เราคิดว่าความเข้าใจในเรื่อง "การล่วงละเมิดทางเพศ" ของคนไทยมีน้อยมาก แล้วบางทีมันก็น้อยเสียจนเราตกใจ คนมักคิดกันว่าการล่วงละเมิดหมายถึงแค่การลวมลามทางการกระทำ และจบแค่นั้น แต่ความจริงแล้วการล่วงละเมิดนี้ครอบคลุมไปถึง วาจาและแม้แต้ความคิดที่คุณปล่อยออกมาจากนอกหัวกบาลคุณด้วยนั่นล่ะ คุณไม่มีทางเอามาอ้างได้เลยว่าแค่คิด แค่พูด แค่มองแต่ไม่ได้ลงมือกระทำ รวมถึงโลกยุคนี้คือแค่พิมพ์(ออกโซเชียล) แล้วจะนับว่าเป็นการล่วงละเมิดได้ไง เราไม่รู้ว่าเมืองไทยกฎหมายการล่วงละเมิดครอบคลุมมากน้อยแค่ไหน แต่ตามหลักสากลแม้แต่การแซวกันแล้วทำให้อีกฝ่ายอึดอัดใจคุณก็มีสิทธิ์ถูกฟ้องร้องได้ง่ายๆและอาจถึงขั้นตกงานเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นการมองว่าจะล่วงละเมิดหรือไม่นั้น ไม่ได้ดูที่เจตนาตัวคนกระทำ แต่เขาดูที่ผลจากคนถูกกระทำ เราอยากยกตัวอย่างที่เรียกได้ว่า(เกือบ)เป็นประสบการณ์ตรง สมัยสิบกว่าปีก่อนตอนที่เราได้เข้าฝึกงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง แม้ในฐานะเด็กฝึกงาน วันแรกที่เข้าไปในบริษัทจะถูกเรียกเข้ารับการอบรมจากฝ่ายกฎหมายของบริษัท ซึ่งเรื่องแรกที่อบรมก็คือการล่วงละเมิดทางเพศ ว่าแบบไหนถึงเป็นการล่วงละเมิดบ้าง เช่นการถูกเพื่อนร่วมงานหรือเจ้านายมานั่งริมโต๊ะที่เราทำงานอยู่แล้วก้มตัวลงมาใกล้ๆทำเป็นกระซิบกระซาบ แล้วมันทำให้เราอึดอัดใจ เราสามารถบอกให้เขาหยุดได้หรือเอามาแจ้งที่ฝ่ายกฎหมายได้เลย อย่าไปพูดถึงขั้นการโอบกอดหรือการจับเนื้อต้องตัวส่วนใดส่วนหนึ่งเลย ทำกันขนาดนั้นคือโดนไล่ออกลูกเดียวแถมโดนฟ้องอีกต่างหาก และรวมการถึงพูดเป็นนัยๆว่าถ้าไม่ยอมทำโน่นนี่นั่น(ที่ส่อเรื่องทางเพศ)แล้วอาจจะไม่ผ่านการฝึกงาน ก็นับเป็นการล่วงละเมิดเช่นเดียวกัน ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่ใช่แค่ระหว่างเจ้านายผู้ชายกับลูกน้องผู้หญิง หรือเพื่อนร่วมงานต่างเพศเท่านั้น แม้แต่เจ้านายผู้หญิงกับลูกน้องผู้ชายก็อยู่ในข่ายด้วยเช่นกัน ....จริงๆแล้วสมัยนั้นจะพูดกันไว้แค่ประมาณนี้ แต่ยุคหลังมานี่ แม้แต่คนเพศเดียวกันก็ได้รับการเตือนแบบเดียวกันแล้ว ที่จะบอกเรื่องประสบการณ์ตรงก็คือตอนที่ฝึกงานเกิดมีข่าวใหญ่ขึ้นมา เจ้านายผู้หญิงอีกแผนก เรียกว่าทั้งสาวและสวยประมาณlegally blondeประมาณนั้นเลย เกิดมีปัญหากับเด็กฝึกงานชายafrican americanขึ้นมา เรื่องที่เกิดก็คือมีอยู่วันเจ้านายเข้าไปคุยกับเด็กฝึกงานคนนี้ พอสั่งงานเสร็จ เด็กฝึกงานคนนี้ก็หันหลังเดินออกไป แล้วเจ้านายก็ปากไว พูดขึ้นมาว่า "ก้นเธอนี่น่ากินนะ" yummy bubble butt ...พูดแค่นี้จริงๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อหรือส่งสายตาอะไรเลย(เขาว่ากันมาแบบนี้) แล้วเด็กฝึกงานนี่ก็นิ่งไปไม่ได้พูดอะไร จากนั้นอีกหลายวันเจ้านายคนนี้ก็ถูกฝ่ายกฎหมายของบริษัทเรียกตัวไปพบแล้วแจ้งว่าเด็กฝึกงานนั่นลาออกไปแล้วและส่งหมายฟ้องมา หลังจากสอบถาม ทนายของบริษัทถามว่าคุณได้พูดประโยคนั้นออกหรือเปล่า เจ้านายคนนี้ยอมรับว่าพูดไปจริง...เรื่องก็จบเลย ไม่มีทางอุธรณ์ได้เลยว่าไม่เจตนาหรือแค่แซวเล่นๆ แถมจะเกือบกลายเป็นracistขึ้นมาอีกเรื่องด้วยซ้ำ บทสรุปจึงอยู่ที่การยอมความและบริษัทยอมจ่ายเงินไป 25,000 ที่ไม่ใช่บาท แต่เป็นดอลล่าห์สหรัฐ ...จากนั้นพนักงานทุกคนต้องเข้าไปฟังอบรมเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศแบบเข้มข้นอีกรอบ โลกเรามันก้าวไปไกลมากแล้ว แต่บอกตามตรงที่เราเห็นก็คือสังคมไทยหรืออาจเป็นสังคมตะวันออกก็ได้มั๊ง ไม่ตื่นตัวกับเรื่องพวกนี้เลย เหมือนกับเห็นมันไม่ใช่แค่ไม่เป็นเรื่องใหญ่นะ แต่เห็นเป็นเรื่องไร้สาระด้วยซ้ำ ชนิดที่ใครยกขึ้นมาพูดก็จะต้องมีคนมาแย้งว่าคิดมากไปได้กับเรื่องแค่นี้ ซึ่งเราพอเห็นความเห็นแบบนี้ก็ได้แต่ปลงเงียบๆกับทัศนคติแบบนี้ เรื่องบางเรื่องคิดให้มาก ดีกว่าคิดน้อยนะเราว่า และยิ่งในยุคที่สังคมข่าวสารมันแพร่เร็ว และแพร่หลายแค่ปลายนิ้วสัมผัส เรื่องที่เราคิดว่าคุยกันเล่นๆ คุยกันสนุกๆกับเพื่อนเราคนกันเองมันกลับกระจายเข้าหูคนไปจนทั่วโลก ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องส่วนตัว อยากคุยกันเป็นการส่วนตัวก็คุยกันสองต่อสองเถอะ อย่าเข้าหูคนที่สามเลยและให้แน่ใจด้วยนะว่าคนที่สองที่เราคุยอยู่ด้วยน่ะเขาจะหยุดแค่ตัวเขาเอง เราว่าเรื่องมันน่าจะเป็นที่เข้าใจได้แล้วมั๊งว่า ถ้าอยากเก็บเป็นเรื่องส่วนตัว เก็บไว้คุยกับตัวเองเถอะ หลุดบุคคลที่สองเมื่อไรก็หมดความเป็นส่วนตัวแล้วล่ะครับผม เราเข้าเนตเจอเรื่องของบ่ายที่เด็กๆ...ซึ่งก็คงเป็นเด็กๆล่ะ เพราะนับจากตัวเองก็อายุอานามไม่น้อยแล้ว เอามาพูดเล่น ทำเล่นขำๆแบบเกินขำอยู่หลายครั้ง ซึ่งเรามองแล้วก็แบบ...ถ้าเป็นที่เมกา มันคงได้มีการได้ไปออกรายการmorningทั้งหลายแหล่ทำการวิเคราะห์ด้วยหมอฟิลอะไรสักอย่างแล้วล่ะหรือไม่คงเกิดฟ้องร้องอุตลุดกันไม่น้อยแล้วมั๊ง เราว่าคำคำนี้ยังใช้ได้อยู่ในยุคสังคมแห่งเสรีภาพเกินเหตุแบบนี้ นั่นก็คือ "ให้เกียรติซึ่งกันและกัน" แม้บ่ายจะเป็นไอดอลที่ขายความเป็นส่วนตัวก็เถอะ แต่ความส่วนตัวที่ขายก็มีขอบเขตของมัน แม้บ่ายจะทำตัวเองเป็นวัตถุทางเพศให้แฟนๆแทะเล็ม แต่ความเป็นวัตถุทางเพศก็มีระดับที่แฟนๆอย่างเราไม่อาจก้าวล่วงได้ อย่างที่บอกเรายึดเจตนาที่ตัวเราเป็นที่ตั้งไม่ได้ แต่ต้องดูอีกฝ่ายว่าเขาอึดอัดกับสิ่งที่เราทำ เราพูด หรือไม่ต่างหาก ลองคิดให้มากอีกสักหน่อยเถอะ มีอยู่ครั้งที่เราเปิดเจอคลิปตัดของด้งที่cropเห็นแค่ช่วงบนบวกกับซาวด์ที่เสียงหอบหายใจ...เขียนแค่นี้ก็โคตรล่อแหลมแล้ว จริงๆแล้วเป็นการตัดมาจากคลิปที่ด้งเล่นเวทอยู่ พอเปิดเจอ แถมอ่านคอมเม้นต์ เด็กไทยเราไปไกลขนาดนี้เลยเหรอ รู้ตัวไหมว่าเกินเลยไปแล้ว รู้ตัวไหมว่าเป็นการล่วงละเมิดทางเพศอยู่น่ะ อย่าคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงและอีกฝ่ายเป็นผู้ชายไม่มีอะไรเสียหาย โลกเราตอนนี้มาไกลเกินกว่าจะแบ่งหญิง-ชายไปแล้วล่ะกับบางเรื่อง ยิ่งกับแทค ตอนที่เล่นทวีต แทคนี่เจอเยอะสุดเลย จนบางทีเราอ่านก็สะอึกแทน บางภาพเห็นแล้วอยากเตือนว่าให้เกียรติในความเป็นคนหน่อยเถอะ ลองคิดว่าถ้าเป็นตัวเรา ไปโดนโฟกัสในบางจุดแบบนั้นเราจะพอใจไหม จะรู้สึกอึดอัดไหม ลองคิดดูก่อนสักนิดที่จะทำอะไรเลยเถิดไป วันนี้เราอ่านข่าวที่แทคทวีตบอกว่าจะฟ้องนิติเซ่นสองคนที่ทำการล่วงละเมิด(ทางคำพูด)กับเขา บอกว่าจะทำให้เป็นคดีตัวอย่าง เราไม่รู้ว่าสองคนนั่นทวีตว่าอะไรที่ทำให้เส้นความอดทนของแทคขาดผึงแบบนั้น ไอ้ความอยากเฝือกเรื่องชาวบ้านมันก็พอมีหรอกแต่พื้นที่เกินครึ่งในใจมันบอกกับตัวเองว่าเรื่องส่วนตัวขนาดนี้อย่าไปรู้จะดีกว่า อย่างกรณีวูดดี อัลเลนที่ล่วงละเมิดลูกสาวบุญธรรมของตัวเอง ออกหน้าสื่อเป็นข่าวใหญ่โตในช่วงหลายวีคมานี่ ที่พอเกิดการแฉแบบหมดไส้หมดพุงก็ทำให้เราแทบอยากอาเจียรพอรู้เรื่องลึกๆเข้า หนังกี่เรื่องต่อกี่เรื่องฝีมือวูดดี อัลเลนเราก็หักทิ้งลงขยะหมดหลังจากรู้ลึกเข้าไป เพราะงั้นเรื่องบางเรื่องแค่พอรู้ก็พอแล้วล่ะ แต่จากที่ข่าวออกมาเหมือนจะบอกว่าแทคโดนกระทำเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว เราก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไมว่าแทคถึงต้องการให้มันยุติเสียที เด็กที่โตมาที่อเมริกาแบบแทคเข้าใจและรู้ซึ้งเรื่องล่วงละเมิดทางเพศเป็นอย่างดี ที่นั่นเขาจะสอนตั้งแต่ยังเด็กชั้นอนุบาลเลยด้วยซ้ำ พูดเลยว่าแม้แต่ครูอนุบาลยังไม่มีสิทธิ์กอดเด็กถ้าพ่อแม่ไม่อยู่ตรงนั้นและเป็นคนออกปากอนุญาตเอง ไม่งั้นล่ะคุณเอ๊ยถ้าถูกกล่าวหาและพิสูจน์ว่าผิดจริงนะ คุณได้หมดอนาคต นอกจากจะถูกฟ้องร้องแทบหมดตัวแล้ว ก็เรียกได้ว่าอยู่ในสังคมได้ยากเลยพอมีตราบาปเรื่องล่วงละเมิดติดตัวนะ ไม่ว่าย้ายไปอยู่ที่ไหนก็จะมีการส่งข่าวสารกันเหมือนมีการสักหน้าแบบไม่เห็นกลางหน้าผากแบบนั้นเลยล่ะ จะถูกปฏิบัติเหมือนคนเป็นโรคติดต่อที่ไม่มีใครอยากให้เข้าใกล้ สังคมตะวันออกอาจยังไม่ตื่นตัวเรื่องนี้สักเท่าไร เพราะเป็นสังคมที่สอนให้อายเรื่องทางเพศจนทำให้คนคิดเอาเปรียบฉวยโอกาสได้อย่างง่ายดาย จนคนที่ถูกกระทำกลับต้องเป็นฝ่ายยอมอดทนและยอมให้ถูกรังแกไปเรื่อยๆ ให้ผู้กระทำเชิดหน้าอยู่อย่างเป็นสุขแทน เราว่าสมควรแล้วที่แทคลงดาบให้เห็นเป็นตัวอย่าง สถานะของแทคตอนนี้มันส่งผลพอให้คนตระหนักและตื่นตัวทั้งยังกระตุ้นเตือนให้เห็นว่าเรื่องบางเรื่องเราสมควรเอาจริงและระวังให้มากขึ้นได้แล้ว น้ำหนักคำพูดของแทคตอนนี้มีพอให้สังคมเหลียวกลับมารับฟังและใส่ใจในปัญหาที่ถูกมองข้ามมานาน เราหวังว่าอย่างน้อยๆที่แทคทำลงดาบแบบนี้ จะเป็นโอกาสให้ฮอตเทสเด็กๆเข้าใจเรื่องล่วงละเมิดได้ดีขึ้น และพอเข้าสู่สังคมการทำงานจะได้มีเกราะระวังตัวพอไม่ยอมให้ถูกเอาเปรียบทางเพศ กล้าเรียกร้องที่จะไม่ยอมให้ถูกล่วงละเมิดไม่ว่าจะทางใดก็ตาม คนที่ข่มเหงคนอื่นมักไม่รู้ตัวถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย และถึงรู้ก็ไม่รู้ซึ้ง ถึงรู้ซึ้งก็ซึ้งด้วยความสะใจและผยองในตัวเอง จนกว่าจะโดนเข้าด้วยตัวเองถึงจะรู้ซึ้งอย่างแท้จริง ก็ตามที่แทคทวีตบอกนั่นล่ะ "ผมทนแล้วทนอีก และไม่คิดจะทนอีกต่อไป อย่ามาหวังว่าจะผ่อนผันใดๆเพราะผมไม่มีจะมอบให้" นี่ล่ะอ๊คแทคยอน ผู้ชายอารมณ์ดีที่ไม่คิดปราณีกับความไม่ถูกต้อง |