|
|
|
|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
นโยบายรัฐบาล (ในฝัน)
หลังจากที่ผมไม่ได้เขียนเรื่องหนักๆ สมองมานานหลายสัปดาห์แล้ว วันนี้ขอเข้าสู่โหมด บริหารทีนส์กาและรอยย่นบนหน้าผาก ของท่านผู้อ่านด้วยเรื่องหนักๆ (แต่ยังไงก็มีผลกระทบต่อชีวิตเรา) อย่างการเมืองดูซักตั้ง
... และเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศการเลือกตั้งในช่วงนี้ ดังนั้นผมจึงอยากเขียนถึงเรื่องนึงที่ตั้งใจไว้นานแล้ว นั่นคือเรื่องของ นโยบาย ของพรรคการเมืองในเมืองไทยทุกวันนี้ (ถึงผมจะยังไม่พร้อมและเขียนได้ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ แต่ในเมื่อได้ตั้งใจไว้ และถึงเวลาที่สมควรโพสต์แล้ว ก็คงต้องลองลงดู และอาจต้องมีการปรับแก้เพิ่มเติมข้อมูลอีกเป็นระยะๆ นะครับ)
(รูปประกอบจากเว็บไซต์ th.wikipedia.org)
การเมืองของไทย คำว่านโยบาย ไม่เคยถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง เป็นเพียงแค่ข้อความหรูๆ บนแผ่นกระดาษก่อนการเลือกตั้ง ที่พร้อมจะถูกขว้างทิ้งลงถังขยะทุกเมื่อ หลังจากพรรคการเมืองนั้นๆ เถลิงอำนาจได้สำเร็จ ... ไม่เหมือนการเมืองของอีกหลายประเทศที่ นโยบาย จะเป็นตัวกำหนดชัดเจนว่านักการเมืองผู้นั้นและคนๆ นั้น ควรจะไปสังกัดพรรคไหน เพราะ แนวคิด ในการร่างนโยบายก็จะเป็นไปตามธีมของพรรคการเมืองนั้นๆ ซึ่งจะเป็นที่รวมของกลุ่มคนที่มีแนวคิดเป็นไปในทำนองเดียวกันนั่นเอง
สำหรับการเมืองของไทยในปัจจุบัน ถ้าโฟกัสไปที่ 2 ขั้วใหญ่ที่กำลังเตรียมแย่งกันจัดตั้งรัฐบาล ขั้วแรก พรรคการเมืองเก่าแก่ ถ้าเทียบกับเมืองนอกก็น่าจะเรียกว่าเป็นพรรคแนว Conservative หรือ อนุรักษ์นิยม ... สำหรับนโยบายล่าสุดที่ประกาศออกมา ผมมองว่าหลายๆ อย่างค่อนข้างเป็นนามธรรม และอีกหลายข้อก็ไม่น่าทำได้สำเร็จภายใน 99 วัน ตามที่ได้ประกาศไว้
สำหรับขั้วตรงข้าม พรรคการเมืองของอดีตนายกฯ คนล่าสุด (แต่ดันกลายเป็นที่รวมของเหล่าบรรดา เสือสิงห์กระทิงแรด ไปซะฉิบ แค่จินตนาการถึง แก๊งคนจมูกชมพู่ พ่อคนที่ลูกชายชอบลืมชื่อ อ้าย(ยี้)ห้อย อ้ายโหน ได้อำนาจมาอยู่ในกำมืออีกครั้ง ก็หนาวแล้ว แผ่นดินคงจะลุกเป็นไฟ) นโยบายประชานิยมของพรรคนี้ ดูเผินๆ ก็เหมือนจะดี แต่ในระยะยาว ประชาชนคงไม่สามารถยืนได้ด้วยตัวเองเท่าไหร่ ต้องพึ่งพาอำนาจรัฐอยู่ร่ำไป เพราะสิ่งที่พรรคนี้ทำมาตลอดก็คือ การตลาดนำการเมือง ภาพลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ดังนั้นประกาศอะไรออกมาจึงต้องดูดีในสายตาชาวบ้านไว้ก่อนเสมอ แต่ทำจริงได้ไม่ได้ หรือมีวาระอะไรแอบแฝงซ่อนเร้นอยู่หรือไม่ นั่นว่ากันอีกเรื่องนึง
ส่วนขั้วอื่นๆ พรรคเล็กพรรคน้อย ก็มีนโยบายปลีกย่อยต่างๆ กันไป แต่ยังมองไม่ค่อยออกว่าพรรคไหนจะมีธีมหลักที่ชัดเจนออกไปในด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ ถ้าถามประชาชนตาดำๆ อย่างผมว่าอยากได้พรรคการเมืองที่มีนโยบายในแนวใด โดยส่วนตัวผมอยากได้พรรคการเมืองที่มีนโยบายแนว "Social Policy" คือให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาทางสังคมให้ประชาชนอยู่กันอย่างมีความสุขให้มากที่สุด แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ละเลยเรื่องของเศรษฐกิจ ซึ่งคงต้องอัญเชิญแนวคิดของในหลวงมาเป็นหลัก ได้แก่เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ก็คือไม่ต้องถึงกับเร่งมากนักในเรื่องตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆ แต่ขณะเดียวกันก็ยังสามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเองอย่างมั่นคง คือเน้นคุณภาพ แต่ไม่เน้นปริมาณ และนอกจากนั้นก็ควรใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม (ซึ่งกำลังอินเทรนด์เลยทีเดียว) ให้มากขึ้น
ทั้งนี้ ผมก็เลยใคร่จะขอลองร่างนโนบายพรรคการเมืองพรรคดังกล่าวออกมาดู (สมมติว่าชื่อพรรค กรีนกุ๊กกุ๊กกรู๋ ก็แล้วกันนะครับ) ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 โหมด คือ โหมดจริงจัง กับ โหมดฮาในช่วงท้าย ... แต่ทั้งนี้ ด้วยสติปัญญาระดับชาวบ้านธรรมดา ที่ไม่ได้มีความรู้ครอบคลุมในทุกด้านขององค์ประกอบสังคม ดังนั้นถ้านโยบายข้อใดผิดจากความเป็นจริง ก็ขอผู้อ่านที่รอบรู้ในสาขานั้นๆ ได้โปรดชี้แนะให้แก่ข้าน้อยด้วย ...
1. ร่างกฎหมายที่ฝ่ายรัฐบาลจะเร่งเสนอ และ ผลักดันให้รัฐสภาผ่านมติออกมาบังคับใช้โดยเร็ว การจำกัดสิทธิ ให้ประชาชนธรรมดามีอาวุธปืนและวัตถุระเบิดครอบครองให้น้อยที่สุด (ลดความรุนแรงในสังคม) เพิ่มโทษทางอาญาแก่ผู้ทำผิดกฎหมายให้รุนแรงยิ่งขึ้น และคงโทษประหารชีวิตไว้ (ลดความรุนแรงในสังคม) เพิ่มโทษแก่ผู้ทำความผิดเกี่ยวกับการคอรัปชั่น และยืดอายุความไม่ให้มีวันหมดอายุความ (ลดปัญหาคอรัปชั่น) เพิ่มโทษกรณีผู้ก่อการอาชญากรรมกับนักท่องเที่ยว (เพื่อแก้ภาพลักษณ์ในด้านไม่ดีทางด้านการท่องเที่ยว) เพิ่มโทษแก่ผู้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ (เช่น ตัดไม้ทำลายป่า) และวัฒนธรรม (เช่น ลักลอบขายวัตถุโบราณ) กำหนดให้โรงงานอุตสาหกรรมต้องปล่อยสารพิษหรือก่อปัญหาสิ่งแวดล้อมแก่ชุมชนให้น้อยที่สุด (ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม)
2. Mega Projects ตัดคอคอดกระ (ศึกษาแนวตัดที่เหมาะสม เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ) โดยอาจทำเป็นอุโมงค์ถนนลอดใต้คลองอีกที หรือสะพานพิเศษ เพื่อแก้ปัญหาทางด้านความมั่นคง ในการส่งกำลังไปยังพื้นที่ด้านใต้ของคลอง
การปฏิรูประบบราง ขยายความกว้างของรางรถไฟให้เป็น 1.4 m และทำเป็นรางคู่ไม่ต้องรอหลีกในทุกเส้นทาง รวมทั้งทำสะพานหรืออุโมงค์ในทุกจุดที่ตัดกับถนน จัดให้มีรถไฟความเร็วสูงวิ่งไปยังทุกภูมิภาค ผลักดันรถไฟฟ้าบนดิน-ใต้ดินทั้ง 10 เส้นทาง ตามแผนของ สนข. ให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด และรวมทุกระบบเข้าเป็นระบบเดียวกัน ผู้โดยสารถูกคิดราคา จ่ายเงินร่วมกันในทุกเส้นทาง นำที่ดินของการรถไฟที่มีอยู่ทั่วประเทศ มาบริหารเพื่อหารายได้ และทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด จัดทำแผน Logistics แห่งชาติ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งให้ต่ำที่สุด
ปลูกป่าคนละต้น โดยเน้นในพื้นที่ที่ป่าไม้ถูกทำลายอย่างรุนแรง รวมทั้งป่าชายเลนด้วย มีน้ำใช้ทั่วประเทศ การวางระบบท่อไปยังเขตเกษตรกรรมต่างๆ เพื่อควบคุมปริมาณน้ำ ตามแนวทางที่ประเทศอิสราเอลใช้พลิกฟื้นผืนทะเลทรายให้สามารถเพาะปลูกได้ ดูน่าสนใจมากๆ
3. วาระแห่งชาติ ปราบปรามการคอรัปชั่นอย่างจริงจัง ทั้งในหมู่นักการเมือง และข้าราชการ โครงการ ทำแม่น้ำเจ้าพระยา และทุกคูคลองในเมืองกรุงให้ใสสะอาด ให้กลับมาเป็น Venice แห่งตะวันออก อีกครั้ง ผลักดันให้เกิดการรวมตัวกันในหมู่ ประเทศเกษตรกรรม เพื่อกำหนดราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้น แบบเดียวกับที่กลุ่ม OPEC กำหนดราคาน้ำมัน ... ลองดูซิว่าพวกประเทศทะเลทรายจะกินน้ำมันแทนข้าวได้ ก็ให้มันรู้ไป ศึกษานโยบายพลังงานอย่างจริงจังและเร่งด่วน ว่าจะนำเทคโนโลยีนิวเคลียร์มาใช้หรือไม่, ถ้าไม่ จะจัดหาพลังงานให้แก่คนทั้งประเทศในอนาคตด้วยวิธีใด ส่งเสริมให้คนไทยมีจิตสำนึกเกี่ยวกับ ชาตินิยม (การรักชาติอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่การคลั่งชาติ ซึ่งจะไม่มีเหตุผล) เช่น พิจารณาสินค้าของไทยก่อนสินค้าจากเมืองนอก ถ้ามีคุณภาพใกล้เคียงกัน
4. นโยบายรายกระทรวง 4.1 กระทรวงกลาโหม เน้นการแก้ปัญหาความไม่สงบที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นหลัก หายุทธวิธีที่ทำให้ปัญหายุติให้ได้
4.2 กระทรวงมหาดไทย เพิ่มเงินตอบแทนให้แก่ตำรวจ (โดยเฉพาะชั้นผู้น้อย) และเพิ่มโทษแก่ตำรวจผู้ทุจริต ให้สูงกว่าชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ศึกษาอย่างจริงจัง เกี่ยวกับการแก้ปัญหา สถานการณ์จังหวัดชายแดนใต้ และเร่งแก้ไขโดยเร็ว หาวิธีปราบปรามยาเสพติดทุกชนิด ให้ซื้อ-ขาย-เสพให้น้อยที่สุด รวมทั้งตัดเส้นทางลำเลียงออกไปยังนอกประเทศด้วย หาวิธีปราบปรามสื่อลามก และยั่วยุทางเพศ ให้หมดไปจากท้องตลาดให้มากที่สุด เพื่อลดอาชญากรรมทางเพศลง ศึกษาข้อดีข้อเสียของการจัดตั้งเมืองหลวงคู่กับกรุงเทพฯ แห่งใหม่ โดยโยกย้ายศูนย์ราชการบางส่วนออกไป เพื่อลดความแออัดและกระจายความเจริญ รวมทั้งสังคายนาระเบียบการจัดการผังเมืองของเมืองของเมืองใหญ่ทั้งหลาย เตรียมแผนฉุกเฉิน เพื่อรองรับภัยพิบัติต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต และอาจมีการฝึกซ้อมเป็นระยะๆ ได้แก่ ภัยที่เกิดจากน้ำท่วม, ดินถล่ม, แผ่นดินไหว, ลมพายุ, คลื่นยักษ์สึนามิ, การก่อการร้าย เป็นต้น
4.3 กระทรวงการต่างประเทศ เพิ่มความร่วมมือ รวมทั้งเชื่อมต่อระบบขนส่งของกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง อาเซียน เอเชียตะวันออก ผลักดันให้เกิดการร่วมตัวของกลุ่มเศรษฐกิจ เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออก ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ให้สามารถรวมตัวกัน และมีอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับ EU และกลุ่มเศรษฐกิจ แคนาดา-สหรัฐอเมริกา-เม็กซิโก เป็นต้น เพิ่มความสัมพันธ์ทางการฑูต กับประเทศที่ห่างไกล โดยเฉพาะในประเทศที่แยกตัวออกจากสหภาพโซเวียต, แอฟริกา และอเมริกาใต้ให้มากขึ้น เพื่อกรุยทางสู่การค้าขายสินค้าระหว่างกันต่อไป
4.4 กระทรวงยุติธรรม จัดตั้งศาลประเภทใหม่ๆ เพื่อให้ทันต่อโลกยุคนี้ โดยถ้าเป็นคดีเกี่ยวกับศาลประเภทนั้นๆ ก็ให้แยกประเภทการพิจารณาคดีไปเลย เพื่อลดความคับคั่งของคดี เช่น ศาลเกี่ยวกับความผิดทางด้านเทคโนโลยี, สิ่งแวดล้อม, ฯลฯ
4.5 กระทรวงการคลัง ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าใจถึงแก่นของ เศรษฐกิจพอเพียง และรู้จักเก็บออมสำหรับตนเองเมื่อถึงวัยชรา ศึกษาถึงผลดีผลเสียของ สลากกินแบ่ง อย่างถ้วนถี่ ก่อนจะพิจารณาให้มี หรือยกเลิกการออกหวยไปเลย คงระดับค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับเหมาะสม เพื่อให้เสียประโยชน์น้อยที่สุดทั้งผู้นำเข้า และผู้ส่งออก พยายามทำ ตลาดทุน (ตลาดหุ้น) ให้มีความผันผวนน้อยลง ไม่มีสภาพเหมือนบ่อนเก็งกำไรรายวันอย่างทุกวันนี้ โดยการให้กองทุนใหญ่ต่างๆ เข้าไปลงทุนมากขึ้น เพื่อลดการซื้อขายอย่างรวดเร็วของกองทุนเฮดจ์ฟันด์จากต่างประเทศ และพยายามรักษาระดับราคาของหุ้นแต่ละตัว มีราคาใกล้เคียงกับราคาพื้นฐานที่แท้จริงของหุ้นตัวนั้นๆ
4.6 กระทรวงพาณิชย์ ส่งเสริมให้มีการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น (ลดสัดส่วนการพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก) ลดสัดส่วนการค้ากับสหรัฐอเมริกา / เพิ่มสัดส่วนกับกลุ่มประเทศ BRIC (Brazil / Russia / India / China) และตลาดเกิดใหม่ที่มีกำลังซื้อแฝงอยู่อีกมาก เช่น ยุโรปตะวันออก / ตะวันออกกลาง / แอฟริกา ศึกษาและทบทวน FTA ทั้งที่เซ็นสัญญาไปแล้ว และที่จะทำกับประเทศใหม่ๆ ถึงผลดีผลเสียให้ครอบคลุมทุกด้าน แล้วจึงตัดสินใจว่าจะเซ็นหรือไม่ อย่างไร แค่ไหน โดยต้องให้ชาวบ้าน (ไม่ใช่ฝั่งนายทุน) ได้รับประโยชน์สูงสุด ศึกษา กฎหมายค้าปลีก ว่ามีผลดี-ผลเสีย ต่อร้านค้าข้ามชาติ ยี่ปั๊ว ซาปั๊ว ร้านโชห่วย และชาวบ้านผู้ซื้อสินค้า มากน้อยเพียงใด ก่อนจะออกเป็นกฎหมายมาบังคับใช้
4.7 กระทรวงอุตสาหกรรม ส่งเสริมให้เกิด Brand ไทย ในสินค้าประเภทต่างๆ แล้วส่งออกไปขายในตลาดโลก ส่งเสริมอุตสาหกรรมไทยบางประเภท ที่สามารถ ขายได้ ให้ไปลุยตลาดโลก เช่นอาหารไทย, สปาไทย ฯลฯ ส่งเสริม อาหารฮาลาล เพื่อส่งไปขายยังประเทศมุสลิมที่มีกำลังซื้อสูง และเป็นการสร้างงานแก่จังหวัดชายแดนใต้ด้วย
4.8 กระทรวงพลังงาน ส่งเสริมให้ประชาชนสร้างที่พักอาศัยแบบที่สามารถผลิตพลังงานได้ เช่น ติดตั้งแผงโซลาเซลล์บนหลังคาบ้าน แล้วสามารถส่งพลังงานไฟที่ผลิตได้เพื่อขายคืนแก่รัฐบาล ส่งเสริมให้ประชาชนช่วยกันคิดค้นและใช้งานพลังงานทดแทนทุกรูปแบบ ทั้งที่มีใช้อยู่แล้วอย่างแกสโซฮอล์ จากน้ำมันพืช หรือไบโอดีเซลจากขยะ เป็นต้น และที่ยังไม่มีใช้ เช่น อาจใช้พลังงานไฮโดรเจนจากน้ำ มาเติมเครื่องยนต์แทนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ฯลฯ ปลูกฝังจิตสำนึกให้ประชาชนรู้จักใช้พลังงานอย่างประหยัดเท่าที่จำเป็นในทุกสถานที่ ทุกเวลา
4.9 กระทรวงคมนาคม จัดระบบ ขสมก. ใหม่ทั้งระบบ ให้ใช้รถเมล์ NGV เท่านั้น / ลดเส้นทางวิ่งที่ซ้ำซ้อน / จัดจำนวนคันที่วิ่งให้เหมาะสม เคลียร์ปัญหาสนามบินสุวรรณภูมิให้เรียบร้อย ทั้งเรื่องร้านค้า Duty free / การจ่ายค่าชดเชยแก่ผู้อาศัยรอบสนามบิน / เร่งรัด Airport Rail Link ให้เสร็จโดยเร็วที่สุด / จะสร้างเฟสใหม่เลยหรือไม่ / สนามบินดอนเมืองจะทำอย่างไรต่อ ให้ สนข. วางแผนแม่บทสำหรับระบบคมนาคม-ขนส่ง ของหัวเมืองต่างจังหวัดใหญ่ๆ เตรียมรอไว้เลย และค่อยๆ ดำเนินการสร้างตามความวิกฤตของปัญหา และจำนวนงบประมาณที่มีอยู่ จัดสร้าง Bike-Lane ตามเมืองใหญ่ และรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้รถใหญ่หยุดให้รถจักรยานและคนเดินถนนข้ามถนนไปก่อนเหมือนในต่างประเทศ
4.10 กระทรวงสาธารณสุข ศึกษาเรื่อง CL ยา (ที่ รมว. มงคล ท่านปัจจุบันทำอยู่) ถ้าจำเป็นต้องทำต่อ ก็ควรเจรจากับบริษัทยาผู้ผลิตก่อน เพื่อให้เกิดปัญหาน้อยที่สุด และคนยากจนจะได้ใช้ยาในราคาที่สามารถซื้อหาได้ ส่งเสริมให้ประชาชนรู้จักดูแลสุขภาพ (ป้องกัน) เพื่อลดภาระในการรักษา โดยเฉพาะประชากรวัยชรา ทบทวนปัญหาในระบบสาธารณสุขในปัจจุบันใหม่ทั้งหมด เช่น การขาดแคลนบุคลากรทางสาธารณสุขในโรงพยาบาลชุมชน, ปัญหาการฟ้องร้องระหว่างคนไข้กับแพทย์ ฯลฯ รณรงค์ป้องกันการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อ HIV ให้มากขึ้น และเตรียมแผนป้องกันการระบาดของไข้หวัดนกตามฤดูกาล รวมทั้งแผนฉุกเฉินเพื่อเตรียมรับมือกับ ไข้หวัดใหญ่ ที่เกิดจากไข้หวัดนกกลายพันธุ์ ตามที่มีผู้คาดการณ์กันไว้
4.11 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ศึกษาเกี่ยวกับพืช GMO (Genetic Modification Organism) อย่างจริงจัง ถ้าจำเป็นต้องปลูก ก็ต้องจำกัดบริเวณ ส่งเสริม เกษตรอินทรีย์ อย่างกว้างขวาง เพื่อลดการใช้สารเคมีในเกษตรกรรมให้เหลือน้อยที่สุด
4.12 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดตั้งให้แต่ละชุมชนมี หน่วยพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อช่วยเป็นหูเป็นตาแก่รัฐ เมื่อมีผู้ทำลายธรรมชาติ ตั้งเป้าหมาย (เป็นตัวเลข) เพิ่มพื้นที่สีเขียวทั้งในเมือง และป่าตามอุทยานแห่งชาติให้ได้ ผลักดันให้เกิดโรงงานกำจัดขยะที่มีประสิทธิภาพมากกว่าปัจจุบัน และรณรงค์ให้คนไทยมีนิสัยทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง และทิ้งขยะแยกเป็นขยะสด, ขยะพิษ, ขยะรีไซเคิล ให้ได้ เตรียมศึกษาผลกระทบ ภาวะโลกร้อน ว่าจะทำให้กรุงเทพฯ จมทะเลเหมือนที่เป็นข่าวหรือไม่ และรณรงค์ / ออกกฎหมายให้ยกเลิกการสูบน้ำบาดาลในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑลขึ้นมาใช้ เพื่อป้องกันไม่ให้แผ่นดินทรุดเพิ่มขึ้น
4.13 กระทรวงศึกษาธิการ เพิ่มเงินเดือนให้แก่ครูทั่วประเทศ และสร้างค่านิยมให้เด็กเรียนเก่ง สนใจมาเป็นครูให้มากขึ้น ลดงบประมาณที่ใช้สร้างอาคารสถานที่ และหันไปเพิ่มงบประมาณด้านการวิจัยแทน รื้อระบบการศึกษาใหม่ ให้เด็กไทยเป็น นักคิด มากกว่า นักท่องจำ และใส่สิ่งที่เด็กควรจะต้องรู้เข้าไปในหลักสูตรแต่เนิ่นๆ เช่นทำอย่างไรจึงจะเป็นคนดีมีคุณธรรม, ค่านิยมและนิสัยต่างๆ ในด้านดี เช่นความมีระเบียบวินัย, การรู้จักเคารพในสิทธิ์ของผู้อื่น, จิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม, จิตสำนึกความพอเพียง, ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อสร้าง เด็กไทย generation ใหม่ ส่งเสริมให้นักเรียน ต้องเรียนภาษาที่ 3 เพิ่มในหลักสูตร นอกเหนือจากภาษาไทยและอังกฤษ โดยเน้นไปยังประเทศที่ต้องติดต่อด้วยเป็นส่วนใหญ่ เช่น ภาษาจีน, ญี่ปุ่น, อินเดีย, รัสเซีย, อาหรับ, เยอรมัน, สเปน, โปรตุเกส เป็นต้น สังคายนา วงการพุทธศาสนา ใหม่ / พยายาม ลด ละ พุทธพาณิชย์ และความงมงายของประชาชน และหันมาเน้นทางด้านเหตุ-ผล และการปฏิบัติธรรม แทน
4.14 กระทรวงวัฒนธรรม จัดตั้งองค์กรเพื่อส่งเสริมให้วัฒนธรรมไทยถูกเผยแพร่ออกไปยังประเทศอื่นๆ อย่างเข้มแข็ง (ทำนองเดียวกับวัฒนธรรม K-Pop จากเกาหลี หรือ J-Pop จากญี่ปุ่น) ... ทำ T-Pop ให้ฮิตกะเค้าบ้าง ส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ของกองถ่ายจากทั่วโลก เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ จัดตั้งคณะกรรมการกลาง ที่ใช้คนจากในวงการและข่ายงาน เพื่อมาดูแลสื่อต่างๆ ทั้งรายการโทรทัศน์, ภาพยนตร์, เพลง ฯลฯ เพราะคนจากในวงการด้วยกันน่าจะเข้าใจกันมากกว่า และการร้องเรียนต่างๆ ก็น่าจะทำได้รวดเร็วขึ้น (คกก. ชุดนี้จะทำหน้าที่พิจารณาเฉพาะด้านเนื้อหา, จริยธรรมและความเหมาะสม (Content) ทางด้านสื่อสารมวลชน)
4.15 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่งเสริม/ให้งบประมาณงานวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ทุกชนิด เช่น คอมพิวเตอร์ และ IT, NanoTech., BioTech., วัสดุศาสตร์, อวกาศและการบิน, หุ่นยนต์, พลังงานทดแทน, อาหารและเกษตรกรรม ฯลฯ วางรากฐานให้เด็กไทยหันมาสนใจ และผลิตบุคลากรทางสายวิทยาศาสตร์ให้มากขึ้นกว่าในปัจจุบัน เพื่อให้มีบุคลากรและนักวิจัยเพียงพอที่จะรองรับความเปลี่ยนแปลงของโลกที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
4.16 กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เร่งรัด กทช. เพื่อให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ ในระบบในเชิงพาณิชย์โดยเร็วที่สุด อย่างเช่นการใช้งาน RFID, NGN, Internet Broadband, WIMAX, Triple Play และ Quad Play ฯลฯ ดำเนินการแยก กสช. ออกจาก กทช. เหมือนที่เคยกำหนดไว้แต่แรก และผลักดันให้มีผู้เข้ามาทำหน้าที่ กสช. โดยเร็วที่สุด (ซึ่งจะทำหน้าที่เป็น Technical Regulator ทางด้านสื่อสารมวลชนทั้งระบบ และ กทช. ทำหน้าที่เป็นเฉพาะ Technical Regulator ทางด้านระบบโทรคมนาคมเช่นเดิม) ผลักดันให้เกิด Infrastucture เพื่อรองรับระบบ E-Government โดยเร็ว เพื่อลดความล่าช้าของระบบราชการ
4.17 กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม จัดการกองทุนประกันสังคม ให้มีประสิทธิภาพมากกว่าในทุกวันนี้ (เช่นเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่เบิกยาก และการจ่ายค่าทดแทนเมื่อผู้ใช้แรงงานถึงวัยชรา) และออกกฎหมายเพื่อป้องกันนักการเมืองนำเงินในกองทุนฯ ไปใช้โดยมิชอบ ศึกษาเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวทั้งระบบ ว่าจะขึ้นทะเบียนและควบคุมจำนวนอย่างไรได้บ้าง รวมทั้งเตรียมป้องกันอาชญากรรมที่อาจเกิดขึ้นจากคนเหล่านี้ด้วย
4.18 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ศึกษาปัญหา โครงสร้างประชากรผู้สูงอายุ เพิ่มขึ้นอย่างจริงจัง และเตรียมนโยบายต่างๆ เพื่อรองรับในอนาคต เช่น จัดสร้างที่พักอาศัยแก่ผู้สูงอายุที่ไม่มีทุนทรัพย์ รวมทั้งแนวโน้มของโครงสร้างประชาการที่อาจลดจำนวนลงในอนาคต ทั้งนี้เพื่อจะเตรียมแผนรณรงค์ได้ถูกต้อง พยายามลดจำนวนคนเร่ร่อน-ผู้ไม่มีที่อยู่อาศัย-ขอทาน โดยจัดหาสถานที่ไว้ให้ และหาอาชีพต่างๆ ให้ทำ (รวมทั้งกวาดล้างแก๊งขอทาน, แก๊งลักเด็ก ด้วย) ลดจำนวนชุมชนแออัด โดยอาจจัดสร้างที่อยู่ให้ใหม่ (แนวแฟลตดินแดง) แทน จัดการกับปัญหา แก๊งค้ามนุษย์ (โดยที่เจ้าตัวไม่เต็มใจ) ให้สิ้นซาก ทั้งการบังคับค้าประเวณี, ใช้แรงงานเด็ก, ใช้แรงงานบนเรือประมง, หลอกแรงงานไปขายยังต่างประเทศ ฯลฯ รณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจแก่วัยรุ่นในเรื่องเพศศึกษา โรคทางเพศ และปัญหาการมีครอบครัวเมื่อยังไม่พร้อม เพื่อลดปัญหาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ในวัยเรียน, การทำแท้ง, การคลอดลูกแล้วนำไปทิ้ง ฯลฯ
4.19 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดสร้าง หมู่บ้าน Long Stay เพื่อดึงดูดคนชราจากประเทศร่ำรวย ให้มาใช้ชีวิตวัยเกษียณในประเทศไทย (แต่จะไม่ขายที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ ให้สิทธิ์แค่เช่าอยู่ จนกว่าจะถึงแก่ชีวิตเท่านั้น) ส่งเสริมนโยบาย Medical Hub เพื่อให้ผู้มีรายได้สูงในต่างประเทศ นิยมมาใช้บริการโรงพยาบาลในไทยให้มากขึ้น ทำการตลาดการท่องเที่ยว โดยลดงบประมาณที่ดูสิ้นเปลืองไม่เกิดประโยชน์ และเน้นไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพแทน หาวิธีทำให้ T-league (ฟุตบอลลีกของประเทศไทย) เป็นที่ฮิตขึ้นมาในประเทศ เหมือนในต่างประเทศให้ได้ จัดทำโครงการส่งเสริมเพื่อให้นักกีฬาไทย มีความสามารถแข่งขันได้ในระดับเอเชีย ไม่ใช่แค่อาเซียนเช่นในปัจจุบัน
4.20 สำนักนายกรัฐมนตรี พิจารณากรณี สื่อมวลชนเสรี และผลักดันให้เกิดเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนให้มากที่สุด พัฒนาระบบราชการ ให้มีความทันสมัยฉับไวกว่าในปัจจุบัน เพื่อให้มีความสามารถใกล้เคียงกับภาคเอกชน ผลักดันให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครอง (โดยเฉพาะระดับท้องถิ่น/ชุมชน) ให้มากที่สุด
5. นโยบายปลีกย่อย ผลักดันให้มีระเบียบว่าผู้มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี อย่างน้อยต้องมีความรู้ความสามารถในกระทรวงนั้นๆ (แก้ปัญหาการให้ตำแหน่ง รมต. กับนักการเมืองมั่วๆ) ผลักดันให้รัฐมนตรี ต้องไม่เป็น ส.ส. หรือ ส.ว. (แยกอำนาจนิติบัญญัติ กับบริหาร / ป้องกันการแย่งตำแหน่งกัน) ศึกษา กฎหมายภาษีมรดก เพื่อลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน ส่งเสริมและจูงใจ (ลดภาษีเพิ่มขึ้น) ให้แก่ผู้ที่บริจาคเงินเพื่อการกุศล หรือเพื่อสาธารณประโยชน์
6. นโยบายเอาฮา (ส่วนนี้เน้นไร้สาระนะครับ ... อย่าซีเรียส) ออกกฎหมายห้ามนายกฯ หรือรัฐมนตรี มีอายุเกินกว่า 42 ปี (คุณอภิสิทธิ์ปีนี้ 43 ... ส่วนลุงหมัก ไม่ต้องพูดถึง) ... คราวนี้เด็กๆ จะได้ครองสภาและเป็นรัฐบาลกันซะที ออกกฎหมายห้ามอดีต ส.ส. และ ส.ว. รวมทั้งญาติโกโหติกา ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกต่อไป (จะได้ล้างบางกันไปเลย) ออกกฎห้าม ลูกดวง และ ลูกวัน ลงสมัคร ส.ส. เพราะเด๋วจะไปลืมชื่อพ่อ แล้วหาเรื่องชาวบ้านในสภา! ยุบกองเซ็นเซ่อทิ้ง และประกาศให้ใช้การจัดเรตติ้งภาพยนตร์ในทันที! รวมทั้งจัดให้หนัง แสงศตวรรษ ได้เข้าฉายในรอบปกติ ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร (แบบจับใบดำ-ใบแดง) ทั่วประเทศในทันที ใช้วิธีเปิดรับแบบสมัครใจแทน (ตี้คงชอบข้อนี้น่าดู) ลงโทษเจ็ดชั่วโคตร แก่เด็กผู้ยังอายุไม่เกิน 20 และก่ออาชญากรรมในระดับอุกฉกรรจ์ เพราะถือว่าพ่อแม่เลี้ยงลูกให้ไม่รักดี! จัดให้ผู้กำลังจะเป็นพ่อแม่มือใหม่ทุกคนต้องเข้าค่ายที่รัฐจัดขึ้น เพื่อชี้แนะว่าจะเลี้ยงลูกอย่างไร ให้โตขึ้นเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม
ก็คงขอเขียนเพียงเท่านี้ก่อน (แค่นี้คุณผู้อ่านก็คงมึนตึ้บกันแล้ว) และนี่เป็นเพียงเสียงจากประชาชนคนหนึ่ง ซึ่งได้แต่หวังว่าอาจมีนักการเมืองบางคนมาอ่านเจอ แล้วนำนโยบายบางข้อไปปรับใช้ให้เกิดเป็นความจริงขึ้นมาได้บ้างก็จะดีนะ ... ส่วนท่านผู้อ่าน ถ้าท่านใดอยากเสนอแนวคิดหรือนโยบายว่าอยากให้เมืองไทยเป็นอย่างไร เชิญบรรเลงตามสะดวกเลยนะคร้าบ ... และขอขอบคุณ สำหรับการมา 'มึน' ร่วมกันครับผม
Create Date : 19 ธันวาคม 2550 |
Last Update : 19 ธันวาคม 2550 12:10:02 น. |
|
52 comments
|
Counter : 1247 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:13:00:27 น. |
|
โดย: ซซ วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:13:21:02 น. |
|
โดย: ลิงจ๊ากจ๊าก วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:14:53:03 น. |
|
โดย: nanoguy IP: 161.200.255.162 วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:16:36:29 น. |
|
โดย: Almondblist วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:17:21:11 น. |
|
โดย: pangz วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:19:02:01 น. |
|
โดย: yibby วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:19:23:40 น. |
|
โดย: yibby วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:19:25:06 น. |
|
โดย: Unravel วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:21:27:58 น. |
|
โดย: ดาวทะเล วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:22:52:08 น. |
|
โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:7:14:15 น. |
|
โดย: คนทับแก้ว วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:19:01:56 น. |
|
โดย: yibby วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:22:20:05 น. |
|
โดย: Mamochan วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:22:35:28 น. |
|
โดย: ซซ วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:7:51:55 น. |
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:10:41:35 น. |
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:11:01:26 น. |
|
โดย: nanoguy IP: 125.24.68.11 วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:17:37:08 น. |
|
โดย: Chini วันที่: 22 ธันวาคม 2550 เวลา:13:06:04 น. |
|
โดย: Chini วันที่: 22 ธันวาคม 2550 เวลา:13:11:39 น. |
|
โดย: pangz วันที่: 22 ธันวาคม 2550 เวลา:21:24:55 น. |
|
โดย: P_Poy วันที่: 23 ธันวาคม 2550 เวลา:0:02:23 น. |
|
โดย: fzero วันที่: 23 ธันวาคม 2550 เวลา:1:28:11 น. |
|
โดย: nanoguy IP: 125.24.82.184 วันที่: 23 ธันวาคม 2550 เวลา:14:13:57 น. |
|
โดย: pangz วันที่: 23 ธันวาคม 2550 เวลา:14:48:35 น. |
|
โดย: Unravel วันที่: 23 ธันวาคม 2550 เวลา:16:41:42 น. |
|
โดย: คนทับแก้ว วันที่: 24 ธันวาคม 2550 เวลา:8:45:52 น. |
|
โดย: nanoguy IP: 125.24.95.72 วันที่: 24 ธันวาคม 2550 เวลา:12:01:11 น. |
|
โดย: verdancy วันที่: 24 ธันวาคม 2550 เวลา:14:28:01 น. |
|
โดย: nanoguy IP: 125.24.87.165 วันที่: 24 ธันวาคม 2550 เวลา:21:31:09 น. |
|
โดย: jonykeano วันที่: 24 ธันวาคม 2550 เวลา:21:37:33 น. |
|
โดย: บัวจ้า ^____^ IP: 202.47.238.191 วันที่: 25 ธันวาคม 2550 เวลา:1:33:56 น. |
|
โดย: คนทับแก้ว วันที่: 25 ธันวาคม 2550 เวลา:10:38:46 น. |
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 25 ธันวาคม 2550 เวลา:10:46:39 น. |
|
โดย: John barn IP: 58.136.17.158 วันที่: 25 ธันวาคม 2550 เวลา:14:48:38 น. |
|
โดย: Almondblist วันที่: 25 ธันวาคม 2550 เวลา:17:26:00 น. |
|
โดย: ดาวทะเล วันที่: 25 ธันวาคม 2550 เวลา:19:40:38 น. |
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 25 ธันวาคม 2550 เวลา:20:45:03 น. |
|
โดย: yibby วันที่: 25 ธันวาคม 2550 เวลา:21:51:08 น. |
|
โดย: fzero วันที่: 25 ธันวาคม 2550 เวลา:23:59:30 น. |
|
โดย: คนทับแก้ว วันที่: 26 ธันวาคม 2550 เวลา:9:13:53 น. |
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 26 ธันวาคม 2550 เวลา:11:43:32 น. |
|
โดย: MHO IP: 203.144.130.176 วันที่: 27 ธันวาคม 2550 เวลา:19:34:35 น. |
|
โดย: บุษ-สะ-บ้า (butbbj ) วันที่: 24 มกราคม 2551 เวลา:16:29:34 น. |
|
| |
|
บลูยอชท์ |
|
|
|
|
... จะแจ้งว่า วันพรุ่งนี้ (พฤ. 20 ธ.ค.) ผมต้องไปสัมนาที่โรงแรม เซ็นทารา @ Central World ... ดังนั้นกว่าจะมาตอบเม้นต์ได้อีกที ก็เป็นวันศุกร์เลยนะคร้าบ