ย้อนอดีต "เมืองโบราณ" ต่อ
ขับรถเลยมาอีกหน่อย ตลาดน้ำ มีเรือให้นั่งด้วย บรรยากาศดีตอนนี้ประมาณบ่าย 4 โมงกว่าแล้วนักท่องเที่ยวก็ยังบางตา
บสถ์คริสต์ อยู่ในบริเวณตลาดน้ำเหมือนกัน สร้างอยู่บนน้ำ ภายในโบสถ์ก็สวยแบบพอเพียง เพียงพอหลังคาต่ำมาก ไม่เห็นอะไรภายนอกเลยถ้าอยู่ในนี้ต้องก้มออกไปมอง ก็ดีนะสร้างให้ได้อารมณ์โบสถ์ตัดความวุ่นวายภายนอก แม้เพียงช่วงหนึ่ง
เดินออกจากโบสถ์คริสต์ ข้างหน้าเลย มองไปเห็นคนวาดรูปอยู่มีป้ายบอกว่าภาพวาดสีน้ำ
มองเลยมาอีกนิดจะเห็นว่ามีขายภาพวาดด้วย วาดตรงนี้ขายตรงนี้เลยอยากซื้อเหมือนกัน เอาไว้คราวหน้านะ เพราะตอนนี้รีบเวลาทุกนาทีมีค่าบัตรเข้าราคา 350 บาทต่อคนเอารถเข้าคิดอีก 300ต่อคันเรามาถึงบ่ายสอง ปิด5โมงเย็น แต่ถามคนข้างในเห็นบอกว่าก็ยืดหยุ่นถึง5โมงครึ่งหกโมงประมาณนั้น
ถัดมาก็เป็นร้านขายยาโบราณ อันนี้มาถ่ายทุกครั้งที่มา มีถังยาขม ยาหวาน สถานที่ส่วนใหญ่ในนี้จะสะอาดสะอ้าน เหมือนมีคนค่อยกวาดถูที่ไหนต้องถอดรองเท้า เดินไปไม่มีฝุ่น ยกเว้น บริเวณตลาดน้ำนี้ดูเหมือนไม่ค่อยเท่าไหร่ เคาน์เตอร์ฝุ่นเต็ม ในโบสถ์คริสต์บริเวณแท่นพิธีก็เป็นหรือมันเป็นพื้นที่เปิด ทำแล้วแต่เลอะง่าย
แอบถ่ายคุณแม่ สีซอให้ลูกฟัง แอบฟังซออันนะ 250บาท เ่ท่านั้นพี่น้องแม่ค้าบอกว่ามีคุณครูมาเที่ยวซื้อไปสอนเด็ก ในตลาดน้ำเปิดดนตรีไทยคลอตลอดได้บรรยากาศ บางช่วงลืมตัว นึกว่าตัวเองเป็นแม่พลอย
อีกด้านของตลาด มุมนี้คนน้อยได้บรรยากาศสงบๆ ยามเย็น ตำหนิในใจได้ไม่นานก็แอบเห็นคุณป้าคนหนึ่งเดินเอาไม้ขนไก่ไล่ปัดกวาดเรือนไม้มาทีละหลังถ่ายได้ไม่ชัดเลยมีต้นอะไรมันบังก็ไม่รู้ หันไปถามแม่ค้าที่อยู่อีกฝั่ง นี้ต้นอะไรคะ ต้นลำพูค่ะ แม่ค้าตอบมาพร้อมยิ้มหวานๆ ต้นลำพูของอังสุมาลินนี้เอง เคยเห็นลูกของต้นลำพูไหม สวยน่า แต่ถ่ายย้อนแสง ปรับภาพแล้วได้แค่นี้ถ้าผิดต้องโทษแม่ค้าหน้าหวานนะ เพราะเขาบอกมา เดินถัดมาเป็นวัดอยู่ริมน้ำท้ายตลาด อ่านเอากันเองนะจ๊ะ เข้ามาในวิหาร กราบพระ แล้วก็บอกท่านว่า ลูกขออนุญาตถ่ายนะคะพอยกกล้องขึ้น จะถ่ายกล้องดับเฉยเลย ไม่ใช่อะไรถ่านหมด ถ่านเพิ่งใส่เองก็คิดในใจขอแล้วนะดันมาหมดอะไรตอนนี้ ลองเปิดใหม่ถ่ายได้ด้วย
ถ่ายภาพแรกเสร็จ คิดว่าคงหมดแล้วน่าจะเฮือกสุดท้ายมั้ง แต่ก็ไม่ ยังกดได้พระพุทธรูปองค์นี้เหมือนเคยเห็นเลย นึกไม่ออกในตอนแรก แต่ตอนนี้นึกออกแล้ว เหมือนพระไม้ที่วัดนางชี เป็นพระไม้ใครปวดไม่สบายตรงไหนให้เอาสำลีชุบน้ำมันไปทาบริเวณนั้น แต่องค์นี้น่าจะเป็นปูนน่าจะเป็นสมัยสุโขทัย พระแบบสุโขทัยจะออกแนวเพรียวๆหน่อยท่านยิ้มทั้งสององค์เลย พระพุทธรูปไม่ว่าที่ไหนศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้นเป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ มีเทวดารักษา
ปางห้ามญาติ ในวิหารวัดพร้าวเหมือนกัน ภาพสุดท้ายก่อนออกมานอกวิหาร ทั้งวิหารมีเราคนเดียว ยังกะวิหารส่วนตัวข้างในสะอาดมากเลย วัดอยู่ท้ายคลอง กั้นขวางลำน้ำ ลมดีเชียวพระพุทธองค์นี้น่าจะเป็นปูน พุทธลักษณะแบบเชียงแสน พระวรกายอวบ ถ่ายรูปสุดท้ายคราวนี้กล้องดับจริงแล้ว
สุเหร่าไม่ได้เข้าไป โดนเร่งให้รีบให้รีบรูปนี้ถ่ายในช่วงแรกๆก่อนที่เข้าในตลาดน้ำ ใบยอ ถ่ายมาเผื่อใครไม่เคยเห็น ที่เอามาทำห่อหมกใบยอ ต้นงามดีมีเรื่องอยากเล่าอยู่เรืองหนึ่ง คือว่าตอนที่ไปไหว้หอพระแก้ว ไม่ได้ถ่ายรูปมาหลังๆไม่ได้ถ่ายหมดเลยเพราะถ่านหมด ก็มีต้นไม้อยู่ต้น หนึ่งรากยาวๆลงมาเหมือนม่านเลยก็ดึงเล่น เพราะดึงลงมาได้เรื่อยๆ ไม่หมดสะทีสักพักก็ออกแรงดึงก็ขาดนะ ตรงปลายที่ขาด มันมีน้ำเหนียวเหมือนยางและรากตรงปลายที่ขาดมันดูสดๆพี่บอกว่าต้นไทร เราก็บอกว่าใช่เหรอเขาตอบใช่ เราก็หันไปทางต้นไม้บอก ขอโทษนะคะ ขับรถต่อไปเจอเรือสำเภาเด็กๆบอกอยากลงไปดูเอางั้นลงๆ เราเดินนำเลยเคยมาแล้วตอนเดินขึ้นเอามือจับราวบันได ไปจับเจอตัวต่อหรือผึ้งก็ไม่รู้มันต่อยด้วย ตกใจร้องจ๊าก เด็กๆวิ่งตามมาหยุดกึกไม่ใช่อะไร ตกใจเสียงร้อง หันมามองมือตัวเอง ปวดตุบๆเลยนิ้วก้อยที่โดนค่อยๆบวม อย่างเห็นได้ชัด ตอนนั้นใจคิดถึงเรืองที่ไปดึงรากไทรคิดในใจขอโทษนะคะไม่ตั้งใจ ทุกคนวิ่งเข้ามาดูไหวเปล่าบอกไหวไปต่อ ไปเจอวิหารอรหันต์ก็ไปบอกท่านด้วย เล่าให้ท่านฟังว่าหนูไม่ได้ตั้งใจตอนนี้ถ้าไม่โดนก็ไม่ปวดแล้ว แต่ยังบวมอยู่เลย ยาวเลยนะ เพิ่มเติมหน่อย ตอนเช้าตื่นมาเหมือนมีไข้เลยไม่รู้เกี่ยวไหม
ลาไปด้วยภาพนี้ศาลาร้องทุกข์ ในสมัยพ่อขุนรามคำแหง ปกครองโดยระบบพ่อปกครองลูกใครมีเรื่องทุกข์ร้อน ถูกรังแก ก็มาสั่นระฆังด้านหน้าพ่อขุนรามคำแหงก็จะตัดสินใจความว่ากันไปตามถูกผิด หรือ หาทางแก้ไขเรื่องทุกข์ร้อน เป็นแบบปกครองกันเหมือนครอบครัวใหญ่พ่อมีอำนาจในการตัดสินใจ เมื่อลูกๆ มีเรื่องขัดแย้ง ศาลาร้องทุกข์อยู่ด้านในคะ
Create Date : 07 กันยายน 2555 |
Last Update : 7 กันยายน 2555 13:19:52 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1732 Pageviews. |
|
|
|