|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
กุ่มน้ำ
ชื่อวิทยาศาสตร์ Crateva magna (Lour.) DC. วงศ์ CAPPARACEAE
ไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูง 4 -20 เมตร ใบ ใบประกอบออกสลับใบย่อย 3 ใบ รูปใบหอกหรือ ขอบขนาน ออกเป็นกลุ่มหนาแน่นตามปลายกิ่ง ดอก ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่งแต่ละช่อมักมี ดอกจำนวนมาก เกสรยาวสีม่วง กลีบดอกสีขาว มี 4 กลีบ จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองนวล เมื่อใกล้โรย ผล ผลสีเทาอมเหลืองค่อนข้างกลมยาวหรือรูปไข่ ผิวเมื่อแก่เป็นสะเก็ดหยาบๆ มีเมล็ดมาก เมล็ดคล้ายรูปหัวใจเบี้ยว
ส่วนที่ใช้ประโยชน์ กุ่มน้ำ มีสารพิษกลุ่ม saponin และ tannin ซึ่งถ้าสัมผัสผิวหนังจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง หากกินในปริมาณที่มาก หรือจัดเตรียมไม่ถูกต้อง จะทำให้คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง กระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ ปวดศีรษะ มีไข้ กล้ามเนื้ออ่อนเปลี้ย อย่างไรก็ตาม เราสามารถใช้ กุ่มน้ำ เป็นยาสมุนไพร หรือใช้เป็นอาหาร ได้ ดังนี้
เปลือกราก ใช้เป็นยาถูนวดร่างกาย เพื่อให้เลือดมาเลี้ยงบริเวณนั้นมากๆ เปลือกต้น เป็นยาระงับพิษที่ผิวหนัง ยาขับปัสสาวะ แก้ไข้ ขับน้ำเหลืองเสีย และแก้โรคนิ่ว ในทางเดินปัสสาวะ แก้ลม แก้อาเจียน เปลือกโขลกแช่น้ำกินแก้ท้องผูก ใบ เป็นยาเจริญอาหาร ยาระบาย แก้ปวดตามเส้น โรคไขข้ออักเสบ ขับเหงื่อทาถูนวด ต้นและใบ ต้มกินแก้โรคบิด ปวดท้อง ปวดศีรษะ ดอก แก้เจ็บคอ แก้ไข้ ใบอ่อนและช่อดอกอ่อน นำมาดองเช่นเดียวกับผักเสี้ยน กินกับน้ำพริก จะมีรสชาติเปรี้ยว และขมนิดๆ เป็นยาเจริญอาหาร
ขอบคุณรูปจาก //farm4.static.flickr.com ขอบคุณเนื้อเรื่องจาก //plugmet.orgfree.com
Create Date : 09 มีนาคม 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 9 มีนาคม 2554 22:16:52 น. |
Counter : 1785 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|