มี ไปนั่งหลบลมตรงโขดหิน ก็บังได้ระดับนึง จนทนไม่ไหว หนีไปหลบหนาวกลางน้ำ
มันช่วยได้ดีมากๆเลยนะ ถ้าลมแรงๆแล้วเราอยู่ในน้ำทั้งตัว ตัวเราก็ไม่โดนลม สบายเลย

แต่โชคดีมักอยู่กับเราไม่นาน เราเดินลงไปตรงลึกๆนะ โห มาเป็นฝูงเลย ปลาเหลืองยักษ์(เราตั้งชื่อให้เอง)
<<ลองsearch ว่า "เกาะไข่ ปลา" ในกูเกิลดิ จะเห็นภาพเลยว่าปลาเหลืองๆลายๆที่เกาะไข่มันเป็นยังไง>>
คือเกาะอะไรเนี่ย ทำไมลงทะเลไปไม่กี่เมตรก็มีปลามาแหวกว่ายมากมายขนาดนี้ มันน่ากลัวนะ
คนอื่นอาจจะชอบมัน เอาอุปกรณ์ดำน้ำมาดำดูมัน >> (จะดำทำไม มองเฉยๆก็เห็นชัดแจ๋ว)
บางคนอาจจะเอาอาหารมาเลี้ยงมัน >> (หืยเราอยากจะบ้าตาย เอาอาหารมาล่อมันก็แห่กันมาน่ะสิ)
บางคนอาจจะยืนให้มันแทะเล่น คิดว่าสนุกดีจักจี้ดี >> (เราอยากจะกลั้นใจตายถ้าโดนมันตอด)
สำหรับเรา >>> มันคือนรกชัดๆ กับลมหนาวๆที่ทำให้เราอยู่บนบกไม่ได้ แล้วพออยู่ในน้ำก็็ต้องคอยหลบปลาฝูงใหญ่
ก็เล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับปลาประมาณชั่วโมงนึง ก็กลับขึ้นเรือ เพื่อกลับภูเก็ต เป็นอันจบทัวร์นรกสำหรับเรา
คือเราอะ ชอบน้ำ ชอบทะเล ชอบว่ายน้ำ ชอบเล่นน้ำ ดำน้ำก็พอไหว
แต่ถ้าให้ไปต่อกรกับปลานี่ไม่ไหวจริงๆ


กลับโรงแรมอาบน้ำเสร็จ ก็ต้องมานั่งเป่่าไดร์passport อุทยานแห่งชาติ(ที่เปียกเพราะโดนน้ำ)
ก็กระเป๋ากล้องเรามันห่วย ตรงผ้าที่กันน้ำมันขาด ทีงี้น้ำเลยเข้า โชคดีนะเนี่ยที่กล้องไม่เจ๊ง
จริงๆไม่ควรนะ เพิ่งหาข้อมูลเจอว่าถ้าหนังสือเปียกน้ำ ให้เช็ดให้แห้งแล้วเอาไปแช่ตู้เย็น
สสารจะหดตัวเมื่อเจอความเย็น หนังสือจะได้ไม่บวมเป็นสองเล่มเหมือนของเราไง



มื้อเย็นตระเวณหาอยู่นาน ไม่สำเร็จ เลยไปลงเอยที่ร้านกุ้งกระทะตรงข้ามโรงแรม
กินกันจน5ทุ่มกว่า อิ่มพุงกาง แต่มีอยู่สองทางเลือก คือไปเดินเล่นในเมือง หรือกลับไปนอน
เราก็คิดว่า "ไม่ใช่เราจะมาภูเก็ตกันบ่อยๆ ไปไหนก็ไปกันเหอะเนอะ ^^"
คิดได้ดังนี้ ก็ตะลุยเข้าเมืองโลดเลย......

ก็ไปถ่ายรูปเล่นแถวตึกเก่าโปรตุเกส สถาปัตยกรรมเค้าสวยนะ เป็นเอกลักษณ์มาก แล้วก็คล้ายๆกันหมดเลย
แต่ว่ารูปที่ออกมามันไม่ค่อยสวยมาก เพราะแสงน้อยและไม่มีขาตั้งกล้อง (ลูกชายยังเด็กเลยไม่ชอบกลางคืน เป็็นเวลานอน อิอิ)





ก็ถ่ายรูปเล่นจนตีหนึ่งได้มั๊ง ก็กลับที่พัก เป็นอันจบวันอันแสนยาวไกล








Sun 30/10/11

วันสุดท้ายแล้ว

กว่าจะกินข้าว อาบน้ำ เก็บของ checkout เสร็จก็เกือบ11โมง แล้วต้องกลับมาขึ้นเครื่องบิน flight 4โมง
ก็เลยตัดสินใจไปเที่ยวทางเหนือ ไม่วกกลับเข้าเมืองแล้ว เพราะกลัวกลับไปไม่ทัน

ระหว่างรออาบน้ำก็แอบไปถ่ายรูปบริเวณรอบๆที่พัก สวยมากเลย ชอบ ^^


สระว่ายน้ำกับน้องช้าง







ที่กินข้าว




อันนี้ถ่ายคุณลูกชายกับขวดน้ำ (จะถ่ายทำไม ฮ่าๆ)





ไปไหว้พระกัน ที่วัดพระทอง หรือวัดพระผุด
(ที่วัดชื่อนี้เนื่องจากองค์พระประธานที่วัดแห่งนี้มีให้เห็นเพียงครึ่งองค์ ราวกับว่าท่านผุดขึ้นมาโปรดจากพื้นปฐพี
ชาวภูเก็ตจึงขนานนามว่า “พระผุด” อันเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวจังหวัดภูเก็ตมานมนาน หรือที่รู้จักกันอีกในนามหนึ่งว่า “หลวงพ่อพระทอง”)






เสร็จจากสักการะองค์หลวงพ่อพระทองแล้ว ก็ไปที่เที่ยวสุดท้ายทีหมายกันไว้ ... อุทยานแห่งชาติสิรินาถ :))





เขิลจัง ไม่อยากจะบอกเลยว่า เหมือนแค่ไปให้ถึงอุทยาน แต่ไม่ได้ทำอะไรเลย
เพราะฝนตก จะไปเดินเล่นก็ไม่ได้
จะไปชมศูนย์ฯเต่าทะเล ก็ไปไม่ทัน เพราะรอกินข้าวนานเกิน
เลยได้แต่เดินเล่นตรงหาดในยาง(เป็นหาดที่อยู่ติดกับอุทยานฯ) แล้วก็ถ่ายรูปยิงมุมเอียงมา ว่าเรามาถึงแล้วนะ ^^"


นี่ไง แนวต้นสนของอช.สิรินาถ สีหม่นๆไปนิด เพราะฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจ







อาหารทะเลมื้อสุดท้าย ราคาเท่ามื้อที่หาดป่าตองเลย 1100 บาท
รสชาติอร่อยพอๆกัน ปริมาณเยอะกว่านะ แต่กินเหมือนไม่คุ้ม เพราะต้องทำเวลามากๆ(จะเข้าgateไม่ทันเอา)

กุ้ง-หมึก-ปู-ปลา มีครบ แต่ว่าไม่ได้ถ่ายปลามาเพราะตัวใหญ่น่ากลัวมาก หุหุ









สุดท้ายก็ไปถึงสนามบินทันเวลา(อย่างเฉียดฉิว) แต่เครื่องดีเลย์ไปชั่วโมงนึง (กทม.น่าจะฝนตก)
แต่สุดท้าย เราก็กลับถึงจุดหมายปลายทางได้โดยปลอดภัย
เจอแสงออโรร่าน้อยๆด้วย :)




และปิดท้ายด้วยแสงสุดท้ายของวัน ลาก่อนนะจ๊ะ ทริปภูเก็ตที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลายๆอย่างมากมาย
ทั้งอิ่มเอม ตื่นเต้น ตกใจ อุ่นใจ มีแอบเหงาด้วย ฮ่าๆ
บางอย่างไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น แต่มันก็ดันเหมือนจะเกิด
แต่พอเหมือนจะเกิด มันก็ดันไม่เกิดขึ้นจริง ฮ่าๆ
หวังว่าจะได้พบกันใหม่นะ ภูเก็ต ^^






สรุปค่าเสียหายทั้งหมดคร่าวๆ


ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ 800
Generalทัวร์ 1600
At Panta Resort 1400
รถเช่า+น้ำมัน+อาหาร ~1300
รวมแล้วก็ประมาณ 5000 บาท เกินนิดหน่อย แต่ก็ทำให้กระเป๋าแบนไปอีกนานเลย ^^







แล้วเจอกันใหม่ ...กับทริปหน้า แบกเป้เที่ยวไทย ... ณ ดินแดนแห่งขุนเขา ... เพชรบูรณ์
จะอัพเมื่อไหร่ไม่รู้...ที่ไม่รู้ เพราะยังไม่ได้ไปเลย จริงๆต้องไปตั้งแต่ปลายพ.ย.แล้วแหละ แต่บ้านเพื่อนน้ำท่วมเลยอดไป เศร้า
แล้วพอกลับมาก็ต้องเร่งปั่น Thesis ต่ออีก ยังไงจะพยายามรีบๆอัพ ก่อนจะลืมรายละเอียดนะคะ ฮ่าๆ


Create Date : 28 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 31 มกราคม 2555 14:39:07 น. 5 comments
Counter : 2377 Pageviews.

 
ราคาทัวร์พีพี 1600 บาทราคาค่อนข้างสูงปกติแล้วเขาจะขายกันประมาณ 1200-1400 บาท


โดย: ํYutphuket (phuketport ) วันที่: 28 พฤศจิกายน 2554 เวลา:17:34:04 น.  

 
ใช่ค่ะเราก็ว่าแพง คุยกับฝรั่งในทริปเค้ายังได้ราคา1400หรือ1500นี่แหละค่ะ
เป็นคนไทยแท้ๆ โดนราคาสูงกว่าชาวต่างชาติอีกเลยเซ็งเลย
คือถ้าแพง แต่สวยและเต็มที่ มันก็ยังพอให้รู้สึกดีได้

แต่ที่เราไป ตารางที่ไปเที่ยวไม่ตรงกับที่บอกไว้ในโบรชัวร์ด้วย ขาดไปหลายที่หลายอย่างเลยค่ะ เลยไม่ค่อยประทับใจ general tour


พอกลับมา ลองsearch หาทัวร์นี้ ก็ดันไม่เจออีก


โดย: คุณหนูแพนด้าตัวน้อย วันที่: 28 พฤศจิกายน 2554 เวลา:18:09:17 น.  

 
ทุกอย่างคุ้มค่าเงินที่เสียไปหมดจ้า
ยกเว้น one day trip speed boat ซิบๆไปหน่อยแถมยังไม่รวมรถรับส่ง


โดย: Tick Juntavaro วันที่: 29 พฤศจิกายน 2554 เวลา:2:10:17 น.  

 



โดย: Kavanich96 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2554 เวลา:8:41:51 น.  

 
แวะมาทักทายวันหยุดค่ะ^__^


โดย: dayydream_m วันที่: 4 ธันวาคม 2554 เวลา:12:51:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทำไมซันนี่ไม่ยอมอาบน้ำ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Instagram
My instagram iLoveWoodgate






Online Users.

Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
28 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ทำไมซันนี่ไม่ยอมอาบน้ำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.