My Life; My Destiny.
Group Blog
 
 
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
28 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
เที่ยวเมืองดัช ตอนที่ 1 Arriving in Amsterdam



สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ หายหน้าหายตากันไปนานมาก เกือบ ๆ ปีแล้วเนอะ ไม่ได้หายไปตั้งท้องแต่อย่างใด แต่หายไปติดเกมส์แบบงอมแงมมาก ๆ วัน ๆ ไม่อยากจะทำอะไรเลย อยากจะเล่นเกมส์อย่างเดียว บางทีนึก ๆ อยากจะเขียนบล็อค แต่พอไปเล่นเกมส์ ก็์ติดลมบนอีก วันนี้ได้ฤกษ์ เนื่องจากเที่ยวแล้ว ถ้าไม่ได้เขียนเล่าอะไร เหมือนเที่ยวไม่คุ้มอ่ะ (ต้องแจกจ่ายคนอื่นด้วย อิอิ) แต่ยังไงก็ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่แวะมาถามหากันเป็นครั้งคราวนะคะ




เดือนเมษายนมาถึง เป็นช่วงวันหยุดประจำปีของนายจอมยุ่ง ตอนแรกตั้งใจจะไปเล่นสงกรานต์ที่เมืองไทยกัน แต่ติดปัญหา ไม่มีคนดูแลหมาให้ เพราะขี้เกียจหอบกันไปเมืองไทย คุณพ่อของนายจอมยุ่งเลยบอกว่า จะดูหมาให้ แต่ดูให้แค่ 5 วัน ก็เลยไปไหนกันไกลไม่ได้ สรุป เฮียบอกไปอัมสเตอร์ดัมล่ะกัน เพราะเราบ่นอยากไปดูดอกไม้อยู่แล้ว

เราเลือกเที่ยวบินที่ออกจากอเมริกาตอนเย็น จะได้ไปถึงฝั่งยุโรปในตอนเช้า (ของวันรุ่งขึ้น) ทานอาหารบนเครื่องบินเสร็จ ก็หลับกันยาวเลย ตื่นมาอีกทีกินอาหารเช้า อีกไม่นานก็ถึงที่หมาย จะได้มีแรงออกเดิน ๆๆๆๆ ต่อไป

จากเมืองมินนีแอปโพลิส รัฐมินนีโซต้า ไปถึงเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ใช้เวลาบินประมาณ 8 ชั่วโมงค่ะ เราไปถึงตอน 10 โมงเช้า ท้องฟ้าแจ่มใส อากาศสดชื่น ผ่านต.ม เมืองดัช มาได้อย่างง่ายดาย ไม่เห็นเค้าถามเลยว่า จะอยู่กี่วัน จะไปไหน ไม่มีแบบฟอร์มคนเข้าเมืองให้กรอกอีกต่างหาก พอไปถึงด่านศุลกากร ก็เดินผ่านประตูช่องเขียวแบบไม่มีพิธีการอะไรเลย เฮียงง ๆ ว่า ตกลงเราผ่านพิธีการ Custom & Immigration มาหรือยัง ?

เดินออกมาจากศุลกากร ก็มีร้านขายของเยอะไปหมดเลย เหมือนเดินอยู่ในห้างประมาณนั้น เราต้องไปขึ้นรถไฟไปในเมือง ซึ่งก็สะดวกมาก ๆ เดินตามป้ายไปเท่านั้น ตั๋วรถไฟชั้น 2 จากสนามบินไปสถานี Amsterdam Centraal คนละ 4.20 ยูโรค่ะ ใช้เวลาแค่ 20 นาทีเท่านั้น



เราพักกันที่ Bed & Breakfast เล็ก ๆ ในย่าน Red Light District ที่พักไม่มีอะไรหรู เพราะว่าไม่มีที่อื่น (ที่ราคาพอทนได้) จะให้พักอีกแล้ว เนื่องจากช่วงเมษา - พฤษภา ถือเป็น High Season ของเมืองนี้ ตอนเช้ามีอาหารเช้าให้ทาน และเจ้าของโรงแรมทำไข่กวนอร่อยสุด ๆ เลย

ออกตัวก่อนว่า ทริปนี้เที่ยวแบบไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะไม่ได้ตั้งใจจะไป เลยไม่ได้ศึกษาอะไรเลย รู้อย่างเดียวว่า เราจะไปดูดอกไม้ที่ Keukenhof เท่านั้น ส่วนเฮียก็ตั้งใจจะไปเดินชมย่าน Red Light District เลยเอาเป็นว่า โง่ไปกับโง่ล่ะกันค่ะ หนักถ่ายรูปมาอย่างเดียว 5555

ไปดูรูปกันเลยค่ะ

เริ่มจากเช็คอิน เราลากแค่ Carry-on คนละใบ กันกระเป๋าหาย เดี๋ยวไม่มีเสื้อผ้าใส่ จะงานเข้า

Photobucket

ออกจากสนามบินปุ๊ป ก็มายืนสูดอากาศตรงนี้ได้เลย รถเมลล์อยู่ฝั่งตรงข้าม รถไฟต้องเดินกลับเข้าไปในสถานีค่ะ

Photobucket

ทิวลิปหน้าสนามบิน ฝั่งตรงข้ามเป็นโรงแรมเชอราตัน

Photobucket

ระหว่างนั่งรถไฟจากสนามบิน ไปในตัวเมืองอัมสเตอรดัม

Photobucket

วันแรกที่เรามาถึง เนื่องจากโรงแรมมันเต็มเอี๊ยด เลยยังเช็คอินไม่ได้ เราเลยฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม แล้วพากันออกเดินไปเรื่อย ๆ รอเวลา เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องคูคลองนะคะ รูปส่วนมากเลยจะมีลำคลองรวมอยู่ด้วย บ้านเรือนก็จะปลูกอยู่สองฝั่งคลองค่ะ แต่ไม่มีผักตบชวาตรึมแบบบ้านเรา

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

น้องห่านโดดเดี๋ยวเดียวดาย

Photobucket


เดินไปเรื่อย ๆ เจอคล้าย ๆ ตลาดนัดข้างถนน มีแผงขายชีส หน้าตาน่าซื้อมาก เราซื้อกลับมาหน่อย ไม่มีปัญหาที่ศุลกากรของมะกันแต่อย่างใด

Photobucket

ร้านอาหารเล็ก ๆ ข้างถนน คนนั่งตากแดดอุ่น ๆ กัน

Photobucket

แผงดอกไม้ข้างถนน

Photobucket


Waag หรือ Weighing House

สร้างขึ้นในปี ค.ศ 1488 แต่เดิมทำหน้าที่เป็นเรือนเฝ้าประตู (Gatehouse) จากนั้นใช้เป็นป้อมชั่งน้ำหนักสินค้า เพื่อทางการจะได้เก็บภาษีได้ถูกต้อง

ในช่วงปี 1550-1690 ซึ่งเป็นสมัยล่าพวกพ่อมดหมอผี จะมีการนำพวกที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อมด-แม่มด มาชั่งน้ำหนักที่ตึกหลังนี้ หากคนหลายนั้น น้ำหนักต่ำกว่าที่กำหนดไว้ จะถูกพิพากษาว่ามีความผิด ซึ่งแน่นอน จะมีโทษถึงประหารชีวิต นอกจากนี้ ตึกหลังนี้ยังใช้เป็นสถานที่รอพิพากษา และประหารชีวิต สำหรับนักโทษทั่วไปด้วย (ฟังดูน่ากลัวเนอะ)

ในช่วงปี 1800 หลังจากยกเลิกป้อมชั่งน้ำหนัก อาคารนี้จึงถูกแปลงเป็นสถานีดับเพลิง และพิพิธภัณฑ์ แต่ปัจจุบันเปิดเป็นร้านอาหารค่ะ มีเมนูน่าทานเยอะเชียว (แต่ถ้าปวดฉี่จะกล้าไปห้องน้ำป่ะเนี่ย ?)

Photobucket

Photobucket



เดินกันไป 3 ชั่วโมงเต็ม เริ่มจะเมื่อย บวกกับมีอาการ Jetlag อ่อน ๆ เนื่องจากเวลาห่างกัน 7 ช.ม เลยต้องพากันเดินกลับโรงแรม กะว่าถึงบ่าย 2 ก็เช็คอินได้พอดี มาถึงห้องพัก จะชาร์ตโทรศัพท์ก็แทบกรี๊ด เพราะขาปลั๊กไฟที่นี่ ไม่เหมือนกับที่อเมริกา และเราก็ลืมเอา Universal Adaptor มาซะด้วย แต่โชคดีไปหาซื้อมาได้ในราคา 10 ยูโร ไม่งั้นชาร์ตโทรศัพท์กับกล้องถ่ายรูปไม่ได้ จะงานเข้าอีก

พักผ่อนกันนิดหน่อย พร้อมกับอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เราก็พากันออกเดินต่อค่ะ จริง ๆ แล้วที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของการขี่จักรยานชมเมืองนะ ใครอยากขี่จักรยาน สามารถเช่าจักรยานขี่ได้ทั้งวันค่ะ แต่เราว่าอากาศมันค่อนข้างจะเย็นไปนิด สำหรับการปั่นจักรยาน สรุปว่า เดินเอาล่ะกันนิ



เดินไปเดินมา ถึงอนุเสาวรีย์นี้ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงทหารที่เสียชีวิต ในสงครามโลกค่ะ

Photobucket

Photobucket

Madame Tussaud ที่มีการปั้นหุ่นขี้ผึ้ง แต่เราไม่ได้เข้าไปดู

Photobucket

ตึกนี้มันเอียงเอง หรือว่าเค้าเป็นงานศิลป์หว่า ???

Photobucket

เดินจนหิว และได้เวลาอาหารเย็น หลังจากเลือกไปเลือกมา เราตกลงใจมานั่งร้านอิทาเลี่ยนร้านนี้ ร้านเค้าน่ารัก ราคาโอเคดีค่ะ

Photobucket

เมืองนี้ต้นตำรับเบียร์ไฮเนเก้น กับ อัมสเทล

Photobucket

แบ่งกันกินลาซานญ่า (เส้นอิตาเลี่ยนอบกับซอสเนื้อและชีส) กับพิชซ่า

Photobucket

Photobucket


Photobucket




มีเรื่องตลกที่ร้านอาหาร คือ พนักงานเสริฟ์เดินมาถามนายจอมยุ่งว่า “Are you from Minnesota?” เฮียแกต๊กกะใจว่า รู้ได้ไงฟ่ะ ? พี่บ๋อยแกเลยบอกว่า “You look like an American!” และทุก ๆ ครั้งที่เค้าคุยกับคนอเมริกัน จะเป็นคนจากรัฐมินนีโซต้าทั้งนั้น

ฮ่า ฮ่า เฮียแกพารานอยด์อีกว่า ทำไมตัวแกถึงดูเห็นชัดว่าเป็นมะกันขนาดนั้นเชียวหรือ (เรานึกในใจว่า ก็มึงเป็นมะกัน จะให้คนอื่นเค้าคิดว่าเป็นคนที่ไหน บ้าไปล่ะ !)



วันนี้แค่นี้ก่อนค่ะ บล็อคหน้าจะพาไปดูดอกไม้ที่ Keukenhof กันนะคะ









Create Date : 28 เมษายน 2554
Last Update : 28 เมษายน 2554 11:19:27 น. 11 comments
Counter : 1683 Pageviews.

 
ดูอากาศที่นั่นคงจะดีขึ้นเยอะเลยนะคะ ท้องฟ้าแจ่มใส แบมเสียดายที่ไม่ได้อยู่ช่วงฤดุใบไม้ผลิกับหน้าร้อนที่ลอนดอน ต้องกลับมาไทยซะก่อน อีกอย่างก็เสียดายที่ไม่ได้อยู่ดูงานแต่งของเจ้าชายวิลเลียมด้วย
ปล อยากบอกว่า ลาซานญ่า กับพิชซ่าน่ากินมากค่ะ น้ำลายไหลเลยยังมะได้กินข้าวเช้าด้วย


โดย: เเบม (Chip_biscuit ) วันที่: 28 เมษายน 2554 เวลา:10:44:49 น.  

 
สวัสดีค่ะ หายไปนานจริงๆ จากบล๊อกแกงค์นะคะ แต่ก็ดีใจค่ะที่กลับมาอัพบล๊อกให้อ่านกันอีกครั้ง

วิสกี้ตามไปเที่ยวด้วยค่ะ ดูรูปแล้วทำให้รำลึกถึงความหลังเมื่อไปเที่ยว แต่ก็หลายปีมาแล้วค่ะ รอดู keukenhof ต่อนะคะ วิสกี้ได้เห็นทิวลิปหลากสีก็ที่นี่แหละค่ะ


โดย: วิสกี้โซดา วันที่: 28 เมษายน 2554 เวลา:10:45:18 น.  

 
ฟ้ามืดอยู่ 1 วันค่ะคุณแบม อากาศก็ยังเย็น ๆ อยู่นะ แต่พอทนได้ เพราะเราชินกับที่มันหนาวกว่านั้นอ่ะ

หิวข้าวก็ลุยเลยค่ะ อยู่เมืองไทย สบายอยู่แล้ว


**********************************************

คุณวิสกี้ค่ะ ใช่แล้วหายไปนาน แรก ๆ ไปแอบ ๆ ดูบล็อคคนอื่นนะ ไป ๆ มา ๆ พันทิปยังไม่ค่อยได้เข้าเลย 555 ตอนนี้เริ่มจะเบื่อเกมส์ กลับมาซบอกบล็อคแกงค์ดีกว่า

เรื่องสีของทิวลิป เราว่าเราเคยเห็นมากสีกว่าที่อเมริกาอ่ะ แต่ถ้าเอาเฉพาะบรรยากาศ กับความสวยของสวนอ่ะ ประทับใจที่นี่มาก

ขอบคุณนะคะที่แวะมาเยี่ยมค่ะ


โดย: Lilac Girl วันที่: 28 เมษายน 2554 เวลา:10:50:01 น.  

 
อยากไปบ้างจังอะอะ


โดย: ตะวันเจ้าเอย วันที่: 28 เมษายน 2554 เวลา:13:32:02 น.  

 
แวะมาทักทายครับ ขอตามไปเที่ยวด้วยคน


โดย: กัปตันลูกชุบ วันที่: 28 เมษายน 2554 เวลา:13:40:46 น.  

 
555 ทำไมคนจากMinnesota ชอบไปที่ันั่นอ่ะ แต่แอบมีคำถามหน่อยนะคุณแพท ว่าภาพที่สุดท้ายที่ถ่ายคู่กันน่ะเฮียแกลมบ่จอยป่าวดูหน้าตาไม่สบอารมณ์เลยค่ะ เที่ยวที่นั่นน่ะดีแล้วคุณแพท เมืองไทยตอนนี้ร้อนกะฝนสองอย่างไปปลายปีสนุกกว่าค่ะ

ภาพสวยๆทั้งนั้นเลย


โดย: amskye วันที่: 29 เมษายน 2554 เวลา:2:22:52 น.  

 
555 ภรรยายิ้มหวานทุกภาพเลยค่ะ


โดย: amskye วันที่: 29 เมษายน 2554 เวลา:10:58:47 น.  

 
มีแต่ภาพสวยๆๆ นะ พี่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปเลย จะรออ่านต่อนะจ๊ะ


โดย: พี่พจนีย์ IP: 89.0.177.139 วันที่: 29 เมษายน 2554 เวลา:20:02:46 น.  

 


โดย: Sheer briss IP: 198.228.209.251 วันที่: 30 เมษายน 2554 เวลา:22:26:53 น.  

 
ฝันดีนะจ่ะ


โดย: ตะวันเจ้าเอย วันที่: 1 พฤษภาคม 2554 เวลา:23:55:02 น.  

 
อยากไปจังเลย


โดย: sheer briss IP: 198.228.208.188 วันที่: 11 พฤษภาคม 2554 เวลา:12:25:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Lilac Girl
Location :
The Land of 10,000 Lakes United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]




ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชม Blog ของเรานะคะ มีอะไรแนะนำจะให้เขียน รบกวนเขียนฝากไว้ด้วยค่ะ

Disclaimer: ทุกข้อความใน Blog นี้ เราเขียนเรื่องจากประสบการณ์เท่านั้น ไม่มีเจตนาว่าร้ายใคร และหากเรื่องที่เขียนไปกระทบใจใคร ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ส่วนข้อมูลต่าง ๆ ที่ให้ไว้ ก็เป็นเพียงข้อมูลจากประสบการณ์จริงเท่านั้นค่ะ

***ประกาศ : ท่านที่นำเนื้อหาในบล็อคของเราไปแปะไว้ในเว็ปอื่น ยินดีอย่างยิ่งค่ะ ที่ช่วยกันเปิดเผยข้อมูล แต่ขอความกรุณาซักนิด แจ้งให้เราทราบด้วยนะคะ ให้เครดิตคนเขียนกันบ้างค่ะ ***

New Comments
Friends' blogs
[Add Lilac Girl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.