ปาย-เชียงใหม่-อัมพวา
1.ไม่รู้จักฉัน-แต่ฉันรู้จักเธอ
เรารู้จักปายก่อนที่ปายจะรู้จักเราเสียอีก! ก็โปสต์การ์ดที่ส่งถึงเราจำนวน 5 ใบ ถูกส่งมาจากปาย… “คนส่ง” คงรู้ว่านั่นคือดินแดนในฝันของ “คนรับ”…. เพราะนึกถึงจึงส่งมา(ขอบคุณคราฟ)
ถ้าปายเปรียบเหมือนสาวงามนางหนึ่ง... เราคงเป็นชายธรรมดาที่หลงรักสาวงามคนนั้น แอบมองในที่ที่ไกลออกไป ประมาณว่าแค่ได้เห็นหลังคาบ้านของเธอ…ก็หลับฝันดีแล้ว ฮ่าฮ่า แล้ววันหนึ่งในฤดูร้อนก็มาถึง…ความฝันเป็นจริงเข้าแล้วล่ะ!
2. ปายหน้าร้อน?
เพราะครอบครัวเราไม่ชอบที่ที่คนเยอะๆ ทุกครั้งที่มีวันหยุดยาวหรือเทศกาล เรามักจะเลือกนอนตีพุงอยู่ที่บ้าน ไม่ก็ทำกับข้าวกินกัน มากกว่าไปเบียดเสียดกันตามท้องถนน ไปแย่งร้านอาหาร+ที่จอดรถกับคนข้างนอก
ในบางเวลา , “เวลา” ก็เป็นตัวแปรหนึ่งในความพร้อมของครอบครัว ทุกคน “ว่าง” ตรงกันก็ตอนหน้าร้อนแบบนี้ล่ะ (โรงเรียนพ่อปิดเทอม , ลูกและเพื่อนลูกรอผล-ยังไม่มีที่เรียน-ว่างมาก , แม่เป็นแม่บ้านว่างทุกวัน ,น้าๆและเพื่อนบ้านก็ว่างพอดี..ครบทีม) และนั่นก็เป็นอีกเหตุผลที่เราเลือกไปเที่ยวปายในช่วงหน้าร้อน!
3. ปายหน้าร้อน!
หากใครนึกภาพ “ปายในช่วงฤดูร้อน” ไม่ออก ขอให้หลับตาในตอนกลางวัน พร้อมกับสูดลมหายใจให้เต็มปอด ถ้ารู้สึก “ร้อน” แสดงว่าคุณได้สัมผัสกับฤดูกาลของปายแล้ว
ปายหน้าร้อน…ก็ร้อนสิเคอะ! ฮ่าฮ่า
แต่สำหรับเรา , เสน่ห์ของปายในช่วงฤดูร้อนอย่างนี้ คงหนีไปพ้น2อย่าง “สายลม” และ “แสงแดด”
ทุ่งยามเช้า-ยามเย็นหน้ารีสอร์ท...
พัก Love Pai Home ที่พักไกลจากตลาดมาก อยู่กลางทุ่ง กลางวันร้อน กลางคืนเงียบสงบ ที่นี่จะมีด้วยกัน4บ้าน บ้านดิน บ้านน้ำ บ้านลม บ้านไฟ เราพักบ้านลม...ห้องเล็กแต่นอนกัน 4 คน ตอนเช้าอากาศดีมาก พ่อกับแม่ตื่นเช้าไปวิ่งออกกำลังกายกัน ส่วนเราน่ะเหรอ..อย่าถามดีกว่า!ฮ่าฮ่า (รู้มาว่าพี่โจพักที่นี่ด้วย ตอนไปปาย..ไกลเนอะ..แปงน่าจะเชื่อพี่โจ เฮ้อ!)
ส่วนหนึ่งของบ้านปายนาปายตาที่เราแวะไปถ่ายรูป-ไม่ได้พัก ฮ่าฮ่า ชอบตู้รับจดหมายของที่นี่มากเลย..น่ารักมาก
ในความรู้สึกของคนที่ได้ไปเหยียบดินแดนในฝันเป็นครั้งแรก ความงามของปายถูกอาบด้วยแสงอาทิตย์ แทนที่เราจะเห็นสีเขียวของท้องทุ่ง เรากลับเห็น สีขาวขุ่นอมเหลืองแทน
หลายคนบอกว่าปายเปลี่ยนไป.. เปลี่ยนไปอย่างไรเราเองก็ตัดสินไม่ได้ เพราะเราเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก แต่ถ้าหากเราแยก “การท่องเที่ยว” ออกจาก “วิถีชีวิตดั้งเดิม” ของคนที่นี่ เราว่าปายเปลี่ยนไปเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
จริงอยู่ที่พื้นที่โล่งกว้างถูกสร้างเป็นรีสอร์ท ร้านรวงแข่งกันเปิดแข่งกันเอาใจลูกค้า จนบางครั้งก็เบียดเบียนธรรมชาติ…แต่คนที่ทำเช่นนี้ส่วนใหญ่เป็นนายทุนใหญ่เพราะต้องใช้เงินลงทุนเยอะ คนดั้งเดิมอาจมีบ้างหากมีเงินลงทุนพอ
ทว่าคนพื้นเพเดิมและส่วนใหญ่ยังทำการเกษตร ทำนา ปลูกผัก ปลูกกระเทียม เลี้ยงสัตว์ คนเฒ่าคนแก่ยังอยู่ติดบ้าน…วิถีชีวิตรอบนอกยังคงดำเนินไปเช่นเดิม
หากมองในแง่ลบ... ไม่ใช่ “เราเรา” หรอกเหรอที่ทำให้เมืองๆนี้เปลี่ยนแปลงไป? สำหรับเรา โลกมีหลายมุมเสมอ..อยู่ที่ว่าเราจะมองจากจุดไหนต่างหาก(เล่า)
4.ยูโทปาย
ยูโทปาย คงจะคล้าย ยูโทเปีย… เพราะอาจเป็นเมืองในฝันของใครหลายคน ตลาดคนเดิน ในคืนหนึ่งของหน้าร้อน อาจไม่ได้คึกคักเหมือนอย่างที่เราเคยเห็นในโทรทัศน์หรือรายการท่องเที่ยว ส่วนหนึ่งเพราะไม่ใช่หน้าท่องเที่ยว!
คนที่ไม่ชอบไปเที่ยวในสถานที่ที่คนเยอะๆ อาจพอใจปายในคืนเงียบๆแบบนี้ เพราะเราจะมีโอกาสเดินชมตลาดของปาย เดินซื้อข้าวของ เข้าออกร้านนี้ไปร้านโน้น ได้สบายใจโดยที่ไม่ต้องเกรงว่าจะเหยียบเท้าคนอื่น… (พยายามคิด "ข้อดี" ของปายหน้าร้อนสุดๆแล้ว ฮ่าฮ่า)
แต่เราต้องเอา “ควายสบายใจ” ไปแลกกับ “ความรำคาญตา” อยู่บ้าง เพราะคนที่เราเจอเกือบทั้งหมดจะเป็นคนร่างใหญ่ ตัวสูง ผมทอง พูดจาภาษาที่เราฟังไม่ค่อยออก ถูกแล้ว! ปายหน้าร้อนมีแต่ฝรั่ง…แทบหาคนไทยไม่ได้เลย!!
“ฝรั่งจะมาเที่ยวปายในหน้าร้อน ส่วนคนไทยจะแห่กันมาในหน้าหนาว” นี่คือบทสรุปของคืนที่เราไปเยือนตลาดคนเดิน
หากปายเป็นเหมือนสาวงามที่เราเกริ่นไว้แต่แรก การได้มาเยือนปายในครั้งนี้ ทำให้ชายธรรมดาคนนี้รู้ว่า... “เธอช่างร้อนเกินไป(หมายถึงอากาศ) และก็มีหนุ่มๆต่างชาติมาส่งขนมจีบเธอเยอะจัง เราขอมองเธอจากที่เดิมดีกว่า-ที่ที่เห็นแต่หลังคาบ้านก็พอแล้ว” อะคริ อะคริ
ถ้ายูโทปาย มาจาก ยูโทเปีย ความรู้สึกที่ชัดเจนตอนนี้ก็คือ “ดินแดนในฝันน่ะ..ไม่มีอยู่จริงหรอก แต่ก็ยังดีที่ครั้งหนึ่งเราได้ไปเยือนมันแล้ว” เหอเหอเหอ
5.กาแฟวาวี-อร่อยที่สุด
ก่อนไปเชียงใหม่ เราได้รับการการันตีจากเพื่อนคนนึง-คนที่หน้าตาคล้ายแพนด้ามาก(ฮ่าฮ่า) เขาบอกประมาณว่า…พลาดไม่ได้เลยนะ ไปถึงเชียงใหม่ต้องลองกาแฟวาวีให้ได้ กาแฟโบราณที่ดังกว่าสตาร์บัคเสียอีก
บอกกัน(ให้อยาก) ซะขนาดนี้มีเหรอที่คนอย่างเรา(และจ๊ะ)จะพลาด แต่เราไม่ได้ ละเลียดกาแฟวาวีที่เชียงใหม่หรอก เรากลับลิ้มรสมันครั้งแรกที่ปาย!
กาแฟวาวีอร่อยจริงๆนะ ไม่ขมไม่หวานเกินไป วาวีที่ปายเพิ่งสร้างยังไม่เสร็จดีเลย แต่บรรยากาศร้านน่านั่งมาก ตั้งแต่ไปทริปนี้มีอันต้องละเลียดกาแฟตลอด นี่ถ้าไปเรียนมช. มีหวังกาแฟเข้าเส้นเลือด ฮ่าฮ่า
6.เชียงใหม่-สุดๆของวัยรุ่น
ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ได้ไปเชียงใหม่... แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ เราไม่ได้ไปกับทัวร์ แต่เราไปกันเองทั้งครอบครัว โปรแกรมเที่ยวชมดอยถูกตัดทิ้งไป ดอยสุเทพ ดอยตุง ดอยปุย ร่มบ่อสร้าง ศูนย์เครื่องหนัง…เราไม่ไป(คราฟ)
ครั้งนี้อิสระอยู่กับเรา ถนนนิมมานฯ และ แกลอรีแสดงผลงานของไทวิจิต คือสิ่งที่เรา “เลือก” ในเชียงใหม่ครั้งนี้…
I - berry นิมมานฯซอย17 เพิ่งเคยกินไอติมของที่นี่ครั้งแรกเลย พี่โน้ต อุดม ออกแบบร้านได้แนวมาก..ถูกใจวัยรุ่นมากคราฟ
กว่าจะหาไอเบอร์รีเจอก็ยากใช่เล่น ถ้าเข้าจากซอย17 เลี้ยวโน้นเลี้ยวนี้กว่า จะถึง หลงนิมมานฯก็ครานี้ละ แต่เมื่อไปถึงทุกอย่างหายเหนื่อย ไอติมอร่อยดี ร้านสวย นั่งกิน นั่งเม้าท์ ถ่ายรูป(ร้านและหนุ่มโต๊ะข้างๆ)ก็พอแล้ว... (เพื่อนเราคนนึงไปปิ๊งหนุ่มโต๊ะข้างๆสะด้วย เฮ้ออ...สุดๆไปเลย55)
แกลอรีแสดงงานศิลปะของไทวิจิต -ถนนท่าแพร
รู้จัก "ไทวิจิต" ครั้งแรกจากไต้ฝุ่นคาเฟ่ มารู้ว่ามีแกลอรีแสดงผลงานก็จากทริปที่พี่หมอนิลไปเที่ยว มาถึงเชียงใหม่ทั้งทีต้องขอแวบไปหน่อย วิธีไปก็ไม่ยาก ตอนแรกก็ไปกันแบบไม่รู้หรอกว่าอยู่ส่วนไหนของเชียงใหม่ ครั้งแรกนึกว่าอยู่แถวนิมมานฯซะอีก เพื่อความชัวร์เลยถามพี่พนักงานที่ไอเบอร์รี่ดู ปรากฎว่าอยู่ ถ.ท่าแพร ซะงั้น ไปไม่ยากหรอก แค่โบกรถแดงไป จ่ายคนละ15บาท ถึงที่เลย อิอิอิ
งานบางชิ้นเช่นรูปวาดก็ขาย อย่างต่ำอยู่ที่5,000 เราของชมอย่างเดียวพอ แต่แกลอรีนี้ ชมฟรีคราฟ ไม่ต้องจ่ายค่าเข้า...ดีจัง
7.อัมพวา-กินเดินหน้า,อ่านหนังสือ,นอน(ตีพุง)เล่น
ช่วงหลังๆที่ขึ้นมากรุงเทพฯ เรามักนึกถึงอัมพวาทุกที ทั้งที่สองสถานที่นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย
ตอนขึ้นไปติวแบรนที่ม.เกษตรฯ เรากับเพื่อนอีกคน ตั้งใจจะหนี(ที่บ้าน+เรียน) ไปนอนอัมพวาด้วย จัดการวางแผน พร้อมกับโทรจองที่พักเรียบร้อย..แต่ต้องมายกเลิกเพราะเพื่อนส่วนใหญ่รักดีซะงั้น (คนส่วนน้อยเลยอกหัก ฮ่าฮ่า)
แต่ครั้งนี้ไม่ต้องหนีใคร(พ่อแม่)แล้ว เพราะเรายกไปทั้งครอบครัว แถมพ่วงด้วยเพื่อนสนิทอีกต่างหาก ไปนอนซบอกอัมพวามา2คืน…สมใจ!
อัมพวาในยามเย็น คนเยอะมาก...
เลือกโปสต์การ์ด ดูเสื้อ ฟังเพลง มาทีเดียวได้ครบทุกอย่าง
แวะไปกินของที่ร้านกำปั่น ร้านน่ารักดี แถมชาเย็นอร่อยอีกต่างหาก ส่วนที่อื่นก็ชิมไปเรื่อย อิ่มท้องคราฟ
8.เพื่อนร่วมทาง
จริงอยู่ที่การเดินทางคนเดียว ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น กล้าตัดสินใจมากขึ้น แต่เราว่าในบางเวลาก็เหงาใช่เล่น สู้ไปกับใครสักคนที่รู้ใจกัน..อุ่นใจมากกว่า ทริปนี้มีจ๊ะ , รัตน์ ,โต้งไปด้วย กัดๆจิกๆกันตลอดทาง สร้างสีสันไม่น้อย ฮ่าฮ่า แต่เวลาหลงก็ช่วยกัน(หลง อ่ะล้อเล่น)
ขอบคุณเพื่อนร่วมทางของเราละกัน เพื่อนสนิท3คน พ่อแม่-ยอมไปลัลล้ากับลูก คงเหนื่อยน่าดู , น้าๆญาติๆ..มาเติมเต็มทริปนี้ได้อย่างลงตัวที่สุด
9.จุดเริ่มต้น /ระหว่างทาง/ปลายทาง
ฉัน , เธอ , เขา –เรารู้จักคำ 3 คำนี้ดี เพราะเรากำลังเดินอยู่ถนนสาย..ชีวิต
แล้วถ้าเราจะมองในแง่ของการเดินทางล่ะ?
จุดเริ่มต้น ทุกครั้งที่เรายืนอยู่ตรงจุดเริ่มต้น เป็นธรรมดาที่เราจะมอง “ไกล” มากกว่า “ใกล้” เพราะเราคิดว่า ทางที่ไกลออกไปนั้นมี “จุดหมาย” รออยู่ ก่อนออกเดินทาง พลังใจพลังกายเกินร้อย แต่ลึกๆแล้วเราก็แอบซ่อนความกลัวเอาไว้?
ระหว่างทาง คำ 3 พยางค์นี้อาจจะง่ายเมื่อออกเสียง แต่ถ้านับเป็น “ระยะทาง” เราว่า “ระหว่างทาง” เป็นช่วงที่ยากที่สุดของนักเดินทาง อาจเป็นช่วงที่เราใช้เวลาไปมากที่สุด…สิ่งรอบข้างเปลี่ยนไปทุกครั้งที่ระยะทางเพิ่มขึ้น ผู้คน เรื่องราว ความสุข ความเศร้า…ผ่านเข้ามา และระหว่างนั้นมันทำให้เรานึกถึงอยู่ 2 อย่าง... อย่างแรกคือ “บ้าน” อย่างหลังคือ “ปลายทาง”
เรื่องบางเรื่องก็วัดกันที่ใจ และการมีเพื่อนร่วมทางดีๆ ก็ทำให้เราเรียนรู้ศัพท์เพิ่มอีก 2 คำ... “สบายใจ” และ “วางใจ”
ปลายทาง ปราย พันแสงเคยเขียนไว้ทำนองนี้ว่า... “มนุษย์เป็นนักจิตวิทยาที่ฉลาดอย่างร้ายกาจที่สุด” และเราก็เห็นด้วยเต็มๆ คนเราเก่งเหมือนกัน รู้จักกำหนด “จุดหมาย” เพื่อให้ตัวเองมีกำลังก้าวเดิน
แต่รู้สึกมั้ย? ปลายทางกลับเป็นช่วงเวลาที่สั้นที่สุด… เรามีเวลาหยุดชมความงาม และยินดีกับความพยายาม…ไม่นานนัก เราไม่สามารถอยู่ตรงปลายทางได้ตลอดชีวิต เพราะปลายทางไม่ใช่ “บ้าน” บ้าน..อยู่ที่จุดเริ่มต้น ตรงที่เราก้าวออกมานั่นล่ะ
สุดท้ายขอรวบยอดความรู้สึก ปาย-เชียงใหม่-อัมพวา ปาย >>> เฉยเฉย เชียงใหม่ >>> เจ๋งมากวัยรุ่น อัมพวา >>> อิ่ม , อิ่มใจ
ปล. กว่าเอนทรีนี้จะเสร็จปาเข้าไป 4 วัน ต้นเหตุของความล่าช้าต้องโทษ หนังสือของปราย พันแสง มาทำให้เราหลงหัวปักหัวปำ ไม่ได้ทำงานทำการเลย นอกจากจีบ(ตัวอักษร)เธอ ฮ่าฮ่า
ขอบคุณ “เพื่อนบ้าน” เช่นเดิม พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ที่แวะมาพื้นที่แห่งนี้เสมอ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า พื้นที่เล็กๆนี้ มีอายุครบ 1 ปีแล้ว (เย้!) หวังว่าคงมีความสุขกับการอ่าน บันทึกการเดินทาง อันนี้นะค่ะ
ปิดท้ายด้วยคำพูดคมๆของนักเล่มเรื่องที่รักการเดินทาง อย่างนิ้วกลมล่ะกัน
“ทุกครั้งที่ออกเดินทาง ผมนึกถึงบ้านเสมอ และก็แปลกดีทุกทีที่อยู่บ้านนานเกินไป ผมก็ฝันถึงการเดินทางไกลเช่นกัน” / นั่งรถไฟไปตู้เย็น
- เราก็รู้สึกเหมือนพี่เอ๋เลย ตอนนี้ขออยู่บ้านพักผ่อน+อ่านหนังสือ แต่วันที่ 14 นี้เรามีนัดไปลัลล้ากับทะเลหน้าร้อน ทริปหน้าไปดำน้ำกันคราฟ อะคริ อะคริ
Create Date : 04 เมษายน 2551 |
|
27 comments |
Last Update : 5 เมษายน 2551 11:13:38 น. |
Counter : 1353 Pageviews. |
|
|
|
เป็นอะไรที่สุขสุดๆเลยน่ะ
เมื่อเราจัดการเรื่องยุ่งๆของเราเสร็จ จะตามไปมีความสุขบ้างน่ะ
แปง แปง!