The Diary of my Back Pain (3): Emergency Surgery
หลังจากออกจากห้องฉุกเฉิน วันรุ่งขึ้น เราก็จัดการโทรศัพท์นัดคุณหมอที่ Spine Institute แต่กอ่นอื่น ก็เข้าไปกูลเกิ้ลข้อมูลของคุณหมอ ที่ทางห้องฉุกเฉินแนะนำก่อนว่าใช้ได้มั้ย ที่อเมริกานี้ สามารถเข้าไปดูได้ว่า แพทย์คนนี้จบจากที่ไหนมา จบมากี่ปีแล้ว มีงานวิจัยอะไรบ้าง หรือรักษาด้านไหนเป็นหลัก ฯลฯ นอกจากนี้ เรายังชอบเข้าไปดูว่า หน้าตาจะถูกชะตากันเรามั้ยด้วย อิอิ สรุปว่า Dr. Pinto ดูถูกชะตากับเราดี เป็นหมอมานานแล้ว เราเลยค่อนข้างมั่นใจ จากนั้นก็โทรไปนัด และโชคดีมาก ที่ไม่ต้องรอนาน คือบางครั้ง เวลานัด Specialist นี่ อาจจะรอนานถึง 3-6 เดือนเลยทีเดียว เนื่องจากเราเพิ่งออกจากห้องฉุกเฉินมา และมีผลสแกนหลังอยู่แล้ว เลยได้นัดวันอังคารถัดมา (8 วัน หลังจากวันเข้าห้องฉุกเฉิน) วันจันทร์ถัดมา (1 วันก่อนวันนัด)วันนั้นเราเบี้ยวงาน เพราะตั้งแต่ปวดหลังมาก ทุกอย่างมันก็หงุดหงิดไปหมด ขณะนายจอมยุ่งจะออกไปทำงาน เราก็บอกว่า วันนี้รู้สึกไม่ดีเลย เฮียก็ถามว่า เป็นอะไร ? เราเลยตกลงเล่าให้ฟังว่า เราปวดหลังหนักมาก และปวดตั้งแต่สะโพก ร้าวลงไปถึงขา แต่ที่กังวลที่สุด คือ ขาซ้ายไม่มีแรง และเราไม่สามารถควบคุมกระเพาะปัสสะวะได้ (พูดง่าย ๆ ว่า อยู่ดี ๆ ก็ฉี่นั่นแหละ)นอกจากนี้ ยังมีอาการชาที่อวัยวะเพศและทวารหนักอีกด้วย จอมยุ่งได้ยินดังนั้น ก็เลยโทรไปลางานเลย แล้วพาเราไปห้องฉุกเฉินทันที เนื่องจากก่อนออกจากโรงพยาบาลคราวก่อน คุณหมอสั่งไว้ว่า ถ้ามีอาการควบคุมระบบขับถ่ายไม่ได้ ให้รีบกลับมาที่ห้องฉุกเฉินทันที เนื่องจากอาจจะเป็น Cauda Equina Syndrome เมื่อถึงห้องฉุกเฉิน พอบอกอาการว่า ปวดหลังมาก พยาบาลที่รับเรื่อง ทำท่าไม่สนใจ บอกให้ไปนั่งรอก่อน เราโมโหมาก เลยบอกว่า เรามีอาการของโรค Cauda Equina Syndrome แค่นั้นแหละ พยาบาลตาหูเหลือก รีบหาเตียงให้เราทันที
Cauda Equina Syndrome คือ อะไร ? Cauda Equina Syndrome เป็นภาวะผิดปกติ ที่เกิดจากความเสียหายของรากประสาท (Nerve Roots) ที่เกิดจากการกดทับของกระดูกสันหลัง หรือหมอนรองกระดูกสันหลัง จนเส้นประสาทนี้เรียงตัวรวมกันเป็นลักษณะคล้ายหางม้า (คำว่า Cauda Equina เป็นภาษาลาติน แปลว่า หางม้า ค่ะ) อาการคร่าว ๆ คือ ปวดหลังช่วงบั้นเอว ปวดร้าวลงไปที่ขา และไม่สามารถควบคุมระบบปัสสาวะและอุจจาระได้ หรือบางทีจะเหมือนมีปัสสาวะค้างในกระเพาะปัสสาวะ ฯลฯ หากเป็นในระดับร้ายแรง กล้ามเนื้อรอบ ๆ ทวารหนัก จะทำงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ผลของโรคนี้ หากไม่รักษาอย่างรีบด่วน คนไข้อาจจะเป็นอัมพาตได้ค่ะ ป.ล ส่วนที่เขียนตรงนี้ เป็นแบบคร่าว ๆ พอให้นึกภาพออกนะคะ ไม่ได้ตั้งใจจะเขียนบทความเกี่ยวกับโรคนี้แต่อย่างใด เมื่อเข้าห้องตรวจ พยาบาลค่อนข้างมีอายุชาวอเมริกัน ก็มาต่อสายน้ำเกลือเตรียมไว้ทันที จากนั้นเธอบอก ให้เราเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นชุดของโรงพยาบาล วันนั้นเราใส่กางเกง เราก็ลุกขึ้นมาถอดกางเกง ทั้ง ๆ ที่ปวดหลังมาก เสียวแปร๊บ ๆ เหมือนหลังจะหลุดจากกัน ยัยพยาบาลเปิดประตูเข้ามา เห็นเรากำลังยืนอยู่ เธอเลยทำตาประหรับประเหลือก แล้วบอกว่า คุณดูไม่เห็นเหมือนคนที่กำลังปวดมาก โห้
ตอนนั้นเราปรี๊ดดมากเลยค่ะ คือ ความเจ็บก็ทำให้หงุดหงิดมากอยู่แล้ว ดันมาเจอยัยปากมากนี่ บอกว่าเราไม่ได้เจ็บจริงอีก ! แต่กองเชียร์จอมจุ้น ยิ่งปรี๊ดดหนักกว่าเราอีก ไว้จะเล่าให้ฟังต่อไป ว่าเกิดไรขึ้นกับยัยพยาบาลคนนี้ค่ะ เมื่อคุณหมอมาถึง เราก็ไล่อาการให้ฟัง เมื่อคุณหมอตรวจเสร็จเรียบร้อย ก็จัดการฉีดมอร์ฟีนลดอาการปวดให้ทันที และส่งเราไปสแกน MRI อีกรอบ แล้วค่อยดูว่า จะวางแผนรักษากันยังไงดี หลังได้ผล MRI คุณหมอเดินกลับเข้ามา พร้อมบอกว่า พรุ่งนี้เราต้องผ่าตัดให้คุณทันที เพราะเส้นประสาทถูกทับมาก คุณหมอบอกว่า ผลสแกนเมื่อ 1 สัปดาห์ที่แล้ว กับผลของวันนี้ ต่างกันมาก คุณหมอเลยเชื่อว่าอาการทรุดเร็วเกินกว่าจะรักษา ด้วยวิธีกายภาพบำบัด ดังนั้นต้องทำการผ่าตัดทันที เพื่อคลายความดันบนเส้นประสาท มิฉะนั้น อาจจะถึงขึ้นเป็นอัมพาตได้ ก่อนอื่นขอบอกก่อนว่า คนที่เป็นโรคปวดหลังส่วนมาก สามารถรักษาให้หาย หรือทุเลาอาการได้ โดยใช้วิธีกายภาพบำบัด หรือกินยาคลายกล้ามเนื้อ แต่มีประมาณ 10% ของคนไข้เท่านั้น ที่ต้องใช้วิธีผ่าตัด แต่ส่วนใหญ่จะต้องผ่านการรักษาทางอื่น ๆ มาก่อน หมอผ่าตัด ถึงจะพิจารณาผ่าให้ ไอ้เราก็เป็น 1 ใน 10% ที่ว่าซะด้วย แต่ตอนที่หมอบอกว่า ต้องผ่า วินาทีนั้น เราโล่งใจมากเลยนะ เพราะมันเจ็บปวดมากมาหลายเดือน รักษายังไงก็ไม่หาย ตอนนั้นเรามั่นใจสุดฤทธิ์ว่า ผ่าแล้วอย่างน้อย ๆ ต้องหายปวดแน่นอน ณ จุดนี้ คือ จุดเริ่มต้นแห่งความซวยค่ะ เนื่องจากเป็นการผ่าตัดแบบฉุกเฉิน เราเลยไม่มีโอกาศศึกษาแพทย์ผ่าตัด เป็นเหตุให้ต้องโคจรมาเจอกับตาหมอ Dr. Dyke สุดกวนเบื้องล่างค่ะ และแสนจะไม่มี Bed Side Manner เหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร ? จะผ่าตัดออกมาแล้วหายมั้ย ? และจะเกิดอะไรขึ้นกับยัยพยาบาลปากมากคนนั้น ติดตามได้ที่บล็อคหน้าค่ะ อิอิ เช้าวันผ่าตัด หิวมากค่ะ เพราะไม่ได้กินอะไรเลย ตั้งแต่เมื่อวาน
จ บ ต อ น
ป.ล. ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคน ที่เข้ามาถามไถ่อาการนะคะ ตอนนี้ความปวดลดน้อยลง แต่ก็ยังปวดมาก ทำยังไงก็ไม่หายค่ะ คุณหมอเลยให้ไปพบ Pain therapist เพื่อให้สามารถเรียนรู้วิธี ให้มีชีวิตอยู่กับความปวดให้ได้ค่ะ
Create Date : 16 กรกฎาคม 2556 |
|
16 comments |
Last Update : 16 กรกฎาคม 2556 0:38:45 น. |
Counter : 1807 Pageviews. |
|
|
|