My Life; My Destiny.
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
24 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
เที่ยวเมืองไทย 04/2010 ตอน กระเตงน้องหมากลับเมืองไทย ไม่วุ่นวายเลยค่ะ



ช่วงฤดูใบไม้ผลิ เป็นช่วงวันหยุดประจำปีของนายจอมยุ่ง คราวนี้เฮียฟันธงว่า เธอจะไปเล่นสงกรานต์ที่กรุงเทพ แม้คุณเมียจะพยายามเบี่ยงประเด็นว่า ไปยุโรปเถอะ เพราะเมืองไทยร้อนมาก (ร้อนทั้งสภาพอากาศและการเมือง) จริง ๆ แล้วมีประเด็นแอบแฝง อยากจะบอกเฮียว่า ปีนี้ชั้นไปกรุงเทพมาแล้ว 2 รอบ รอบนี้รอบที่ 3 ของปี ชั้นอยากไปเปิดหูเปิดตาที่อื่นบ้างน่ะสิ แต่จริง ๆ แล้วไม่ไปยุโรปก็ดีแล้ว เพราะไม่งั้นป่านนี้ อาจจะยังติดอยู่ยุโรป เนื่องด้วยเถ้าจากภูเขาไฟ

สรุปว่า ตกลงใจยกครอบครัวไปกรุงเทพกัน 4 ชีวิต คนสอง หมาสอง ทุลักทุเลเล็กน้อย แต่ไม่ค่อยเท่าไรค่ะ



การเตรียมเอกสารให้น้องหมา


ขั้นตอนการเตรียมเอกสารให้เด็ก ๆ ก็ไม่วุ่นวายมากค่ะ เริ่มจากพาเค้าไปฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า แล้วให้คุณหมอออกใบ Health Certificate ให้ โดยใช้แบบฟอร์ม 7001 ของรัฐบาลสหรัฐ จากนั้น นำใบนี้ ไปให้ USDA Veterinarian ประทับตราให้ค่ะ

USDA Veterinarian คือ สัตวแพทย์ ที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลสหรัฐค่ะ เค้าจะต้องประทับตรา USDA ลงบนใบสุขภาพที่เราได้มาจากสัตวแพทย์ของเราเอง ส่วนว่าจะหาได้ที่ไหน ใครอยู่เมืองไหน ก็ Google คำว่า USDA Veterinarian in + ชื่อเมือง ค่ะ จากนั้นโทรไปนัดหมายกับเค้า ระยะเวลาการทำประมาณ 45 นาที และเราไม่จำเป็นต้องนำสัตว์ไปด้วยค่ะ ส่วนค่าใช้จ่ายนั้น ราว ๆ 35 เหรียญค่ะ ถ้าใครมีสัตว์มากกว่า 1 ตัว อย่าลืมให้สัตวแพทย์ของเรา กรอกชื่อสัตว์ทุกตัวลงบนฟอร์ม 7001 ไปเลยค่ะ จะได้ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมซ้ำซ้อน



การจองตั๋วเครื่องบิน (สำหรับสารการบิน Delta เท่านั้น)


เรานำเจ้าตัวเล็กเข้าไปในเครื่องด้วย ขั้นตอนไม่มีอะไรยุ่งยากค่ะ ค่าธรรมเนียม 200 เหรียญ/ตัว/เที่ยว (สำหรับเที่ยวบินนานาชาติ To/From the US) ซึ่งเค้าจะเก็บค่าธรรมเนียมนี้ตอนเช็คอินค่ะ แต่เราจะต้องโทรแจ้งกับแผนกสำรองที่นั่งก่อน ว่าเราจะนำสัตว์เลี้ยงขึ้นไปด้วย เพราะแต่ละเที่ยวบิน จะจำกัดให้มีสัตว์ในจำนวนหนึ่งเท่านั้น

ชั้นหนึ่ง (First Class) ให้ 2 ตัว
ชั้นธุรกิจ (Business Elite) ให้ 2 ตัว
ชั้นประหยัด (Main Cabin) ให้ 4 ตัว

ผู้โดยสาร 1 คน จะสามารถนำสัตว์ไปได้เพียง 1 ตัวเท่านั้นค่ะ น้ำหนักสัตว์รวมกระเป๋า จะต้องไม่เกิน 20 ปอนด์ และสัตว์จะต้องมีอายุอย่างน้อย 8 สัปดาห์ค่ะ ส่วนกระเป๋าจะต้องได้สัดส่วนที่ทางสายการบินกำหนด คือ จะต้องสามารถวางไว้ใต้เก้าอี้ด้านหน้าของเราได้พอดี และจะนับกระเป๋านั้นว่าเป็น Carry On ของเรา ดังนั้น เราจะหิ้วของส่วนตัวได้อีกแค่ 1 กระเป๋าเท่านั้นค่ะ



เมื่อวันเดินทางมาถึง

โชคดีที่เที่ยวบินไปโตเกียวของเรา ออกบ่ายสามค่ะ ตอนเช้าเลยตื่นมาทำโน้นทำนี่ได้ แบบไม่ต้องรีบเร่ง เนื่องจากบ้านเราอยู่ใกล้สนามบินมาก เราเลยเอากระเป๋าไปเช็คอินกันแต่เช้า (เช็คได้ 6 ชั่วโมงก่อนออกเดินทางค่ะ) จากนั้น กลับมาบ้าน พาเด็ก ๆ ไปวิ่งกันจนเหนื่อยเกือบ ๆ 2 ชั่วโมงได้

วันเดินทาง ไม่ต้องให้อาหารเค้าแล้วค่ะ สุนัขอยู่ได้โดยไม่มีอาหารเลย ประมาณ 14 วันค่ะ (อันนี้คุณหมอหมาท่านบอกมาเอง) กลับมาบ้าน ก็จัดการอาบน้ำให้เค้า เค้าก็เพลียกันได้ที่ทีเดียว แต่อย่าลืมกะเวลาให้พอเหมาะ ว่าเค้าจะตัวแห้งสนิทก่อนขึ้นเครื่องนะคะ รวมทั้งต้องเช็ดหูเค้าให้แห้งทีเดียว ไม่งั้นเดี๋ยวไปมาปัญหาบนเครื่องบินแล้วจะยุ่ง

เราออกจากบ้านกันแบบสบาย ๆ มีแค่กระเป๋าใส่เด็ก ๆ 2 ใบ กับเป้ขนสมบัติบ้าเล็ก ๆ อีก 1 ใบเท่านั้น เพราะนอกนั้นส่งโหลดหมดแล้ว อย่าลืมติดขนมไปให้น้องเค้าด้วยค่ะ เผื่อเค้าเบื่อ ๆ จะได้กินขนม แล้วก็หาถ้วยใส่น้ำที่มีฝาปิดได้ติดไปด้วย

สนามบินมินนีแอปโพลิส อนุญาตให้สัตว์ออกมาเดินได้ เลยได้ยืดเส้นยืดสายกัน จนกระทั่งขึ้นเครื่อง เราเลือกจะขึ้นกันเป็นคนท้าย ๆ เพราะเดี๋ยวได้นั่งอีกยาว อิอิ อ้อ…ระหว่างที่เค้าบอร์ดเครื่องกัน ก็เป็นโอกาสดี ที่จะให้น้อง ๆ เค้ากินยาให้ซืมค่ะ จะได้ง่วงนอนหลับไปเลย ยานี้ก็เวลาไปหาหมอเพื่อตรวจสุขภาพ ก็ให้เค้าจ่ายมาด้วยค่ะ

ระหว่างนั่งรอเครื่องบินค่ะ นั่งกันเรียบร้อยมากเลย



ขอหนูนั่งใกล้ ๆ แด๊ดดี้หน่อยค่ะ


Photobucket




Smooth Flights


เที่ยวบินของเรา ผ่านไปด้วยความราบรื่นตลอดทาง แม้น้องพูกกี้จะร้องงิ้ง ๆ บ้าง เพราะอยากจะขึ้นมานั่งตักคุณแม่ แต่น้องพิคเคิ้ลเรียบร้อยมากค่ะ นอนหลับสนิทเลย ไม่กวนใคร วันนี้แอร์น่ารักมาก พอเครื่องขึ้นได้ระดับ เค้าก็อนุญาตให้เราเอาน้องพูกกี้มานั่งข้าง ๆ เพียงแต่ขอว่า ระหว่างที่มีการเสิร์ฟอาหาร ให้เราวางเค้าลงไปที่พื้นเหมือนเดิม

เมื่อมาถึงโตเกียว ที่ Jet Bridge จะมาเจ้าหน้าที่ของสายการบิน มาถือป้ายชื่อเราอยู่ ตรงนี้ เราก็แค่ยื่น Health Certificate ให้เค้า 1 ฉบับเท่านั้นค่ะ จากนั้นก็ไปผ่านด่านตรวจความปลอดภัย แล้วไปยังเกทถัดไปได้เลย

เรามีเวลาเปลี่ยนเครื่องไม่นานมาก แต่ก็พอที่จะนำน้อง ๆ เค้าไปเดินในห้องน้ำได้ ที่สนามบินนาริตะ (โตเกียว) จะมีห้องน้ำแบบครอบครัว คือ เข้ากันไปได้หลายคน เราก็พาเค้าเข้าไปเดินในนั้นได้ค่ะ จะได้ยืดขานิดหน่อย หรือถ้าจะฉี่ก็ทำได้ แต่อย่าลืมทำความสะอาดให้เรียบร้อย เราติด Puppy Pad ไปให้เค้าฉี่กัน เลยไม่มีปัญหาอะไรค่ะ

ไฟล์ทจากโตเกียวมากรุงเทพ ประมาณ 7 ชั่วโมง พอกินข้าวเสร็จ นายจอมยุ่งก็ชิงหลับเลย ปล่อยเราไว้กับหมา 2 ตัว แล้วเค้าก็เริ่มจะเลื้อยออกมาจากกระเป๋า ขึ้นมานั่งตักค่ะ สรุปว่า 2 ตัว น้ำหนักรวมกันประมาณ 30 ปอนด์ มานอนอยู่บนพุงเราอ่ะตลอดไฟล์ทเลย นั่งมาก ปวดฉี่อีก สุดท้ายต้องทุบให้เฮียตื่น ขอไปเข้าห้องน้ำหน่อยหนึ่ง

สจ๊วตที่ดูแลโซนของเรา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เรามีหมา ฮ่า ฮ่า เราก็นึกในใจว่า ขนาดหมากูนั่งตักกูมา 6 ชั่วโมง มึงยังไม่เห็นอีกเหรอ ? เพราะตอนเดินออกจากเครื่อง คุณเธออุทานแบบโคตรเกย์ว่า
“Oops…We have puppies on board!”

บนเครื่องบิน

Photobucket

Photobucket

นั่งดูเมฆเพลิน ๆ

Photobucket

แม่หน้าแจ่มเชียว (แต่ไม่ได้เมานะคร๊าบ อิอิ)

Photobucket

Photobucket

บิน Sushi Flight ก็ต้องสั่งอาหารญี่ปุ่นครับ

Photobucket

แด๊ดดี้หน้าแดง ๆ นะเนี่ย

Photobucket


ขั้นตอนการนำสัตว์เข้าประเทศไทย


หลังผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง และรับกระเป๋าเรียบร้อย เราให้จอมยุ่งเดินออกไปหาพ่อเลย แล้วเราไปจัดการเรื่องเอกสารน้องหมาเอง ปํญหา คือ เฮียจากไป พร้อม ๆ กับเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เรามีอยู่ ฮ่า ฮ่า คือ พี่แกเอากระเป๋าเป้ไปด้วยอ่ะ

เราไปยื่นเรื่องที่สำนักงานของกรมปศุสัตว์ ตั้งอยู่ถัดจากสายพานกระเป๋าหมายเลข 8 ค่ะ ตรงนี้ไม่มีอะไรมาก แค่กรอกเอกสาร ขออนุญาตนำสัตว์เข้าราชอาณาจักรไทย ค่าธรรมเนียม 100 บาท/ตัว พี่ ๆ ที่สำนักงานนี้น่ารักมากเลยค่ะ เป็นกันเองและสุภาพอย่างที่สุด

ปัญหา คือ ไม่มีเงินจ่ายค่าธรรมเนียมอ่ะ !!!!!!!!! ทำไงดีเนี่ย ???

เราแก้ปัญหา โดยการบอกพี่เค้าว่า “ยึดกระเป๋าเดินทางหนูไว้ก่อนนะคะ หนูต้องออกไปเอาเงินข้างนอกค่ะ“ คือ ถ้าจะฝากหมาไว้ก่อน พวกมันคงร้องกันสนามบินแตกแน่นอน พี่เค้าก็โอเค ไม่มีปัญหาอะไร เค้าก็ยังเป็นห่วงเราว่า จะกลับเข้ามาฝั่งนี้ได้มั้ย (เพราะเราต้องเดินออกไปที่ ห้องผู้โดยสารขาเข้าเลยไง) เราก็บอกพี่เค้าว่า ไม่มีปัญหาค่ะ เดี๋ยวหนูทำเรื่องติดบัตรขอเข้ามาใหม่



เบื่อจริง ๆ พวกตัวเหลือบดูดเงินเนี่ย


เรื่องน่าเบื่อเกิดขึ้นที่ด่านศุลกากรค่ะ ตอนเรายื่นเอกสาร (ที่ได้จากกรมปศุสัตว์) ว่าเรามีหมา เหลือบ # 1 บอกเราแบบโต้ง ๆ เลยว่า “ตัวละพันหนึ่ง“ ไม่พูดพร่ำทำเพลงเลยค่ะ พูดแค่นั้นจริง ๆ ถ้าเป็นคนอื่น คงจะควักให้ทันที แต่…

เนื่องจากเราไปอ่านบล็อคคุณกุ้ง Amskye มา เธอบอกว่า ถ้านำสัตว์เข้ามา และจะพากลับออกไปอีก ไม่จำเป็นต้องเสียค่าธรรมเนียมนี้ค่ะ

เราก็บอกพี่เหลือบหมายเลข 1 ว่า เราพาน้องเค้ามาเที่ยวเฉย ๆ อีก 2 สัปดาห์ก็พากลับ พร้อมบอกว่า ถึงหนูต้องจ่ายจริง ๆ หนูก็ไม่มีเงินจ่ายอยู่ดี 55555555555 เพราะต้องออกไปเอากระเป๋าตังค์ที่แฟนก่อน

พี่เหลือบก็บอกว่า งั้นยึดหมาไว้ก่อน แล้วให้เราออกไปเอาเงินกลับมาจ่าย เราบอกว่า “ไม่มีทางค่ะ หมาอยู่ในสนามบินมา 25 ชั่วโมงแล้ว เค้าต้องออกไปฉี่กันแล้ว“ นอกจากนี้ เราก็บอกว่า เอามันไว้ตรงนี้ พี่ก็ไม่ต้องทำงานกันล่ะกัน เพราะมันจะเห่ามากมาย

ระหว่างบทสนทนานี้เอง เหลือบตัวที่ 2 ก็เดินเข้ามา ด้วยความรวดเร็ว พร้อมถามว่า “มีอะไรกัน“ เหลือบตัวแรก ก็บอกว่า น้องเค้ามีหมา 2 ตัว เหลือบตัวที่ 2 ไม่พูดมาก บอกสั้น ๆ ว่า “งั้นจ่ายมา 2 พัน“ แต่ก่อนเราจะพูดอะไร ไอ้ตัวแรก กระซิบบอก ตัวที่สองว่า “เค้ารู้กฎ (เรื่องนำเข้าหมา) นะ“

ถึงตรงนี้ เราฮึดแล้วนะ รู้สึกขยะแขยงในการสูบของมันจริง ๆ เราก็พยายามจะอธิบายให้ไอ้ตัวที่สองเนี่ยเข้าใจว่า หมาเราเอามา แล้วจะเอากลับ มันก็บอกว่า งั้นขอดูพาสปอร์ตหน่อย เราก็ส่งให้มันดู มันก็ว่า “อืม…พาสปอร์ตต่างชาติ คนอ่ะรู้ว่าจะกลับ แต่จะรู้ได้ไงว่า จะเอาหมากลับด้วย ? เก็บตังค์ไว้ก่อนก็แล้วกัน“

เราตวาดมันเลยนะว่า ถ้าจะเก็บไปก่อน แล้วเวลาจะเอาหมากลับเนี่ย จะไปรับคืนได้ที่ไหน ? แล้วเราก็ว่า ถึงจะให้จ่าย เราก็ต้องไปเอาเงินข้างนอกอยู่ดี เราพูดคำเดียวเลยว่า ยังไง ๆ กูก็ไม่มีเงิน (ก็ไม่มีจริง ๆ นั่นแหละ)

มาถึงตรงนี้ ไอ้ตัวที่สอง ก็เริ่มจะหมดความสนใจกับเรานะ แต่ก็พยายามจะพูดให้เรากลัว โดยบอกว่า ถ้าจะไม่จ่ายตรงนี้ ก็ต้องไปทำเรื่องอีกที่หนึ่ง (ให้มันวุ่นวายเข้าไปอีก) ประมาณว่า ต้องเอาหมาไปกักกันไว้ก่อน อะไรงี้ค่ะ

เราหมดความอดทน เหนื่อยโคตรมาพอแล้ว เสือกมาเจอพวกเห้นี่อีก เราเลยบอกว่า งั้นเดี๋ยวเอาเงินกลับมาให้ล่ะกัน เพราะยังไงก็ต้องเอากลับมาให้ที่ปศุสัตว์อยู่ดี

ไอ้ตัวที่สอง เห็นเราไม่มีเงินจริง ๆ มันเลยเดินหนีไป แต่ไอ้ตัวแรก ยังยืนอยู่ เราก็บอกมันแบบเฟิร์มมาก ๆ ว่า เดี๋ยวมาล่ะกัน ว่าแล้วเราดึงเอกสารออกจากมือมัน แล้วเดินออกไปแน่บเลย 55555

ออกไปด้านนอก หาจอมยุ่งไม่เจออีก เจอแต่พ่อ เลยฝากเด็ก ๆ ไว้กับพ่อ แล้วขอยืมตังค์พ่อก่อน จากนั้น ต้องเดินไปติดบัตร เพื่อกลับเข้าไปด้านในอีก นำเงิน 200 บาท ไปจ่ายให้พี่ที่ปศุสัตว์ แต่ถามว่า เอา 2000 บาท ไปจ่ายไอ้เหลือบสองตัวนั่นป่ะ

ตอบว่า “เปล่าค่ะ“ อิอิ

W E L C O M E T O T H A I L A N D








Create Date : 24 เมษายน 2553
Last Update : 24 เมษายน 2553 17:29:46 น. 22 comments
Counter : 2571 Pageviews.

 


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:17:55:06 น.  

 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

เพิ่งจะรู้ว่า การพาน้องหมาเข้าออกประเทศก็ต้องมีขั้นตอนเหมือนกัน น้องหมาหน้าตาน่ากลัวจังเลย

อิอิ


โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:18:17:04 น.  

 
กลับมาแล้วเหรอคะคุณแพท ดีใจจัง มาถึงก็ได้อ่าน
ประสบการณ์บินดีๆที่สมู๊ธแอสซิ้ลค์กับเด็กๆ (น่ารักกันมากๆเลย)

โห กำลังอ่านมันส์ๆจบเอาดื้อเลยเน่อ !

วันนี้ได้สาระความรู้เรื่องการเดินทางกับสัตว์เลี้ยง และเรื่ื่องของพวบตัวสูบแถวสนามบินบ้านเรา เมื่อไหร่เค้าจะเปลี่ยนนิสัยกันเสียทีนะคะ เรื่องแบบนี้ฝรั่งที่ไหนรู้เห็น ก็ได้ีแต่ส่ายหน้าอ่ะเนาะ

แล้วจะรออ่านเรื่องราวผจญภัย? ต่ออีกนะคะ คิดถึงค่า

เด็กๆและทุกคนสบายดีค่ะ ขอบคุณนะคะ


โดย: anigia วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:18:19:30 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณแพท เดินทางเป็นว่าเล่นเลยนะคะ ปีนึงสามเที่ยวเชียว
ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์เรื่องน้องหมานะคะ ดีมากๆเลยค่ะ ดูท่าก็ไม่ยุ่งมากเท่าไหร่ แต่มาเสีบตอนจบนี่สิ เจ้าหน้าที่ตรงนี้ขึ้นชื่อจริงๆ เป็นดังคนเค้าว่าให้ เผื่อเจอคนไม่รู้ ก็โดนสูบไปเต็มๆ เฮ้อ เมื่อไหร่คนพวกนี้จะมีสามัญสำนึกซะที
แล้วมาเล่าประสบการณ์มันส์qให้ฟังเต่อนะคะ
Have a nice day ka.


โดย: แม่น้องขวัญ_ซาแมนต้า วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:20:25:50 น.  

 
มันน่าให้น้องหมา ไล่กัดไอ้พวกนี้จริงๆ แค่อ่านยังเซ็งแทนพี่แพทเลยอ่ะ หากินกันง่ายจังเลยพวกนี้


โดย: Minnie IP: 74.136.15.229 วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:21:23:08 น.  

 
น้องหมาดูเรียบร้อยน่ารักกันเชียว

ส่วนพวกเหลือบนี่ สุดจะทน ยิ่งกว่าเห็บ หมัด ที่สูบเลือดบนตัวหมาซะอีก


โดย: Pinkneko วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:21:30:44 น.  

 
อยากจะเอาน้องหมาไปด้วยเหมือนกันค่ะ แต่ว่าเขาตัวใหญ่ อีกอย่างที่ออสเตรเลีย ขาเข้าจะยุ่งยากมากๆด้วย ทิ้งเขาไปหลายอาทิตย์คิดถึงเขาค่ะ


โดย: NattyJung วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:21:40:26 น.  

 
ไม่ต้องจ่ายหรอกที่กรมศุลฯอ่ะ พวกนี้ชอบขู่ไปงั้นแหละ ไปเจอคนจริงไม่กล้าหรอก เราก็เคยเจอ ขนาดเราเคยทำงานกรมเดียวกับพวกมันมาก่อนน่ะ ที่สนามบินนี่ตัวดูดจริงๆ

ตอนนั้นเรากลับบ้านไปพร้อมของหลายอย่าง คือกระเป๋าสองใบหนักๆ มันขอตรวจเราก็ไม่ว่าไร มันก็จะเอาไวน์ จะเอาวิสกี้ คือ เรานี่กะขนของดีๆ ไปฝากผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคยช่วยเหลือเราน่ะ เพราะเราไม่ดื่ม พอมันเห็นเหล้าแค่นั้นแหละ จะเอาให้ได้ ขู่นั่นนี่ น่ากลัวเชียว


เราไม่พูดอะไร ประกอบกับที่เหนื่อยมาก ก็เลยควักบัตรกรมศุลให้มันดู บอกว่า จะเอาอีกมั้ย แล้วเหล้าที่เอามานี่ ก็จะเอาไปฝากนายมรึงนั่นแหละ แล้วจะให้บอกมั้ยว่าโดนมรึงไถตั้งแต่ ประตูขาเข้าแล้ว

มันขอโทษใหญ่ บอกตามกฏ ต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ก็เลยบอกมันว่า กฏหมายศุลกากร นี่ฉันไม่รู้ใช่มั้ย

ปล... กฏหมายศุลกากร หาอ่านได้จาก เวปไซด์กรมศุลน่ะ อ่านซะ จะได้ไม่เป็นเหยื่อพวกเหลือบ

ตอนเราทำงาน เราไม่เคยเรียกร้องอะไรพวกนี้เลยน่ะ


โดย: เจ้าหน้าที่เก่า IP: 88.151.27.234 วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:21:51:36 น.  

 
น้องพูกกี้และพิคเคิ้ลเที่ยวไกลเชียวค่ะครั้งนี้ แต่ก็เก่งมากๆ เลยค่ะที่ไม่เกเรเลยตอนอยู่บนเครื่อง

ปล แอบขำคำว่า "เหลือบ" ค่ะ


โดย: วิสกี้โซดา วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:23:25:30 น.  

 
น้องหมาน่ารักเชียวค่ะ นั่งใด้เรียบร้อยมาก พาไปไกลเลยคราวนี้ ไปเมืองไทยอากาศเปลี่ยน เขาจะไม่สบายเหมือนคนหรือเปล่าคะ

เที่ยวให้สนุกทั้งครอบครัวนะคะ


โดย: Quel วันที่: 25 เมษายน 2553 เวลา:4:25:05 น.  

 
เด็กๆน่ารักมากเลยเจ้ แต่ละตัวนั้งหน้าเศร้าจิงๆ ประมาณว่าหนูอยากออกไปนั่งกับแม่อ่ะ อิอิ

แต่อดเจ็บใจไม่หายจริงๆกับพวกเหลือบพวกไรเนี่ย พ่อแม่ตูไม่ใหญ่บ้างก็รู้ไปวะ


โดย: เวฟ IP: 71.192.182.37 วันที่: 25 เมษายน 2553 เวลา:7:39:32 น.  

 
หวัดดีจ๊ะแพท เห็นยุ่ง ๆ ยังอุตส่าห์แวะไปเยี่ยมพี่ ขอบคุณนะจ๊ะ ไม่เป็นไรหรอก ไว้เวลาสบาย ๆ หรือว่าง ๆ เมื่อไหร่ค่อยแวะไปก้อได้ ไม่ว่ากันจ๊ะ
เข้ามาอ่านบล้อก ได้ความรู้เกี่ยวกับน้องหมาเยอะเลยแพท
น้องหมาแพท น่ารักทั้งคู่ ไม่วุ่นวายเลยเน๊าะ ตั้งยี่สิบห้าชั่วโมงนี่ ไม่นานธรรมดาเลย
ดีใจด้วยจ๊ะ ที่จะได้พักผ่อน ท่องเทียว แต่ถือว่าโชคดีแล้วที่ไม่ได้มาเที่ยวแถบยุโรปช่วงนี้ เพราะค่อนข้างมีปัญหาเยอะอยู่ แล้วก้อเอาแน่อะไรไม่ได้เลยกับสถานการณ์ธรรมชาติเช่นนี้
พี่น้อยเอง ช่วงนี้ก้อผลุบโผล่ที่บล้อกเช่นเดียวกัน เพราะกิจธุระ ช่วงนี้เข้ามาสารพัดเลย ถ้าไม่ได้แวะหา ก้อยังต้องบอกกล่าวไว้ก่อนว่า อย่างไรก้อนึกถึงแพทเสมอนะจ๊ะ

ขอให้เที่ยวให้สนุก และมีความสุขมาก ๆ จ๊ะ


โดย: พี่น้อยนะ (GLA_GAW ) วันที่: 25 เมษายน 2553 เวลา:7:52:32 น.  

 
เรียบร้อยเชียวลูก ๆ ทั้งสองคน แต่ฟังคุณแพทคุยเรื่องเหลือบนี่จริง ๆ เลยนะคะเซ็งเลย น่าเอาสเปรย์ไปฉีดมันให้ตายจริง ๆ เลยค่ะ
สนุกมั้ยคะสงกรานต์ อย่าลืมมาเล่านะคะ


โดย: sheer bliss IP: 76.231.9.102 วันที่: 25 เมษายน 2553 เวลา:7:57:24 น.  

 
ดูแสนรู้จังเลยค่ะ เวลาอยู่บนเครื่อง


โดย: หนูริวจัง วันที่: 25 เมษายน 2553 เวลา:9:27:02 น.  

 
มาหาความรู้ค่ะ
คุณแพทอาหารน่ากินจัง เราก็สั่งอาหารญี่ปุ่น แต่ไม่น่ากินแบบนี้อ่ะ


โดย: 2fast2farious IP: 24.131.138.204 วันที่: 25 เมษายน 2553 เวลา:12:14:44 น.  

 
ขอบคุณนะคะคุณแพทที่เข้าไปทักทายกัน เพิ่งกลับมาแท้ๆ คงต้องตะเวนไปทักทายเพื่อนๆ กันเยอะเลย อ่านเรื่องคณแพท สนุกดีคะ ได้ความรู้รอบตัวหลายเรื่องเลย รวมถึงความรู้รอบโต๊ะอีกต่างหาก อิอิ สังคมของเรามันจะพัฒนาไปได้สักแค่ไหนนะนี๊ยะ สงสัยจัง

ก็เลยถือโอกาสมาชวนคุณแพทกลับไปอ่าน Tag มัธยม วันวานยังหวานอยู่อีกนะคะ เพิงจะ upblogคะ


โดย: cengorn วันที่: 25 เมษายน 2553 เวลา:13:16:27 น.  

 
ได้ความรู้ดีมากเรื่องน้องหมา เมื่อไหร่ พวกเหลือบจะหมดจากโลกน้า


โดย: nara62 วันที่: 25 เมษายน 2553 เวลา:15:45:18 น.  

 


โดย: Loveaddicted8 วันที่: 25 เมษายน 2553 เวลา:16:14:45 น.  

 
ฮิๆๆ ครอบครัวน่ารักมากๆเลยนะจ้ะ



โดย: kiriya วันที่: 26 เมษายน 2553 เวลา:2:33:08 น.  

 
วันนี้เมืองไทยพระอาทิตย์ตั้งฉาก 90 องศานะคะขอส่งความสุขไปพร้อมกับพระอาทิตย์ที่จะไปขี้นที่โน้นด้วยนะคะ


โดย: cengorn วันที่: 27 เมษายน 2553 เวลา:2:03:30 น.  

 
คุณแพท แล้วทำไงถึงได้ไม่ต้องจ่าย 2000 อ่ะคะ ยังงงๆอยู่เลยน่ะค่ะ เล่นหนีดื้อๆเลยเหรอ ไว้วันหลังทำมั่งอ่ะ

เห็นคุณแพทไม่มีปัญหาเอาน้องหมาเดินทางเลยทำให้รู้สึกโกรธเมื่อครั้งที่พากาโม่กลับบ้านเพิ่มขึ้น กุ้งจ่ายเฉพาะค่าโดยสารของกาโม่อยู่ที่ราวๆ $700 กว่าๆค่ะ เข็ดเลย Korean air เข็ดจริงๆ ทีแรกอ่านในเน็ตมีคนเม้นท์ว่าเป็นสายการบินที่ดีที่สุดสำหรับนำสัตว์เลี้ยงไปด้วย ไม่เห็นได้เรื่อง ก็เหมือนกับสายการบินอื่นๆแหละค่ะ แต่มันแพงกว่ากันเยอะเลย เพราะต้องจ่ายให้ Delta จาก Florida ไป Atlanta น่ะค่ะ ตั้งเกือบ $400 ส่วนจาก Atlanta > Soul > BKK ราวๆ $300 กว่าๆ แถมเอานั่งด้วยก็ไม่ได้ต้องเอาลงท้องเครื่อง โกรธมากๆเลยคุณแพท แถมให้น้ำหนักแค่ไม่เกิน 11 ปอนด์ ถึงต้องเอาลงข้างล่างไงคะ ไม่งั้นจะเสียน้อยกว่านี้เยอะค่ะ อาจจะไม่ถึง $300 แค้นมาก


โดย: amskye วันที่: 28 เมษายน 2553 เวลา:5:50:35 น.  

 
ยินดี (ย้อนยุค)ด้วยนะครับ ที่ทำเรื่องซิติเซ่นเสร็จจนได้
ฮาาาา


โดย: นายคลิค IP: 173.55.90.87 วันที่: 29 เมษายน 2553 เวลา:11:13:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Lilac Girl
Location :
The Land of 10,000 Lakes United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]




ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชม Blog ของเรานะคะ มีอะไรแนะนำจะให้เขียน รบกวนเขียนฝากไว้ด้วยค่ะ

Disclaimer: ทุกข้อความใน Blog นี้ เราเขียนเรื่องจากประสบการณ์เท่านั้น ไม่มีเจตนาว่าร้ายใคร และหากเรื่องที่เขียนไปกระทบใจใคร ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ส่วนข้อมูลต่าง ๆ ที่ให้ไว้ ก็เป็นเพียงข้อมูลจากประสบการณ์จริงเท่านั้นค่ะ

***ประกาศ : ท่านที่นำเนื้อหาในบล็อคของเราไปแปะไว้ในเว็ปอื่น ยินดีอย่างยิ่งค่ะ ที่ช่วยกันเปิดเผยข้อมูล แต่ขอความกรุณาซักนิด แจ้งให้เราทราบด้วยนะคะ ให้เครดิตคนเขียนกันบ้างค่ะ ***

New Comments
Friends' blogs
[Add Lilac Girl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.