Bloggang.com : ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง : Hard Rock Cafe Bangkok

Hard Rock Cafe Bangkok

ชื่อร้าน : Hard Rock Cafe Bangkok
รายการอาหาร : อาหารสไตล์อเมริกัน, เอเชีย
เวลาเปิดบริการ : 11.30 – 01.00 น.
ที่ตั้งร้าน : 424/1, 424/3-6 สยามสแควร์ ซอย 11 ปทุมวัน, กรุงเทพมหานคร ปทุมวัน Thailand
พิกัด GPS : 13° 44' 40.34" N 100° 31' 54.87" E

ดูแผนที่เพิ่มเติม

Hard Rock Cafe Bangkok

แวะมาอัพเดทความอร่อยกันต่อเนื่องครับ แต่รีวิวนี้ขอเอาใจคนที่กำลังมองหาสถานที่สำหรับ Hang out กับเพื่อนๆ หรือคนรู้ใจที่ชื่นชอบบรรยากาศร้านอาหารแนบ Pub & Restaurant ที่สามารถดื่มด่ำอาหารอร่อยๆ ท่ามกลางดนตรีตลอดทั้งคืน โดยเฉพาะคอ Rock'n Roll ซึ่งแค่บอกชื่อทุกคนก็คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะร้านที่จะพาไปรีวิวกันนั่นก็คือ Hard Rock Cafe Bangkok ใจกลางสยามสแควร์ นั่นเองครับ

แน่นอนว่าชื่อนี้คุ้นหูคนไทยมานานกว่า 24 ปีแล้ว แต่ภาพในความทรงจำอาจจะเปลี่ยนไป เพราะทางร้านมีการปรับลุคใหม่ ดูคูลเก๋ไก๋กว่าเดิมเยอะเลยครับ โดยมีคอนเซ็ปต์คือ แวร์เฮาส์สไตล์ (Artist Den) ซึ่งจะใช้วัสดุรีไซเคิลในการตกแต่งตามแนว Save The Planet ที่เห็นได้ชัดก็จะเป็นฉากหลังเวทีสีเงินสุดเก๋ที่ทำมาจากเศษวงกบอลูมิเนียม ผนังไม้เก่าจากโรงไม้ ผสมผสานกับโครงสร้างเดิม ซึ่งดูแล้วเก๋ไก๋ เข้ากันอย่างลงตัว บรรยากาศภายในยังคงเน้นโทนสีเข้มของสีดำ ของโครงสร้างเหล็ก ตัดด้วยสีแดง ตามแบบฉบับดนตรี Rock แต่ยังคงความเป็น Hard Rock ด้วยของตกแต่งที่เคยเป็นของศิลปินดังระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นกีต้าร์ ที่มีให้เห็นทั่วทั้งห้องอาหาร ชุดที่เคยใช้แสดงคอนเสิร์ต มีทั้งของ Madonna รวมทั้ง Elvis Presley แค่นี้ก็เพลินตาแล้วละครับ

พื้นที่ภายในห้องอาหารแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ซึ่งชั้นบนก็ให้ความรู้สึกอินดี้เล็กน้อยด้วยภาพกราฟิตีลูกคลื่นของแม่น้ำเจ้าพระยา หรือจะเป็นระเบียง outdoor ที่สามารถชมวิวใจกลางสยามได้ชิลๆ คลอเคล้าเสียงดนตรีแค่นี้ก็ฟินแล้วครับ

ดื่มด่ำกับบรรยากาศกันแล้วก็มาดื่มด่ำกับอาหารของที่นี่กันบ้างครับ ขอเริ่มจากเครื่องดื่มซึ่งมีให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็น Cocktail ก็มีให้เลือกหลากหลายอย่างเช่น Electric Blues (330.-) คอล์กเทลสีฟ้าสดใส ที่มีส่วนผสมของ Finlandia Vodka, Bacardi Superior Rum, Bomnay Sapphire Gin, De Kuyper Blue Curacao and Sweet & sour topped with Sprite

หรือจะเป็น Mocktail สำหรับผู้ที่ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่าง Strawberry Basil Lemonade (240.-) เครื่องดื่มสีแดงสดใสไม่แพ้กัน รสชาติเปรี้ยวหวานซ่า สดชื่นดีครับนอกจากนี้ก็ยังมีเครื่องดื่มอื่นๆ ให้เลือกอีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นน้ำผลไม้ ชา กาแฟ แล้วแต่ชอบเลยครับ

มาถึงอาหารกันบ้างครับ ขอเริ่มที่เมนูรองท้องที่สามารถสั่งมาแชร์กับเพื่อนๆ ได้อย่างเพลิดเพลินกับเมนู Nachos (490.-) แผ่นแป้งตอติญ่าสไตล์เม็กซิกัน เสิร์ฟมาแบบจานใหญ่ โรยชีสจุใจ สามารถแชร์กันได้สบายๆ เลยครับ

มาถึงจานหลักกันบ้างดีกว่าครับขอเริ่มที่ Thai Style Seafood Spaghetti (400.-) สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาทะเล รสจัดจ้านแบบไทยๆ ที่มาพร้อมเครื่องซีฟู้ดแบบจัดเต็ม ทั้งกุ้งปลากะพง หมึกและหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ รับรองอร่อยถูกปากคนไทยแน่นอนครับ

จากนั้นก็มาถึงเมนูเด่นของร้านนั่นก็คือ Original Legendary 10 Oz. Burger (650.-) แฮมเบอร์เกอร์สไตล์อเมริกัน ปกติจะเสิร์ฟเป็นเนื้อแองกัสจากออสเตรเลีย ขนาด10ออนซ์ แต่เราขอเปลี่ยนเป็นเนื้ออกไก่แทน เพราะช่วงนี้งดทานเนื้อวัวครับ แป้งแฮมเบอร์เกอร์นุ่มอร่อย แถมชิ้นไก่ก็ขนาดใหญ่เต็มปากเต็มคำ จุใจคนชอบแฮมเบอร์เกอร์แน่นอนจ้า

แล้วก็ปิดท้ายด้วยของหวาน ขอบอกว่าคนที่ชอบช็อคโกแลตไม่ควรพลาดเมนู Hot Fudge Brownie (320.-) ไอศครีมวนิลาราดด้วยซอสช็อกโกแล๊ต เสิร์ฟบนบราวนี่อุ่นๆรสเข้มข้น มาพร้อมกับวิปปิ้งครีมและเชอร์รี่ รสชาติหวานๆ ของไอศกรีมตัดกับรสขมนิดๆ ของบราวนี่เข้ากันอย่างลงตัวเลยครับ

สำหรับที่ Hard Rock ยิ่งดึกยิ่งคึกคัก เพราะตั้งแต่ 3 ทุ่มเป็นต้นไปจะมีดนตรีสดเล่นให้ฟังตลอดทั้งค่ำคืน ทำให้บรรยากาศเหมาะสำหรับการ Hang out เป็นที่สุดครับ ดังนั้นคอ Rock'n Roll ทั้งหลายอย่าลืมชวนเพื่อนๆ มาเพลิดเพลินกับบรรยากาศสุดชิคใจกลางสยามสแควร์กันได้นะครับ หรือใครที่จะจัดเป็นปาร์ตี้ส่วนตัว ที่นี่เค้ามีบริการห้องจัดเลี้ยงส่วนตัวสำหรับวันเกิด (แค่เพียงมีวันเกิดในเดือน และสั่งอาหาร2จานก็สามารถรับ Birthday Brownie แถมบริการรูปถ่ายพร้อมกรอบรูปเป็นที่ระลึกฟรีด้วยนะครับ) หรืองานฉลองต่างๆ ได้นะครับ ที่สำคัญยังมีร้าน Rock Shop ที่อยู่ติดกับห้องอาหารให้เลือกซื้อสินค้า เสื้อผ้า หรือ accessories เก๋ๆ ด้วยนะครับ แบบนี้น่าชวนเพื่อนๆ ไปเช็คอินกันใช่มั้ยละครับ

แผนที่ร้านจ้า

ฝากติดตาม Eat and Travel Diary by ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง ใน Facebook fan page เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อครับ ถ้าใคร "ถูกใจ" blog นี้ ฝากช่วยกด "Like" กันนะครับ จะได้ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น ^_^
Click ข้างล่างได้เลยจ้า

ส่วนใครที่เล่น Instagram ก็ เข้าไป Follow ได้ที่ @eatandtraveldiary จ้า

click เพื่อเข้าสู่ facebook Eat and Travel Diary

Create Date : 16 สิงหาคม 2558

Last Update : 16 สิงหาคม 2558 15:51:01 น.

0 comments

Counter : 4432 Pageviews.