|
โอ๊ยยย...อะไรจะแม่นปานนี้คะเนี่ยยย
เอ่อ...แม่นจริง ๆ อ่ะ... 
อ่านคลีโอมาหลายปีดีดัก เริ่มมาสังเกตกับเจ้าเน็ทว่า เฮ้ย...คอลัมน์ดูดวงนี่มันแม่นว่ะ จะไม่ให้แม่นได้ไง แม่หมอเป็นคนเขียนคอลัมน์เองน่ะ
เพราะฉะนั้น วันที่คลีโอออก จะเป็นวันที่เรารีบแจ้นไปซื้อ และคอลัมน์แรกที่จะอ่านก็คือ ... แถ่น แท้นนน ... Horoscopes ถ้าเดือนไหนที่ดวงออกมาดี ก็จะครึ้กครื้นตั้งกะต้นเดือน (ไม่รู้หรอกว่ามันจะจริงเป๊ะ ๆ ป่าว แต่มันดีต่อสุขภาพจิตอ่ะ) แต่ถ้าเดือนไหนมาแบบอะไร ๆ ก็แย่เนี่ย ชักเริ่มเซ็งตะหงิด ๆ งมงายเจง ๆ แต่มันก็เป็นความจริงอ่ะ
จนเล่มล่าสุด ขอบอกว่า ลุ้นมาก ๆ เพราะมันจะออกก่อนที่จะประกาศผลแจล ไอ้เราก็ซื้อมาได้ เปิดอ่านทันที เขาว่า "จะมีเรื่องให้มีความสุขกันถ้วนหน้า..." กรี๊ดดดดดด อุแม่เจ้า จะผ่านแจลจริง ๆ เหรอเนี่ย กำลังใจเริ่มมาเล็กน้อย แต่ยัง 50/50 อยู่ เพราะบางเดือนก็ไม่แม่นเหมือนกัน แต่ไอ้บรรทัดต่อไปเนี่ยอ่ะสิ "แต่ก็จะมีเรื่องให้ต้องขัดใจกับคนรอบข้าง...ให้ระวังอารมณ์" แอบเอะใจก่อน เฮ้ย...ในเมื่อมันมีเรื่องดีขนาดนั้น จะมาขัดใจอะไรกับใครฟะ งง ๆ แกมไม่เชื่อ เพราะอยากเชื่อแต่เรื่องดี
...แอ่น แอ๊น... แล้ะแล้ววันประกาศผลก็มา ผ่านครับทั่น โห....แม่นจริง ๆ ว่ะ เริ่มตะหงิด ๆ อ้าว แล้วงี้ ไอ้ที่จะเรื่องขัดใจใหญ่โตก็มีแนวโน้มจะจริงอ่ะดิ แต่ด้วยความที่กำลังตื่นเต้นกับผลแจล ทำให้เลิกใส่ใจคำเตือนนี้ไปในที่สุด
โอ้ววววววว และมันก็เกิดขึ้นแล้วจริง ๆ ...วันนี้เอง...
ก็เพราะผลจากข่าวดีเนี่ยแหละ ทำให้เราต้องไปรายงานตัว ตอนแรกก็ว่าจะไปคนเดียววันศุกร์ แล้วก็จะแวะไปสมัครเรียนภาษาญี่ปุ่นด้วย อยู่ ๆ คุณแม่ (คนที่กำลังจะเป็นเหยื่ออารมณ์) ก็เสนอตัวไปด้วย แต่ต้องไปวันพฤหัส (วันนี้) แทน
เราก็...เออ ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องนั่งรถเมล์ไปเอง โอเช ๆ เราเริ่มต้นกันได้ดีกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เราทะเลาะกันน้อยมากเมื่อเทียบกับครั้งล่าสุด และแล้ว แววแห่งความหายนะก็เริ่มก่อเค้ามาพร้อมกับสายฝน ความรุนแรงเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อเหยื่อเราเข้าเลนผิดบนทางด่วน แทนที่จะไปพระราม 4 ดันเลี้ยวไปทางพระราม 9 แน่นอน ความผิดเพราะเราแหละบอกให้ตรงไป อยู่ ๆ ก็เปลี่ยนเลนเฉยเลย อืมมมม พยายามอดกลั้น วันนี้อารมณ์บ่จอยไม่ได้ เพราะหน้าจะเหียกมาก เดี๋ยวเขาจะตราหน้าว่า ใช้เส้นมารึไง
จนมาไคลแมกซ์ที่นี่เลย วัดหัวลำโพง ตอนนั้น 11.45 เราก็ใกล้จะบ้าแล้ว เพราะขี้เกียจไปรอพักเที่ยงอีกชั่วโมง แถมดันซวยที่จอดรถในวัดก็ไม่มีเพราะเหมือนว่าจะมีงานศพทุกศาลาเลย ก็เลยต้องเลยเข้าไปในที่จอดรถเป็นตึกที่มีช่องให้ขึ้นกะลงทางเดียวกัน (เกือบชนตั้งหลายรอบ) ระดับอารมณ์ของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเข็มนาฬิกาเดินใกล้ 12.00 เข้าไปทุกขณะ หลังจากวนอยู่เกือบ 10 นาที เราก็ตัดสินใจลงไปข้างล่างแล้วก็ไปจอดที่รถไฟฟ้าดีกว่า นั่นแหละ พอจอดได้ ตอนนั้นก็ 11.55 แล้ว ไหนจะต้องต่อรถแท็กซี่ พอถึงตึก ก็ต้องรอลิฟท์อีก อยู่ตั้งชั้น 22 แน่ะ ไม่ทันแล้วตู พอนึกได้ดังนี้...เราแทบจะกรี๊ดแล้ว หน้าเริ่มหงิกเป็นตะบวย แล้วก็เดินบ่นพล่ามเหมือนคนวีนแตกกับตัวเอง แถมเหยื่อของเราก็บอกให้ไปรถไฟฟ้า (ซึ่งก็หวังดีและก็เป็นสิ่งที่ต้องทำจริง ๆ เมื่อเราเอารถมาจอดที่จอดรถไฟฟ้า เราก็ต้องไปรถไฟฟ้า ไปประทับตราใช่ป่ะ) พอคิดตามแล้วจี๊ดมั่ก ๆ เฮ้ย...ถ้าไปรถไฟฟ้าเนี่ย ต้องเดินอีกตั้งไกล แถมพอขึ้นจากสถานีก็ต้องเดินอีกเกือบ 10 นาที (จริง ๆ แค่ 5 นาทีถ้าเรามาคนเดียว) หน้าเลยแย่หนักกว่าเดิม แต่บอกความจริง เราไม่ได้โกรธคุณแม่นะ แต่เราโกรธตัวเอง โกรธที่ทำไมเราต้องไปผิดเลนด้วย โกรธทีทำไมวันนี้ที่จอดรถในวัดไม่พอ ทำให้เราต้องเสียเวลาวนหาตั้งนาน เราอยากไปให้ทันก่อนเที่ยง แค่ 5 นาทีก็พอ เห็นเขาบอกกันว่า แค่ไปเซ็นต์ชื่อแป๊บเดียว ถ้าไปติดเที่ยง เราต้องเซ็งมาก ๆ แน่ ๆ และในที่สุด เราก็ไปไม่ทันจริง ๆ สงสารก็แต่เหยื่อเรา ไม่เคยเห็นเขาจะเสียงดังเท่าวันนี้มาก่อน เขาก็ไม่เข้าใจว่าเราจะหงุดหงิดฟึดฟัดอะไร ไปไม่ทันก็ไม่เห็นเป็นไร เดี๋ยวบ่ายก็ค่อยเข้าไปก็ได้ และอีกอย่าง มันก็ไม่ใช่ความผิดเขา ใช่...ไม่ใช่ความผิดเขาจริง ๆ
และที่งี่เง่าที่สุดก็คือ พอเรากินข้าวเที่ยงด้วยตะบวยบนหน้า จนบ่ายก็เดินวีน ๆ ขึ้นไปคนเดียว ปรากฏว่า ต้องใช้เวลาตั้งเป็นชั่วโมงกว่าจะเสร็จ แล้วเราจะหงุดหงิดหาพระแสงอะไร ยังไงก็ไม่ทันอยู่แล้ว ทำไมถึงได้งี่เง่าอย่างนี้วะ !!!!!
แต่ไม่รู้ทำไม จะเพราะฮอร์โมน หรือวัยทอง หรืออะไรก็แล้วแต่ เราเพิ่งมาสังเกตตัวเองว่า เรากลายเป็นคนโมโหร้าย และหงุดหงิดง่ายมั่ก ๆ จำได้ว่า ครั้งสุดท้ายที่เคยอยากเขวี้ยงปาข้าวของเพราะไม่ได้ดั่งใจเนี่ยคือสมัยเรียนม.ปลาย แต่พอเข้ามหาลัยก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนยิ่งทำงานก็ดีขึ้น จนเมื่อ 1-2 ปีนี้เอง ที่มันกลับมาอีก และเหมือนจะแรงกว่าเดิม
เราเริ่มรู้สึกเหมือนเด็กโดนตามใจจนเคยตัว ไม่ชอบการรอคอย และไม่ชอบที่จะไม่ได้อะไรอย่างที่อยากได้ และมีอารมณ์และพฤติกรรมแสดงออกรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะกับคนในครอบครัว
มันแปลกตรงที่ เราควรจะสุขุม เป็นผู้ใหญ่ เมื่อเวลาผ่านไปไม่ใช่เหรอ นี่เหมือนกับว่า เราย้อนกลับไปเป็นเด็ก 5 ขวบเหลือขอ ที่พร้อมจะเขวี้ยงของเล่นเมื่อไม่ได้อย่างใจ แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดีล่ะเนี่ย หรือเราจะต้องไปเข้าคอร์ส "Anger Management" 

สงสารก็แต่คุณแม่ จนป่านนี้เขายังเคืองเราอยู่เลย เราก็เข้าใจนะ แต่เราอยากอยู่เงียบ ๆ สักพัก แล้วเราจะไปขอโทษเขาเอง ...." หนูเสียใจนะ ที่ทำให้คุณแม่เสียใจ ทั้งที่คุณแม่ก็หวังดี ต่อไปหนูจะพยายามไม่เป็นแบบนี้อีกแล้ว "
Create Date : 08 กันยายน 2548 |
Last Update : 8 กันยายน 2548 22:56:42 น. |
|
4 comments
|
Counter : 584 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: lovelyberry วันที่: 9 กันยายน 2548 เวลา:9:04:20 น. |
|
|
|
โดย: Ohlala ^O^ IP: 61.91.104.40 วันที่: 11 กันยายน 2548 เวลา:18:35:32 น. |
|
|
|
โดย: [wanjeab] IP: 202.42.154.133 วันที่: 13 กันยายน 2548 เวลา:13:04:33 น. |
|
|
|
โดย: LittleLulu วันที่: 13 กันยายน 2548 เวลา:22:00:11 น. |
|
|
|
|
|
|
"Why do we have such a finite capacity for pleasure but an infinite one for pain ?" - The other side of the story
|
|
|
|
|
|
|
เราอ่านดวงแล้ว แต่ตอนนี้ก็จำไม่ได้แล้วล่ะ เราว่ายังแม่นอยู่นะ แต่ว่าเรื่องความรักนี่สิ ไม่รู้เมื่อไหร่จะแม่นสักที
เมื่อคืนก็เกือบโทรไปแล้ว ถ้าโทรไปคงต้องฟังแกบ่นยาวแน่เลย เมื่อคืนก็จิตตกนิดหน่อยเลยไม่ค่อยอยากคุยกะใครอ่ะ แล้วก็งัดงานอดิเรกออกมาทำ ฆ่าเวลาซะเลย
ยังไงก็ขอให้อารมณ์ดีเร็วๆนะ สงสารคนในครอบครัว