คำเตือน : ขอออกตัวก่อนเลยว่า บทความนี้เขียนจากความคิดส่วนตัวเท่านั้น และอยากจะกลั่นกรองออกมาเป็นตัวหนังสือ บทความนี้ไม่มีเจตนาจะ ต่อต้าน หรือ สกัดดาวรุ่ง แด่ผู้ใดทั้งสิ้นค่ะ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ เราว่าการแต่งงาน (ไม่ว่ากับชาติไหน) ก็เหมือน ๆ กับการเล่นการพนันนั่นแหละ แต่ละคู่ก็มี Possibilities หรือมีความเสี่ยง แตกต่างกันไป ไม่มีใครสามารถ จำกัดความ ได้ว่า ผู้ชายหรือผู้หญิงชาติไหน มี คุณสมบัติ ที่จะเป็น สามีหรือภรรยา ที่ดีที่สุด เนื่องจากในทุก ๆ เผ่าพันธุ์ ก็มีทั้งคนดี ๆ และคนเห้ ๆ ผสมกันไปก่อนที่จะเขียนต่อไป ขอพูด (ด้วยความเสือก) หน่อยว่า การแต่งงานกับใครก็ตาม อยากจะให้ทำกัน โดยมีพื้นฐานจากความรักค่ะ เพราะว่ายามที่เกิดเหตุการณ์วิกฤติ ในชีวิตคู่ เราจะได้มี ความรัก เป็นน้ำหล่อเลี้ยง น้ำเน่าซะ !ไอ้ประเภทอยากแต่งงานกับต่างชาติ โดยอ้างว่า ผู้ชายไทย ชอบให้กินหน้าแข้ง หรือผู้ชายไทยเมาตลอดการ อันนี้ก็อยากจะถามก่อนเลยว่า ทำไมคุณดูถูกคุณพ่อของตัวเอง ? ต่างชาติก็มีซ้อมเมียค่ะ ต่างชาติก็มีเมา มีเล่นการพนัน มีติดยา บางคนอยู่บ้านเฉย ๆ ให้เมียเลี้ยง แถมบางคนโรคจิตอีก กว่าจะรู้ว่าผัวตัวเอง ชอบเข้าประตูหลังเด็กผู้ชาย ก็โน้นอ่ะค่ะ มีลูกด้วยกันไปแล้ว จะเลิกกันก็ไม่กล้า เพราะกลัวไม่ได้กรีนการ์ด (กรณีอยู่อเมริกา) กลัวไม่ได้ซิติเซ่น หรือ กลัวจะเสียหน้าหากจะต้องกลับเมืองไทย คำถาม คือ แล้วทำไมทุกวันนี้ ผู้หญิงไทย (จำนวนหนึ่ง) อยากโกอินเตอร์กันจัง ? คำตอบ ก็คือ เพราะน้อยคนนักซิค่ะ ที่รู้ว่าชีวิตในต่างแดนนั้น ต้องดิ้นรนกันยังไง แต่วันนี้จะยังไม่เขียน เรื่องของการดิ้นรนในต่างแดนค่ะ ไว้บล็อคหน้าค่อยเขียน วันนี้ขอเขียนเรื่องการใช้ร่วมชีวิต กับคนต่างชาติค่ะวันนี้ขอเทียบ การแต่งงานกับชาวต่างชาติ กับ การเล่นหวยค่ะ อันนี้ไม่ต้องอ้างเลยว่า ผู้ชายรวย รายได้เท่านั้นเท่านี้ เพราะในชีวิตคู่ แม้ เงิน จะเป็นปัจจัยสำคัญ แต่เงินก็ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายค่ะ พูดง่าย ๆ คือ การมีเงินใช้ไม่ขาดมือ ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขเสมอไป และก็ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่า คุณมีความสุขกับชีวิตคู่ แน่นอนว่า แค่แต่งงานกับคนไทยด้วยกัน ที่ใช้ภาษาเดียวกัน วัฒนธรรมเดียวกัน เราก็ว่า มันก็ยากมากมายแล้ว นี่อยู่ดี ๆ ต้องมาร่วมหอลงเรือน กับคนที่แตกต่างกับเราไปซะทุกอย่าง ตั้งแต่หน้าตา สีผิว ภาษา ศาสนา วัฒนธรรม ฯลฯ ไหนจะต้องทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีอยู่ ไม่ว่าจะพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อน สัตว์เลี้ยง งาน ฯลฯ เพื่อที่จะไปอยู่กับเค้า เราว่ายังไง ๆ งานนี้ก็ไม่ง่ายหรอกค่ะ การแต่งงานกับคนต่างชาติ ก็เหมือนกันการแทงหวย ที่ไม่ต้องหวัง ให้ถูกรางวัลที่หนึ่งหรอกค่ะ แค่ถูก เลขท้าย 2 ตัว ก็ถือว่าดีเหลือหลายแล้ว เอาแค่ให้เค้าเป็นคนดี ไม่ทำร้ายเราทั้งกายและวาจา ให้เรามีที่นอน กินอิ่ม นอนหลับ ให้เค้าให้เกียรติเรา ไม่นอกใจเรา ให้เค้าเข้าใจ หรือพยายามจะเข้าใจ ในความแตกต่างของวัฒนธรรมของเรา ก็เป็นพอแล้ว (นี่มันขอมากกว่า เลขท้าย 2 ตัวนะเนี่ย !) เราเคยรู้จักพี่คนหนึ่ง รู้จักกับสามีทางอินเตอร์เน็ท ก็แต่งงานกันมาอยู่อเมริกา เชื่อมั้ยว่า สามีให้อดให้อยาก เพราะว่าผู้ชายงกค่ะ วันหนึ่งพี่เค้าบอกว่า ไปกินบุฟเฟ่อาหารจีนมา อิ่มมาก กินเยอะมาก จนต้องปลดกระดุมกางเกง เพราะว่าไม่ได้เห็นไม่ได้กินเต็ม ๆ ปากแบบนี้ ตั้งแต่ออกมาจากเมืองไทย พี่เค้าบอกว่า อยู่บ้านอยู่สองอย่าง คือ ไก่กับไข่ สำหรับเพื่อน ๆ ที่ไม่ทราบว่า บุฟเฟ่อาหารจีนหน้าตาเป็นไง มันไม่ได้หรูหราอะไรเลยค่ะ ไม่ใช่อาหารฮ่องเต้ในสายตาคนไทยเรา ๆ เลย ราคาถูก แต่คนมะกันนิยมเท่านั้นเอง เป็นเราเจอแบบนี้ คงจะลาไปนานแล้ว มึงนั่งกินไก่ของมึงไปคนเดียวเถอะ กรูกลับไปกับน้ำพริกปลาทูบ้านกรูก็ได้ อีกรายหนึ่งค่ะ แต่คู่นี้สามีเค้าเป็นเพื่อนร่วมงานนายจอมยุ่ง ส่วนภรรเมีย เป็นคนฟิลิปปินน์ คู่นี้ผัวร้ายกาจมาก ไปทำงานก็เอาโซ่ล่ามตู้เย็น และก็ดึงเข็มปรับอุณหภูมิออก ดังนั้น ถ้าอากาศร้อน เมียเค้าก็ต้องอยู่ร้อน ๆ ถ้าหนาวก็ต้องทนหนาว เพราะผัวจะปรับอุณหภูมิไว้ให้ต่ำที่สุด กลัวเปลืองค่าไฟ ! อีกรายเป็นเพื่อนนายจอมยุ่งเหมือนกัน เป็นสาวฟิลิปปินน์ มีลูกด้วยกัน 2 คน วันก่อนคุณเมีย เพิ่งจะรับสารภาพกับนายจอมยุ่งว่า โดนผัวซ้อมมาแล้วเกือบ ๆ 20 ปี แต่ไม่กล้าบอกใคร เพิ่งจะบอกจอมยุ่งเป็นคนแรก จอมยุ่งก็สวมวิญญาณนางสาวไทย บอกว่าเดี๋ยวจะพาไปแจ้งปวีณา ไม่ช่ายยยยยย ผิดงานแล้วเจ๊ ! จอมยุ่งก็ช่างแนะนำค่ะ ยุให้เค้าเลิกกันซะอีก สาวเจ้าก็กลัวว่าผัวจะเอาลูกไปอีก อีลูกช่างแนะก็บอกว่า โอ้ย ไม่ต้องกลัว เว้นแต่ตัวแม่จะเห้จริง ๆ ส่วนมากแล้วมักจะได้สิทธิ์ดูแลเด็ก เรื่องตบ ๆ ตี ๆ กันเนี่ย กฎหมายที่นี่แรงมาก ผัวตบเมีย เมียตบผัวเนี่ย ถ้าตำรวจมาเกี่ยวข้องด้วย มันไม่เหมือนเมืองไทย ที่ไปจ่ายค่าปรับ 500 บาท แล้วเลิกกันไป ผัวเมียตีกัน ตำรวจไทยไม่ค่อยอยากจะมีส่วนร่วม ที่อเมริกานี่ ถ้าแจ้งตำรวจล่ะก็ ได้ไปนั่งกินข้าวในคุกแน่ ๆ แถมยังมีประวัติติดตัวไปอีก ส่วนตัวเราแล้ว การมาอยู่ต่างประเทศ เราว่าเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ ไอ้ประเภทผัวห้ามกินโน้น ห้ามทำนี่ กลัวเหม็น กลัวบ้ากล้วบอ เราก็ขอลาเหมือนกัน โชคดีจอมยุ่งไม่ค่อยเรื่องมาก ในเรื่องของกลิ่นอาหาร เว้นแต่บางอย่าง เราก็ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเราเหมือนกัน ถ้ามันกลิ่นแรงมาก ๆ เราก็ต้องละ ๆ ไว้ เป็นความเกรงใจอย่างหนึ่ง ที่เรามีให้เค้า การแต่งงานมาอยู่ต่างประเทศแบบนี้ เราถือว่าสามีเป็นทุกอย่าง เป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งพ่อ ในเมื่อเค้ามีหน้าที่จะต้องดูแลเรา เราก็มีหน้าที่จะต้องดูแล เอาใจใส่เค้าด้วย เราเป็นคนแรกเลย ที่ขอยอมรับว่า ปกติแล้วเราเป็นคนที่ปากแข็ง หัวแข็ง และดื้อมาก ๆ คำว่า ขอโทษ เนี่ย สำหรับเราแล้ว พูดอยากมาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเรารู้ว่าเราไม่ผิดแน่ ๆ นะ แม่เจ้าโว้ย ให้เอาไฟมาลนก้น เราก็ไม่พูดหรอกคำว่าขอโทษเนี่ย แต่พอมาแต่งงาน เราพูดคำว่าขอโทษง่ายขึ้น เราใจเย็นลง สาเหตุหนึ่ง คงเพราะเราอายุเยอะขึ้นด้วยแหละ คิดอะไรเป็นหลักเป็นการมากขึ้น ไม่ได้ใช้แต่อารมณ์ เพื่อนเราบอกว่า มึงกลัวผัวมึงจัง ไม่ได้กลัวค่ะ แต่ว่าเกรงใจ ข้อดีของการมีสามีที่อายุมากกว่า คือ เราเกรงใจความอาวุโสของเค้า ฮ่า ฮ่า นี่ถ้าแต่งงานกับคนรุ่นเดียวกัน เรารับประกันได้เลยว่า ฟันปากกันขาดไปข้างหนึ่งแล้ว วันนี้ขอสรุปว่า น้อง ๆ เพื่อน ๆ พี่ ๆ ทั้งหลาย ที่อยากจะแต่งงานกับคนต่างชาติจัง ขอบอกไว้ตรงนี้ก่อนเลยว่า มันเป็นการแทงหวยนะคะ ใครที่ได้ยินอะไรดี ๆ ทั้งหลายมา ขอให้ฟังหูไว้หูค่ะ รางวัลที่หนึ่งมันไม่ได้ถูกกันได้ง่าย ๆ ค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณ ๆ ทั้งหลาย ที่ยังไม่เคยเห็นตัวเป็น ๆ ของพ่อโฉมงามเลย แนะนำให้ระวัง ๆ ไว้หน่อยค่ะ วันนี้ขอลาไปก่อนค่ะ เพื่อน ๆ แวะมาแล้ว อย่าลืมแวะทักทายกัน และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันบ้างนะคะ หากใครมี Blog เราจะแวะไปเยี่ยมค่ะ สำหรับท่าน ๆ ที่ไม่มี Blog ก็ถือโอกาศขอบคุณที่แวะมาไว้เลยค่ะ