เรามีหลานคนหนึ่งที่มีนิสัยคล้ายกับเรามาก เรียกว่ามากจริงๆเพราะดูแลเลี้ยงดูมาตั้งแต่เกิดเลยไอ้เด็กคนนี้ หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตที่เราคิด รับรู้มา เราก็มักถ่ายทอดให้เจ้านี่ฟัง แต่ก็ใช่ว่าอิหนูจะมีนิสัยเหมือนเราเป๊ะหรอกนะ ก็ชีวิตอีกเก้าส่วนของเขาน่ะขึ้นอยู่กับครอบครัวและสภาพแวดล้อม...มันแน่อยู่แล้วนินะ ^ ^~ วันหนึ่งหลานคนนี้ก็บ่นเรื่องว่าบางทีเพื่อนเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตตัวเองมากเกินไป (คิดดูยังเด็กตัวกะเปี๊ยกแท้ๆนะเนี่ย....เง้อออ) เราก็ตะล่อมให้เขาค่อยๆ เล่าให้ฟังว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ซึ่งพอรู้แล้วแทบเก็บรอยยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ เจ้าเด็กนี่ช่างมีโลกส่วนตัวสูงแท้ แล้วเราก็เลยพูดออกมาแบบเรื่อยๆเปื่อยๆไม่ให้ออกไปเชิงสั่งสอน เราบอกว่าทุกคนต่างก็มีเส้นแบ่งของตัวเองทั้งนั้น เส้นที่จะกั้นไม่ให้คนอื่นเข้ามาในโลกของตัวเอง ซึ่งเส้นของบางคนก็กว้่างและไกลจากตัว แต่บางคนก็ตีเส้นแทบติดกับหัวใจตัวเอง แล้วเส้นนั้นก็ใช่ว่าจะตายตัวเท่ากันไปทุกคนทุกที่ เจ้าหลานก็เริ่มขมวดคิ้วละ ไอ้นี่มันใจร้อนจริงให้ตาย เส้นของเรา เราอาจขีดให้คนหนึ่งใกล้ แต่อีกคนซะไกล...ก็ได้ แล้วเส้นของคนที่เราขีดให้ไกลแต่เขาอาจชอบที่จะเข้ามาใกล้เราก็เป็นได้ แบบเดียวกับที่เส้นที่เราขีดให้เขาคนนั้นเข้ามาใกล้แต่เขานั่นอาจพอใจที่จะอยู่ไกลๆได้เหมือนกัน อิหนูพยักหน้าเหมือนพอเข้าใจแล้วถามว่าแล้วถ้าอีกฝ่ายล้ำเส้นที่เราขีดไว้เข้ามาล่ะจะทำไง เง้อ...อิหนูนี่เป็นพวกรักษาสิทธิส่วนบุคคลเต็มศักยภาพเลยฟุ้ย เราก็ตอบไปว่ามันเป็นเรื่องยากถ้าจะทำแบบยังรักษาน้ำใจอีกฝ่าย ถ้าจะเอาง่ายๆ ตรงๆ ก็บอกออกไปเลยว่าเราไม่พอใจในสิ่งที่เขาทำ บอกว่าเขาก้าวก่ายเกินไปแล้ว ถ้าเขาเข้าใจก็จะเข้าใจ แต่ถ้าไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจแล้วก็อาจผิดใจกันได้ เราย้ำว่าพอหนูโตขึ้นหนูจะรู้ว่าบางสิ่งเราก็พูดออกไปตรงๆไม่ได้ มันมีคำว่ามารยาททางสังคมครอบเราอยู่เพราะงั้นสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุดคือถอยตัวเองออกมา เป็นการเตือนเขาครั้งแรกว่าเขาใกล้เกินไปแล้วนะ หลานยังไม่พอใจกับคำตอบ ถามต่อว่าถ้าเขายังเดินตามมาอีกล่ะ เราแทบส่ายหัวแล้วสงสัยว่าเราเลี้ยงเจ้าเด็กนี่ดีเกินไปแล้วนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า งั้นก็ลองถอยมาอีกหลายก้าว เป็นการเตือนเขาอีกสักครั้ง ซึ่งถ้าเขายังไม่เข้าใจอีกก็ขึ้นอยู่กับเราล่ะว่าคนคนนั้นสำคัญกับเราแค่ไหน ตัวเรายอมอึดอัดเองเพื่อเขาได้หรือเปล่าหรือไม่ก็ได้แค่ไหน ...แล้วถึงตอนนั้นหนูจะรู้ว่าหนูต้องจัดการแบบไหนเอง อิหนูเลยทำหน้ามุ่ยบอกว่าอีกละ ชอบพูดแบบนี้อยู่เรื่อย เรามักสอนหลานแบบนี้ สอนให้หลานรู้ว่าประสบการณ์จะสอนคนเราเองว่าต้องจัดการชีวิตตัวเองอย่างไร คนเรานั้นจะเจอทั้งผิดและถูก พอใจและขัดใจ ฝืนใจและจำทน ...ไม่มีทางได้ดั่งใจไปเสียทุกอย่างหรอกอิหนู และสิ่งที่ทำในตอนนี้ อีกหน่อยเราอาจจะจัดการในวิธีที่ต่างออกไปในเรื่องเดียวกันนี้ล่ะ และเรื่องเดียวกัน ต่างคน วิธีก็ต่าง แถมเมื่อเวลาต่าง เรื่องเดียวกัน คนคนเดิม วิธีก็ยังอาจต่างนะ(จะบอกให้) เราไม่อยากยัดเยียดความคิดแบบหนึ่งบวกหนึ่งเป็นสองให้กับหลาน เพราะเราโตเกินพอจะรู้ว่ากับโจทย์ของชีวิต คำตอบมันอาจไม่ใช่สอง และบางคราวมันอาจมีหลายคำตอบให้เราต้องตัดสินใจเลือกแม้ไม่อยากเลือกด้วยซ้ำไป เด็กคนนี้ที่เราปลูกฝัง เราอยากให้เขามีรากแก้วทางความคิดที่แข็งแรงเพื่อที่ไม่ว่าจะเจอลมพายุหนักจนมองไม่เห็นทางข้างหน้า แดดร้อนจนแผ่นดินละลาย หรือลมหนาวเกาะกินถึงขั้วกระดูก เขาก็ยังสามารถยืนหยัดฝ่าฤดูกาลของชีวิตตัวเองไปได้แม้อาจต้องรากเลือดแทบตายแค่ไหนก็ตาม คิดถึงชะมัดเจ้าหลานหัวดื้อคนนี้ จะได้เจอกันอีกทีก็ปีหน้าเลยนะเนี่ย หวังว่าเจ้าตัวคงไม่ไปล้ำเส้นใครเขาเข้าให้หรอกนะป่านฉะนี้ |