imagination is more important than knowledge.
Group Blog
กรุสยาม
หนังสือน่าสน
ผลงานของสันติธร
พฤศจิกายน 2550
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
29 พฤศจิกายน 2550
ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น
All Blogs
สยามกู้อิสรภาพตนเองทางออกและวิธีแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง เกิดจากพระราชกุศลโลบายของพระเจ้าแผ่นดิน
ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น
ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น
สม สุจีรา.
ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น
. กรุงเทพ:
อมรินทร์
. 2550. 199 หน้า.
จินตนาการสำคัญกว่าความรู้
Imagination is more important than knowledge.
เรื่องนี้มีความน่าสนใจมากกว่าที่คิดไว้
ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น
จะเรียกเป็นหนังสือธรรมะก็อาจจะไม่ตรงนัก (หากเทียบกับนิยายหนังสือธรรมมะในนิยามของคนส่วนใหญ่) แต่ก็ไม่ถึงกลับเป็นหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์
ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น
เป็นหนังสือที่พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระพุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์ ผู้เขียนสื่อให้เห็นว่าสิ่งที่วิทยาศาสตร์ได้พบ ทฤษฎีต่างๆรวมถึงทฤษฎีสัมพันธภาพอันเลื่องลือของ
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
ก็เป็นเพียงการค้นพบเพียงส่วนหนึ่งซึ่งมิใช่ความจริงแท้ของจักรวาล อีกทั้งนักวิทยาศาสตร์ยังได้นำสิ่งที่ค้นพบได้ไปใช้เพื่อตอบสนองจุดหมายของมนุษย์อย่างผิดทาง มนุษย์จึงไม่พบความสุขของชีวิตที่แท้จริงเสียที
แต่ทว่ากฎแห่งจักรวาล กฏแห่งธรรมชาติที่แท้จริง และหนทางนำมนุษย์ไปสู่ความสุขแท้ พระพุทธเจ้าได้พบมาตั้งแต่เมื่อ 2,500 กว่าปีก่อน
ผู้เขียนเลือกพูดถึง
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่เจ้าของ
ทฤษฏีสัมพันธภาพ
อันเป็นทฤษฎีที่อธิบายปรากฏการณ์ทุกสิ่งในจักรวาลได้ (แต่อธิบายในระดับอะตอมไม่ได้)
ไอน์สไตน์
ค้นพบทฤษฎีนี้โดยมิได้เกิดขึ้นจากการคิดคำนวณ(ด้วยสมอง) แต่เกิดจากการหยั่งรู้ ผ่านช่องทางที่เรียกว่า สมาธิ
ไอน์สไตน์
เป็นคนที่มีสมาธิขั้นสูง ครั้งหนึ่งระหว่างเขากำลังง่วนกับการคิดสูตรทางฟิสิกส์ เกิดระเบิดดังขึ้นด้านนอก คนอื่นๆ ต่างวิ่งกรูหลบอย่างตกใจ ทว่าไอน์สไตน์กลับบอกว่าเขาไม่ได้ยินเสียงระเบิดเลย
แต่แนวคิดเรื่องสมาธินี้ นักวิทยาศาสตร์ทั้งอดีตและปัจจุบันไม่ใคร่ที่จะเชื่อ เพราะขัดกับสามัญสำนึกว่าความรู้ย่อมต้องเกิดจากการคิดด้วยสมอง
อย่างไรก็ตาม หลังจากพบ
ทฤษฎีสัมพันธภาพ
ไอน์สไตน์
ไม่ได้นำวิธีการหยั่งรู้ด้วยสมาธิมาใช้ในการค้นคว้าของเขา แต่กลับหันไปใช้การคิดคำนวณเช่นเดิม ดังนั้นเขาจึงไม่พบอะไรที่สำคัญๆ อีกเลย จนมีนักวิทยาศาสตร์บางคนพูดทีเล่นทีจริงว่า ถ้าไอน์สไตน์เสียชีวิตไปหลังจากคิดทฤษฎีสัมพันธภาพได้ โลกก็จะถือว่าไม่ได้สูญเสียอะไรเลย
หนังสือเล่มนี้ยังมีประเด็นน่าสนใจอีกหลายประเด็น อาทิเช่นประเด็นเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ระหว่างแสงกับเวลา แสงมีความเร็วคงที่ เวลายืดหดได้ เรื่องการบิดเบี้ยวโค้งงอของกาล-จักรวาล การหยุดและย้อนเวลาแบบรูปธรรมทางทฤษฎี และความเป็นไปได้ของการย้อนเวลาทางนามธรรมด้วยจิต
นอกจากนี้ยังมีเรื่องเกี่ยวกับเหตุผลของการไม่สามารถย้อนกลับไปในอดีตแบบรูปธรรมตามทฤษฎีเทอร์โมไดมานิก ความยุ่งเหยิงของจิตที่สัมพันธ์กับเวลาซึ่งมีผลต่อกระบวนการภายในร่างกาย อย่างการเกิด-ตายของเซลล์ ปฏิกิริยาทางเคมี อัตราการหายใจ กระบวนการเมตาบอลิซึม เช่น ถ้าจิตนิ่งจดจ่อ เวลารอบนอกจะเร็วขึ้น(เหมือนเวลาตอนอยู่กับแฟนที่เพิ่งเริ่มจีบใจจดจ่อแต่กับเขาหรือเธอ เวลารอบตัวมันมักผ่านไปเร็ว ส่วนเวลาจิตสับสนยุ่งเหยิงอย่างตอนตกใจ กลัว หรือการรอคอยอย่างกระวนกระวาย เวลารอบตัวจะผ่านไปช้า)
เรื่องมิติที่ 4 ก็เป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจ แต่เรื่องนี้ออกจะค่อนข้างทำความเข้าใจยาก อาจเพราะล้ำหน้าไปกว่าสามัญสำนึกที่เราเคยเรียนรู้มา ผู้เขียนเล่าไว้ว่าการรับรู้ของมนุษย์เห็นโลกเป็นแบบ 3 มิติ (กว้าง ยาว ลึก)ทว่าจักรวาลเป็น 4 มิติ คือเพิ่มมิติของเวลาไปด้วย แต่การที่จะรับรู้มิติที่ 4 ต้องใช้จิตในการรับรู้
จิตที่ได้รับการฝึกฝนสามารถมองเห็นอดีต ตาทิพย์ หูทิพย์ ฯลฯ ซึ่งหลักศาสนาบอกไว้ว่าผู้บำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานย่อมเข้าถึงความสามารถเหล่านี้ได้ ดังนั้นเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ หลายต่อหลายเรื่องจึงไม่ใช่เรื่องงมงาย แต่เป็นเรื่องที่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์
ในเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างศาสนากับวิทยาศาสตร์นี้ อ่านแล้วทำให้นึกไปถึงนวนิยายของแดน บราวน์ เรื่อง เทวากับซาตาน ซึ่งเหตุของเรื่องราวก็อยู่ที่นักวิทยาศาตร์นิยมศาสนาคนหนึ่งชื่อ เลโอนาร์โด เวตรา พิสูจน์ได้ถึงความสอดรับไม่ขัดแย้งกันระหว่างศาสนาและวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะเรื่องการกำเนิดจักรวาล เขาพบความจริงว่าก่อนเกิดบิ๊กแบง อนุภาคสสารเกิดขึ้นจากความว่างเปล่า เป็นไปตามที่พระคริสต์เคยตรัสไว้ ในขณะที่ก่อนหน้านั้นนักวิทยาศาสตร์ไม่ยอมรับว่าสสารจะเกิดจากความว่างเปล่าได้ การค้นพบของเขาเป็นเหตุให้เกิดเรื่องราวขึ้นอันน่าตื่นเต้นน่าติดตาม(เรื่องเป็นอย่างไรลองหาอ่านดู)
วิทยาศาสตร์และศาสนาไม่ขัดแย้งกัน เพียงแต่วิทยาศาสตร์ยังอ่อนเยาว์เกินกว่าจะเข้าใจ
แม้ในความคิดของข้าพเจ้ายังมีอีกบางจุดซึ่งข้าพเจ้ายังไม่แน่ใจความถูกต้องของข้อมูล (ข้าพเจ้าอาจคิดมากไปเอง) แต่โดยรวมก็ถือว่าสนใจ ใครสนใจความสัมพันธ์ระหว่างวิทยาศาสตร์กับพุทธศาสนาน่าจะลองหามาอ่านนะฮับ
Create Date : 29 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2550 20:24:45 น.
11 comments
Counter : 996 Pageviews.
Share
Tweet
อ่านเพลินเลย จบซะแล้ว
โดย:
Mamochan
วันที่: 29 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:25:45 น.
อืม น่าสนใจทีเดียว เดี๋ยวจะหามาอ่านบ้างจ้า
โดย: ann (
a_mulika
) วันที่: 29 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:28:22 น.
ซื้อหนังสือมาตั้งนานแล้วค่ะ ยังไม่ได้อ่านเลยค่ะ
สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัส พระพุทธเจ้าสอนไว้เป็นสัจจธรรมจริงๆ
นะคะ แม้เวลาผ่านมาถึง 2550 ปีก็ไม่เคยล้าสมัย มนุษย์เรายังคงว่ายวนอยู่ในกองกิเลสเดิมๆ ไม่เปลี่ยนแปลง และไม่หลุดพ้น ถ้าไม่ปฎิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ ...
มีแต่ความสุขค่ะ
โดย:
ทิวาจรดราตรี
วันที่: 29 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:51:04 น.
สวัสดีค่ะ
เล่นนี้พระพุทธเจ้าถามฯ
เคยเห็นแล้ว และแอบเปิดอ่านิดหน่อยค่ะ
พลิกอ่านเจอตรงที่เขาพูดถึงเรื่องทฤษฏีบิ๊กแบงค์ค่ะ
ดูท่าว่าน่าสนุกดี แต่ไม่ได้หยิบติดมือกลับบ้าน
เพราะวันนั้นไปส่งน้าทำธุระ ไม่ได้ตังใจไปร้านหนังสือ
เบื่อๆเลยเข้าร้านหนังสือใกล้ๆแถวนั้น
อ่านได้นิดเดียวน้าเรียกเลยต้องวางและเดินตามน้าไป
ตอนอ่านกำลังสงสัยอยู่พอดีว่าวิทยาศาสตร์อธิบายเรื่องการกำเนิดโลกด้วยทฤษฏีหลายทฤษฏี หนึ่งในนั้นมีทฤษฏีบิกแบงค์นี้ด้วย (จำได้สมัยเรียน ม.ปลาย (ถ้าจำไม่ผิดนะค่ะ))
แล้วคำตอบเชิงศาสนาจะอธิบายว่าโลกเกิดขึ้นได้อย่างไร
แต่อ่านยังไม่เจอคำตอบ(อ่านิดเดียวจริงๆ)
ก็ต้องหยุดอ่านน่าเสียดายเหมือนกันค่ะ
คุณอ่านจบแล้วหรือค่ะ
พอจะเล่าคราวๆหรือคลายความสงสัยได้ไหมค่ะ
ว่าตกลงแล้วมันเป็นอย่างไร
อยากรู้เหมือกันว่าจะเขียนอธิบายไว้ว่าอย่างไรนะค่ะ
เพราะร้านหนังสือที่ไปยืนอ่านอยู่ตั้งเชียงใหม่
ร้านที่นี้ไม่รู้จะมีหรือเปล่า
ขนานเพื่อนบอกว่าหนังสือ...เล่ม 3 เชียงรายเข้าแล้ว
มาถามที่นี้ยังไม่มีข้อมูล ถ้าอยากได้เร็วๆก็สังชื้อ
ทำให้หดหู่มากๆ นึกว่าจะได้อ่านไวๆ กลับต้องรออีก
หนังสือเล่มนี้ไปถามบ่อยจน พนักงานบอกว่า
น้องอ่านยังไงมันก็ไม่จบแน่ เดียวมันก็มีอีก
ที่เขาพูดก็น่าจะจริง เพราะยิ่งอ่านปมมันก็เพิ่มขึ้นอีก
ปมเก่ายังไม่ทันได้รู้ ปมใหม่มาอีก
แต่ก็อย่างนี้แหละค่ะถึงได้ติดตาม
โดย: เบญจวรรณ (
lukkongpoka
) วันที่: 1 ธันวาคม 2550 เวลา:17:28:43 น.
ในหนังสือเล่มนี้เขียนว่า พระพุทธเจ้าบอกเรื่องการกำเนิดจักรวาลไว้ใกล้เคียงกับทฤษฎีบิ๊กแบง
ทฤษฎีบิ๊กแบง (Big Bang Theory) เป็นทฤษฎีที่ให้คำตอบได้ชัดเจนและถูกต้องที่สุดเกี่ยวกับการขยายตัวของจักรวาล นักวิทยาศาสตร์พบว่า จักรวาลของเราขณะนี้กำลังขยายตัวออกไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด สร้างความประหลาดใจว่า แรงอะไรที่ทำให้ดวงดาวและดาราจักรต่างๆ เคลื่อนที่ขยายหนีออกจากกัน ทฤษฎีบิ๊กแบงให้คำตอบว่า จักรวาลเราเกิดจากความไม่มีอะไรเลย จักรวาลกำเนิดจากการระเบิดใน จุดเดียว และ ปริมาตรที่เป็นศูนย์
โดยเมื่อประมาณ 14,000 ล้านปีก่อนหน้านี้ไม่มีจักรวาล ไม่มีแม้แต่ความว่าง ไม่มีเวลา มีเพียงจุดพลังงานที่อัดรวมกันแน่นและมีความกดดันมหาศาลจนขาดความเสถียรแล้วเกิดระเบิดขึ้นครั้งใหญ่ จากการระเบิดในครั้งนั้นทำให้พลังงานส่วนหนึ่งเปลี่ยนเป็นเนื้อสาร และถูกอัดให้กระจัดกระจายออกจากกัน มีวิวัฒนาการกลายเป็นดาราจักร ระบบสุริยะ โลก ดวงจันทร์ มนุษย์ และสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในทางกลับกัน เนื้อสารวัตถุต่างๆ ที่เราเห็นทุกวันนี้ ก็สามารถเปลี่ยนกลับไปเป็นพลังงานได้เช่นกัน
ทฤษฎีบิ๊กแบงได้รับการพิสูจน์จากปริมาณรังสีความร้อนที่หลงเหลือจากการระเบิดครั้งใหญ่ซึ่งนักวิทยาศาสตร์พบว่า ปัจจุบันมีปริมาณรังสีความร้อนนี้อยุ่เต็มไปทั่วจักรวาล ทฤษฎีนี้สามารถพิสูจน์ที่มาของธาตุต่างๆ ในจักรวาลได้อย่างถูกต้องชัดเจน ซึ่งไม่มีทฤษฎีเกี่ยวกับจักรวาลไหนทำได้มาก่อน
โดย:
มณีมรกต
วันที่: 3 ธันวาคม 2550 เวลา:23:22:52 น.
- ถ้าลองหาทั้งเล่มมาอ่าน น่าจะเพลินมากกว่านี้ สนุกและแถมยังได้ความรู้ใหม่ๆ อีกนะฮับคุณMamochan คุณa_mulika
- คุณทิวาจรดราตรี - คิดว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่วิทยาศาสตร์ยังตามไม่ทันศาสนา
- คุณเบญจวรรณ- ข้าพเจ้าก้ตอบได้เท่าที่พอรุ้ และเท่าที่อ่านมาเท่านั้นแหละคับ แหะ แหะ ยังไม่ค่อยรุ้อะไรเท่าไร ความรู้ยังน้อยอยู่
โดย:
มณีมรกต
วันที่: 3 ธันวาคม 2550 เวลา:23:32:03 น.
รู้สึกทึ่งและงงงวยอยู่มากมายตอนที่อ่านเทวากับซาตาน การบรรยายของเค้ามีเหตุผลและลงตัวมากๆ ขณะที่จิตจดจ่อกับเรื่องนี้อยากบอกว่าเชื่อเลย เชื่อสนิท (ใจง่ายจัง)
แต่พออ่านจบ เวลาผ่านไป กลับมาเปิดดูอีก สงสัยจังว่าตอนนั้นเชื่ออะไรขนาดนั้น เพราะตอนนี้รู้สึกเฉยมากๆ ต้องเอาเล่มที่แนะนำมาอ่านยันกันอีกที เผื่อจะมีความคิดใหม่
อืม..แต่เพิ่งอาจแฮรี่จบอ้ะ เศร้าจัง ร้องไห้ด้วย ฮือๆๆ
โดย: nokky IP: 58.136.208.40 วันที่: 10 ธันวาคม 2550 เวลา:21:01:36 น.
ผมก็ได้อ่านดูแล้ว มันก็เรียกได้ว่าตรงหลักของศาสนาพุทธโดยแท้จริง เกี่ยวกับด้านสมาธิขั้นสูงโดย จะสามารถเพ่งอะไรต่ออะไรได้อย่างง่ายดาย พอเพ่งแล้วก็จะปิดกั้นภายนอกหาความรู้สึกภายนอกไม่ได้ ภายในก็มีแต่ธาตุทั้งห้า ใช่หรือไม่ครับ
โดย: ๏หลี่หยวนฟู่๏ IP: 61.19.65.122 วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:6:24:36 น.
หนังสือนี้ก็มีบอกไว้ว่าถ้าถ้าไอน์สไตน์มาพบพระพุทธศาสนาก่อนและรู้หลัก จะทำให้ไอน์สไตน์ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ที่เป็นอภิมหาเพียงเท่านั้น แต่จะเป็น"พระเจ้าเลยทีเดียว" เราอยากรู้ว่า พระเจ้าในความหมายของคุณคุณนี่หมายถึงอะไร และคนที่อ่านหนังสือเล่มนี้ก็รู้ดีทีเดียวว่าพระพุทธเจ้าเห็นในสิ่งที่วิทยาศาสตร์ยังไม่มีความเจริญถึงขนาดนั้น แต่พระพุทธเจ้าสามารถเห็นได้
แล้วใครสร้างสรรพสิ่งพวกนั้นให้พระพุทธเจ้าเห็น และ ให้ไอน์สไตน์มาพบละครับ เพราะผู้เขียนย่อมรู้ดีว่าทุก ๆสิ่งมีผู้สร้างมันขึ้นมาอ่ะครับ ช่วยตอบด้วยครับจากคนขี้สงสัยหล่ะ
โดย: คนคี่สงสัย IP: 124.120.1.94 วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:19:28:25 น.
โลกนี้ มีคำถามมากกว่าคำตอบอยู่เสมอ
อจินไตย คือ คำถามที่ไม่มีคำตอบ และไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น
เช่น ถามว่าใครเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งต่างๆขึ้นมาในจักรวาล
ผู้ที่หมดคำถามในตัวเองแล้วเท่านั้น จึงรู้ว่า...
การไม่คิดถึงคำถามเป็นคำตอบอยู่ในตัวมันเองแล้ว
โดย: ตอบคนคี่สงสัย IP: 124.120.151.19 วันที่: 8 มกราคม 2553 เวลา:5:39:54 น.
พอจะเข้าจัยบางอย่างเข้าแล้วครับ
ขอขอบคุณครับ
โดย: " Xaou " IP: 110.49.204.147 วันที่: 31 พฤษภาคม 2553 เวลา:7:14:06 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
มณีมรกต
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
สนทนา สอบถาม แลกเปลี่ยนความเห็นทางประวัติศาสตร์ หรือเรื่องอื่นๆ ได้ ณ ที่นี้
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add มณีมรกต's blog to your web]
Links
ฐานการพิมพ์
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.