ใคร่เขียนก็เขียน ใคร่อ่านก็อ่าน ขยันก็ทำ ไม่ขยันก็หยุด ว่างก็ยุ่ง ไม่ว่างก็ยุ่ง
Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
27 มกราคม 2555
 
All Blogs
 

มาตรา 112 ??? อยากรู้ และ อยากระบาย

คิด คิด และอยากโพสต์ในสเตตัส เฟสบุ๊ค ของตัวเองมาก แต่...

เกรงว่า จะเป็นที่ระคายใจแก่ พี่ เพื่อน น้อง หรือ อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด กระทั่งนำไปสู่การแตกแยกทางความคิด กับผู้ใกล้ชิดได้

ครั้นจะนิ่งเงียบ อุบเฉยก็ให้รู้สึกอึดอัด เหมือนอั้นของเสียในลำไส้ คล้ายพิพักพิพ่วน มวนๆในท้อง ขับข้องกังขาในหัว เมามัวค้างคาปานว่า Hang over หลังปาร์ตี้มิมีผิด

อย่ากระนั้นเลย พรูคำระบาย พร่ำสาธยายถามมา-ตอบไปในบล๊อกตัวเองก็ได้วะ

อยากตะโกนดังๆ บอกกับผองเพื่อน พี่ น้อง ที่รัก สนิทสนมและใส่ใจกัน ว่า....

ถ้าอิชั้น อินังหน้าจืด พุงโต แม่ลูกสอง และแม่แมวสามตัว คนนี้ คนที่เพื่อนๆที่สนิทกัน ให้ความกรุณา และลงความเห็นว่า เป็นคนทีค่อนข้างประนีประนอมไม่เลือกข้างคนหนึ่ง

ถ้าอิชั้นสนับสนุน การแก้ไขมาตรา 112 พี่ เพื่อน น้อง จะว่าเยี่ยงไร ???
ทันที่ที่อิชั้นประกาศความคิดออกไปมั่นใจได้ว่า
ได้ก้อนอิฐจากคนที่เรียกว่ามิตรไม่น้อย
และที่ไม่มากกว่า ก็คือได้ดอกไม้จากคนที่เป็นเพื่อนเช่นกัน

ยิ่งกว่านั้น เกือบร้อยเปอร์เซนต์ไม่มีใครคิดถามแน่ ทำม๊าย ทำไม เมิงจึงสนับสนุน???
คำประกาศการสนับสนุนของอิชั้นจะถูกแปลงและตีความในทันทีว่า อิชั้นเลือกข้างเลือกสี ทั้งที่อิชั้นไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นเลย ให้ตายแม่จ้าว !!!
ด้วยเหตุดังที่กล่าว จึงไม่บอกเล่าความในใจนี้แก่ญาติสนิทมิตรสหายไม่ว่าจะเป็นการกล่าววาจาโดยตรง หรือผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค (ป๊อดอ่ะ ใครจะทำไม ชิส์)

จึงขอระบายและสาธยายเหตุผล ณ ที่นี้ ที่ๆไม่มีใครรู้จักเป็นการส่วนตัว

อิชั้น มีความรู้สึก ความคิดเห็นไม่ต่างจากผู้สนับสนุนการแก้ไขมาตรามหาโหด โคตรไม่โรแมนติค ที่เรียกกันสั้นๆง่ายๆ และรับรู้ได้ทั่วกันว่า มาตรา 112 มานม่ายช่ายอ่ะตัวเธอ มานม่ายทันจะหมัยแย้วง่า (ขอใช้ภาษาวิบัตินิ้ดนุงนะ 555)

มาตรานี้ ดึกดำบรรพ์จริง ล้าหลังจริง กว้างเกินไปจริง อีกทั้งสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องทางการเมืองโดยกล่าวหาปรักปรำผู้มีความคิดเห็นตรงกันข้ามโดยหาหนทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้อย่างยากเย็นแสนเข็ญจริง!!!
สรุปได้ง่ายดายตามประสาชาวบ้านธรรมดา ที่ขาดทั้งการศึกษาและโอกาสทางสังคมอย่างอิชั้นได้ว่า มาตรานี้ขาดความเป็นธรรมจริง !!!
สำคัญที่สุด ด้วยสติปัญญาเท่าหางเขียดตะปาดของตัวเอง อิชั้นมองไม่เห็นประโยชน์อันใดจากมาตรา 112 ในโลกปัจจุบัน ที่ข้อมูลข่าวสารไหลบ่าท่วมท้นจนเสพไม่ทัน การปิดกั้นมันจะได้ผลอีกนานแค่ไหนกัน???

เสียงซุบซิบนินทาจากมุมมืด แผ่กว้างรวดเร็วในยุคนี้ง่ายดายแค่ปลายนิ้ว
อิชั้นไม่เข้าใจ ทำไมจึงปล่อยให้มีการซุบซิบนินทา เพิ่มข้อกังขากับสังคมไปเรื่อยๆเช่นนี้ ทั้งที่การหยุดเจตนาร้ายเพราะการนินทากล่าวหาสร้างมลทินจากที่มืด ทำได้ไม่ยากเลย ก็แค่ลากเอาความจริงออกมาให้ปรากฎในที่สว่างซะก็สิ้นเรื่อง

แต่หากเรายังมีมาตราไดโนเสาบังคับใช้นี้ หนทางการพิสูจน์ความจริงท่ามกลางสป๊อตไลท์โล่งโจ้ง แทบไม่มีทางทำได้เลย

มาตรา 112 ที่ดูเหมือนจะปกป้อง เมื่อถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือของเจตนาร้าย ท้ายที่สุดการปกป้องนั้น จะกลายเป็นย้อนกลับมาทำร้ายแสนสาหัส ถึงขั้นล่มสลายแหลกราญได้ในอนาคต

ลองตรึกตรองให้ถ้วนถี่ พิจารณามาตรานี้ให้ดี ว่าในวันนี้ มันใช่แล้วหรือ เหมาะควรแล้วหรือ สำหรับสังคมสมัยใหม่ ที่ทุกเรื่องไม่ว่าดีงาม ชั่วร้าย ไหลทะลักล้นง่ายดายรวดเร็ว
สังคมที่กำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้า สังคมที่ต้องการการพัฒนาอย่างแท้จริง ย่อมต้องการข้อเท็จจริง เหตุผล ความโปร่งใส การตรวจสอบมากกว่าในอดีต มากจนเกินที่กฎหมายล้าหลังมาตราใดๆ จะสะกัดกั้นการเรียกหาความเป็นธรรมของคนในสังคมไว้ได้


ณ ประเทศศูนย์กลางจักรวาลแห่งหนึ่ง

คุณ ส ด : เมื่อวานกรูเห็นเมิงเหยียบรูปสัญลักษณ์เสื้อมหาเฮง
อ๋อย (นามสมมติ) มันเป็นอุบัติหตุนะ กรูไม่ได้เจตนา มีคนเชี่ยๆสักคนนี่แหละเอาสัญลักษณ์เสื้อฯมาวางที่พื้นตอนกรูเดินผ่าน
คุณ ส ด. อย่ามาซึนฯ มึงหมิ่นล่ะซิ กรูรู้นะ คริ คริ
อ๋อย (นามสมมติ) ซึนฯห่าไร กรูบอกกรูไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติหตุ
คุณ ส ด. อิอ๋อย กรูรู้ทันเมิง คราวนี้แหละเมิงเสร็จแน่กรูถ่ายคลิปไว้แล้ว

ความบาดหมางระหว่าง คุณ ส ด. และ อ๋อย (นามสมมติ) เริ่มจากสองคนนี้ขัดแย้งกันในธุรกิจผลิตจำหน่ายเสื้อยืดนำโชคที่ทุกคนต้องใส่
ทั้งคู่มีปากเสียง ต่อล้อ ต่อเถียง ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันมาระยะหนึ่งแล้ว ในที่สุดถึงขั้นประกาศสงครามต่อกัน และพร้อมจะทำทุกทางให้ตนเองเป็นฝ่ายชอบธรรมในการผูกขาดธุรกิจเสื้อยืดมหาเฮง

ในที่สุดอ๋อย (นามสมมติ) ก็พลาดพลั้งเสียที(ตามบทสนทนาข้างต้น)ระหว่างเดินทางหาแนวร่วมสนับสนุนตนเองให้เป็นตัวแทนจำหน่ายเสื้อยืดเพียงรายเดียว

แน่นอนมีต่อสู้กันตามขบวนการยุติธรรม
แต่ด้วยกฎหมายมาตราหนึ่ง แห่งประเทศศูนย์กลางจักรวาลแห่งหนึ่ง ไม่สามารถเปิดเผยกระบวนการไตร่สวนได้ แม้จะได้ผลการตัดสินแล้วว่า อ๋อย(นามสมมติ) ผิดจริงตามกฎหมาย ซ้ำยังไม่มีคำอธิบายว่าผิดเช่นใด เหตุใดจึงผิด ฯลฯ ซึ่งต่างจากการพิจารณาคดีอื่นๆ ที่ต้องเปิดเผยรายละเอียดของคดีความให้ประชาชนได้ใช้อ้างอิงหรือวิเคราะห์ เพื่อประโยชน์ของการพิจารณาคดีอื่นต่อไปก็ตาม

คุณว่า อย่างนี้มันยุติธรรมหรือ???
มันไม่แย่หรอกหรือ ที่ใครสักคนจะกล่าวหาใครก็ได้ โดยไม่ต้องมีแรงจูงใจก็ย่อมได้ และคนถูกกล่าวหาจะกลายเป็นผู้ผิด โดยไม่ต้องมีคำอธิบายจากผู้ตัดสินว่าเพราะอะไรจึงได้ตัดสินผู้ถูกกล่าวหาว่า "ผิดจริง"
ปล. เรื่องแต่งประกอบข้อเขียนเพ้อเจ้อ ไม่เกี่ยวข้องกับบุคลหรือกลุ่มบุคคลใดๆทั้งสิ้น

ไม่เข้าใจ ทำไมคนเราจึงต้องพยายามกันมากมายเหลือเกิน ที่จะสมมติให้คน ที่เป็นมนุษย์ สามารถทำถูก ทำผิด ทำพลาด แก้ไข กลายเป็นเทพเจ้า มันเพื่ออะไรกัน???
เป็นคนที่ได้รับการสรรเสริญเพราะเป็นมนุษย์ที่มีคุณงามความดี มันไม่พอหรอกหรือกับการเกิดมามีชีวิตหนึ่งเท่ากับคนอื่น
ทำไมจะต้องทุ่มเทกำลังความสามารถ พลังชีวิตมากมายปานนั้น ให้ความสำคัญกับสิ่งสมมติในอุดมคติ ที่อาจไม่เคยมีอยู่จริงเลยก็เป็นได้
แล้วสิ่งสมมตินี่ มันดีกว่า ของจริง ตรงไหน สิ่งสมมติก็เป็นแค่สิ่งสมมติมีอยู่แต่ในเทพนิยายเท่านั้น เมื่อเวลาผ่านไป ใครๆก็รู้ว่าเป็นแค่เทพนิยาย หาความน่าเชื่อถือ ชื่นชมจริงๆย่อมไม่ได้ ทำไม๊ ทำไม จะต้องพยายามสมมติของจริง ให้เป็นสิ่งที่เป็นแค่เรื่องเล่ามัวเมาก็ไม่รู้เนอะ

สำหรับอิชั้น รักใครแล้วละก็ อิชั้น รักที่เขาเป็นเขา ชื่นชมยินดีในคุณงามความดีที่เขาทำ
ตักเตือนแนะนำยามเขาพลาด พร้อมให้อภัยเมื่อเขาสำนึกในความผิดที่อาจทำโดยไม่ตั้งใจ
และไม่มีวันหมดรักเขา ผลักใสเขาเพียงเพราะเขาไม่เป็นอย่างใจเราคิด
โดยเฉพาะคนที่เป็นคนดีโดยเนื้อแท้ คนดีที่เพียรทำความดีด้วยเจตนาดีมาตลอด คนเช่นนี้ ต่อให้มีคนอิจฉาว่าร้ายขนาดไหน ความดีที่ปรากฎจะป้องกันเขาเอง มิหนำคนดีบ้างไม่ดีบ้างอย่างเรา ยังพร้อมจะเคียงข้างเป็นเกราะให้อีกต่างหาก
คนดี เขาไม่กลัวอะไรกันหรอก มีแต่พวก.......แหละม้างงงงงงงง กลัวจะหากินกับความดีของคนอื่นไม่ได้


กรุณาแสดงความเห็น เยี่ยงสุภาพชนและโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านบทความนะคะ

ขอบพระคุณที่สละเวลาอ่านค่ะ




 

Create Date : 27 มกราคม 2555
3 comments
Last Update : 27 มกราคม 2555 21:47:01 น.
Counter : 773 Pageviews.

 

ได้ข้อคิดดีค่ะ แต่ดิฉันกลับมองว่ามีเรื่องอื่นที่ควรจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขมากกว่านี้ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่บอบบางมาก ถ้าไม่แก้ก็อาจมีคนโดนใส่ร้ายได้ แต่ถ้าแก้มันก็จะเอื้อประโยชน์ให้กับคนที่จงใจจะทำ เพราะเรื่องนี้ก็เปรียบเสมือนดาบสองคม แต่ว่า ลองสมมุติเล่นๆนะคะว่า ถ้าพ่อแม่เราทำผิด เราจะกล้าด่าว่าท่านต่อหน้าธรากำนัลเลยหรือการแก้เรื่องแบบนี้เห็นทีว่าในปัจจุบัน คงจะมีประโยชน์แต่สำหรับนักการเมืองเท่านั้น เพราะชาวบ้านตาดำๆ คงไม่มีใครถูกรัดรอนสิทธิแบบนี้ เลยอยากให้ลองมองว่ามันเป็นลู่ทางของเรื่องการเมืองน่ะค่ะ

 

โดย: นานาจิตตัง IP: 110.77.138.119 2 กุมภาพันธ์ 2555 16:12:22 น.  

 


สังคมเกิดจากการรวมกลุ่ม เริ่มจากสัตว์ รวมตัวกันแบบง่ายๆ แต่ต้องมีจ่าฝูงมีลูกฝูงเสมอ หากไม่เช่นนั้น ฝูงสัตว์ไม่อาจอยู่รอดได้ แล้วก็จะมีสภาพเป็นสัตว์เร่ร่อน ที่ทุกตัวสามารถทำอะไรก็ได้ เรียกกันว่าสัตว์เสรี
แต่ มนุษย์ มีโครงสร้างทางสังคมที่สลับซับซ้อนยิ่งกว่าสัตว์ จึงต้องมีกฎเกณฑ์มากกว่า

เมื่อมีการรวมกลุ่มกันขึ้นเป็นสังคม มนุษย์ที่เป็นสัตว์สังคมจึงต้องยอมสละสิทธิบางอย่างเพื่อการรวมกลุ่มอยู่ร่วมกัน
ไม่เช่นนั้น จะไม่มีสภาพเป็นสังคม แล้วเป็นคนเร่ร่อน

เรื่องหมิ่นประมาท มีอยู่ในทุกประเทศ ทุกสังคม มองเข้าไปในเรื่องเหล่านี้ มีตั้งแต่หมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา เพื่ออะไร ก็เพื่อปกป้องสิทธิของบุคคล
ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน เพื่ออะไร ก็เพื่อผู้มีหน้าที่มีสิทธิได้รับการคุ้มครองในการปฏิบัติหน้าที่
แล้วถ้าดูมากๆ จะพบว่ามีการห้ามหมิ่นประมุขของรัฐอื่น หรือแม้แต่ธงของรัฐอื่นด้วย เพื่ออะไร เพื่อความเป็นสังคมโลก ป้องกันการวิวาทแล้วนำไปสู่ความขัดแย้งจนถึงขั้นสงครามระหว่างประเทศ

เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เพียงแค่มีคนคิดอยากแก้ ก็เกิดความวุ่นวายและขัดแย้งกันแล้ว หากแก้จริงๆ คงต้องเกิดการปะทะกันของทุกฝ่าย แล้วสังคมจะเป็นอย่าไร

ผมไม่เชื่อว่า คนที่คิดจะทำผิด จะเกรงกลัวต่อกฎหมาย ต่อให้มีโทษถึงประหารชีวิต คนๆ นั้น ก็ยังทำ ผมไม่เชื่อว่า ถ้ายกเลิกกฎหมายเรื่องฆ่าคนตายซึ่งมีความผิดประหารชีวิตแล้วคนจะไม่ฆ่ากัน ผมไม่เชื่อว่า แก้กฎหมายให้การข่มขืนไม่เป็นความผิดแล้ว จะไม่มีการข่มขืนเกิดขึ้น ไม่เชื่อว่า แก้กฎหมายเรื่องยาเสพติดให้ไม่ต้องมีความผิด ยาเสพติดจะหมดไป เพราะถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว ยกเลิกกฎหมายทั้งหมด สังคมนี้จะดีเลิศ กระนั้นหรือ

สมมติ ถ้าจะมีการแก้ไขเรื่องหมิ่นประมาทของบุคคลธรรมดาให้สามารถพิสูจน์ได้ทุกเรื่อง แก้โทษขั้นต่ำด้วย จะยอมกันไหม ในเมื่อหน้าที่ของคนธรรมดา น้อยกว่าเจ้าพนักงาน และยิ่งกว่านั้น น้อยกว่าประมุขของรัฐ

เพราะมีหน้าที่ จึงเกิดสิทธิ ภาระหน้าที่ยิ่งมากก็ควรได้รับสิทธิมากขึ้น จริงไหม

ถามว่า โทษ รุนแรงไปไหม ก็ตอบว่า อยากทำผิดใช่ไหม ถึงอยากลดโทษ
หากนำไปใช้เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง ก็ถามกลับว่า นักการเมืองก็มีกฎหมายคุ้มครองอยู่แล้ว เห็นได้ว่า มีเอกสิทธิ์คุ้มครองให้ในระหว่างสมัยประชุมสภา ไม่ต้องถูกจับติดคุก คนธรรมดาอย่างเราๆ ไม่คิดแก้ตรงนี้บ้างเหรอ และที่สำคัญ ถ้านักการเมืองไม่ทำผิดกฎหมาย ก็ไม่ต้องกลัวความผิด แล้วทำไมอยากคุ้มครองแต่พวกนักการเมือง

อีกครั้งที่ผมเชื่อว่า คนที่คิดจะทำผิดไม่กลัวกฎหมาย แล้วทำไม คนที่ไม่คิดทำผิดจึงต้องกลัวแทนคนทำผิด และก็เชื่อว่า มีแต่คนอยากทำผิดกฎหมายจึงอยากแก้กฎหมายนั้นๆ

 

โดย: ขออนุญาต IP: 110.49.224.245 5 กุมภาพันธ์ 2555 9:29:17 น.  

 

อะไรท่ีดีอยู่แล้ว ก็ปล่อยไปเถอะ ยังมีปัญหาอ่ืน ๆ อีกมากท่ีต้องทำ หรือว่าใครบางคนเสียผลประโยชน์

 

โดย: J j IP: 223.207.73.47 9 กุมภาพันธ์ 2555 8:34:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


forgive not forger
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add forgive not forger's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.