แม้จะสามารถทำให้ Apple ปฏิวัติวงการคอมพิวเตอร์ได้ถึงสองครั้งในเวลาไม่กี่ปี และผ่าทางตันให้ Apple สามารถสู้กับ IBM PC ได้.
แต่เรื่องของบริษัทที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ไปแล้ว Steve Jobs แม้จะเป็นผู้บริหารใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ครอบครองหุ้นจนควบคุมบอร์ดบริหารได้ทั้งหมด.
ด้วยความเป็นศิลปินของเขา ทำให้สร้างความขัดแย้งภายในบริษัทอย่างมากมาย โดยเฉพาะนโยบายของเขาที่สร้างกลุ่ม Macintosh ขึ้นมาแข่งกับทีม Apple II ดั้งเดิมของตัวเอง โดยที่ Jobs โยกตัวเองไปเป็นหัวหน้าทีมแมคเต็มตัว.
แล้วก็ดึง John Scully จากบริษัท Pepsi มาเป็น CEO ของ Apple แทนตัวเอง แต่ Steve Jobs ก็ยังเข้ามาก้าวก่ายการทำงานอยู่.
และเมื่อโปรเจค Macintosh ประสบความสำเร็จ ก็ถึงเวลาที่เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล.
John Scully ซีอีโอคนใหม่เสนอบอร์ดบริหารให้ปลด Steve Jobs จากตำแหน่งประธานบริษัท.
Steve Jobs รับข่าวนี้ด้วยความเจ็บปวด เขาขายหุ้นทั้งหมดของ Apple ทิ้งได้เงินมหาศาล ทุก ๆ รอดูว่า Jobs จะนำเงินนี้ไปทำอะไร.
ไม่นาน Jobs แถลงข่าวเปิดตัว Computer สายพันธุ์ใหม่ ที่จะเหนือชั้นกว่า Macintosh เพราะจะเน้นการทำงานเป็นเครือข่าย ในชื่อ Next Computer ที่มีระบบปฏิบัติการชั้นยอดที่ชื่อว่า Next Step ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการเชิงวัตถุ.
Next ออกแบบได้สวยงามน่าใช้ OS ก็ฉลาดทันสมัย แต่มันก้าวล้ำยุคเกินไป ซีพียูก้าวตามไม่ทัน และราคาก็สูงลิบลิ่วจนคนทั่วไปไม่อาจซื้อมาใช้ได้.
ในขณะที่ Apple Macintosh พัฒนาต่อจนล้ำหน้าคอมพิวเตอร์ทุกชนิด และสามารถขายได้ไม่แพงมากแต่กำไรมหาศาล สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับบริษัท Apple ยิ่งกว่าสมัยที่ Steve Jobs อยู่เสียอีก.
Apple หลงระเริงอยู่กับเงินทองที่ได้จากการผูกขาดระบบปฏิบัติการชั้นเยี่ยมมาใช้บนคอมพิวเตอร์ที่ผลิตเอง เปิดช่องว่างให้ Microsoft Windows ก้าวเข้ามา.
หลังจากล้มลุกคลุกคลานกับ Windows 1.0 และ 2.0 ไมโครซอฟท์ออก Windows 3.0 พร้อมกับประกาศว่านี่คือระบบที่ใกล้เคียงกับ Apple Macintosh.
Windows 3.0 ถูกสบประมาทจาก Apple ว่าห่างชั้นกันหลายเท่า แต่ทว่ากับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่เคยสัมผัสกับ Apple เพราะสู้ราคาไม่ไหว ต่างพอใจเป็นอย่างมาก เพราะมันดีกว่า Dos ที่เขาเคยใช้หลายเท่า.
Apple ยังชะล่าใจ จำหน่ายเครื่องในราคาแพงต่อ ในขณะที่ microsoft ใช้เวลาปีเดียวในการจำหน่าย ms windows จนมีผู้ใช้จำนวนสูงกว่า mac OS.
Bill Gates มีกำลังใจในการพัฒนา windows เวอร์ชั่นต่อไปให้ใกล้เคียง macintosh แต่ในเวอร์ชั่นทดสอบ มีปัญหามากมายเพราะ CPU ของ intel นั้นประสิทธิภาพต่ำกว่า motorola ของ mac อีกทั้งกินหน่วยความจำมหาศาล.
ถึงตอนนี้ยอดผู้ใช้ mac และ windows ห่างกันถึงสิบต่อหนึ่ง.
กลับไปยัง Steve Jobs เขาไม่ประสบความสำเร็จกับ next computer จึงยุบแผนก hardware หันมาขายแต่ระบบปฏิบัติการ next step ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการชั้นเยี่ยมสำหรับงานในองค์กรใหญ่ ๆ.
ในช่วงถดถอยของ next step นี้เองที่ Jobs หันไปให้ความสนใจกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของการทำภาพเคลื่อนไหวบนจอหนัง.
George Lucus ผู้ให้กำเนิด Star Wars ตั้งบริษัทใหม่มาเพื่อพัฒนาการทำ Special Effect ชื่อว่า Pixar.
มีแต่ Steve Jobs ที่มองเห็นศักยภาพ เขาคิดว่าเทคโนโลยีของ Pixar จะเกื้อหนุน Next computer จึงซื้อบริษัทนี้จาก George Lucus ด้วยเงินแค่ 10 ล้านดอลลาร์ (มูลค่าปัจจุบันสูงขึ้น 700 เท่า).
แม้ Next Computer จะไปไม่รอด แต่ Jobs ก็จัดการเปลี่ยนเป้าหมายของ Pixar จากบริษัทผลิต software ไปเป็นบริษัทสร้างหนัง.
Jobs โชคดีที่ Pixar ไม่ได้มีแค่คนเขียนโปรแกรม แต่มีผู้กำกับอนิเมชั่นชั้นยอดเช่น John Lasseter อยู่ด้วย.
หนังสั้นชุดต่อมา Tin Toy เขาทำให้ตุ๊กตาตะกั่วขึ้นมามีชีวิต และในที่สุดหนังเรื่องนี้ก็เป็นต้นแบบของ ภาพยนตร์ computer animation เรื่องแรกของโลก Toy story.
ก่อน Toy story ฉาย ใคร ๆ ก็พากันสบประมาทว่า computer animation นั้นแข็งโป๊ก ไม่น่าจะทำให้คนสนใจได้เท่ากับ amination ที่วาดด้วยมือซึ่งนุ่มนวลกว่า โดยเฉพาะ Disney เพิ่งประสบความสำเร็จมหาศาลกับ The Lion King.
แต่ Toy story สร้างความตื่นตะลึงให้กับ Box office เมื่อผู้คนต่างยอมรับกับตัวละครคอมพิวเตอร์ซึ่งแม้จะดูแข็ง แต่สามารถสร้างมุมมองและการเคลื่อนไหวในรูปแบบที่เขียนด้วยมือทำได้ยากออกมา ตัวละครก็เหมือนมีชีวิตจริง ส่งผลให้ Buzz Lightyear และ Woody กลายเป็นตัวละครอมตะ แล้วหนังเรื่องนี้ก็ถล่ม Box office มโหฬาร.
Pixar เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมกับการกลับมาอีกครั้งของ Steve Jobs ที่หายไปนานจนคนลืมไปแล้วว่าเขาเคยยิ่งใหญ่กว่า Bill Gates แต่คราวนี้เขากลายเป็นคนของ Hollywood ไปแล้ว.
พี่เขียนได้สนุกกิงๆ เลยครับพี่ เป็นฉากๆ เลย อิอิอิ
ต่อครับต่อ ..
กำลังมันเลยครับ อิอิ