๐ นิทานหิ้งห้อย/เฉลียง ๐


ชื่อเพลง : นิทานหิ้งห้อย
ศิลปิน : เฉลียง
อัลบั้ม : เอกเขนก



เด็กน้อยได้ยินเรื่องราว กล่าวขานมานาน
หากใครได้นับหิ่งห้อยมาเก็บเอาไว้ใต้หมอน
นอนคืนนั้นจะฝันดี จะฝันเห็นดวงดาวมากมาย
ฝันเห็นเจ้าชายเจ้าหญิง ฝันแสนสวยงาม

เด็กน้อยนั่งตักคุณยายไต่ถามความจริง
ยายยิ้มกินหมากหนึ่งคำไม่ตอบอะไรส่ายหัว
ใจเด็กน้อยอยากเห็นจริงอยากเห็นดวงดาวมากมาย
อยากเห็นเจ้าชายเจ้าหญิง อยากฝันสวยงาม

หิ่งห้อยนับร้อยนับพัน ส่องแสงระยิบระยับกัน
สว่างไสวไปทั้งต้นลำพูเด็กน้อยแอบออกมา
ไล่คว้าแสงน้อยมาดู ใส่ไว้ในกล่องงามหรู
ซ่อนไว้ใต้หมอน แล้วนอนคอยฝันดี

ตื่นเช้าพอได้ลืมตา มองเห็นคุณยาย
มาแกล้งถามว่าเจอะอะไรสนุกแค่ไหนที่ฝัน
ใจเด็กน้อยจึงทบทวน ไม่ฝันเห็นอะไรมากมาย
รีบค้นเร็วไวใต้หมอนเปิดฝานั้นดู

หิ่งห้อยในกล่องตอนนี้เหมือนหนอนตัวหนึ่ง
ไม่สวยดังซึ่งตอนอยู่ใต้ต้นลำพูส่องแสง
ยายจึงยิ้มแล้วสอนตาม จะมองเห็นความจริง
อย่าขังความจริงที่เห็น อย่างขังความงาม
หิ่งห้อยนับร้อยนับพัน ส่องแสงระยิบระยับกัน
สว่างไสวไปทั้งต้นลำพู
เด็กน้อยถือกล่องออกมา เปิดฝาแล้วแง้มมองดู
หนอนน้อยในกล่องงามหรูก็เปล่งแสงสุกใสบินไปรวมกัน

เด็กน้อยนอนหลับสบายอมยิ้มละไม
ใต้หมอนไม่มีกล่องอะไรไม่มีสิ่งใดถูกขัง
นอนคืนนั้นจึงฝันดี ได้ฝันเห็นดวงดาวมากมาย
ฝันเห็นเจ้าชาย เจ้าหญิง ฝันแสนสวยงาม
(ลัลล้า ลัลล้า จนจางหาย)

















Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2553 9:27:50 น.
Counter : 668 Pageviews.

7 comments
  
ซินเจียยู่อี่ซินนี้ฮวดใช้นะคะคุณฝน
ร่ำรวยเงินทอง และ เจริญในหน้าที่การงานค่ะ

พร้อมๆ กับ
สุขสันต์วันแห่งความรักค่ะ
ขอให้คุณฝนพบกับความรักในเร็ววันนี้นะคะ
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:32:38 น.
  


วาเลนไทน์นี้ ขอส่งความรักและความสุขให้มีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะจ้า

โดย: หน่อยอิง วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:38:54 น.
  
สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะคุณฝน
มีความสุขกับความรักนะคะ
โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:36:50 น.
  


Happy Valentine day & Chinese New years

ขอให้มีความสุขมากๆ ค่ะ
โดย: Jaekan วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:39:20 น.
  
มายิ้มหวานให้พี่ฝนด้วยความคิดถึงค่ะ
โดย: ม่านแพร IP: 117.47.56.233 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:18:34 น.
  
บล๊อค สวยจังเลย เพลงก็เพราะ
โดย: ตาล (puncho ) วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:57:34 น.
  
คุณนาง
สาธุ..คาดหวังเรื่องความรักไว้เยอะเลยค่ะคุณนาง
สักวันหนึ่ง วันนนั้นจะเป็นของเรา แต่เมื่อมันมาถึง
แล้ว จะยึดเอาไว้หรือจะปล่อยผ่านเลยไปค่อยว่า
กันอีกที..555+ (ตกลงเอาไงกันแน่เน้อะ)






คุณหน่อยอิง
ผ่านไปแล้วสองวันค่ะ สำหรับเทศกาลวันดอกรัก
บาน หวังว่ารอยยิ้มจะยังคงอยู่ตลอดไปค่ะ






คุณนาห์
ฝนดูทีวีเกือบทั้งวันค่ะวันนี้ เป็นความสุขที่หาได้
ง่ายๆทั่วไปเป็นปกติทุกวัน เสียดายยังไม่มีความ
สุขที่ทำให้หัวใจผองโตได้ค่ะ..เฮ้อ






คุณJaekan
ขอบคุณค่ะ ขอให้คุณJaekanเองก็มีความสุขเช่น
เดียวกันค่ะ






น้องม่าน
โอ้! วันนี้มาส่งความคิดถึงกันถึงบ้านเลยนะจ๊ะ เป็น
ไงบ้างน้อคุณครู พี่หวังว่าน้องม่านคงมีความสุขกับ
งานที่ทำอยู่นะจ๊ะ พี่เองยังคิดถึงน้องม่านเสมอ เห็น
หายไป คงยุ่งมากถึงมากที่สุดใช่ปะจ้า






คุณตาล (puncho)
ขอบคุณค๊า ยังกับถูกชมว่าเจ้าของบ้านสวยเลยนะนี่
ทั้งๆที่ชมบล็อกเท่านั้นเอง(เจ้าของบ้านหลงตัวเอง
เกินจะเยียวยาค่ะ อย่าใส่ใจเลย )
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:07:39 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไลเดเลีย
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



ร้อยรส...กลอนกานท์




O ฤดูลม...O

O ฉับพลันฝนก็เร้นเก็บเส้นสาย
ดวงวันฉายแสงช่วงโลมห้วงหน
ขับความชื้นลบเลือนรอยเปื้อนปน
ลบหมองหม่นแผ่นฟ้าจนพร่าเลือน

O คล้ายเมฆสีเทาทึมเมื่อครึ้มฝน
ถูกแสงสรวงเบื้องบนเข้าปนเปื้อน
ย้อมสีเทาเป็นขาว..เมื่อหนาวเยือน
มาตามเตือนเลื่อนยามให้งามตา

O ลมต้นหนาวเกรียวกรูเสียงวู่ไหว
โลมกิ่งใบไม้ตื่นทั้งผืนป่า
เขยื้อนขยับยวบไหวอยู่ไปมา
เหมือนบอกลาล่วงพ้น..คาบฝนปลาย

O ความเปลี่ยนแปลงผ่านสู่..ให้รู้เห็น
จากเมื่อสีเลื่อนเส้น..แล่นเป็นสาย
เสียงครืนครั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
แปลบปลาบว่ายเวียนย้ำโลมค่ำคืน

O จนฟ้าเปลี่ยนไม้ใบสั่นไหวระริก
น้ำก็พลิกแผ่นผิว..เป็นริ้วตื่น
จึงบัดนั้น..ภูมิทัศน์ก็หยัดยืน
ด้วยสายลมเย็นชื่น..เพื่อฟื้นตัว

O ถึงคราลมเย็นรื่น..วกคืนย้อน-
พรมสายอ่อนโอนระลอกเข้าหยอกยั่ว
ยอดหญ้าเรียวโค้งนั้น..ย่อมสั่นรัว
รอเกลือกกลั้วรับรู้..ฤดูลม

O จากยึดโยงรากแทงลงแหล่งดิน
ตราบฝนรินหยาดหลั่งลงสั่งสม
คลายความชุ่มความชื้นเหนือพื้น, พรม-
ภาวะอันอุดม..ห้อมห่มไพร

O เหยียดยอดเสียดขึ้นแทงรับแรงฝน
ที่คอยหล่นร่วงหยาด..ก่อนลาดไหล
ยืนต้นตั้งเป็นแถว..เป็นแนวไป
รอลมไหววาดวี..จักมีมา

O ไม่นานเลย..จากฝนฟ้าหม่นหลัว
จนยอดไม้ส่ายรัวอยู่ทั่วหน้า
โลกต่ำ-ใบขาบเขียวทุกเรียวคา-
จะออดอ้อนลมถา..อยู่คาพื้น

O ระบำแถวยอดหญ้าตรงหน้านั้น
จะค่อยสั่นใบพลิ้วเป็นริ้วตื่น
เขียวจากฝนฝากตอนจะย้อนคืน-
เป็นแพรผืนโยนระลอกยั่วหยอกลม

O ร้อนจะรุมสุมมาจากฟ้าไหน
เรียวจะไหววาดรับช่วยขับข่ม
รอค่ำคืนน้ำค้างมาพร่างพรม
เพื่อรับฉมชื่นมาลย์..กลิ่นซ่านซ้อน

O กาลย่อมผ่านโดยช่วงของดวงวัน
จากเม็ดพันธุ์แตกหน่อเป็นช่ออ่อน
จนกลีบใบเรียวแรกเริ่มแตก..ชอน-
ไชขึ้นอ้อนออดรู้ฤดูกาล

O ฝน..หนาว..ร้อนรุ่มถึงขุมขน
แล้วเวียนรอบให้ฝน..อีกฝนผ่าน
เพื่อหยัดกลีบเรียวช่อ..ขึ้นรอบาน
พร้อมเรณูหอมซ่านขึ้นหว่านรส

O ช้าเร็ว..มวลผึ้งภู่ย่อมรู้กลิ่น
เมื่อลมรินรวยเท..หันเหบท
คอยดูเถิดอีกประเดี๋ยว..การเลี้ยวลด-
เข้าจ่อจดหวานหอม..จะพร้อมแล้ว

O ฤดูลมพรมพรำ..อยู่ค่ำเช้า
อาจรุมเร้า, อ่อนโรย..จนโชยแผ่ว
รอกวัดใบหญ้าเต้นจนเป็นแนว
ซ้ำบทแล้วบทเล่า..แต่เช้าวัน

O เมื่อสายลมผ่านสู่..ฤดูล่อง
และฟ้าผ่องแผ้วงามสีครามนั่น
ก็เมื่อผิวต้องหนาวจนหนาวครัน
จึงบัดนั้นโลกกว้างย่อมวางรอ

O ให้ฟังเสียงลมเท..มาเห่กล่อม
สูดกลิ่นหอมเรณูที่ชูช่อ
ทั้งเสียงไม้เสียดยอด..แสงทอดทอ-
ลอดพุ่มกอก้านใบ..ที่ไหวรับ

O พอลมล่องลาดเทมาเห่กล่อม
โลกที่ล้อมรอบล้วนคล้ายครวญขับ-
ผ่านบทเพลงร่ายรำ..เพื่อสำทับ-
การเขยื้อนการขยับลำดับนั้น

O ก็ใช่- เป็นเพียงฤดูลม
หมุนรอบมาห้อมห่มให้ซมสั่น
เปลี่ยนผ่านสภาพธรรมเข้าค้ำยัน
ให้จิตใจทั้งนั้นรู้ผันแปร

O เมื่อเม็ดน้ำขาดช่วงจากห้วงหน
เมฆขาวบนฟ้าพลอย..เลื่อนลอยแผ่
เมื่อขาวครามกลมเกลียวให้เหลียวแล
ก็เห็นแต่ภาพงามของยามนี้

O โอบโลกให้งดงามอยู่ท่ามกลาง-
ดวงวันพร่างแสงพร้อยเรียงสร้อยสี
ลมหนาวร่ำสายผ่านลงคว้านตี
เมื่อปีกผีเสื้อลายบินบ่ายย้อน

O ช่องโสตก็จะแว่วเสียงแจ้วเจื้อย-
ของนก, ลมโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
ผืนแผ่นน้ำครวญครางในต่างตอน
จักซ้ำซ้อนภาพลวงอีกดวงวัน

O ให้มองเห็นลอยดวงบนสรวงฟ้า
ทั้งแจ่มจ้ายิ่งล้ำกลางน้ำนั่น
เท็จ-จริง..ที่มองผ่านก็ปานกัน
ย่อมแปรผันโดยจิต..การคิดตรอง

O ก็ใช่ – ที่เป็นเพียงธรรมชาติ
ทั้งดวงวันโอภาสคอยสาดส่อง
หรือคลื่นน้ำไหลลาดลงฟาดฟอง
และปีกผีเสื้อล่องบนท้องฟ้า

O เห็นไหมเล่ากลีบผการะย้าย้อย
ทุกช่อที่เคยช้อยอยู่คอยท่า
รอฝน..ต้องฝน..หมดฝนพา-
กันอ่อนโรยอ่อนล้า..ซบคาพื้น

O ฤๅ - อาจรู้ลูบโลมด้วยลมหนาว
หรือแสงงามวับวาวจากดาวดื่น
ครั้นสิ้นรอบลมร่ำกลางค่ำคืน
ฤๅ – อาจรู้ฉ่ำชื้นของพื้นดิน

O เพียงกาลผ่านเวียนแล้วเปลี่ยนช่วง
งามทั้งปวงถ้วนบทก็หมดสิ้น
ปีกลวดลายลมโชยเคยโบยบิน
อาจลาถิ่นไพรเถื่อนลับเลือนแล้ว

O ที่ไหนเล่าโลกกว้างและทางแคบ
เพียงหนีบแนบกลีบใบที่ไหวแผ่ว
ที่ไหนเล่าดีร้ายที่ปลายแนว-
ของเทือกแถวดอกมาลย์หอมหวานนั้น

O ก็นั่นแหละรูปธรรมในธรรมชาติ
ลมไหววาดแสงฉายน้ำพรายสั่น
ปีกลวดลายบินหยุด..ดอมบุษบัน
เกสรกลั่นหวานรส..อาจหมดฤๅ

O หากอีกสภาพธรรมในธรรมชาติ
เมื่อลมลาดล่องอยู่อาจรู้หรือ-
ว่าร้อน..ฝน..จนหนาว..อีกหนาวคือ-
การยึดถือตีความเอาตามใจ

O ฤดูลม-ยอดไม้ส่ายไหวอยู่
ปีกลวดลายหรุบชูก่อนลู่ไหล-
ลอดกลีบดอกนุ่มบางแทรกร่างไป
หวานเยี่ยงไรเล่าหนอ..จึ่งพอเพียง ?

O ฤดูลม..หวนระลอก, ดวงดอกไม้-
ก็หอมให้แถวถิ่นรู้กลิ่น, เสียง-
นกไพรเถื่อนก้องกรู..คล้ายอยู่เคียง-
ศัพท์สำเนียงก้องรัว..บางหัวใจ !



จากบล็อกพี่ สดายุ ค่ะ

Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
กุมภาพันธ์ 2553

 
2
12
13
15
17
20
22
23
24
27
28
 
 
All Blog