Group Blog
 
<<
กันยายน 2563
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
25 กันยายน 2563
 
All Blogs
 

คืนหนาวไร้ดาวเดือน (บทที่ 32) โดย มานัส


บทที่ 32

น่าแปลกที่ในระยะที่ห่างขนาดนี้ หญิงสาวยังจำได้คล้ายเจนตาว่าร่างสูงที่อยู่ห่างออกไปนั้นคือ…ใคร เธอเมินหันไปทางอื่น หากก็ยังรับรู้ว่า…เขา กำลังเดินเข้ามาพร้อมสารินและผู้ชายอีกสองคนที่เธอไม่คุ้นหน้า
 
มณิกานต์ก้มมองลูกกอล์ฟที่ยังเหลือเกือบครึ่งถาด แล้วจัดแจงเก็บไม้กอล์ฟใส่ในกระเป๋ากอล์ฟขนาดเล็กอย่างรวดเร็ว ไม่รีรอที่จะเลี่ยงเดินออกมาจากตรงนั้น
 
เธอไม่อยากเจอผู้ชายที่โหดร้ายไร้หัวใจคนนั้น ไม่อยากอยู่ใกล้เขา
 
จนเมื่อเดินมาถึงถึงรถสปอร์ตป้ายแดง เสียงที่คุ้นหูดังมาจากข้างหลัง…ตามมาหลอกหลอน
 
“ช่วยถือนะ” เจ้าของเสียงบอกพร้อมคว้าถุงกอล์ฟที่หญิงสาวสะพายอยู่ “คุณไม่น่ารีบออกมาเลยนะมนต์จ๋า ตียังไม่หมดถาด ถาดหนึ่งที่นี่คิดแพงเสียด้วย”
 
“เรื่องของฉัน! เงินของฉัน!” ดวงตาเป็นประกายภายใต้หมวกแก๊ปสีขาวจ้องเขาเขม็ง “เอาของๆ ฉันคืนมา”
 
“ไม่ขโมยหรอกน่า” ว่าแล้วชิษณุจึงเดินไปท้ายรถที่เปิดรออยู่แล้ว เขาจัดแจงวางกระเป๋ากอล์ฟลงแล้วปิดประตู “เห็นรถเล็กๆ อย่างนี้ แต่ใส่รองเท้าและข้าวของได้หลายอย่างเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นกระเป๋ากอล์ฟขนาดใหญ่อาจไม่พอนะ”
 
เพียงแต่ว่าอีกฝ่ายไม่สนใจเขา มณิกานต์เดินไปเปิดประตูด้านคนขับหากแล้วต้องหันควับด้วยสายตาขุ่นมัวเมื่อประตูอีกข้างถูกเปิดออกพร้อมร่างสูงที่เข้ามานั่ง
 
“มากไปแล้วนะ” ดวงหน้าเอาจริงเด็ดขาดไม่ต่างจากน้ำเสียงดังก้องภายในรถ “ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของคุณและรถคันนี้มันรถของฉัน คุณถือวิสาสะเข้ามาได้ไง ลงไป!”
 
“มนต์จ๋า…ผมคิดถึงคุณนี่หน่า” เสียงทุ้มทอดลงอ่อนละมุน “เมื่อมีโอกาสก็แค่อยากอยู่กับคุณบ้าง ได้คุยกันบ้าง”
 
“แต่ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ ไม่อยากอยู่ใกล้สิ่งที่น่ารังเกียจเช่นคุณ”
 
ถ้าเป็นใครคนอื่น ใช้คำพูดเช่นนี้ ด้วยน้ำเสียงอย่างนี้…ชิษณุคง…จัดการ ทว่ากับผู้หญิงคนนี้ ดวงหน้าของเขายังคงอ่อนโยนไม่เปลี่ยนแปลงเฉดเช่นน้ำเสียงละไม
 
“ยังโกรธผมซินะ ถ้ามนต์จ๋าจะโกรธผมก็ไม่เป็นไร ขอแค่อย่าเกลียดผมก็พอ”
 
“ฉันเกลียดคุณ” เธอหันมาย้ำชัดทุกคำ สู้กับรอยยิ้มที่ยังคงละมุนเช่นเคยของเขา
 
“ไม่เป็นไร ถึงคุณจะรู้สึกเกลียดผมในตอนนี้ แต่ขอให้คุณยังรักผมเพียงเสี้ยวหนึ่งที่คุณเคยรักก็ยังดี”
 
คำพูดของเขาทุบลงบนความรู้สึก มณิกานต์กระชากรถออกอย่างแรงและเร็ว จากหางตาเธอเห็นว่าเขานั่งพิงเบาะอย่างสบายอารมณ์ หันมองเธอไม่วางตา
 
“ตั้งแต่งานแต่งพี่นินทร์กับอรก็มีการซุบซิบเรื่องของเราสองคน” เสียงทุ้มทำลายความเงียบในรถ “สงสัยคงเป็นตอนที่เรานั่งอยู่ด้านนอกล่ะมั๊ง เอ๊ะ…มีฉากจับไม้จับมือด้วยเน๊อะ”
 
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันแก้ข่าวให้แล้ว” 
 
“แย่งจัง…” ชิษณุแสร้งถอนหายใจยาว “ให้ข่าวไม่ตรงกัน”
 
พลันรถสปอร์ตที่วิ่งด้วยความเร็วสูงหักจอดข้างทาง
 
“คุณต้องการอะไรกันแน่ คุณชิษณุ!” แววตาเกรี้ยวโกรธจ้องอีกฝ่าย “คุณทำอย่างนี้เพื่ออะไร?”
 
“เพื่อเรา” คำพูดหนักแน่นยืนยันชัดเจน “หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนและขั้นตอนของผม ตอนนี้เราสองคนอาจจะมีความสุขมากกว่านี้ แต่มันผิดแผนไปหมด ซึ่งผมเองก็ยังคิดหาทางออกสำหรับเราไม่ได้ แต่มันต้องมี…ต้องมีทางซิ”
 
“มันไม่เคยมีทางออกสำหรับเรา มีแต่ทางออกสำหรับคุณมากกว่า”
 
“ผมเคยพยายาม…ลดความโกรธความเกลียด แต่ผมทำไม่ได้”
 
“เห็นแก่ตัว! คุณเคยคิดถึงความรู้สึกของคนอื่นบ้างไหม คุณจำได้เสมอว่าใครเคยทำให้คุณเจ็บ แต่จะจำได้บ้างไหม รู้บ้างไหมว่ามีใครที่ต้องเจ็บเพราะคุณ…”
 
“มนต์จ๋า…”
 
“คุณหลอกฉัน…ทุกอย่าง คุณ…”
 
“ผมเสียใจที่คุณคิดอย่างนั้น แต่ผมก็ดีใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิตผมสามารถที่จะห่วงใครสักคนได้มากกว่าห่วงตัวของผมเอง มันเป็นความรู้สึกที่ดีทีเดียว”
 
หากดวงหน้านวลหันมองออกไปยังถนนที่รถราแล่นไปอย่างเร็ว มณิกานต์ได้แต่เตือนตัวเอง..คนคดลดเลี้ยวล้ำกว่าน้ำลำคลอง
 
ความสัมผัสอ่อนโยนอบอุ่นบนมือ เตือนเธอ…ว่าเจ็บปวด
 
กับเขตต์…ทรยศ หักหลัง
 
กับชิษณุ…หลอกลวง มากด้วยเล่ห์ เปี่ยมด้วยกล เขากรีดบาดแผลชีวิตให้อย่างเลือดเย็น
 
และเมื่ออกระชากมือออกก็พบว่ามันหลุดออกมาแสนง่ายดายเหลือเกิน
 
“ลงจากไป!” เสียงสั่นพยายามที่จะปรับให้เฉย “อย่ามายุ่งกับฉันอีก ฉันไม่อยากเสียเวลากับคุณ”
 
“ผมขอโทษ” การขอโทษง่ายดาย ทิ้งหางเสียงเพียงนิดให้รู้ว่า…ขมขื่น “ผมหวังเพียงว่าในความรู้สึกของคุณจะยังเหลือที่เล็กๆ เผื่อความรักไว้ให้ผมบ้าง”
 
ร่างสูงก้าวลงจากรถ แม้ไม่เร็วเช่นนิสัยปรกติแต่ก็ไม่ได้ช้าอ้อยอิ่ง และเมื่อประตูถูกปิดแล้วรถราคาแพงป้ายแดงก็กระชากตัวออกอย่างแรงและเร็ว
 
หญิงสาวไม่แน่ใจว่าความเร็วของรถนั้นเพื่อจะไปให้พ้นเขาให้เร็วที่สุด หรือเพราะว่าไม่อยากให้เขาเห็นน้ำตาของเธอที่รินไหลช้าๆ
 
 
คนที่นั่งรออยู่ฉายยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าผู้ใดหญิงสาวกำลังเดินมาที่โต๊ะ หลายอาทิตย์ก่อน เจอกันโดยบังเองแล้วเจ้าหล่อนชวนเขาร่วมโต๊ะ แล้วพักหลังพริมานัดเขาออกเที่ยวกับกลุ่มของเธอมากขึ้นต้องตั้งข้อสงสัย หากความแคลงใจทั้งหมดก็หายไปเมื่อข่าวออกมาเรื่องชิษณุกับลูกสาวคุณดิลก
 
“คุณถึงห่างเหินกับมัน” เขาเคยเย้ยพร้อมเสียงหัวเราะดัง
 
พริมาคือตัวเชื่อมระหว่างชิษณุกับภาคการเมืองและกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ ตอนนี้สายโยงใยนั้นสั่นคลอนเสียแล้ว และเทวัญก็ไม่รอช้าที่จะใช้ความอดทน…ตีสนิทก็อดีตผู้หญิงคนสนิทของชิษณุ
 
ออกเที่ยวด้วยกันหลายครั้งกับกลุ่มของเธอแต่พริมาก็ยังไว้ตัววางมาดเช่นเคย จะมีเพียงบางเวลาที่อารมณ์บวกฤทธิ์เหล้าและเสียงเพลงทำให้หญิงสาวเผลอคลอเคลียใกล้ชิด หากก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น ต่อให้ครั้งไหนที่พริมาประคองสติไม่อยู่ แต่เพื่อนๆ ของเธอ รวมทั้งผู้ติดตามที่เฝ้าระวังให้อยู่ก็จะหญิงสาวกลับไป
 
“จองไว้ให้หกที่ไม่รู้พอไหม” เขาตะโกนแข่งกับเสียงเพลง “แต่วันนี้คุณมาเร็วนะ”
 
“กินข้าวกับที่บ้านแถวนี้พอดี” พริมาตอบห้วนๆ รับแก้วเหล้าผสมจากบริกร
 
“ไอ้ณุรู้หรือเปล่าว่าคุณมาเที่ยวกับผมบ่อยๆ”
 
การยักไหล่ของอีกฝ่ายแปลความหมายได้มากมายนัก พริมาไม่ใจหรอกว่าชิษณุจะรู้หรือไม่…หรือสนใจไหม เพราะหลายเดือนที่ผ่านมาตั้งแต่ที่โรงพยาบาล เขาก็ไม่ยอมพบหรือรับสายของเธอ และแม้เธอไปดักรอเขาที่โรงแรมแต่คนใจร้ายคนนั้นก็ไม่เคยปรากฎกายให้เห็น
 
เมื่อก่อนต่อให้เขาโกรธหรือหงุดหงิดมากน้อยเพียงใด แค่เธองอนง้อขอโทษ เขาก็กลับมาเหมือนเดิม หากตอนนี้ ไม่ใช่เสียแล้ว…เพราะผู้หญิงคนนั้นคนเดียว!
 
“มันก็เป็นความพอใจของฉัน” แววตากระด้างสบตาอีกฝ่ายอย่างท้าทาย
 
เทวัญไม่หลบสายตานั่น เขามองดวงหน้าที่แต่งด้วยเครื่องสำอางแต้มเสน่ห์ทางเพศอย่างเหลือร้าย
 
ผู้หญิงสาย เพรียบพร้อมเช่นนี้…ใยถึงหลงไอ้ณุนัก
 
ความคิดนี้สุมไฟริษยาในหัวใจของเทวัญ เพราะชิษณุเป็นเจ้าของกายและหัวใจของผู้หญิงที่เป็นยอดปรารถนาของเขา ไม่ว่าจะเป็นโจแอนเมื่อในอดีต หรือพริมาในปัจจุบัน
 
ผู้หญิงที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อ…มัน!
 
 
“นั่นแฟนของกิ๊กแก” ปิยะรัตน์พยักหน้าไปทางโต๊ะที่อยู่อีกด้านหนึ่งไม่ไกล เมื่อเพื่อนสนิทเข้ามานั่งที่โต๊ะ “มากับไอ้หนุ่มที่ไหนไม่รู้ มีเพื่อนอีกสี่คนตามมาทีหลัง”
 
“กิ๊กที่ไหนพูดให้ดีๆ นะแป้ง” แววตาเอาเรื่องจ้องเพื่อนที่ยิ้มแหยๆ และถึงกระนั้น มณิกานต์ก็หันไปมองที่โต๊ะนั่นจนได้
 
เทวัญ…เธอจำได้
 
และยิ่ง…พริมา ก็ยิ่งเป็นบุคคลที่เธอจำได้ไม่มีวันลืม
 
คนที่ชิษณุชิงชังอาฆาต กับผู้หญิงที่รักชิษณุหมดหัวใจ…สนิทสนมกันเกินคนรู้จักนัก
 
“ถ้าเรื่องแก่กับเขาเป็นข่าวลือออกมาเฉยๆ พวกฉันก็ไม่เชื่อหรอก เพราะบริษัทของแกกับของเขาช่วงหลังกำลังขบเขี้ยวกันอยู่ทั้งเรื่องงานและเงินลงทุน” ผสุดียกขวดเครื่องดื่มชนิดคูลเลอร์จิบอีกนิดก่อนจะพูดต่อ “แต่ที่งานแต่งพี่อรพวกฉันเห็นกันเต็มหกตา ให้แกอมพระมาทั้งวัดมาแก้ต่างให้พวกฉันก็ไม่เชื่อ”
 
“จะเชื่อหรือไม่เชื่อมันก็เรื่องของพวกหล่อน” เธอหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบริกร ก่อนที่จะหันกลับมาหยิบส้อมจิ้มไส้กรอกที่หั่นเป็นชิ้นเล็กในจาน “ความจริงย่อมเป็นความจริงย่ะ”
 
เสียงหัวเราะร่าต่อเถียงยังคงมีต่อไปจนกระทั่งผสุดีสะกิดเพื่อนๆ ลดเสียงกระซิบกระซาบ “นี่พวกแก ฉันเพิ่งรู้ข่าวอันหนึ่งมาล่ะ…อีนังศลิษา”
 
ทุกคนหันไปมองหน้ามณิกานต์ที่นั่งเฉยด้วยสีหน้าปรกติ
 
“นังปิศาจมารร้ายนั้นเหรอ” เพื่อนอีกคนที่นั่งฟังเงียบๆ อดไม่ได้ที่จะเสริมขึ้นอย่างคะนอง
 
“เออ...อีนังศลิษากับไอ้เขตต์” คนเล่าย้ำชัดทุกสำเนียงอักษร “เลิกลาบ๊ายบายแล้ว”
 
“ก็ไอ้เขตต์พยายามตื้อมนต์อยู่นี่ไง ถูกถีบหน้าแหกไปหลายครั้งมันยังหน้าด้านไม่เข็ด”
 
“อย่าไปใจอ่อนเชียวแก” ปิยะรัตน์มองหน้าเพื่อนในแสงไฟสลัวของสถานที่
 
“ให้ลงเกลียดแล้ว ยังไงฉันก็ไม่ใจอ่อน เพราะฉันจำฝังใจเชียวล่ะ” น้ำเสียงย้ำชัด รู้สึกถึงความขมปนเปรี้ยวของจินโทนิคที่กำลังดื่ม 
 
“อีผู้ชายก็ซมซานกลับมา นังผู้หญิงนั่นก็ไม่มีเพื่อนคนไหนกล้าคบ เขากลัวโดนตีท้ายครัว”
 
“เฮ้ยๆ” ปิยะรัตน์สะกิดเพื่อนๆ “ยัยพริกมองมาทางเราเขม็งเลย สงสัยเดี๋ยวคงมีมีแขกคนสำ-มะ-คันมาเยือนที่โต๊ะว่ะ”
 
และก็เป็นอย่างที่พูดจริงๆ เมื่อในอีกไม่กี่นาทีต่อมา พริมาก็เดินเข้ามาพร้อมเพื่อนสาวอีกสองคน ร่างบางของหญิงสาวเซนิดๆ เพราะฤทธิ์เหล้า ไม่ต่างจากน้ำเสียงที่ออกสำเนียงพันกันเล็กน้อย
 
“โลกกลม ทำไมจะต้องมาเจอเธอที่นี่ด้วยก็ไม่รู้”
 
“สังคมมันแคบมั๊งคุณ” เพื่อนของมณิกานต์คนหนึ่งตอบ แต่คู่กรณีหลักยังคงนั่งจิบเครื่องดื่มด้วยท่าทีเฉยๆ
 
“แคบเกินไป วนเวียนไปมาก็เจอกันอีกจนได้” เสียงที่กระแทกนั้นไม่ว่าจะเพราะอารมณ์หรือฤทธิ์เหล้าก็ไม่น่าฟังเสียเลย “รู้ไหมว่าณุเขาเกลียดเธอ เกลียดพ่อเธอเพราะว่าพ่อของเธอเคยร่วมมือกับญาติเขาชิงเอาบริษัทของเขาไป”
 
“คุณเมาแล้วนะคุณพริมา กลับไปที่โต๊ะจะดีกว่า” เพื่อนสาวคนของมณิกานต์บอกอย่างไม่พอใจ
 
“เสือก!” คำสบถทำให้คนทั้งโต๊ะชะงักด้วยความคาดไม่ถึง หากพริมาไม่ใส่ใจ เธอหันมาจ้องคู่กรณีเขม็ง “คิดหรือว่าเขาจะรักแกจริง แกก็เป็นได้แค่เครื่องมือของเขาหาผลประโยชน์ จัดการพ่อของแก ฟันแล้วทิ้ง ณุทำมาเยอะแล้ว”
 
“นี่! ถ้าจะมาหาเรื่องก็ไปที่อื่น” ปิยะรัตน์เริ่มทนไม่ไหวแล้ว
 
“คุณจะบอกล่ะซิว่าคุณต่างจากคนอื่นๆ คุณพริมา” น้ำเสียงเรียบขัดกับดวงตาแข็งกล้า “โถ…ก็แค่คุณชิษณุใช้คุณเป็นเครื่องมือมาหลายปีนานกว่าคนอื่นได้ที่ผ่อนคลายอารมณ์เวลาเบื่อหาใครไม่ได้ เรื่องนี้เขาซุบซิบกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คนในสังคมเขารู้กันหมด คุณไม่ต้องมาย้ำมากก็ได้ว่าคุณกับเขาเป็นอะไรกัน” มณิกานต์เพิ่มจริตในน้ำเสียง จีบปากจีบคอจงใจยั่วโมโหอีกฝ่าย “เพียงแต่คนอื่นเขาโดนกันไม่นานก็เลิกรากันไป แต่คุณเป็นปีๆ ก็ยังปล่อยให้เขาได้ฟรีๆ ไม่รู้สึกขาดทุนบ้างเลยเหรอ”
 
“แบบนี้เรียกว่าเต็มใจให้เขาหลอก” แม่เพื่อนตัวดียังช่วยใส่อีก
 
“ไม่หลงจนโงหัวไม่ขึ้น ก็ไง่ให้เขาหลอก” เพื่อนอีกคนของมณิกานต์ร่วมพยักหน้า
 
“แต่กล้าจัง เอาเรื่องคู่นอนตัวเองมาประจานให้ชาวบ้านชาวช่องรับรู้ด้วยแน่ะ” มณิกานต์หัวเราะเบาๆ “แหม…อยากได้คืนก็เอาไปเหอะ เพราะฉันเบื่ออีตาชิษณุนั่นจะตาย มาตื้ออยู่ได้…เธอก็เห็นข่าวนี่ ตื้อ...แต่ฉันไม่เอา เฉดหัวไปไม่รู้ตั้งกี่ทีแระ”
 
เสียงกรี๊ดลั่นราวแข่งกับเสียงเพลงที่เปิดกระหึ่มชักชวนคนอื่นๆ ให้ต้องหันมามองอย่างสนใจกับภาพพริมาที่มีเพื่อนอีกสองคนยึดแขนเอาไว้ไม่ให้ปรี่เข้าไปไปยังคนที่นั่งอยู่ แล้วกึ่งลากกึ่งจูงให้กลับไปที่โต๊ะของตน หากก็ทันได้ยินเสียงตามหลัง
 
“ลูกสาวของท่านรัฐมนตรีคนดังที่ชอบงาบโครงการใหญ่ๆ น่ะค่ะ เผอิญแกเป็นโรคจิต ชะนีหวงผัวเจ้าชู้น่ะค่ะ” มณิกานต์หันไปยิ้มให้โต๊ะข้างๆ
 
“ร้ายนะยะหล่อน” ปิยะรัตน์มองค้อนเพื่อน “ด่าเขาซะเสียหาย หนำซ้ำยังโพนทะนาไปอีกว่านางเป็นลูกใคร”
 
“ฉันก็เสียนะ แหม…อยู่ดีๆ ก็โดนด่าว่าแย่งผัวชาวบ้าน” คนพูดยักไหล่ยิ้มอย่างสะใจ หากมีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่า…หัวใจมิได้ยิ้มอย่างที่ใครๆ เห็น
 
หัวใจของเธอคล้ายโดนบีบให้ทุกการหายใจติดขัด
 
 
จากน้ำเสียงเกรี้ยวกราดผสมสะอื้นไห้ของบุตรสาวคนโตผ่านทางโทรศัพท์ คุณหญิงกรองแก้วจึงตัดสินใจทันทีที่จะลงมากรุงเทพฯ โดยไม่ให้บุตรสาวคนเล็กตามมาด้วย พร้อมกับคำสั่งผ่านสายก่อนจะขึ้นเครื่องพร้อมผู้ติดตามอีกสามคน
 
“ณุ…ยายกำลังจะลงไปกรุงเทพฯ ยายขอคุยด้วยบ่ายนี้ ให้คนของณุ ดูด้วยว่าให้ป้าเขาขึ้นมาพบยาย”
 
การตอบรับของหลานชายในตอนนั้นสงบนิ่ง ไม่ต่างจากในเวลานี้ที่เขานั่งตรงหน้าหญิงชราถายในห้องสูทของโรงแรม
 
“รู้เรื่องคำสั่งศาลแล้วใช่ไหม” น้ำเสียงที่ถามหลานชายเป็นปรกติ
 
“ครับ”
 
“ไอ้ณุ…แกใช่ไหม” สินีชี้หน้าหลานชาย เธอยอมรับว่าคาดไม่ถึงที่ชิษณุจะกล้าเดินเกมถึงขั้นนี้
 
“เจ้าหนี้ของคุณป้ามีเยอะแยะ และขืนคุณลุงกับคุณป้าไม่ทิ้งนิสัยเดิมๆ มันก็จะเป็นวัฏจักรนี้ไปเรื่อยๆ สมบัติต่อให้มีมากเท่าไร หากดีแต่ผลาญไม่รู้จักเก็บ ไม่รู้จักหามันก็ต้องหมดไปสักวัน”
 
“ไม่ต้องมาสอนฉัน!”
 
“ตอนนี้แค่มีคำสั่งห้ามโอนย้ายทรัพย์สิน” คุณหญิงเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยหน่าย “ต้องเจรจากับเจ้าหนี้อีกที”
 
“แต่จากหนี้ที่ค้างอยู่และก่อเพิ่ม ทรัพย์สินทั้งหมดของคุณป้าคุณลุงในตอนนี้ก็ยังไม่พอ”
 
“แล้วเราควรทำอะไร”
 
“ก็อย่างที่คุณยายว่าล่ะครับ คุยกับเจ้าหนี้”
 
“ณุพอจะช่วยป้าเขาได้ไหมลูก” คุณหญิงกรองแก้วมองหน้าหลานชายที่นิ่งไป
 
“ได้ครับ แต่ต้องภายใต้เงื่อนไขของผม”
 
“แกจะเอาอะไรอีก” สินีกระชากเสียงไม่พอใจ
 
“ผมจะให้เขาร่างสัญญาขึ้นมาฉบับหนึ่ง ในนั้นจะบอกเงื่อนไขของผมอย่างละเอียดชัดเจนซึ่งทุกคนในที่นี้ต้องยอมรับหมดทุกข้อ ข้อหนึ่งอำนาจในการต่อรองและเจรจากับเจ้าหนี้หรือบุคคลอื่นต้องอยู่ที่ผม และสิ่งที่ผมตกลงไว้กับคนเหล่านั้นคุณลุงคุณป้าต้องทำตามทุกประการโดยไม่มีข้อแม้”
 
“ทำไมฉันต้องทำตาม ขืนข้อตกลงแกมันทำให้ฉันเสียเปรียบ…”
 
“ช่วยไม่ได้” ชิษณุขัดขึ้นทันที “เพราะคุณป้าไม่มีทางเลือก ผมขอต่อนะครับ…ข้อสองไม่ว่าในกรณีใดๆ หรือในช่วงเวลาใดนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณลุง คุณป้าหรือหรือทายาทจะไม่ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายใดๆ จากผมหรือเจ้าหนี้เนื่องจากการเจรจาในครั้งนี้ ข้อสามหนี้สินที่ก่อขึ้นหลังจากวันนี้โดยคุณลุงคุณป้า หรือทายาทเป็นผู้ก่อ ผมจะไม่รับผิดชอบทั้งสิ้น ไม่ว่าเรื่องเจรจาหรือเรื่องชดใช้ ความรับผิดชอบทั้งหมดเป็นของคุณป้า ข้อสี่ หากเงินชำระคืนหนี้ไม่พอจากสินทรัพย์ปัจจุบันของคุณป้า คุณยายอนุญาตให้ผมดำเนินการจัดการกับสินทรัพย์บางตัวที่คุณยายยังถือกรรมสิทธิ์อยู่ ข้อห้า ผมจะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆ ข้อหก ค่าตอบแทนของผมสำหรับการเจราจาต้องไม่ต่ำกว่าสามสิบล้านบาท”
 
“ไอ้หน้าเลือด!”
 
“อ้อ…” คนที่ยักไหล่มิได้ใส่ใจคำโต้แย้งหยาบคายและรุนแรงจากผู้เป็นป้าและลุงเขย “ผมรู้ว่าคุณป้ากับคุณลุงไม่ค่อยมีเงินสดเหลือ เพราะเอาไปจ้าวางให้คนโง่ๆ ทำอะไรโง่ๆ สามสิบล้านนั่นผมขอเป็นที่ดินทั้งหมดที่อยู่ในชื่อของคุณลุงคุณป้าก็แล้วกัน” การเดินหมากครั้งนี้ต้องเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับทุกคน “มันไม่สนุกหรอกครับ ที่จะต้องคอยมานั่งชำระล้างตามสิ่งโสมมที่คนอื่นทิ้งไว้ เงินแค่เท่านี้ผมว่ามันยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ”
 
 
“ณุเอ๋ย…เราทำกับคุณป้าเขาเกินไปหรือเปล่า”
 
ชิษณุรับฟังคำเปรยของผู้เป็นน้าสาว รู้ดีว่าไม่ช้าก็เร็วรพีพรจะต้องโทรฯ มา
 
คนที่ฉลาดและมากประสบการณ์อย่างคุณหญิงย่อมรู้ดีว่า ความเห็นของคนที่เคยช่วยเขาและถือข้างเขามาแต่ต้นโดยไม่มีข้อแม้อย่างรพีพรย่อมมีน้ำหนักมากกว่า
 
ดังนั้น ตอนนี้รพีพรจึงพยายามให้ชิษณุยอม…งอ
 
ยอม…อ่อน ผ่อนปรนบ้าง
 
“ผมยอมรับว่าผมอาจจะพูดแรงไปล้าง แต่การกระทำของผมและข้อเสนอล้วนสมเหตุสมผลทั้งสิ้นหากคำนึงถึงปัจจุบันและอนาคตที่ไม่ใช่แค่ของผมแต่เป็นของครอบครัวของเราด้วยครับ”
 
“แต่นี่มันมีผลถึงคุณแม่ด้วยนะ”
 
“คุณยายน่าจะเข้าใจเรื่องนี้ ท่านน่าจะรู้ว่า ถ้าเราไม่ให้บทเรียนแก่คุณป้าในวันนี้แล้ว เรื่องแบบนี้ก็จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้น การพนันเป็นสิ่งเสพติดสำหรับหลายคน ติดแล้ว เลิกยาก…โดยเฉพาะถ้าคนนั้นรู้ว่าเขามีถุงเงินให้ล้วงไปอย่าไม่มีวันหมด”
 
คนฟังได้แต่ถอนหายใจ ชิษณุมีเหตุผลเสมอ ความเยือกเย็นในท่วงท่าและความสุขุมในการสื่อคำพูดที่เกลาเสร็จสรรพ กอปรกับความสามารถที่มี ทำให้เขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างรวดเร็ว จัดการทุกอย่าง…ทุกคนได้อย่างต้องการ
 
“มันก็จริงอย่างที่ณุว่า” รพีพรเห็นด้วยกับหลานชายเช่นเคย “แต่จะทำอะไรก็ให้คิดถึงคุณยายไว้บ้าง นั่นก็ลูก นี่ก็หลาน”
 
“ครับ” ชายหนุ่มแม้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาอยากตะโกนถามว่ามีใครคิดถึงความรู้สึกของเขาบ้าง
 
แต่นั่นต้องสะกดไว้…ในเรื่องงาน เรื่องการล้างแค้นทั้งความคิดและการตัดสินใจ เขาไม่เอาความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง
 
ความรู้สึกต้องแยกออกมาจากเหตุผลและผลประโยชน์เมื่อตัดสินใจในทุกเรื่องของชีวิต เมื่อก่อนเคยเป็นเช่นนั้น
 
Use your head, not your heart!
 
หากเดี๋ยวนี้เขาให้คำตอบไม่ได้ว่า ทำไมการตัดสินใจหลายครั้งของเขามักมีความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวด้วย…ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
 
 
ช่อดอกไม้สีสดใสช่อใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องทำงาน ทำให้คนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาต้องหันถามพนักงานที่นั่งอยู่ด้านนอก
 
“เจ้าเดิมค่ะ” หนึ่งในนั้นบอกเสียงอ่อย “พยายามถามให้คุณมนต์แล้วนะคะว่าใครเป็นคนสั่ง แต่เด็กที่เอามาส่งก็บอกว่าไม่รู้เหมือนเดิม”
 
มณิกานต์ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะหันไปทางแม่บ้านที่ยืนรอรับคำสั่ง “ช่วยจัดใส่แจกันแล้ววางไว้ข้างนอกนะคะ พวกสาวๆ จะได้มีกำลังใจในการทำงาน”
 
ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว แต่ทั้งช่อดอกไม้แจกันดอกไม้ไม่ระบุชื่อคนส่งก็มีมาให้เห็นทุกเช้า…น่าเบื่อ
 
“คงเป็นหนุ่มๆ ที่กำลังจีบแกอยู่มัง” เพื่อนๆ ให้ความเห็น
 
“ถ้างั้นก็ต้องระบุชื่อดิ” ความเห็นเริ่มหาเหตุผลต่างๆ
 
“ไม่กล้ามัง”
 
“คนมีกะตังค์แน่ๆ ช่อหนึ่งก็หลายพัน เล่นส่งมาทุกวัน”
 
“คุณชิษณุ…” คงมีแต่ปิยรัตน์กับผสุชาที่ทำตาเยิ้มลากเสียงเวลาเอ่ยชื่อ…คนนั้น
 
และความเห็นนี้ชวนให้ต้องคิด
 
มณิกานต์ถอนหายใจ “คิดอะไรที่สดใสดีกว่า”
 
การมาช่วยผู้เป็นบิดาที่บริษัทก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยเธอก็ไม่มีเวลาจะคิดฟุ้งซ่าน จมกับบาดแผลในอดีต แต่ก็ไม่ได้ยุ่งจนเกินไปทำให้เครียดจนปวดหัว
 
ก็สนุกไปอีกแบบ
 
 
 
 
==========================================================
 
WARNING ---------- คำเตือน ---------- WARNING
===========================================================
 
= นิยายเรื่องนี้จะลงในเด็กดีและใน literature.bloggang.com และเปิดให้อ่าน แต่ผู้เขียนขอสงวนการปิดการอ่านใน 5 บทสุดท้าย และอาจจะปิดการอ่านของนิยาย...ก่อนหรือเมื่อมีการตีพิมพ์
 
= นิยายเรื่องนี้ได้เขียนไว้เกือบ 15 ปีแล้ว ผู้เขียนจะพยายามปรับเนื้อหาให้เป็นปัจจุบันนะคะ
 
= และเพราะนิยายเรื่องนี้ถูกแก้ไขมาหลายปีแล้ว การแก้ไขจะยังมีอยู่ตราบใดที่ยังไม่ตีพิมพ์ค่ะ
 
= ผู้เขียนน้อมรับคำท้วงติง คำติ คำเตือน และจะยินดีมากที่ผู้อ่านจะติชมค่ะ
 
ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกความปรารถนาดี ขอบคุณผู้อ่านที่อดทนในความไม่ค่อยเขียนของผู้เขียนนะคะ
 
: มานัส
 
Facebook : www.facebook.com/manasauthor
Blog : literature.bloggang.com
ReadAWrite : manas.readawrite.com
 

ลิขสิทธิ์ของงานเขียนทุกชิ้นเป็นของผู้เขียนตามกฎหมาย ห้ามคัดลอก ดัดแปลงหรือนำไปเผยแพร่ต่อไม่ว่าในกรณีใดๆ ไม่ว่าทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่ง ด้วยวิธีใดๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าของผลงาน

=====สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537=====
 

* “นิราศสุพรรณ” บทประพันธ์ของสุนทรภู่
 



 




 

Create Date : 25 กันยายน 2563
2 comments
Last Update : 25 กันยายน 2563 15:51:18 น.
Counter : 697 Pageviews.

 

บทหน้า...บทที่ 33 จะเปิดให้อ่านเป็นบทสุดท้ายนะคะ

 

โดย: Sentimentally Smooth 25 กันยายน 2563 18:05:54 น.  

 

สวัสดีค่ะ~ ทางเราจากแอพ NovelToon ค่ะ
เห็นนิยายของคุณถ้าปรับเป็นนิยายแชทโพสต์ในแอพเราจะมีโอกาสได้รับความนิยมและผู้อ่านมากขึ้นค่ะ ทางเราจะช่วยโปรโมทผลงานอย่างเป็นพิเศษ !
ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มาเชิญคุณเข้าร่วมกับเราค่าาา~o(* ̄▽ ̄*)ブ
ถ้าเห็นข้อความนี้แล้วสนใจ โปรดทิ้งช่องทางติดต่อให้เรานะ~ ถ้าสะดวกฝากติดตามเฟ๊สขอทักแชทคุยละเอียดค่ะ ขอบคุณนะคะ
FB:Honeie Zi

 

โดย: NTthaii (สมาชิกหมายเลข 7449101 ) 6 มีนาคม 2566 17:39:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Sentimentally Smooth
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ชอบคิดชอบเขียนชอบพูด...และชอบเที่ยว

บทประพันธ์ที่ได้รับการตีพิมพ์ "ฤารัก"

หลงรักเพราะรักฤๅรักหลง
หลงลมรัญจวนไม่รู้หาย
หลงรูปหลงจูบเพียงร่างกาย
หลงง่ายหลงผิดฤๅหลงกล
Friends' blogs
[Add Sentimentally Smooth's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.