๐ โสมส่องแสง-รอยอินทร์/โรสลาเรน ๐





ชื่อเรื่อง : โสมส่องแสง
ประพันธ์โดย : โรสลาเรน
สำนักพิมพ์ : ณ บ้านวรรณกรรม



จากปกใน

หัวใจที่สว่างไสวและเดียงสาใสบริสุทธิ์ ของเจ้านางน้อยรอยคำ ที่ผูกพันกับนายทหารไทย ‘ผู้พันภูริต’ ผู้ที่หลายคนตั้งคำถามเสมอว่า เขาเป็นใคร ทำไมต้องมารบเพื่อเวียงสรอง?

ภูริต…ทุกลมหายใจของเขา…เพื่อเพื่อน…เพื่อนของเขา…เจ้ารอย! รอยอินทร์ หากเมื่อเวียงสรองล่ม เสด็จพ่อของเจ้ารอยคือเจ้าหลวงแห่งเวียงสรอง กำลังจะถูกประหารชีวิต! ภูริตคือเพื่อนตาย…ที่อาสารุกเดี่ยวเขาเวียงสรอง เพื่อช่วยเจ้าหลวง หากภาพที่เห็นกับตา เขาไม่มีวันลืม ไม่มีวันบอกรอยอินทร์…ว่าเจ้าหลวงตายอย่างไร!

ไอ้จ้อย…คือหนุ่มน้อยใบหน้างดงาม ที่เขาและมัน ต่างช่วยพากันออกจากเวียงสรองสู่ชายแดน…ฐานที่มั่นของ ‘เวียงสรองกู้ชาติ’ ที่เจ้ารอยอินทร์ ปักหลักสู้…กู้แผ่นดิน! บัดนั้น…ความผูกพันเริ่มต้นแนบแน่น แล้วหัวใจดวงหนึ่งของไอ้จ้อย ‘เจ้านางรอยคำ’ และหัวใจอีกดวงหนึ่งของภูริต ก็ร้อยเข้าเป็นดวงเดียวกัน…หากเจ้าพี่รอยอินทร์คือองค์เจ้าหลวง ที่ต้องเทิดทูนเหนือเกล้า ‘ภูริต’ ก็คือ ชีวิตของเจ้านางน้อย…รอยคำ!

ข่าว ‘เจ้าหลวงแห่งเวียงสรอง’ สิ้นพระชนม์!
บัดนี้ เจ้ารอยอินทร์-เจ้านางรอยคำ สองพระองค์กอดซบโศกาดูรในความสูญเสียร่วมกัน เสียยศ เสียฉัตร เสียเมือง ไม่มี“บ้าน”จนกว่าจะกวาดล้างทรราชให้หมดจากแผ่นดิน…คนทั้งแผ่นดินเวียงสรอง หากไม่มีใครมาสั่งสมความแค้น เลือดนักสู้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร? บัดนี่มิใช่จนเลือดตากระเด็นหรอกหรือ จึงจับอาวุธขึ้นต่อสู้! การรบรุกจะเริ่ม วนเวียนล้มตาย ไม่มีที่สิ้นสุด

ตายถมแผ่นดินเวียงสรองให้หมด
ค่อยเหยียบศพคนสุดท้ายขึ้นปกครอง
‘ตราบใดที่ตีนยังเหยียบแผ่นดินของเรา เราไม่พูดถึงคำว่า แพ้!’

เจ้านางรอยคำ…จะหางามสามโลกก็เหลือหา สมเป็นนางพญาอันสูงส่ง…ในวันหน้ามันจะเป็น ‘นางพญา’ ณ ที่ใดก็ตาม หากสำหรับเขามันคือ “ไอ้จ้อย” ที่ฝังรอยคำไว้ในหัวใจ

‘เมื่อจ้อยมา จ้อยคิดว่าจะมาตายกับพี่…พี่ก็จะตายกับจ้อยจะไม่ไปไหนหรอก…พี่สัญญาจะไม่มีวันทิ้งจ้อย ทิ้งเจ้าหลวง พอใจไหม?’ ประโยคนี้ ยิ่งเสียกว่าปีติใด ประโยคนี้ยิ่งเสียว่าคำว่า เพราะมิใช่หมายแค่รักเดียว หากเขารักแผ่นดิน รักคนทั้งแผ่นดินของจ้อยด้วย

‘ถ้าคุณริต…อยู่ที่ไหน จ้อย…ไปหาได้ไหม?’ ภูริตเต็มตื้นมันผูกพันแน่นหนา แต่เขาต้องคอย มันมีหน้าที่…คนทั้งเวียงสรองรอมัน…หากมันรอ…รอคนคนเดียว…ภูริต!

ถ้าเจ้าหลวงรอยอินทร์ เหมือนดวงสุริยาฉายแสงให้ความอบอุ่นแก่แผ่นดินเวียงสรอง เจ้านางรอยคำ ย่อมคือดวงจันทร์อ่อนนวลให้ความเย็นตา ชุ่มฉ่ำใจแก่ชาวเวียงสรอง เพื่อเพื่อน…เพื่อรักด้วยชีวิตหน้าที่ รับผิดชอบคือคำตอบที่รบอยู่ไม่รู้สิ้น!

อกอุ่นนี้กว้างแข็งนัก
ปกปักษ์รักษาจำได้
ยามทุกข์ยามมีโพยภัย
อุ่นในอกนี้อย่ามีเกรง








ชื่อเรื่อง : รอยอินทร์
ประพันธ์โดย : โรสลาเรน
สำนักพิมพ์ : ณ บ้านวรรณกรรม



จากปกใน

ความสำคัญของเวียงสรองมิใช่ ‘ศักดิ์’ แห่งเจ้าหลวง แต่อยู่ที่เสรีและความผาสุกของชาวเวียงทั้งหมด ถ้อยคำรับสั่งของ ‘พ่อเจ้า’ ยังตรึงแน่นในพระทัยเจ้ารอยอินทร์

“เจ้าหลวง มิใช่ผู้มีอำนาจใหญ่หลวง หากเป็นผู้รับภาระใหญ่หลวง การเป็นเจ้ามหาชีวิต ขอให้จำไว้…มิได้แปลว่า ชีวิตคนอื่นทั้งแผ่นดิน ความสุขใดที่เป็นของปวงชน ต้องมาก่อนตัวเอง แผ่นดินทุกตารางนิ้ว กรวดทรายทุกก้อน ต้นไม้ทุกต้น เจ้าต้องรักษาให้กับคนในแผ่นดิน”

รับสั่งสุดท้ายคือ

‘รอยอินทร์…รอยคำ พ่อฝากแผ่นดินไว้ด้วย!’
ด้วยหน้าที่ชีวิต รับผิดชอบ คือคำตอบที่รบอยู่มิรู้สิ้น ศึกใหญ่ของเวียงสรองกู้ชาติจึงอุบัติ มีทุกชีวิต ทุกวิญญาณ…ทุ่มลงไปเพื่อแผ่นดิน แผ่นดิน…เกียรติศักดิ์ เหนือกว่ายิ่งใหญ่กว่าชีวิตคน!

เจ้ารอยอินทร์หันพระพักตร์มาพอดี มิราซื่อตรงต่อตัวเองจึงมิได้แปรสายตา แม้แต่กระแสอ่อนโยนก็มิจาง ด้วยเหตุนี้…หลังจากนั้นแค่อึดใจ วรองค์โปร่งๆ จึงเคลื่อนมาประทับใกล้โดยเงียบๆ เช่นกัน หัตถ์นวลแบออก มิรามอง นิ่งนิดเดียว…วางมือลง มือทั้งสองเกาะกุมกันเงียบๆ เจ้านางน้อยน้ำพระเนตรคลอ สีพระพักตร์เจ้ารอยอินทร์ สงบสุข กระแสรับสั่งดังพอได้ยินกับสองคน
‘คุณแน่ใจได้…สิ่งใดที่ผมกำไว้ในมือ ไม่เคยยอมปล่อย’
‘เช่นกันค่ะ สิ่งใดที่ฉันวางใจ ก็จะให้ความวางใจตลอดไป’


รอยอินทร์…ยอดรัก ฟ้ากว้างแห่งเวียงสรองเป็นของเธอแผ่นดินทุกย่างก้าวที่เหยียบย่ำเป็นของเธอ ดอกไม้ที่เบ่งบานทุกดอกเป็นของเธอ ฉันจะรักษาฟ้าแห่งเวียงสรองไว้ให้เธอรักษาแผ่นดินทุกตารางนิ้วไว้ให้เธอ ดอกไม้ทุกดอกจะเบ่งบานเพื่อเธอ…คนเดียว ยอดรัก…แม้แต่ชีวิตของฉันก็เป็นของเธอคนเดียว!

ศึกใหญ่ของเวียงสรองกู้ชาติจึงอุบัติขึ้น! ชีวิตเป็นเครื่องเดิมพัน แผ่นดิน…เกียรติศักดิ์ ยิ่งใหญ่กว่าชีวิต…เจ้าหลวงรอยอินทร์!!

ด้วยรัก ด้วยเกียรติศักดิ์ ด้วยห้าที่ชีวิต รับผิดชอบคือคำตอบที่รบอยู่มิรู้สิ้น!

...ดอกไม้บอกว่า...อย่าเศร้า
ยิ้มเขแฝงใน...กลีบสยาย
สายลมหายใจสุดท้าย
พาลมหายใจสุดท้ายมาโลมเตือน
หญ้าระบัดใบพลิ้วปลิวไสว
รากหญ้าชอนไชเป็นเพื่อน
แค่ร่างฝังดินลับคนเยือน
เรไรกล่อมเสมือนทิพย์ดนตรี...




ความคิดเห็นส่วนตัว

เรื่องนี้อ่านจบไปหลายครั้งแล้วค่ะ แต่ก็เรียกน้ำตาแห่งความประทับใจได้ทุกครั้งเลย ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนกับเพื่อน คนรักกับคนรัก พี่น้อง หรือแม้แต่ความรักแผ่นดินเกิดของตน เมื่อไม่เคยเสียก็จะไม่รู้ถึงความสูญเสีย สงครามเมื่อเกิดขึ้น ณ ที่ใด ย่อมทำให้เกิดความสูญเสีย ณ ที่นั่น ใครบ้างไม่เกลียดสงครามและอยากจะให้สงครามเกิดขึ้น เพียงเพราะ‘อำนาจ’ตัวเดียวน่ะหรือ จึงทำให้มนุษย์ถึงกับทำลายชีวิตอีกหลาย เพื่อสนองสิ่งที่ตนปรารถนา ผลสุดท้ายสิ่งที่ได้มาก็ไม่จีรังยังยืน เมื่อเวลามาถึง‘อำนาจ’ก็ต้องเปลี่ยนมือไปสู่มือผู้อื่นต่อเช่นกัน

อ่านทั้งสองเรื่องจบ ให้นึกถึงสถานการณ์ช่วงนี้ของบ้านเราจัง แม้จะยังไม่ถึงขั้นร้ายแรง จนกลายเป็นสงครามอย่างในหนังสือ..แต่ก็มีบางอย่างคล้ายกัน(ตามความรู้สึกของจขบ.) คือเรื่องของ‘อำนาจ’ เห็นจะไม่ต้องอธิบายกันยืดยาว สิ่งทั้งหลายสิ่งทั้งปวงก็ได้เห็นได้รู้กันอยู่ทุกวันแล้ว..สรุปง๊ายง่ายเน้อะ










Create Date : 21 มกราคม 2553
Last Update : 28 มกราคม 2553 21:58:57 น.
Counter : 2634 Pageviews.

9 comments
  
สบายดีนะครับน้องฝน

บล็อกสวย
โดย: พี่ชาย IP: 118.173.101.83 วันที่: 31 มกราคม 2553 เวลา:21:24:45 น.
  

โอ้เย้...พี่ชายแวะมาเยี่ยมถึงที่เลย
ฝนสบายดีค่ะ แต่ช่วงนี้ออกจะเบื่อๆ
เล็กน้อยถึงปานกลาง เลยไม่ค่อยได้
แวะเวียนไปไหนนัก ส่วนใหญ่จะอยู่
ในโลกส่วนตัวซะมากกว่า..ว่าแต่พี่ชาย
ใกล้จะกลับเข้ากรุงหรือยังคะ?
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:39:24 น.
  
อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะคุณฝน

หายเบื่อโลกหรือยัง...เป็นเพราะอ่านนิยายมากไปหรือเปล่า
อารมณ์คนก็อย่างนี้เนอะ นางก็เคยเป็น
ซักพักเดี๋ยวก็หาย...

หายเมื่อไหร่...แวะไปคุยกันนะคะ
เอ...แต่ถึงตอนนั้น นางอาจเกิดอารณ์เบื่อโลกต่อก็ได้นะคะ อิอิ
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:5:30:45 น.
  
สวัสดีตอนค่ำๆค่ะคุณนาง

อาการดีขึ้นมากแล้วค่ะ คงเป็นเพราะอยู่
กับตัวเองมากเกินไปมั้งค่ะ ก็เลยเบื่อ ฝน
เป็นพวกไม่ชอบกิจกรรม ประเภทใคร
ชวนไปไหนไม่ค่อยอยากจะไป ทำอะไร
ซ้ำๆกันบ่อยๆ ก็เป็นอย่างที่เห็น..เฮ้อ
โดย: ไลเดเลีย วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:18:09 น.
  
โอ๊ะ พอดีเเวะเข้ามาเจอค่ะ
เพิ่งอ่านจบไปเมื่อกี้เอง รอบที่เท่าไหร่จำไม่ได้ น้ำตานองหน้าเหมือนเคย ฮ่า
อ่านแล้วก็สะท้อนใจ อย่างที่เค้าว่า คนพูดภาษาเดียวกัน ชาติเดียวกันแท้ๆ เห้ออ
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะจบสักทีเนอะ ...

ติดใจเรื่องปกหนังสือค่ะ!! ปกเก่ารึเปล่าคะ *-* ชอบอ่าาาาาา
อยากได้ปกแบบนี้เก็บไว้สักชุด คุณฝนพอแนะนำได้มั้ยค่ะ
โดย: Sweetiiz IP: 180.180.0.84 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:33:43 น.
  
คุณSweetiiz

คงเมื่อผู้มีอำนาจเห็นแก่ประโยชน์
ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ตนเอง
ละมั้งเนอะ

ทั้งสองเรื่องข้างบนเป็นหนังสือเก่าค่ะ
พิมพ์ครั้งที่ห้า แต่เป็นคนละสีนะคะ
โสมส่องแสงเป็นสีขาว รอยอินทร์เป็น
สีเหลือง หาได้ตามร้านหนังสือเก่าค่ะ
เพราะเคยฝนเคยหาตามร้านขาย
หนังสือแล้วไม่มี ๆแต่ที่พิมพ์ใหม่

อ้อ..ถ้าอยากได้จริงๆ ลองไปหาที่ร้าน
หนังสือเก่าที่ชั้นใต้ดินเซ็นทรัลลาด
พร้าวดูซิค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่ามีหรือเปล่า
ฝนเคยไปหาหนังสือเก่าๆได้หลายเรื่องที่นั่นค่ะ



โดย: ไลเดเลีย วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:03:29 น.
  
อ่านตั่งแต่ ม.5 แล้ว

ประทับใจมากเลยค่ะ

ตอนนี้อยู่ปี1 ก็ยังอ่านเรื่องนี้อยู่เลย
โดย: juon casper IP: 119.31.121.90 วันที่: 12 เมษายน 2553 เวลา:13:38:24 น.
  
นวนิยายสุดที่รักของเราคือรอยอินทร์ค่ะ ตามฉบับคนที่ชอบเรื่องนี้ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รักทุกตัวอักษรในเรื่องเลยค่ะ มีคำพูดดี ๆ เยอะมาก สาธยายไม่หวาดไม่ไหว อย่างเช่น

โลก... พื้นดินคงที่ แต่ศพที่ถมดินเพื่อแย่งกรรมสิทธิ์ กองสูงขึ้นทุกที
โดย: Kitsunegari วันที่: 22 เมษายน 2553 เวลา:15:34:46 น.
  
นิยายเรื่องนี้อยากให้คนไทยได้อ่านและให้มีจิตสำนึกว่าถ้ายังพากันเป็นอย่างนี้ สักวันต้องเป็นเหมือนเวียงสรองแน่ แล้ววันนั้นจะเรียกร้องเสรีภาพจากใคร ขอเถอะลดการเห็นแก่ตัวลงสัก หน่อย เห็นแก่ประเทศชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้งบ้าง
โดย: คนไทย IP: 119.42.95.181 วันที่: 31 ตุลาคม 2553 เวลา:13:18:51 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไลเดเลีย
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



ร้อยรส...กลอนกานท์




O ฤดูลม...O

O ฉับพลันฝนก็เร้นเก็บเส้นสาย
ดวงวันฉายแสงช่วงโลมห้วงหน
ขับความชื้นลบเลือนรอยเปื้อนปน
ลบหมองหม่นแผ่นฟ้าจนพร่าเลือน

O คล้ายเมฆสีเทาทึมเมื่อครึ้มฝน
ถูกแสงสรวงเบื้องบนเข้าปนเปื้อน
ย้อมสีเทาเป็นขาว..เมื่อหนาวเยือน
มาตามเตือนเลื่อนยามให้งามตา

O ลมต้นหนาวเกรียวกรูเสียงวู่ไหว
โลมกิ่งใบไม้ตื่นทั้งผืนป่า
เขยื้อนขยับยวบไหวอยู่ไปมา
เหมือนบอกลาล่วงพ้น..คาบฝนปลาย

O ความเปลี่ยนแปลงผ่านสู่..ให้รู้เห็น
จากเมื่อสีเลื่อนเส้น..แล่นเป็นสาย
เสียงครืนครั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
แปลบปลาบว่ายเวียนย้ำโลมค่ำคืน

O จนฟ้าเปลี่ยนไม้ใบสั่นไหวระริก
น้ำก็พลิกแผ่นผิว..เป็นริ้วตื่น
จึงบัดนั้น..ภูมิทัศน์ก็หยัดยืน
ด้วยสายลมเย็นชื่น..เพื่อฟื้นตัว

O ถึงคราลมเย็นรื่น..วกคืนย้อน-
พรมสายอ่อนโอนระลอกเข้าหยอกยั่ว
ยอดหญ้าเรียวโค้งนั้น..ย่อมสั่นรัว
รอเกลือกกลั้วรับรู้..ฤดูลม

O จากยึดโยงรากแทงลงแหล่งดิน
ตราบฝนรินหยาดหลั่งลงสั่งสม
คลายความชุ่มความชื้นเหนือพื้น, พรม-
ภาวะอันอุดม..ห้อมห่มไพร

O เหยียดยอดเสียดขึ้นแทงรับแรงฝน
ที่คอยหล่นร่วงหยาด..ก่อนลาดไหล
ยืนต้นตั้งเป็นแถว..เป็นแนวไป
รอลมไหววาดวี..จักมีมา

O ไม่นานเลย..จากฝนฟ้าหม่นหลัว
จนยอดไม้ส่ายรัวอยู่ทั่วหน้า
โลกต่ำ-ใบขาบเขียวทุกเรียวคา-
จะออดอ้อนลมถา..อยู่คาพื้น

O ระบำแถวยอดหญ้าตรงหน้านั้น
จะค่อยสั่นใบพลิ้วเป็นริ้วตื่น
เขียวจากฝนฝากตอนจะย้อนคืน-
เป็นแพรผืนโยนระลอกยั่วหยอกลม

O ร้อนจะรุมสุมมาจากฟ้าไหน
เรียวจะไหววาดรับช่วยขับข่ม
รอค่ำคืนน้ำค้างมาพร่างพรม
เพื่อรับฉมชื่นมาลย์..กลิ่นซ่านซ้อน

O กาลย่อมผ่านโดยช่วงของดวงวัน
จากเม็ดพันธุ์แตกหน่อเป็นช่ออ่อน
จนกลีบใบเรียวแรกเริ่มแตก..ชอน-
ไชขึ้นอ้อนออดรู้ฤดูกาล

O ฝน..หนาว..ร้อนรุ่มถึงขุมขน
แล้วเวียนรอบให้ฝน..อีกฝนผ่าน
เพื่อหยัดกลีบเรียวช่อ..ขึ้นรอบาน
พร้อมเรณูหอมซ่านขึ้นหว่านรส

O ช้าเร็ว..มวลผึ้งภู่ย่อมรู้กลิ่น
เมื่อลมรินรวยเท..หันเหบท
คอยดูเถิดอีกประเดี๋ยว..การเลี้ยวลด-
เข้าจ่อจดหวานหอม..จะพร้อมแล้ว

O ฤดูลมพรมพรำ..อยู่ค่ำเช้า
อาจรุมเร้า, อ่อนโรย..จนโชยแผ่ว
รอกวัดใบหญ้าเต้นจนเป็นแนว
ซ้ำบทแล้วบทเล่า..แต่เช้าวัน

O เมื่อสายลมผ่านสู่..ฤดูล่อง
และฟ้าผ่องแผ้วงามสีครามนั่น
ก็เมื่อผิวต้องหนาวจนหนาวครัน
จึงบัดนั้นโลกกว้างย่อมวางรอ

O ให้ฟังเสียงลมเท..มาเห่กล่อม
สูดกลิ่นหอมเรณูที่ชูช่อ
ทั้งเสียงไม้เสียดยอด..แสงทอดทอ-
ลอดพุ่มกอก้านใบ..ที่ไหวรับ

O พอลมล่องลาดเทมาเห่กล่อม
โลกที่ล้อมรอบล้วนคล้ายครวญขับ-
ผ่านบทเพลงร่ายรำ..เพื่อสำทับ-
การเขยื้อนการขยับลำดับนั้น

O ก็ใช่- เป็นเพียงฤดูลม
หมุนรอบมาห้อมห่มให้ซมสั่น
เปลี่ยนผ่านสภาพธรรมเข้าค้ำยัน
ให้จิตใจทั้งนั้นรู้ผันแปร

O เมื่อเม็ดน้ำขาดช่วงจากห้วงหน
เมฆขาวบนฟ้าพลอย..เลื่อนลอยแผ่
เมื่อขาวครามกลมเกลียวให้เหลียวแล
ก็เห็นแต่ภาพงามของยามนี้

O โอบโลกให้งดงามอยู่ท่ามกลาง-
ดวงวันพร่างแสงพร้อยเรียงสร้อยสี
ลมหนาวร่ำสายผ่านลงคว้านตี
เมื่อปีกผีเสื้อลายบินบ่ายย้อน

O ช่องโสตก็จะแว่วเสียงแจ้วเจื้อย-
ของนก, ลมโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
ผืนแผ่นน้ำครวญครางในต่างตอน
จักซ้ำซ้อนภาพลวงอีกดวงวัน

O ให้มองเห็นลอยดวงบนสรวงฟ้า
ทั้งแจ่มจ้ายิ่งล้ำกลางน้ำนั่น
เท็จ-จริง..ที่มองผ่านก็ปานกัน
ย่อมแปรผันโดยจิต..การคิดตรอง

O ก็ใช่ – ที่เป็นเพียงธรรมชาติ
ทั้งดวงวันโอภาสคอยสาดส่อง
หรือคลื่นน้ำไหลลาดลงฟาดฟอง
และปีกผีเสื้อล่องบนท้องฟ้า

O เห็นไหมเล่ากลีบผการะย้าย้อย
ทุกช่อที่เคยช้อยอยู่คอยท่า
รอฝน..ต้องฝน..หมดฝนพา-
กันอ่อนโรยอ่อนล้า..ซบคาพื้น

O ฤๅ - อาจรู้ลูบโลมด้วยลมหนาว
หรือแสงงามวับวาวจากดาวดื่น
ครั้นสิ้นรอบลมร่ำกลางค่ำคืน
ฤๅ – อาจรู้ฉ่ำชื้นของพื้นดิน

O เพียงกาลผ่านเวียนแล้วเปลี่ยนช่วง
งามทั้งปวงถ้วนบทก็หมดสิ้น
ปีกลวดลายลมโชยเคยโบยบิน
อาจลาถิ่นไพรเถื่อนลับเลือนแล้ว

O ที่ไหนเล่าโลกกว้างและทางแคบ
เพียงหนีบแนบกลีบใบที่ไหวแผ่ว
ที่ไหนเล่าดีร้ายที่ปลายแนว-
ของเทือกแถวดอกมาลย์หอมหวานนั้น

O ก็นั่นแหละรูปธรรมในธรรมชาติ
ลมไหววาดแสงฉายน้ำพรายสั่น
ปีกลวดลายบินหยุด..ดอมบุษบัน
เกสรกลั่นหวานรส..อาจหมดฤๅ

O หากอีกสภาพธรรมในธรรมชาติ
เมื่อลมลาดล่องอยู่อาจรู้หรือ-
ว่าร้อน..ฝน..จนหนาว..อีกหนาวคือ-
การยึดถือตีความเอาตามใจ

O ฤดูลม-ยอดไม้ส่ายไหวอยู่
ปีกลวดลายหรุบชูก่อนลู่ไหล-
ลอดกลีบดอกนุ่มบางแทรกร่างไป
หวานเยี่ยงไรเล่าหนอ..จึ่งพอเพียง ?

O ฤดูลม..หวนระลอก, ดวงดอกไม้-
ก็หอมให้แถวถิ่นรู้กลิ่น, เสียง-
นกไพรเถื่อนก้องกรู..คล้ายอยู่เคียง-
ศัพท์สำเนียงก้องรัว..บางหัวใจ !



จากบล็อกพี่ สดายุ ค่ะ

Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
มกราคม 2553

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog