My Life; My Destiny.
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
1 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
เรื่องเล่าจากอเมริกา ตอน ครัวไทย ในบ้านฝรั่ง




ปัจจุบันนี้... แม้บ้านใหม่ ๆ ในเมืองไทย จะสร้างครัวแบบฝรั่ง ที่มีเครื่องครัว และอุปกรณ์ไฟฟ้าครบครัน แต่ยอมรับมาเถอะค่ะว่า ไม่ค่อยมี (คนไทย) คนไหนทำครัวในครัวฝรั่งเลย เกือบทุก ๆ บ้านที่เราเคยเห็น จะต่อครัวออกไปข้างนอก เรียกได้ว่า “ครัว“ ที่มากับตัวบ้านนั้น เป็น “ครัวโชว์“ ซะมากกว่า

“ครัว“ ตัวจริงเสียงจริงของบ้านไทย คือ ครัวที่ยืนออกมานอกบ้าน เนื่องจากต้องเป็นห้องที่โปร่ง ลมผ่านได้ง่าย เพราะอาหารไทยนั้น ต้องยอมรับเลยว่า “กลิ่นแรง“ จริง ๆ ขนาดทอดไข่เจียว กลิ่นน้ำมันยังกรุ่นไปทั่วบ้าน ไม่ต้องพูดถึง เวลาคั่วพริก คั่วกระเทียม หรือ หลนปลาร้า !

พูดถึง “กลิ่น“ ยังไม่พอ ยังต้องคุยกันถึง “คาบน้ำมัน“ อีก ดังนั้น การทำอาหารไทยในห้องปิด มันจึงไม่สมเหตุสมผลเลยค่ะ นอกจากนี้ เวลาทำครัวในบ้านเนี่ย มันทำให้บ้านร้อนขึ้นอีกต่างหาก

แล้วคนไทยที่ย้ายมาปักถิ่นฐานในต่างแดนล่ะ เค้าใช้ครัวยังไงกัน ? บ้านอื่นเราไม่ทราบค่ะ เลยขอเล่าแต่บ้านเราล่ะกัน



ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า เราโชคดีมาก ๆ ค่ะ ที่นายจอมยุ่งไม่ค่อยจู้จี้ ในเรื่องของกลิ่นอาหาร เธอเข้าใจดีว่า ยังไง ๆ เราก็ต้องกินอาหารไทย ก็แหม…จะให้กินแต่อาหารฝรั่งทุกวัน ๆ ก็คงจะขอเปิดกลับเืมืองสยามไปนานแล้วมั้ง นอกจากนี้ เธอยังเป็นคนชอบกินอาหารไทย เธอเลยไม่ค่อยกล้าพูดมาก เพราะไม่งั้นก็คือ อด ค่ะ

ถ้าถามว่า ห้องไหนสำคัญที่สุดในบ้าน เราคงต้องตอบว่า “ห้องครัว“ เนื่องจากเราเป็นคนชอบทำอาหาร ทำได้หลายตำรา ชอบมาตั้งแต่เด็ก ๆ ครัวบ้านเรา ก็คือ เป็นครัวที่เรียกได้ว่า เข้าตำรา “East meets west” เนื่องจากมีอุปกรณ์ครบครัน ตามมาตรฐานครัวฝรั่ง บวกกับอุปกรณ์ทำครัวแบบไทย ๆ เช่น กะทะก้นลึก ครก และซึ้ง อันหลังนี้สำคัญมาก เพราะเราชอบกินไข่ตุ๋น กับปลานึ่ง เป็นชีวิตจิตใจ นอกจากนี้ยังใช้นึ่งผักได้อีก

ปกติแล้ว เราจะทำอาหารไทย (ที่นายจอมยุ่งกินด้วย) สัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่ส่วนตัวแล้ว เราจะทำอาหารไทยกินคนเดียว อาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง แล้วแต่อารมณ์ โดยมากก็จะเป็นอาหารง่าย ๆ พวกผัดกะเพราะ แกงส้ม หรือแกงจืด ประมาณนี้



ปัญหา คือ เวลาทำอาหารไทยที่เนี่ย กลิ่นมันกรุ่นบ้านเลยค่ะ โดยเฉพาะกลิ่นน้ำมัน แล้วเวลาฤดูหนาวเนี่ย จะให้เปิดประตูหน้าต่างเพื่อระบายกลิ่น ก็ลำบากอีกค่ะ เดือนร้อนต้องมานั่งเช็ดผนังครัว เพื่อขจัดกลิ่นอีก แต่ทำไงได้ล่ะ มันอยากกินนี่หน่า

ใครที่อยู่ต่างประเทศนาน ๆ คงจะยืนยันได้ว่า บางทีได้กินอาหารไทยง่าย ๆ เ่ช่น ข้าวร้อน ๆ กับไข่เจียวหมูสับเนี่ย ทำเอาแทบน้ำตาจะไหลจริง ๆ ส่วนอาหารเริ่ด ๆ ทั้งหลาย เก็บท้องไว้ไปหม่ำที่กรุงเทพเลย

เวลาทำอาหารไทย เราจะระวังเรื่องของกลิ่นมาก แม้ว่านายจอมยุ่งจะไม่เรื่องมาก แต่เราก็ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรานะคะ ดังนั้น เราจะไม่ใช้ “น้ำปลา“ ในการทำครัวโดยเด็ดขาด ถ้าจะใส่น้ำปลาจริง ๆ เราจะเติมเอาที่หลง

เรื่องของน้ำปลา ไม่ค่อยเป็นปัญหากับเรามากนัก เพราะเราชอบซี้อิ้วขาวมากกว่า ส่วนพวกแกงต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้น้ำปลา เช่น แกงเผ็ดต่าง ๆ หากต้องนำมาอุ่น เราจะยกไปอุ่นในโรงรถ (ซึ่งเป็น Back up ของเรา)



ตั้งแต่อยู่กับนายจอมยุ่งมา เพิ่งจะซัดกันจริง ๆ จัง ๆ เรื่องของกลิ่น ก็แค่ 2 ครั้งเท่านั้นค่ะ ครั้งที่สองไม่นับดีกว่า เพราะครั้งที่สอง ซัดกันเพราะเธอ “งี่เง่า“ เรื่องอื่นอยู่ก่อนแล้ว แต่ครั้งแรกนี้ มีองค์ประกอบครบถ้วน ต่อการทะเลาะกันจริง ๆ สาเหตุ คือ ปลาทู ค่ะ

ปกติเวลาเราทอดปลา เราจะยกกะทะไฟฟ้าไปทอดในสนามหญ้า หรือในโรงรถ (ตามสภาพอากาศ) เรื่องมีอยู่ว่า วันนั้นไม่ทราบเป็นอะไร แต่อยากกินข้าวคลุกปลาทูทอดมาก ๆ ก็ไปตระเวณหาซื้อมาจนได้ เป็นปลาทูนึ่งแช่แข็ง ส่งมาจากเมืองไทย ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็นึกว่า ไหน ๆ มันเป็นปลานึ่งสุกแล้ว ไม่น่าจะมีกลิ่น ก็เลยทอดในบ้านเนี่ยแหละ

วันนั้นนายจอมยุ่ง ยังไม่กลับจากที่ทำงาน ไอ้เราตั้งน้ำมันได้ที่ ก็ใส่ปลาทูลงไป…3 นาทีถัดมา กรี๊ดดดดดดด กลิ่นหึ่งเลยค่ะ ขนาดเราเองยังรับไม่ได้เลย วิ่งเปิดประตูห้องต่าง ๆ ยั่งกะหนูติดกับ เิปิดประตูหน้าต่างออกหมด กะให้ไอความเย็นข้างนอก เข้ามาดับกลิ่น จุดเทียนหอมก็แล้ว เอาน้ำต้มตะไคร้แห้งก็แล้ว ก็ยังไม่เป็นผล โอ้ย ๆ…อยากจะเอาเท้าก่ายหน้าผากจริง ๆ

เมื่อทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็เลยโทรไปบอกนายจอมยุ่งล่วงหน้าก่อน ว่าเวลากลับมาบ้าน อาจจะมีกลิ่นนิดหน่อย เธอก็ว่า ไม่เป็นไร ๆ ไอ้เรานึกในใจ เออ…พูดดีไปเถอะ กลับมาดมจริง ๆ แล้วจะรู้

จอมยุ่งเดินเข้าบ้านปุ๊ป เธอก็ว่า อืม…มีกลิ่นจริง ๆ ทำอะไรไว้ ? เราก็ว่าเราทอดปลาทู พร้อมทั้งบรรยายสาเหตุ แรก ๆ เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่พอทานอาหารค่ำเสร็จ มานั่งดูทีวี กลิ่นมันยังลอยออกมาอยู่เลย สุดท้ายเธอทนไม่ไหว หันมาพาลกับเรา ก็เลยเป็นฉนวนให้กัดกันคืนนั้น งอนกันไป 1 คืนเต็ม ๆ

เพื่อน ๆ ล่ะค่ะ มีประสบการณ์เด็ด ๆ กับอาหารไทยยังไงบ้าง ? และมีวิธีจัดการยังไง นำมาเล่ากันฟังซิค่ะ









Create Date : 01 มิถุนายน 2551
Last Update : 1 มิถุนายน 2551 19:53:44 น. 17 comments
Counter : 933 Pageviews.

 
เคยทอดปลาเค็ม กะ ตำน้ำพริกกะปิมาแล้วค่ะ

ทั้งสองเมนูเกือบทำให้เสียเพื่อนไป อิอิ

ไม่ว่าจะเปิด Hood ยังไงก็ไม่สามารถดูดกลิ่นได้ ตอนหลังเลยเอาเตาปิคนิคไปตั้งทอดหลังบ้าน

เพื่อนเค้าชอบกินนะคะ แต่รับกลิ่นไม่ได้จริงๆ หุหุหุ




โดย: พฤษภา วันที่: 1 มิถุนายน 2551 เวลา:20:02:25 น.  

 
ทำกับข้าวไม่เป็นจ้า เลยยังไม่ได้ทะเลาะกัน อิอิ


โดย: Minnie IP: 74.129.161.73 วันที่: 1 มิถุนายน 2551 เวลา:20:35:07 น.  

 
อาหารเหม็นๆของชอบเลยค่ะ แต่ต้องตัดใจไม่ทำเพราะมันเหม็นทั่วบ้านไปหมด


โดย: ฟรัง-แซ วันที่: 1 มิถุนายน 2551 เวลา:20:44:51 น.  

 
เหอๆๆ อ่านแล้วขำๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า ขาดข้าวดอกนะเจ้าชีวาวาย ไม่ตายแน่ๆถ้าขาดสเน่หา เพราะถ้าแฟนไม่เข้าใจเรา เราคงเผ่นแน่บกลับบ้านตามแพทไปติดๆแน่ๆ แพทน่ารักเนอะ คอยระวังอย่างดี แต่ทุกคนมีครั้งแรก เราเหมือนแพทเลย ไอ้วันนึกอยากกิน มันก็เดินไปทำเลย ตำก็ไม่เป็น มันคือน้ำพริกกะปิ ก็ตำราเขาว่า ปิ้งหรือย่างซะก่อนจะตำ (แม่บอกว่าบางทีก็ไม่ต้องถ้าไม่หวังผลเรื่องหอม หรือเหม็นในทางกลับกันของฝรั่ง) ดันลืมดูเวลา 4 โมงครึ่ง เขากลับมานั่งเล่นเกมส์ไปก็เอาเสื้อดึงขึ้นมาปิดจมูกกับเพื่อนเขา เหมือนเด็กๆเหม็นอะไร แต่ไม่พูดออกมาหรอกนะ ยังเป็นสุภาพบุรุษมาก สุภาพสตรีศรีสยามอย่างเราก็เป็นอันรู้ว่า วันหลังอย่าทำ เหอๆๆๆ


โดย: Nok (nokjeffus ) วันที่: 1 มิถุนายน 2551 เวลา:20:47:25 น.  

 
แวะมาทักทายและมาอ่านด้วยค่ะ
อ่านแล้วอมยิ้มไปด้วยค่ะ
มีความสุขมากๆนะค่ะ


โดย: whitelady วันที่: 1 มิถุนายน 2551 เวลา:20:57:21 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะ เห็นรูปปลาทูข้างบนแล้วอยากกินน้ำพริกทันทีเลยค่ะ

สบายดีนะค๊ะ


โดย: วิสกี้โซดา วันที่: 1 มิถุนายน 2551 เวลา:22:24:55 น.  

 
คุณแพท คนข้างๆ เราเป็นไซนัสเรื้อรังค่ะ เลยไม่ได้กลิ่นอะไรเวลาเราทำอะไรน่ะค่ะ ส่วนมากไม่ทำหรอกค่ะ

เรื่องตลกค่ะ เมื่อเรามาตอนครั้งแรก เราก็อยากได้พริกคั่ว อยากที่ทราบค่ะ เมืองไทยบ้านเปิดโล่ง เวลาคั่วพริก แหม วันนั้นเราก็คั่วพริกแห้งเม็กซินกัน ไอจากการคั่วทำให้เราแสบหูแสบตา แสบจมูก จาม น้ำหูน้ำตาไหล ค่ะ เกือบตายค่ะ


โดย: Clip วันที่: 1 มิถุนายน 2551 เวลา:23:38:31 น.  

 
แวะมาอ่านค่ะ เห็นด้วยนะคะ เวลาทำเสื้อผ้า ผม เราก้อพาลเหม็นไปด้วย ก้อแนะนำเอาไปทอดนอกบ้าน ที่โล่ง ๆ โปร่ง ๆ ดีกว่าค่ะ


โดย: sheer bliss IP: 71.106.48.138 วันที่: 1 มิถุนายน 2551 เวลา:23:45:05 น.  

 
ดูรูปได้ไม่หมดน่ะค่ะ เข้ามาอ่านก็ได้รู้ได้เข้าใจว่าเป็นเช่นนี้เอง อิอิ

ที่ทำมายังไม่เคยบ่นว่าเหม็นเลยค่ะ ดีที่แฟนทานได้ทุกอย่าง น้ำปลาก็ยิ่งชอบ


โดย: thaispicy (thaispicy ) วันที่: 2 มิถุนายน 2551 เวลา:0:22:12 น.  

 
ของเวฟแค่หมูทอดกระเทียมพริกไทย คนที่บ้านยังบ่นจะแย่เลย ทอดปลาทูในบ้าน ข้าพเจ้ามิกล้าหรอกจ้า

ตอนนี้ดีใจมาก ที่เค้าซื้อเตาแก๊ซมาวางไว้ข้างนอก อย่าว่าแต่ปลาทู เลย ปลาร้า ข้าพเจ้า ก็บ่ยั่น 555


โดย: เวฟ IP: 76.118.234.48 วันที่: 2 มิถุนายน 2551 เวลา:12:10:00 น.  

 
เวลาทำก้อทำตอนสามีไม่อยู่คะกว่าจะกลับบ้านกลิ่นก้อไปหมดแล้ว


โดย: aloha IP: 76.88.133.85 วันที่: 3 มิถุนายน 2551 เวลา:0:43:18 น.  

 
ทอดปลาเค็มจ๊ะ เปิดที่ดูดควันก็แล้ว เปิดหน้าต่าง ประตูแล้วด้วย ลูกชายตัวป่วนลงมาจากบนบ้านถามม่ามี๊ทำอะไรเหม็น มีทำหน้าทำตาประกอบด้วยนะ เห็นแล้วก็หมั่นไส้ บอกไปว่าทำเสร็จแล้วอย่ากินนะ เวลากิน ซัดกันเรียบไม่เหลือ


โดย: ลิตเติ้ลเกิร์ล IP: 60.52.203.179 วันที่: 3 มิถุนายน 2551 เวลา:13:18:24 น.  

 
สวัสดีจ้ะแพท
เห็นรูปปลาทูแล้วอยากกินมาก ไม่ได้กินมา5-6ปีแล้ว จำได้ว่าเคยซื้อแบบแช่แข็งมาทอดกินครั้งนึง กลิ่นไม่หอม จากนั้นมาเลยไม่ซื้ออีก
นานมาแล้วอีกเหมือนกันโทมัสไปซื้อปลาเค็มแบบแช่ในนํามันมาให้ ตอนเอามาให้น่ะโทมัสงี้หน้าบานยิ้มปากกว้าง ดีใจที่ซื้อของถูกใจเมีย อิอิ ตอนทอดซิแพท มาถามพี่ว่า "ไอ้ปลาที่ซื้อมานั่นมันเก่าเกินไปหรือเปล่า" ตั้งแต่นั้นมาจนบัดนี้ยังไม่ได้กินปลาเค็มอีกเลย


โดย: P'Ang and Thomas IP: 90.185.66.240 วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:1:34:39 น.  

 
ของนัทไม่ค่อยมีปัญหาอะไร่ค่ะ อาศัยว่าเป็นคนทำกับข้าว ถ้าเกิดเรื่องมากนักก็ไม่ต้องกินแค่นั้นเอง


โดย: Picike วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:5:59:19 น.  

 
ขอโทษด้วยนะคะ บางทีออนนานไลน์ไม่ได้ค่ะ แต่ยังอยากทักทายคุณแพทสักสองประโยคแล้วก็จากไปค่ะ



โดย: Clip วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:23:40:24 น.  

 
wow...look delicious


โดย: pi pojanee IP: 78.34.137.197 วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:1:01:22 น.  

 
hi....khun Patt
I love pla to so mak mak kha...^_^
but here I cant find it kha T_T so sad ..
take a good care na kha...miss you kha.


โดย: sunan IP: 68.226.209.253 วันที่: 7 มิถุนายน 2551 เวลา:0:48:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Lilac Girl
Location :
The Land of 10,000 Lakes United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]




ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชม Blog ของเรานะคะ มีอะไรแนะนำจะให้เขียน รบกวนเขียนฝากไว้ด้วยค่ะ

Disclaimer: ทุกข้อความใน Blog นี้ เราเขียนเรื่องจากประสบการณ์เท่านั้น ไม่มีเจตนาว่าร้ายใคร และหากเรื่องที่เขียนไปกระทบใจใคร ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ส่วนข้อมูลต่าง ๆ ที่ให้ไว้ ก็เป็นเพียงข้อมูลจากประสบการณ์จริงเท่านั้นค่ะ

***ประกาศ : ท่านที่นำเนื้อหาในบล็อคของเราไปแปะไว้ในเว็ปอื่น ยินดีอย่างยิ่งค่ะ ที่ช่วยกันเปิดเผยข้อมูล แต่ขอความกรุณาซักนิด แจ้งให้เราทราบด้วยนะคะ ให้เครดิตคนเขียนกันบ้างค่ะ ***

New Comments
Friends' blogs
[Add Lilac Girl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.