Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
2 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 
Knight At Night ... สงครามรัตติกาล Ch.5 (ครึ่งแรก)

5/0

 

 

เสียงสุดท้ายที่ผู้ชายคนนั้นบอกกับจิงเมิ่ง คือ

 

 

“ผม...อยากเห็นว่า คุณมีความสามารถอะไรในการต่อสู้ตกทอดมาบ้างหรือ ?”

 

 

มันราวกับเขาอ่านใจเธอได้ทะลุปรุโปร่ง ทั้งความคิดจะปกปิด หรือความคิดที่แค่จะขยับเพียงนิด จากนั้นก็ก้าวนำหน้า และดักทางให้เธอเดินไปตามจังหวะของเขาได้อย่างง่ายดาย

 

 

หญิงสาวได้แต่กำมือ...ที่ข้างหนึ่งยังปวดตุบๆเข้าหากันแน่น ขณะที่ค่อยกวาดตามองสำรวจสถานการณ์ของตัวเองอย่างเงียบๆ

 

 

เธอยืนอยู่บนระเบียง กึ่งกลางทางเดิน

 

 

และกึ่งกลางระหว่างสองเผ่าพันธุ์แห่งรัตติกาลในห้วงอดีตพอดี !

 

 

หนึ่งนั้นเป็นรูปร่างที่สามารถบ่งบอกได้ชัด เพียงกวาดตามองผ่านคมเขี้ยวขาววาววับกับขนดกหนาของร่างที่คู้ตัวเตรียมพร้อมกระโจนเข้าใส่ทุกเมื่อ

 

 

และอีกหนึ่ง แม้จะไม่ได้มีลักษณะเด่นชัด แต่จากอุ้งมือนั่น...ก็พอจะทำให้หล่อนคาดเดาได้เหมือนกัน ว่าเขาน่าจะเป็นพวกไหน

 

 

จิงเมิ่งยังแลเลยไปด้านหลังของเด็กหนุ่มคนนั้น และเห็นชัดถึงดวงตาที่เบิกกว้างคล้ายตกใจของผู้เห็นเหตุการณ์อีกคนหนึ่ง

 

 

ทว่า หล่อนก็ไม่มีเวลาคิดอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว นอกจากมือที่ถูกกระตุ้นให้เอื้อมไปหยิบอาวุธ เมื่อเสียงคำรามดังลั่น ก่อนตามด้วยการโจมตีที่มาดหมายชีวิต !

 

 

 

 

5/0 P. 0.1

 

 

อรอินทุเกือบหลุดคำอุทานออกไป ยามมองเห็นเงาร่างสูงระหงของสตรีที่ปรากฏขึ้นมาหลังจาก “ความมืด” แตกกระจาย

 

 

หญิงสาวเบิกดวงตาขึ้น เพ่งพินิจให้แน่ใจว่าตนเองไม่ได้มองผิดไป เมื่อเค้าหน้าที่เห็น กับดวงตาสีดำสนิทที่ตวัดมาวูบคู่นั้น คลับคล้ายคลับคลาในความทรงจำเป็นอย่างยิ่ง

 

 

แต่เป็นความทรงจำที่หล่อนนึกไม่ออก ว่ามาจากที่ไหน และเวลาใด !

 

 

และหญิงสาวยังไม่ทันได้ทบทวนหรือตั้งข้อสงสัย เหตุการณ์เบื้องหน้าก็แปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง เมื่อหมาป่าร่างใหญ่ที่กระโจนถอยไปตั้งหลักคู้ตัวเมื่อครู่ ส่งเสียงคำรามคล้ายเบิกทาง ก่อนพุ่งร่างตรงเข้าใส่หญิงสาวผู้นั้นอย่างรวดเร็วทันที !

 

 

อรอินทุอยากตะโกนบอกให้ผู้หญิงคนนั้นหลบไป แต่เสียงของหล่อนกลับขาดหายไปกะทันหัน และดูเหมือนมันก็ไม่จำเป็นเสียด้วย

 

 

พริบตาก่อนหน้าที่ร่างใหญ่ยักษ์จะทะยานเข้าถึงตัว ผู้หญิงคนนั้นก็กระชากอุปกรณ์ที่อรอินทุคุ้นตาออกมาและเป็นฝ่ายลงมือก่อนแทน

 

 

ปืน...ที่รังสีสีแดงเข้มที่พุ่งวาบออกไปบอกชัด ว่ามันได้รับการปรับอานุภาพทำลายล้างเป็นระดับสูงสุด !

 

 

เจ้าหล่อนลั่นไกปืนปล่อยลำแสงแล้วไม่ได้หยุดยืนอยู่เฉยๆเหมือนในภาพยนตร์แอ็คชั่นที่อรอินทุเคยเห็น แต่เพียงแค่รังสีการทำลายนั้นโฉบเข้าที่ใบหูของหมาป่าร่างใหญ่อย่างแม่นยำ หญิงสาวก็พลิกตัว หันกลับมาสาดรังสีทำลายล้างนั้นมาทางหล่อนต่อทันใด

 

 

หรือพูดให้ถูกก็คือจุดที่ร่างของเด็กหนุ่มยืนบังเบื้องหน้าหล่อนไว้ !

 

 

 

 

5/0 P. 0.2

 

 

จิงเมิ่ง โหยว แค่นเสียงในลำคอ เมื่อเป้าหมายของหล่อนที่ร่างใหญ่ยักษ์นั้นกลับว่องไวอย่างเหลือเชื่อ มันสามารถเอนศีรษะหลบการโจมตีของรังสีที่หล่อนยิงไปได้อย่างฉิวเฉียด

 

 

เพราะอย่างนี้แหละ หล่อนถึงเกลียดปืนรังสี...ที่ส่งรังสีออกไปให้คาดเดาเป้าหมายได้ง่ายๆ...

 

 

ทั้งที่หล่อนเล็งที่ดวงตา แต่เจ้าหมานั่นกลับโยกหลบจนทำได้แค่เฉี่ยวใบหูไปอย่างที่ไม่น่าสร้างความเจ็บปวดอะไรให้กับมันนักหรอก !

 

 

แต่จิงเมิ่งไม่มีเวลาให้เสียใจนัก อาจเป็นเพราะใจหนึ่ง..กว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์หล่อนเดาไว้ได้แล้วก็ได้ว่า การโจมตีนั้นคงไม่สัมฤทธิ์ผล แต่อย่างน้อยมันก็น่าจะพอเบี่ยงเบนหรือทำให้อีกฝ่ายเสียจังหวะไปได้ แม้จะเป็นเพียงน้อยนิดก็ตาม

 

 

ดังนั้น หล่อนจึงทำตามขั้นต่อไป...ตามที่สัญชาตญาณร่างกายสั่งอย่างรวดเร็ว ด้วยการหันไปปล่อยลำแสงทำลายอีกชุดไปยังฝ่ายเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงนั้น

 

 

หนนี้หญิงสาวเล็งกะจังหวะอย่างดี...เหลือบมองในดวงตาวาวโรจน์ของอีกฝ่าย แล้วได้แต่ภาวนาให้ตัวเอง

 

 

 

 

5/0 P. 1

 

 

การโจมตีครั้งที่สองของผู้หญิงคนนั้นล้มเหลวเช่นกัน และอรอินทุก็โล่งอกที่มันล้มเหลว

 

 

ก็ใครมันจะไปรับประกันได้เล่า ว่า....ลำแสงที่อันตรายขนาดที่ว่าต่อให้ไม่โดนอวัยวะสำคัญก็มีสิทธิ์พิการตลอดชีวิตนั่นจะไม่ตกกระทบมาที่หล่อน ต่อให้อีกฝ่ายมือแม่นแค่ไหนก็ตาม

 

 

พร้อมกันนั้น หล่อนก็นึกรักเด็กหนุ่มคนนั้นอีกโข ที่เขาไม่ก้มหลบลำแสง หรือกระโจนหลบ หากแต่ถอยหลังและผลักหล่อนให้หลังกระแทกกับผนัง ทั้งยังเอาตัวเองบังเป็นการปกป้องเธอไว้อย่างสิ้นเชิง

 

 

หากเพราะมัวแต่กังวลกับความปลอดภัยนั้น สมองของอรอินทุจึงทำงานช้าลงเล็กน้อย หล่อนได้แต่มองอย่างงุนงงเมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นส่งเสียงบางอย่างในลำคอที่ฟังคล้ายแสดงความยินดี ก่อนที่เขาจะกระโจนออกไปข้างหน้า

 

 

สายลมเย็นเยียบที่พัดผ่านไปเมื่อเขาเคลื่อนผ่าน จนทำให้หล่อนเกือบจะห่อกายด้วยความหนาวสั่น ทว่าเวลาไม่มีเพียงพอถึงขนาดนั้น แม้กระทั่งจะเข่าอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้น หญิงสาวยังไม่อาจทำได้ เมื่อเสียงคำรามลั่นดุเดือดพุ่งกระแทกโสตประสาทจนหัวใจเต้นระรัว

 

 

"หนวกหู !" เด็กหนุ่มส่งเสียงคำราม และเป็นอีกครั้งที่อรอินทุจดบันทึกไว้...ว่าหล่อนจะขอบคุณเขาในเรื่องนี้ด้วย ที่เสียงร้องแหลมแสบแก้วหูนั้น...ยังน่าฟังกว่าเสียงเมื่อครู่

 

 

หล่อนผ่อนลมหายใจออก พยายามปรับจังหวะหายใจและข่มความรู้สึกที่กำลังจะปะทุขึ้นใหม่อีกครั้ง ขณะทอดตามองตามเหตุการณ์เบื้องหน้า....ที่ยังยากแก่การทำความเข้าใจ

 

 

บัดนี้ เด็กหนุ่มคนนั้น....เขากำลังยืนอยู่ไม่ห่างออกไปนัก แต่ก็ไม่ใกล้... ด้วยท่าทางคุมเชิงและมาดหมายบางอย่าง

 

 

ขณะที่เสียงคำรามของ "หมาป่า" นั่นหายไป อาจจะเพราะบัดนี้ปากของมันไม่ว่างแล้วก็เป็นได้ อรอินทุนึกอยากเบือนหนีภาพหน้าหวาดเสียวนั่น ทว่าไม่อาจทำได้

 

 

แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะยิงรังสีมาทางนี้ แต่อรอินทุคิดว่าหล่อนไม่สมควรจะต้องชดใช้ด้วยการเป็นเหยื่อคมเขี้ยวขาววาวที่ดูแล้วน่าหวาดกลัวยิ่งกว่ารังสีใดๆนั่น หากมันก็เป็นเรื่องยาก...เพราะบัดนี้ เขี้ยวขาวของสัตว์หน้าขนนั่นอยู่ห่างจากหน้าหล่อนแค่ไม่กี่ฟุตเสียแล้ว !

 

 

 

 

5/0 P. 2

 

 

จิงเมิ่ง โหยว เข่นเขี้ยวของหล่อนตอบเจ้าสุนัขป่าที่กำลังแสยะเขี้ยวของมันมาใกล้ทุกขณะ หากยังไม่อาจทำได้ เพราะก่อนเสี้ยววินาทีที่มันจะทำได้ขย้ำกร้วมลงมา หญิงสาวก็คว้าปืนรังสีของตนเองยัดเข้าไปในปากมันได้ทันท่วงทีเสียก่อน

 

 

แต่มันยังไม่เร็วพอ....หล่อนสบถเบาๆ ที่ความเร่งรีบทำให้ทิศทางของปากกระบอกที่ปล่อยรังสีนั่นหันไปด้านข้าง แทนที่จะหันเข้าไปในปากสัตว์หน้าขนตัวนี้ให้รู้แล้วรู้รอด

 

 

และนั่นทำให้มันยิ่งได้ทีแทะที่ปรับพลานุภาพ ทั้งกำลังจะทำลายระบบของปืนรังสี ซึ่งจะทำให้ของชิ้นนี้เป็นยิ่งกว่าเศษขยะไร้ค่า

 

 

แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น...อย่างน้อยหญิงสาวก็พยายามยันมันไว้สุดแรง พร้อมใช้เวลาเสี้ยววินาทีตวัดตาขึ้นไปมองด้านบน

 

 

ที่ๆเด็กหนุ่มอีกเผ่าพันธุ์ กับหญิงสาวมนุษย์เช่นเดียวกับหล่อนอยู่นั่น

 

 

พร้อมเริ่มนับถอยหลัง

 

 

 

 

5/0 P. 3

 

 

อรอินทุเกือบสะดุ้ง เมื่อผู้หญิงคนนั้นเสือกปืนรังสีเข้าไปในปากหมาป่าตัวนั้น และกั้นเขี้ยวของมันให้ห่างจากหน้าของเจ้าหล่อนเพียงเสี้ยวได้อย่างหวุดหวิด

 

 

หล่อนนึกอัศจรรย์เล็กน้อย ที่เจ้าหล่อนดูจะมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือที่จะยันร่างของหมาป่าที่ตัวใหญ่กว่าตนเองสองสามเท่าได้ ทั้งที่ปากกระบอกปืนรังสีที่น่าจะมีความทนทานกว่าเลือดเนื้อของมนุษย์นั่นกำลังถูกคมเขี้ยวยาวใหญ่กัดกร่อนทีละนิด

 

 

หล่อนกลืนน้ำลายลงคอเอื้อก หากมันก็ไม่ได้กลบเสียงของอาวุธที่กลายเป็นปราการและกำลังจะกลายเป็นเศษซากหักพัง

 

 

และในเสี้ยววินาทีนั่นเอง ผู้หญิงคนนั้นก็ทำให้อรอินทุแปลกใจอีกครั้ง

 

 

เจ้าหล่อนละสายตาที่เคยประสานกับเจ้าหมาป่านั่น และเงยขึ้นมองตรงมา

 

 

มาที่หล่อน

 

 

อรอินทุกะพริบตาปริบตอบสายตาคู่นั้น ก่อนเลื่อนไปทางเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่เยื้องๆ

 

 

และได้แต่อ้าปากค้าง

 

 

ดูเหมือนเด็กหนุ่มผู้นั้นจะ..หายไปเสียแล้ว

 

 

 

 

5/1

 

 

เขาสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย

 

 

แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์หายไปแล้ว บัดนี้นอกจากความมืดมิดที่แผ่ปกคลุมทั่วทุกแห่งหน ยังไม่มีแสงสว่างใดปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาทั้งสิ้น

 

 

แต่เขารู้ว่าจะมี....

 

 

ดวงตาสีแดงเข้มของชายหนุ่มเหลือบมองลงต่ำ ทว่าไม่ได้มองลงไปยังเบื้องล่าง แต่กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับภาพที่เขาอดยอมรับไม่ได้ว่ามันช่างน่าตื่นเต้น

 

 

น่าสนใจ

 

 

เจ้าหล่อน...ผู้ที่เขาเพิ่งให้บริวาร 'พา' หล่อนไปยังสถานที่ที่หล่อนต้องอยากไปเป็นแน่ และเขายอมรับว่าเป็นเจตนานิดๆของเสี้ยวอารมณ์ที่ยังหลงเหลือในตัวเขาให้ปล่อยลงกลางสมรภูมิของการโรมรันระหว่างสองเผ่าพันธุ์อันตราย

 

 

นกปีศาจ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกมองเป็นเผ่าพันธุ์อัปมงคลแห่งความตาย เรเวน

 

 

กับสิ่งที่เคยถูกโจษจันในความป่าเถื่อนเคียงข้างความอำมหิตของพวกเขา อย่างหมาป่าทมิฬ

 

 

นอกจากน่าสนใจแล้ว เขายังยอมรับว่ามันน่ายินดี ที่ยังหลงเหลือ "มนุษย์" ที่สามารถมีปฏิกิริยาได้ว่องไวขนาดนี้ ท่วงท่าของการเคลื่อนไหว

 

 

เขาอดแย้มริมฝีปากให้นิดๆไม่ได้ เมื่อหล่อนดูจะเข้าใจปัญหาของปืนรังสีได้ดีกว่าที่เขาอธิบายเสียอีก และหล่อนสบถ ขณะที่เจ้าอาวุธที่มนุษย์เข้าใจว่าร้ายแรงนักหนานั่นกลายเป็นเพียงเศษเหล็กไร้ความหมาย

 

 

ก่อนที่หล่อนจะเงยหน้าขึ้นมา

 

 

สบประสานสายตากับเขา

 

 

(ติดตามต่อครึ่งหลัง)




Create Date : 02 ตุลาคม 2555
Last Update : 2 ตุลาคม 2555 22:07:31 น. 1 comments
Counter : 813 Pageviews.

 
แวะเข้ามาทักทายครับคุณอม
งานสัปดาห์หนังสือลงมาหรือเปล่าครับ?


โดย: สามปอยหลวง วันที่: 3 ตุลาคม 2555 เวลา:7:36:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อมราวตี
Location :
กำแพงเพชร Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]





ครั้งหนึ่ง.....เคยนั่งอยู่
วันหนึ่ง.......เคยลุกมาก้าวเดิน
และอีกวัน...อาจหยุดนิ่งไม่ขยับไปไหน
-- -- -- -- -- -- -- -- -- --
"คนเรามักจดจำความเจ็บปวดของตนเอง แต่หลงลืมความเจ็บปวดของผู้อื่น"




New Comments
Friends' blogs
[Add อมราวตี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.