My Life; My Destiny.
Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
18 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
เยี่ยมเมืองไทย 03/2009 ตอน U.S. Customs & Border Protection @ Detriot

เนื่องจากคราวนี้ หอบของกินกลับมาเยอะมาก ในใบศุลกากรเราก็ดีแคลร์อาหารนะ เพราะคิดว่า ที่หอบ ๆ มา ไม่น่าจะมีปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น ในใบศุลกาการ (Custom Declaration Form) ข้อ 11 (a) ถามว่า คุณได้นำ ผลไม้ พืช อาหาร หรือ แมลง เข้ามาในประเทศสหรัฐหรือไม่ ?

ข้อนี้ เราจะตอบว่า “ใช่“ พร้อมกับวงกลมคำว่า “อาหาร“ แล้วเชียนสั้น ๆ ว่า “See back” ซึ่งหมายถึง ให้พลิกดูด้านหลัง ซึ่งเราจะอธิบายว่า มีอาหารประเภทใด

ด้านหลังของฟอร์ม จะมีช่องให้ดีแคลร์ว่านำอะไรมาบ้าง และมีมูลค่าเท่าไร เราก็เขียนไปว่า มีอะไรบ้าง (แต่ไม่บอกหมดค่ะ) มันเป็นเทคนิคส่วนตัวของเรา ที่แสดงความซื่อสัตย์ ทั้ง ๆ ทีจริง ๆ แล้ว ไอ้ที่ไม่ได้ดีแคลร์ ก็มีอีกเพียบ

สองสิ่งที่เรามักจะดีแคลร์ คือ Instant Noodles & Thai snacks และเรามักจะวงเล็บไว้ด้วยว่า “All Store Bought” หมายถึง ซื้อมาจากร้านทั้งหมด



อันนี้มันมีเหตุค่ะ คือ โดยปกติ เราจะบินเข้าประเทศ ทางสนามบิน Minneapolis ซึ่งเราก็คุ้นเคย กับคำถามของเจ้าหน้าที่สนามบินนี้ เค้ามักจะถามว่า อาหารที่นำเข้ามาเนี่ย ซื้อมา หรือว่า ทำเอง ? นัยว่า ถ้าซื้อมา มันจะสะอาดกว่าทำเอง (พวกนี้มันคิดกันแบบอเมริกันแท้ ๆ เลย เพราะที่อเมริกานี่ ของกินที่เค้าทำขาย ต้องมี Health Department มาคอยตรวจตรา) ดังนั้น ใบศุลกากรของเรา จึงเขียนว่า “All Store Bought” ทุกครั้ง

แต่… มันมีแต่ค่ะ ที่ Detroit เนี่ย เค้าไม่ถามเหมือนที่ Minneapolis



เริ่มตั้งแต่เครื่องลงเลย แถวตรวจคนเข้าเมืองยาวมาก ! เพราะมีเที่ยวบินนานาชาติ ลงจอดพร้อม ๆ กันหลายลำ เราเข้าแถว US Citizen & Residents ก็ยังแถวยาวมาก แถวนักท่องเที่ยว ไม่ต้องพูดถึงเลย ยาวมาก ๆ

สำหรับคนที่ถือกรีนการ์ด ตอนนี้เค้าจะขอพิมพ์ลายนิ้วมือ และถ่ายรูป ก่อนจะเข้าประเทศค่ะ ซึ่งก็ไม่ได้ใช้เวลานานอะไร พอถึงคิวเรา เราก็ยิ้มสยามไปเลย สังเกตว่า เจ้าหน้าที่ของเมืองนี้ ไม่ค่อยน่ารักเหมือนที่ Minneapolis อีตาบ้าเนี่ย ไม่มียิ้มแย้มเลย เค้าก็ถามว่า เราไปไหนมา ไปมานานเท่าไร … เราก็ตอบไปว่า ไปงานศพคุณย่ามา 2 สัปดาห์ จากนั้น เค้าก็พลิกดูใบศุลกากร ก็เจอที่เราเขียนว่า All Store Bought นี่แหละ ที่เกิดประเด็นได้ ฟาดฟันฝีปากกัน

ต.ม ฟันเยิ่น : Why did you write “All Store Bought”? It doesn’t matter if you buy or make that food.

เรา : I’m used to flying into Minneapolis and they always want me to write that down. (ฉันชินกับการบินเข้าทางเมืองมินนีแอปโปลิส ซึ่งทางนั้นเค้าบอกให้เขียนแบบนั้น)

ต.ม ฟันเยิ่น : Why ? What are they thinking? (เค้าคิดอะไรกัน ?)

*** มันก็พูดแนว ๆ ว่า ทางมินนีแอปโปลิส ประสาทแดกหรือเปล่า ***

เรา : I don’t know. Why do you ask me what you people think? (กูจะไปรู้เหรอ มึงมาถามกูทำไมว่า พวกมึงคิดอะไรกันอยู่)

ต.ม ฟันเยิ่น : I think it’s stupid. (ฉันคิดว่า ทางนั้นแม่งโง่ชิหาย !)

เรา : Well, maybe you can call them & tell them that ! Can I go now? (อืม… งั้นมึงก็โทรไปบอกพวกมันเองล่ะกันนะ แล้วกูไปได้หรือยัง ?)

ต.ม ฟันเยิ่น : Yes, you’re done here. (ไปได้แล้ว)

*** แล้วแม่งก็กาหัวกระดาษ ให้ไปตรวจกับศุลกากรเป็นพิเศษ ***

นึกในใจว่า ไม่น่าจะยืนกวนส้นตีนมันเล้ย !!!!!! นี่ถ้าถือวีซ่าท่องเที่ยว ก็คงจะไม่กล้าท้าฝีปากหรอกนะเนี่ย



ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองมาได้ ก็มายืนรอกระเป๋า รอนานมาก ๆ เกือบ ๆ ครึ่งชั่วโมง ตอนแรกนึกว่าจะหาย (แอบหลงดีใจ !) เพราะเห็นแถวศุลกากรแล้ว สงสัยจะไม่ทันเครื่องบินลำถัดไปแน่ ๆ ดังนั้น ถ้ากระเป๋าหายไปซะตอนนี้ ก็จะได้ไม่ต้องต่อแถวไง

สรุป… ได้กระเป๋ามา ไปยืนเข้าคิว (ยาวมาก ๆ) ระหว่างรอ ทางศุลกากร เค้าก็เอาเจ้าหมาน้อยบีเกิ้ล มาเดินให้ดม ๆ กระเป๋า เดาว่า ไม่ดมหายาเสพติด ก็คงจะดมหาระเบิด

พอมาถึงเรา เจ้าจมูกโต ก็ดมกระเป๋าใหญ่เลย ไม่ยอมไปด้วยวุ้ย ตอนแรกเราก็ยิ้ม ๆ แบบหมาน่าเอ็นดู แต่ไป ๆ มา ๆ มันเริ่มจะยิ้มไม่ออกค่ะ มันทำไมดมนานจังว่ะ ? นึกใจใจว่า ใครเอายาเสพติดยัดใส่กระเป๋าหรือเปล่าว่ะ ? แล้วหมามันก็ดมไม่เลิกจริง ๆ ค่ะ มันค่อย ๆ ไตขึ้นไปบนกระเป๋า เราเนี่ย…”ใจร่วง“ ลงมาที่ปลายเท้าแล้ว นึกในใจว่า งานนี้กูเสร็จแน่ ๆ

เราก็มองหน้าเจ้าหน้าที่เค้านะ ประมาณว่า ถามด้วยสายตาว่า หนูทำผิดอะไรป่ะค่ะ ? เจ้าหน้าที่เค้าก็ยิ้ม ๆ แล้วเค้าก็ลากเจ้าจมูกโตออกไป

โอ้ย… ค่อยหายใจสะดวกหน่อย !


เราคิดว่า “ต้นเหตุ“ น่าจะมาจาก “ขนมกุ๋ยช่าย“ ค่ะ เพราะพอถึงบ้าน เปิดกระเป๋าออก กลิ่นใบกุ๋ยช่าย มันก็ลอยออกมาเลยอ่ะ วิ่งเปิดหน้าต่างบ้านแทบไม่ทัน นายจอมยุ่งทำจมูกฟุดฟิด ๆ ถามว่า กลิ่นอะไร ? … แหม ถึงว่า เจ้าบีเกิ้ลถึงได้ติดใจ ดมไม่ยอมเลิก !

อ่ะค่ะ… ผ่าน “ด่านหมา“ มาได้ คราวนี้ก็มาถึง “ด่านคน“ บ้าง วันนี้ซวยซ้ำซ้อนจริง ๆ แถวที่เราต่ออยู่เนี่ย อยู่ดี ๆ เค้าก็ตัดเป็นแถวใหม่ค่ะ เจ้าหน้าที่ที่มาใหม่นี่ ขอบอกว่า “หล่อเนี๊ยบ“ หน้าตาเด็กมากเลยอ่ะ

เราก็นึกในใจว่า ซวยซะแล้ว …




คือ ที่ว่าซวยเนี่ย ก็เพราะว่า พวกเจ้าหน้าที่เด็ก ๆ เนี่ย ไฟมันแรงค่ะ ทำอะไรตามตำรามาก ๆ โอ้โห้… พอถึงคิวเรา เห็นเราหน้ากะเหรี่ยงหน่อย พี่แกทำหน้าเข้มเลย ถามใหญ่เลยอ่ะว่ามีอะไรมาบ้าง ให้เราอธิบายออกมาเป็นรายการยาวยืด ถามเสร็จนึกว่าจะปล่อยไปเลย แม่งเสือกบอกว่า “ไปต่อแถวโน้นนะ เอากระเป๋าไปเข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์ต่อ“

พอไปต่ออีกแถว ก่อนจะยกกระเป๋าเข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์ ก็จะมีเจ้าหน้าที่อีกคน มายืนซักประวัติอีก ตอบไปแล้ว 2 รอบ จะถามอีกแล้ว อ่ะ… มีไรว่ามาเลย

ว่าแล้วเค้าก็ถามว่า อาหารที่ว่าเนี่ย มีอะไรบ้าง เราก็บอก “คร่าว ๆ“ ว่า มีขนมไทย กับ เครื่องเทศ เทคนิคของเรา คือ “ตอบเท่าที่เค้าถามพอ“ ไม่ต้องอธิบายค่ะ เค้าถามอีก เราค่อยตอบอีก ดังนั้น ไม่ต้องไปบอกว่า ไอ้ขนมไทยและเครื่องเทศที่ว่าเนี่ย มันประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

เจ๊ศุลกากร เค้าก็ถาม ๆ ว่า มีเนื้อ มีหมู มีไก่มั้ย ? และก็พูดภาษาจีนมาคำหนึ่ง เดาว่า น่าจะหมายถึง หมูหยอง เราก็ตอบ No ไป



พูดเรื่องหมูหยอง ก็ขอเล่าเรื่อง หมูแผ่นค่ะ … ครั้งหนึ่งเราเคยหอบหมูแผ่นมาด้วย แต่ด้วยความฉลาดแกงโกง เราก็ตัดให้มันเป็นแผ่นสี่เหลี่ยม ขนาดซัก 3x3 นิ้วได้ แล้วครั้งนั้นก็แจ๊กพ๊อตค่ะ โดนเปิดกระเป๋า ศุลกากรก็ถามว่า “นี่อะไร ?” เราก็บอกหน้าตาเฉยเลยว่า “Mango Preserve” หรือ มะม่วงกวนนั่นเอง

เห้ย…ไสยศาสตร์มีจริง แม่งปล่อยไปเฉยเลย อิอิ



สรุปว่า โยนกระเป๋าขึ้นสายพาน เข้าไปเอ็กซ์เรย์ ออกมาเรียบร้อย ไม่ต้องโดนเปิดกระเป๋าอีกรอบ แต่ขอบอกว่า หนักฉิบ นึกด่านายจอมยุ่งไปในใจด้วยว่า หนักชาโออิชิ กับน้ำยาปรับผ้านุ่มของแกนี่แหละ

กว่าจะออกมาจากศุลกากรได้ ใช้เวลาไปเกือบ ๆ 2 ชั่วโมง แน่นอนว่า พลาดเที่ยวบินไปแล้ว แต่ไม่เป็นไรค่ะ มีไฟล์ทถัดไปออกเวลา 1 ทุ่มตรง มีเวลาเดินไปเดินมาอีกราว ๆ 3 ชั่วโมง ว่าแล้วก็ขอชะแว๊บ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใน World Club แล้วก็นั่งกินขนมจุกจิบไปเรื่อย ๆ ก่อน ง่วงมากมายค่ะ ซัดกาแฟไปหลายแก้ว

ขึ้นเครื่องอีกครั้ง คราวนี้หลับตั้งแต่เครื่องยังอยู่บนพื้น ตื่นอีกทีก็โน้นเลยค่ะ เครื่องบินแตะพื้นที่เมือง Omaha เกิดอาการสลึมสลือมาก ๆ จอมยุ่งไม่อยู่อีก เอารถมาจอดให้ที่สนามบิน ต้องขับรถกลับบ้านเองอีก เซ็งจริง ๆ …แต่ว่า ถึงบ้านซักที เย้ ๆๆๆๆ

(1) I-94 Arrival/Departure Record

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=lilacgirl&month=07-08-2006&group=2&gblog=1

(2) Custom Declaration Form

//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=lilacgirl&month=08-2006&date=07&group=2&gblog=2









Create Date : 18 เมษายน 2552
Last Update : 5 กันยายน 2552 1:36:07 น. 19 comments
Counter : 1654 Pageviews.

 
ลุ้นเหมือนกันค่ะ


โดย: Too Optimistic วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:10:02:06 น.  

 
อ่านไป แล้วก็ลุ้นไป อิอิ
สุดท้ายก็ผ่านมาได้นะเนี่ย


โดย: Minnie IP: 74.128.151.214 วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:10:40:51 น.  

 
ฮ่าๆๆๆ ตลก แต่ก็น่าสงสารคนแบกเนอะ เป็นเรากลัวตายเลย กลัวไม่ได้ขน นกยังเคยคิดถ้าเขาถามว่ามะขามเปียกเนี่ยเอามาทำไร จะบอกว่าเครื่องประทินผิว เหอๆๆ เพราะเหมือนมันเป็นพืชมีเมล็ดจะมาวุ่นวายอีก แต่เนื้อสัตว์ยังไม่เคยเอาเข้ามาหรอก ไว้ชั้นจะนึกมุขเด็ดแบบเธอนะฮ้า เหอๆๆ


โดย: Nok (nokjeffus ) วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:10:47:54 น.  

 
แอบขำน้องหมาติดใจกลิ่นขนมกุ๊ยช่ายอ่ะค่ะ คิคิ


โดย: วิสกี้โซดา วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:11:14:42 น.  

 
เหมือนจะกลับช่วงเดียวกับหนูเลยค่ะ

หนูบินจากดีทรอย กลับเข้ามามินนิโซต้าค่ะ เจอเจ้าบีเกิ้ลเหมือนกัน ของกินก็เพียบแต่สามีโกหกหน้าด้านๆเลยว่าไม่ได้เอาอะไรมา มีแค่ขนมขึ้นมากินบนเครื่องซึ่งคาดว่าจะหมดก่อนถึงเเนชวิวด้วย


เค้าก็ปล่อยมาเลยค่ะ


โดย: มาดามอุ้ย วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:11:31:17 น.  

 
ฮ้าฮ้า แพทเขียนได้สนุกจริงๆ เคยเจอครั้งเดียวที่เอเธนส์ หิ้วซออู้มาด้วย พวกหาว่ามียาเสพติดที่หมอนลองสาย เอาไปเอกซเรย์เชยเลย


โดย: พี่อัง IP: 80.251.195.2 วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:17:40:32 น.  

 
พี่คะ หนูเคยไปสนามบินที่ Detroit เหมือนกันค่ะ

ไป work&travel อันนี้ก็ไม่ต้องพูดถึงเลย โดนตรวจแน่ๆๆ

หนูก็บ้านนอกๆ 555 แต่ยังดีที่ไปกันเยอะ ใครทำไร ทำตาม

ก็โดนตรวจกระเป๋ามันเกือบหมดทุกคนเลยนั่นแหละ หนูโดนคนแรกเลย แอบเอามะขามเปียกไปด้วย 5555

ก็รอดมาได้ แต่มีเพื่อนคนนึงโดนค่ะ โดน

เพราะว่ามันเอาหมูหยอง หมูแผ่นมาด้วย ทั้งๆที่เจ้าหน้าที่ก็บอกตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่องแล้วนะ ว่าห้าม

ก็อดกินหมูหยองกับหมูแผ่นกันไปทั้งบ้าน 555

แต่ก็ไม่มีอะไร ผ่านไปได้ด้วยดี ไม่โดนปรับ โดนจับ เค้าก็หยิบออกมาแล้วก็หัวเราะๆ กัน

หลังจากนั้นมีเวลาว่าง 7 ชั่วโมง นั่งรถออกไปเที่ยวกันแบบไม่กลัวตกเครื่องกันเลย 555 ทั้งๆ ที่กว่าจะหาทางออกจากสนามบิน(หมายถึงจะต้องนั่งรถยังไง เข้าเมืองยังไง)ได้ก็ชั่วโมงนึงแล้ว

ยังไม่พอค่ะทั้ง 12 คน ที่อยู่ด้วยกัน มุกคนปรับเวลาผิดหมด จนเกือบตกเครื่อง 555


โดย: by my hand วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:23:48:57 น.  

 
เป้ฯการเดินทางที่เหนื่อยมากๆ ขนาดอ่านยังเหนื่อยแทนเลยค่ะ


โดย: SomGui วันที่: 19 เมษายน 2552 เวลา:9:27:26 น.  

 
เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้คนถือกรีนการ์ดเข้าประเทศต้องพิมพ์ลายนิ้วมือถ่ายรูปด้วย .. เมื่อปีที่แล้วที่โตสกลับมาจากเปรู เค้ายังไม่มีกฎตรงนี้เลยล่ะ

พออ่านตรงที่แพทบอกว่าวงเล็บ All store bought ไว้ในใบศุลกากร .. โตสก็เออ..... จำไว้ "เผื่อ" เอาไปใช้มั่ง

แต่พออ่านมาเรื่อยๆๆๆๆ ตรงที่เธอไปต่อปากต่อคำกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรของ Detroit เค้า .. ก็อ่าว.... มันไม่ได้เวิร์คทุกที่นี่หว่า... แล้วสรุปต้องทำไงล่ะเนี่ย...

เพิ่งรู้ (อีกแระ) ว่าเจ้าหน้าที่ศุลกากรของ Detroit พูดภาษาจีนได้ด้วย .. ว่าแต่ว่า... หมูหยองภาษาจีนเค้าเรียกว่าไงล่ะเนี่ยแพท.. จำได้ป่ะ "เผื่อ" โดนถามบ้าง

จากหมูแผ่นเป็นมะม่วงกวน .. โกหกได้เนียนและใกล้เคียงมากๆ เลยแพท
แต่ก็อ่ะนะ .. ฝรั่งเค้า have no idea ว่ามันคืออะไร .. เพราะงั้น ไม่ว่าเราจะบอกว่ามันเป็นอะไร เค้าก็คงจะเชื่อหมดแหละเนอะ

ดีๆๆๆ .. จะจำไว้ "เผื่อ" เอาอะไรประมาณนี้เข้าประเทศ แล้วซวยโดนตรวจ จะได้เอาไปใช้บ้าง .. แต่ถ้าเกิดเจ้าหน้าที่คนนั้นเค้ารู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เราบอก .. อันนี้น่าจะซวยหนักเลยนะ

ว่าแล้วก็อยากกินหมูแผ่น .. ขนมกุ๊ยช่ายด้วยก็เด็ดเลย....

อันนี้ต้องถาม... เพราะมันอยากรู้จริงๆ .. ว่านายจอมยุ่งของหญิงน้องน่ะ ต้องใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มจากไทยแลนด์ด้วยหรอเนี่ย... น้ำยาปรับผ้านุ่มเนี่ยนะ .. อธิบายหน่อยดิ๊แพท


โดย: Chini วันที่: 19 เมษายน 2552 เวลา:10:58:03 น.  

 
อ่านไป ลุ้นไป ใจเต้นตุ๊บๆๆๆ แบบว่าเราขี้กลัว ไม่กล้าขน สุดยอดค่า มีขนมกุ๊ยช่ายด้วย


โดย: nara62 IP: 81.165.38.248 วันที่: 19 เมษายน 2552 เวลา:14:09:50 น.  

 
ตามมาเอาความจริงอีกรอบค่ะ

คราวหน้าไปเมืองไทยจะหอบมามั่ง ไม่เคยหอบของกินมาเมกาเล้ยยย... เพราะมัยวแต่ขี้ขลาดไม่อยากมีปัญหา คราวหน้าไม่พลาดมะม่วงกวนแน่ๆ ของโปรดเลยค่ะ

มีความสุขมากๆนะคะ


โดย: amskye วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:5:27:36 น.  

 
hahaha but you are luckly!


โดย: pi pojanee IP: 78.34.178.235 วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:19:27:21 น.  

 
5555 ดีนะค่ะที่ผ่านมาได้


โดย: Roseshadow วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:19:51:15 น.  

 
เล่าได้แบบ ตื่นเต้น จังเลยครับ


โดย: everything on วันที่: 21 เมษายน 2552 เวลา:0:34:17 น.  

 
ตอนเข้ามาเมกา เราไม่ได้เอาอาหารเข้ามาค่ะ แต่ก็โดนถามหลายคำถามมากๆๆๆๆเลย จนเกรงใจคนที่เค้ารอตรวจพาสปอร์ตอยู่ข้างหลัง แต่ก็ทำไม่รุไม่ชี้ เพราะมันไม่ใช่ปัญหาของเรานิ ก็เจ้าหน้าที่ดันถามโน่น ถามนี่ ถามนั่น ถามๆๆๆๆเองนี่ กว่าจะเข้าประเทศนี้ได้ เฮ้อออออ...อิ อิ ขอบ่นมั่งอ่ะค่ะ


โดย: Suessapple วันที่: 21 เมษายน 2552 เวลา:2:36:52 น.  

 
ปรกติเวลาพิมเข้าเมืองก็จะดีเคลย์อาหารเหมือนกันค่ะ เขียนไปว่าอาหารป๋อง ไม่มีเนื้อ ไม่มีหมูค่ะ ก็ผ่านทุกครั้ง

ไม่ได้บินตรงเลยเหรอคะ บินแบบต้องต่อเครื่องในประเทศนี่เหนื่อยเนอะคะ


โดย: pim(พิม) วันที่: 21 เมษายน 2552 เวลา:4:00:33 น.  

 
ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องมะม่วงกวน ถ้าอยู่ใกล้จขบก็คงไปขอชิมเหมือนกันค่ะ

แต่วันนี้ขอถามนิดนึงค่ะ คือว่าปกติถ้าไม่โดนตม.จับได้ว่าเราเอาอะไรประหลาดมาเยอะแยะก็ถือว่ารอดตัวไป แต่ถ้าเกิดเค้าจับได้ส่วนใหญ่เค้าจะปรับหรือว่าให้เราโยนทิ้งล่ะคะ แล้วถ้าปรับเค้าจะปรับหนักมั๊ยคะ อยากทราบตรงนี้จริงๆค่ะ เพราะคราวหน้าอยากลองบ้างจริงๆค่ะ

หลายครั้งที่ญาติๆเพือ่นๆมักพูดว่าไม่เอาอะไรกลับไปกินที่อเมริกาบ้างเหรอ อิฉันก็ได้แต่ตอบว่าไม่เอาไม่อยากมีปัญหา มาเมืองไทยก็กินทุกอย่างที่อยากกินหมดแล้ว ขอเดินทางอย่างสบายใจดีกว่า


โดย: amskye วันที่: 22 เมษายน 2552 เวลา:22:02:14 น.  

 
Thank you :-) Good information and fun to read!!!!


โดย: aromdee IP: 131.156.159.194 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:51:03 น.  

 
สายังไม่เคยเอาอาหารมาจากเมืองไทยเลยค่ะ แฟนไม่ยอมค่ะ อิอิ


โดย: Candydolls วันที่: 6 ธันวาคม 2552 เวลา:19:31:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Lilac Girl
Location :
The Land of 10,000 Lakes United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [?]




ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชม Blog ของเรานะคะ มีอะไรแนะนำจะให้เขียน รบกวนเขียนฝากไว้ด้วยค่ะ

Disclaimer: ทุกข้อความใน Blog นี้ เราเขียนเรื่องจากประสบการณ์เท่านั้น ไม่มีเจตนาว่าร้ายใคร และหากเรื่องที่เขียนไปกระทบใจใคร ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ส่วนข้อมูลต่าง ๆ ที่ให้ไว้ ก็เป็นเพียงข้อมูลจากประสบการณ์จริงเท่านั้นค่ะ

***ประกาศ : ท่านที่นำเนื้อหาในบล็อคของเราไปแปะไว้ในเว็ปอื่น ยินดีอย่างยิ่งค่ะ ที่ช่วยกันเปิดเผยข้อมูล แต่ขอความกรุณาซักนิด แจ้งให้เราทราบด้วยนะคะ ให้เครดิตคนเขียนกันบ้างค่ะ ***

New Comments
Friends' blogs
[Add Lilac Girl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.