Bloggang.com : weblog for you and your gang
สีสรรแห่งชีวิต
Group Blog
my life
my family
สุขภาพ
ไม้ดอก-ไม้ประดับ
กินลม-ชมวิว
เย็บ-ปัก-ถัก-ร้อย
ชีวิตรัก-สัตว์เลี้ยง
กุมภาพันธ์ 2554
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
11 กุมภาพันธ์ 2554
แม่จ๋า...พ่ออยู่ไหน
All Blogs
เทคนิค 5 ประการ ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว
ข้อคิด....ชีวิตคู่
my...sun
เขา...กินอะไรกัน
เรื่องของอาม่า...แต่น่าคิดเพื่อ........
แม่จ๋า...พ่ออยู่ไหน
ครอบครัวอบอุ่น
ข้อคิด...เพิ่มคุณค่าให้ชีวิต
เค็ก...ครอบครัวสุขสันต์
ครอบครัวสุขสันต์.......สร้างสัมพันธ์ที่ดี
แม่จ๋า...พ่ออยู่ไหน
เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายคนคงจะกลัวคำถามจากปากของลูกตัวน้อยของเราว่า พ่อจ๋าแม่หนูอยู่ไหน? หรือ แม่จ๋าพ่อหนูอยู่ไหน? มากที่สุด โดยเฉพาะหากเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวหรือเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือแม้แต่คุณพ่อคุณแม่ที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกันแต่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่แยกจากกันหรืออยู่ห่างไกลกันก็มักจะรู้สึกเครียดหากต้องตอบคำถามเหล่านี้ของลูกเพราะเกรงว่าคำตอบที่ตอบออกไปอาจจะสร้างความกระทบกระเทือนถึงจิตใจที่บอบบางของลูกจนอาจทำให้ลูกกลายเป็นเด็กมีปัญหาได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนที่เราจะตอบคำถามของลูกก็คือเราต้องยกสาเหตุของการที่พ่อแม่ไม่ได้อยู่ร่วมกันนั้นขึ้นมาพิจารณาก่อน จึงจะสามารถตอบคำถามลูกได้อย่างดีและเหมาะสมที่สุด ซึ่งสาเหตุที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน มีหลายสาเหตุดังนี้
1. คุณพ่อหรือคุณแม่แยกกันอยู่ด้วยความจำเป็นเรื่องงาน เช่น ต้องไปทำงานต่างจังหวัดหรือต่างประเทศเป็นระยะเวลานาน ๆ เป็นทหารหรือเป็นตำรวจในพื้นที่ ๆ ไม่ปลอดภัยจึงไม่สามารถพาครอบครัวไปอยู่ด้วยได้
2.คุณพ่อหรือคุณแม่แยกกันอยู่ด้วยความจำเป็นเรื่องส่วนตัว เช่น มีปัญหาเรื่องสุขภาพที่ร้ายแรงหรือมีลักษณะอาการที่สามารถติดต่อหรือแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้จึงต้องแยกไปรักษาในที่ ๆ เหมาะสม
3.คุณพ่อหรือคุณแม่เสียชีวิต ไม่ว่าจะด้วยโรคภัยหรืออุบัติเหตุใด ๆ ก็ตาม
4.คุณพ่อคุณแม่ตกลงยุติความสัมพันธ์ฉันสามีภริยาและแยกกันอยู่ด้วยดี กรณีนี้คือแยกจากกันด้วยความเข้าใจและยอมรับในการตัดสินใจของกันและกัน เพียงแต่มีฝ่ายหนึ่งที่รับผิดชอบในการเลี้ยงดูลูกเป็นส่วนใหญ่
5.คุณพ่อหรือคุณแม่ยุติความสัมพันธ์ฉันสามีภริยาและแยกจากไปโดยมีปัญหา กรณีนี้คือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถูกทิ้งร้างไป และฝ่ายที่จากไปไม่สนใจในครอบครัวของตนอีกต่อไป
เมื่อรู้ว่าสาเหตุของการที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันว่าเป็นเพราะสาเหตุใดแล้ว การจะตอบคำถามลูกนั้นให้คำนึงถึงสิ่งเหล่านี้
1. พูดความจริงกับลูก เช่น หากคุณพ่อต้องไปทำงานในที่ไกล ๆ ไม่สามารถพาลูกไปด้วยได้ ก็ต้องบอกเขาว่าเพราะคุณพ่อห่วงความปลอดภัยของลูก หรือหากคุณแม่ป่วยหนักต้องไปรักษาที่อื่น ก็ต้องบอกให้เขาเข้าใจว่าที่ลูกไปเยี่ยมคุณแม่ไม่ได้เพราะเดี๋ยวหนูจะไม่สบายไปด้วย หรือหากคุณพ่อคุณแม่เลิกกันไปด้วยความเข้าใจ และลูกอยู่กับคุณแม่ ก็ต้องบอกว่าคุณพ่อกับคุณแม่รักลูกแต่คุณพ่อคุณแม่มีความชอบไม่เหมือนกันจึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ และแม้ว่าลูกจะอยู่กับแม่แต่คุณพ่อก็ให้เงินค่าขนมลูกเสมอ การที่เราพูดความจริงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด น่าแปลกว่าเด็กมีสัญชาตญาณที่จะรู้ว่าอะไรจริงหรือไม่จริง ดังนั้น การพูดความจริงจะสร้างความไว้ใจให้กับเขา และที่สำคัญการพูดความจริงกับลูกทำให้ลูกสามารถเข้าใจ และยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายกว่าการโกหก
2. ดูความเหมาะสมของอายุของลูก แม้การพูดความจริงกับลูกเป็นสิ่งสำคัญที่สุดก็ตาม แต่สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือการจะพูดความจริงเรื่องใดต้องคำนึงถึงอายุในการทำความเข้าใจในเรื่องนั้นๆของลูกด้วย เช่น คุณพ่อแยกจากคุณแม่ไปเพราะไปมีภริยาใหม่และไปมีลูกใหม่ ซึ่งหากลูกของเราอายุ 3 - 4 ขวบถาม แล้วเราบอกความจริงเขาว่าเขามีลูกใหม่ไปแล้ว ลูกของเราจะไม่มีทางเข้าใจในสิ่งนั้น แต่ในทางกลับกันเขาจะเข้าใจว่าพ่อไม่รักเขาหรือเขาเป็นเด็กไม่ดีพอ พ่อถึงทิ้งเขาไปมีลูกใหม่ ไม่อยู่กับเขาทิ้งให้เขาว้าเหว่ ให้เป็นคนไม่มีพ่อเหมือนคนอื่น ซึ่งความเข้าใจของลูกจะสร้างปมด้อยให้กับเขา และเขาจะฝังใจในความคิดของเขาเองอยู่อย่างนั้นซึ่งยากที่จะแก้ไขความเข้าใจนั้นได้อีกในภายหลัง ดังนั้น สิ่งที่ต้องระวังคือให้พูดความจริงเมื่อถึงวัยที่เหมาะสมที่เขาจะเข้าใจในความจริงนั้นได้จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ต้องไม่ลืมว่าอย่าโกหกลูกเด็ดขาดแต่ให้ใช้วิธีการเลี่ยงจะเหมาะสมที่สุด เพราะคุณแม่บางคนบอกลูกว่าพ่อตายแล้ว แต่ภายหลังเมื่อลูกรู้ว่าคุณพ่อยังมีชีวิตอยู่ลูกจะเสียใจที่เราโกหกเขาและจะขาดความเชื่อและไว้ใจในตัวของเรา
3. พูดให้เกียรติอีกฝ่ายหนึ่งเสมอ แม้คุณพ่อคุณแม่จะไม่ได้อยู่ด้วยกันด้วยสาเหตุที่ไม่ดีแค่ไหนก็ตาม หากจะพูดถึงอีกฝ่ายหนึ่งให้ลูกฟังเราควรจะให้เกียรติฝ่ายนั้นเสมอ เช่น คุณพ่อเป็นคนอารมณ์ดี คุณแม่เป็นคนอ่อนหวาน เพราะสำหรับลูกแล้วแม้บุคคลนั้นจะทำสิ่งใดผิดพลาดก็ตาม แต่บุคคลนั้นคือคุณพ่อหรือคุณแม่ของเขา เป็นบุคคลที่ลูกทุกคนรู้สึกรักและเคารพอยู่ในจิตใต้สำนึกโดยไม่ต้องมีใครมาบอกหรือสอนให้ทำ แต่หากเราพูดถึงเขาโดยไม่ให้เกียรติ ก็จะมีผลเกิดขึ้นได้ 2 ทางคือ
1) เราได้สร้างเกลียดชังในใจของลูกขึ้น เขาจะเกิดความรู้สึกเกลียดพ่อหรือเกลียดแม่ของตัวเองตามที่เราพูด หรือ
2) เราสร้างความผิดหวังให้กับลูกของเรา เด็กบางคนจะเกิดความรู้สึกเสียใจและผิดหวังในตัวของเราที่ไปว่าพ่อหรือว่าแม่ของเขา และจะกลายเป็นว่าเขาจะรู้สึกในทางที่ไม่ดีกับเราและเห็นว่าเราเป็นคนที่ใจร้าย
ดังนั้น การพูดให้เกียรติอีกฝ่ายหนึ่งจะเป็นการสร้างความอ่อนโยนและทำให้เกิดความรู้สึกอบอุ่นในจิตใจของลูกได้
4. ไม่พูดให้ความหวังที่ไม่มีทางเป็นจริงกับลูก คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจคิดว่าการพูดให้ความหวังลูกจะทำให้ลูกมีความสุข เช่น คุณพ่อคุณแม่หย่าขาดจากกันและคุณแม่ไปมีครอบครัวใหม่แล้ว หรือคุณพ่อเสียชีวิตแล้ว แต่พอลูกถาม คุณพ่อบอกลูกว่าคุณแม่ไม่สบายรักษาตัวอยู่ หรือคุณแม่บอกลูกว่าคุณพ่อไปทำงานต่างประเทศ เดี๋ยวก็กลับมา ในความเป็นจริงแล้วการให้ความหวังในสิ่งที่ไม่มีทางเป็นจริงได้จะสร้างความทุกข์และความเสียใจให้กับลูกอย่างมากที่สุด เพราะเมื่อเขามีความหวังมาก และรอคอยความหวังเป็นระยะเวลานานมากเกินไปด้วยยังไม่เห็นว่าความหวังนั้นจะเป็นความจริงขึ้นมาได้ เขาก็จะเปลี่ยนจากความกระตือรือร้นเป็นการเศร้าซึม ไม่ร่าเริง เก็บกดและไม่มีความสุขในชีวิต และยิ่งเมื่อเขาได้รู้ความจริงในวันหนึ่งว่าสิ่งที่เขาเฝ้ารอไม่มีทางเป็นจริงก็จะทำให้เขาชอกช้ำในจิตใจอย่างที่สุด ซึ่งเด็กบางคนอาจเปลี่ยนพฤติกรรมกลายเป็นเด็กเกเรเสียผู้เสียคนไปเลยก็ได้
การตอบคำถามของลูกด้วยวิธีการที่กล่าวมา เป็นการสร้างความเข้าใจให้กับลูกในสิ่งที่เขาสงสัยใคร่รู้ แต่สิ่งที่คุณพ่อหรือคุณแม่ที่มีหน้าที่เลี้ยงดูลูกต้องให้ความใส่ใจที่สุดนอกเหนือจากการตอบคำถามของลูกคือการ
ให้ความรัก
ความอบอุ่น
และรวมถึงการแสดงความอ่อนโยนและมีความเข้าใจในลูกให้มากๆ ซึ่งหากเราได้เติมเต็มให้ลูกอย่างดีพอแล้ว ลูกจะไม่รู้สึกว่าการที่ไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันพ่อ แม่ ลูก เป็นสิ่งที่บกพร่องหรือเป็นสิ่งที่ทำให้เขามีปัญหา แต่ต้องระวังอย่าให้ถึงขนาดตามใจจนไม่มีเหตุผลด้วยความสงสารลูก เพราะการให้ที่มากล้นเกินความพอดีก็เป็นการสร้างปัญหาให้กับลูกได้อย่างมากเช่นกัน ดังนั้น ถ้าขาดสิ่งใด ก็เติมแค่ให้พอดี แล้วทุกอย่างก็จะดีตามธรรมชาติของมันเอง
ขอขอบคุณ : ผู้จัดการออนไลน์
Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2554 17:15:54 น.
0 comments
Counter : 504 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
beauty_solution
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add beauty_solution's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.