นางแมวยาง/ผาด พาสิกรณ์



ชื่อเรื่อง : นางแมวยาง
ผู้แต่ง: ผาด พาสิกรณ์
สำนักพิมพ์ : ณ บ้านวรรณกรรม


หลังปก

ผู้หญิงซึ่งคู้ตัวคร่อมทับอยู่นั้น...เธอน่าจะอยู่ในวัยราวเบญจเพส ผิวจัดว่าขาว หุ่นดี เธออยู่ในชุดยางเลเท็กซ์สีดำ รัดรูปตลอดร่าง ผมสยาย เข่า-ศอก งอ คู้คร่อมทับอีกร่างที่เปลือยเบื้องล่าง เขารู้สึกว่าขนที่ต้นคอลุกชันขึ้นพร้อมๆ กัน เมื่อสบตาเธอ นิ่งอยู่สักครู่ แล้วค่อยๆ เอาปากกาในมือไปแหวกผมของร่างที่คู้ตัวอยู่ออกให้ดูชัดอีกที ใช่แล้ว ตาของเธอถลึงมองมาทางเขา แต่เป็นการมองทะลุผ่านไป ราวกับเขาไม่ได้มีตัวตนมาขวางทางตาของเธออยู่ตรงนี้..เลื่อนปากกา เลิกปอยผมที่คลุมอยู่ให้ต่ำลงไปอีกนิด พยายามเพ่งมองผ่านเงามืด แล้วที่สุดก็พบมัน..



ความเห็นส่วนตัว

เรื่องนี้ที่ซื้อมาอ่านก็เพราะสนใจซื่อเรื่องค่ะ เห็นชื่อแปลกดี แม้จะอ่านคำโปรยหลังปกแล้วก็ตาม ยังนึกว่าเป็นแนวลึกลับ อ่านตอนเปิดเรื่องถึงได้ถึงบางอ้อว่ามันเป็นแนวสืบสวนแบบหักมุม แถมยังหลอกคนอ่านให้ลุ้นจนสมองเครียดตาม ดันหักมุมซะงั้น..อืมม์ทำกันได้นะ แต่พอพลิกเปิดไปอ่านหน้าต่อไป อ้าว!! คนที่เราลุ้นแทบตายโดนจับตัวมาตอนไหนอะ เอาล่ะค่ะ ขจบ.รู้แหละว่ามันต้องหักมุม แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วอย่างนี้นี่ อ่านแล้วสนุกดีค่ะ การพูดคุยของตัวละครทำให้เราสังสัยคนโน้นคนนี้ไปด้วยตลอด ก็มันเป็นแนวสืบสวนนี่ คนเขียนเข้าใจหลอกคนอ่านอย่างขจบ.นะเนี่ย

ความผิดแม้จะซ่อนไว้ยังไง ก็ไม่สามารถซ่อนได้ตลอดไป ยังไงซะมันก็ต้องเผยออกมาจนได้ในสักวันหนึ่ง ความชั่วที่ได้กระทำไป อย่านึกว่าไม่มีใครรู้ใครเห็น..ผลมันจะต้องสะท้อนกลับมาที่ตัวเองจนได้






Create Date : 08 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 8 พฤศจิกายน 2553 20:51:50 น.
Counter : 887 Pageviews.

5 comments
  
ก๊อกๆๆ มาแกล้งทำเสียงดังปลุกเจ้าของบ้านค่ะ...
แต่จะได้ผลมั้ยน้อ....ท่าทางเจ้าของบ้านจะขี้เซาเสียด้วยสิคะ....อิอิ

ว่าแต่...นางแมวยาง...ทำไมชื่อเรื่องฟังดูแปลกๆ เนอะคะ
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 9 พฤศจิกายน 2553 เวลา:5:39:42 น.
  
อ่า น่าอ่านจัง
โดย: PULLPE' วันที่: 10 พฤศจิกายน 2553 เวลา:9:47:38 น.
  
น่าอ่านแฮะ

ช่วงนี้ได้อ่านรีวิวคุณผาดบ่อย เลยทำให้อยากหามาอ่านเลยค่ะนี่
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 10 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:56:54 น.
  
ชอบเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ จบเร็วเพราะเล่มมันบางน่ะ

ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเนาะ (ลูกชายคุณพนมเทียน)
โดย: Guga IP: 125.24.165.210 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2553 เวลา:20:40:35 น.
  
น่าอ่านมากเลยค่ะ หวังว่าซีเอ็ดยังมีขายนะคะ
โดย: พวงพะยอม (D-novel ) วันที่: 12 พฤศจิกายน 2553 เวลา:12:26:08 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไลเดเลีย
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



ร้อยรส...กลอนกานท์




O ฤดูลม...O

O ฉับพลันฝนก็เร้นเก็บเส้นสาย
ดวงวันฉายแสงช่วงโลมห้วงหน
ขับความชื้นลบเลือนรอยเปื้อนปน
ลบหมองหม่นแผ่นฟ้าจนพร่าเลือน

O คล้ายเมฆสีเทาทึมเมื่อครึ้มฝน
ถูกแสงสรวงเบื้องบนเข้าปนเปื้อน
ย้อมสีเทาเป็นขาว..เมื่อหนาวเยือน
มาตามเตือนเลื่อนยามให้งามตา

O ลมต้นหนาวเกรียวกรูเสียงวู่ไหว
โลมกิ่งใบไม้ตื่นทั้งผืนป่า
เขยื้อนขยับยวบไหวอยู่ไปมา
เหมือนบอกลาล่วงพ้น..คาบฝนปลาย

O ความเปลี่ยนแปลงผ่านสู่..ให้รู้เห็น
จากเมื่อสีเลื่อนเส้น..แล่นเป็นสาย
เสียงครืนครั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
แปลบปลาบว่ายเวียนย้ำโลมค่ำคืน

O จนฟ้าเปลี่ยนไม้ใบสั่นไหวระริก
น้ำก็พลิกแผ่นผิว..เป็นริ้วตื่น
จึงบัดนั้น..ภูมิทัศน์ก็หยัดยืน
ด้วยสายลมเย็นชื่น..เพื่อฟื้นตัว

O ถึงคราลมเย็นรื่น..วกคืนย้อน-
พรมสายอ่อนโอนระลอกเข้าหยอกยั่ว
ยอดหญ้าเรียวโค้งนั้น..ย่อมสั่นรัว
รอเกลือกกลั้วรับรู้..ฤดูลม

O จากยึดโยงรากแทงลงแหล่งดิน
ตราบฝนรินหยาดหลั่งลงสั่งสม
คลายความชุ่มความชื้นเหนือพื้น, พรม-
ภาวะอันอุดม..ห้อมห่มไพร

O เหยียดยอดเสียดขึ้นแทงรับแรงฝน
ที่คอยหล่นร่วงหยาด..ก่อนลาดไหล
ยืนต้นตั้งเป็นแถว..เป็นแนวไป
รอลมไหววาดวี..จักมีมา

O ไม่นานเลย..จากฝนฟ้าหม่นหลัว
จนยอดไม้ส่ายรัวอยู่ทั่วหน้า
โลกต่ำ-ใบขาบเขียวทุกเรียวคา-
จะออดอ้อนลมถา..อยู่คาพื้น

O ระบำแถวยอดหญ้าตรงหน้านั้น
จะค่อยสั่นใบพลิ้วเป็นริ้วตื่น
เขียวจากฝนฝากตอนจะย้อนคืน-
เป็นแพรผืนโยนระลอกยั่วหยอกลม

O ร้อนจะรุมสุมมาจากฟ้าไหน
เรียวจะไหววาดรับช่วยขับข่ม
รอค่ำคืนน้ำค้างมาพร่างพรม
เพื่อรับฉมชื่นมาลย์..กลิ่นซ่านซ้อน

O กาลย่อมผ่านโดยช่วงของดวงวัน
จากเม็ดพันธุ์แตกหน่อเป็นช่ออ่อน
จนกลีบใบเรียวแรกเริ่มแตก..ชอน-
ไชขึ้นอ้อนออดรู้ฤดูกาล

O ฝน..หนาว..ร้อนรุ่มถึงขุมขน
แล้วเวียนรอบให้ฝน..อีกฝนผ่าน
เพื่อหยัดกลีบเรียวช่อ..ขึ้นรอบาน
พร้อมเรณูหอมซ่านขึ้นหว่านรส

O ช้าเร็ว..มวลผึ้งภู่ย่อมรู้กลิ่น
เมื่อลมรินรวยเท..หันเหบท
คอยดูเถิดอีกประเดี๋ยว..การเลี้ยวลด-
เข้าจ่อจดหวานหอม..จะพร้อมแล้ว

O ฤดูลมพรมพรำ..อยู่ค่ำเช้า
อาจรุมเร้า, อ่อนโรย..จนโชยแผ่ว
รอกวัดใบหญ้าเต้นจนเป็นแนว
ซ้ำบทแล้วบทเล่า..แต่เช้าวัน

O เมื่อสายลมผ่านสู่..ฤดูล่อง
และฟ้าผ่องแผ้วงามสีครามนั่น
ก็เมื่อผิวต้องหนาวจนหนาวครัน
จึงบัดนั้นโลกกว้างย่อมวางรอ

O ให้ฟังเสียงลมเท..มาเห่กล่อม
สูดกลิ่นหอมเรณูที่ชูช่อ
ทั้งเสียงไม้เสียดยอด..แสงทอดทอ-
ลอดพุ่มกอก้านใบ..ที่ไหวรับ

O พอลมล่องลาดเทมาเห่กล่อม
โลกที่ล้อมรอบล้วนคล้ายครวญขับ-
ผ่านบทเพลงร่ายรำ..เพื่อสำทับ-
การเขยื้อนการขยับลำดับนั้น

O ก็ใช่- เป็นเพียงฤดูลม
หมุนรอบมาห้อมห่มให้ซมสั่น
เปลี่ยนผ่านสภาพธรรมเข้าค้ำยัน
ให้จิตใจทั้งนั้นรู้ผันแปร

O เมื่อเม็ดน้ำขาดช่วงจากห้วงหน
เมฆขาวบนฟ้าพลอย..เลื่อนลอยแผ่
เมื่อขาวครามกลมเกลียวให้เหลียวแล
ก็เห็นแต่ภาพงามของยามนี้

O โอบโลกให้งดงามอยู่ท่ามกลาง-
ดวงวันพร่างแสงพร้อยเรียงสร้อยสี
ลมหนาวร่ำสายผ่านลงคว้านตี
เมื่อปีกผีเสื้อลายบินบ่ายย้อน

O ช่องโสตก็จะแว่วเสียงแจ้วเจื้อย-
ของนก, ลมโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
ผืนแผ่นน้ำครวญครางในต่างตอน
จักซ้ำซ้อนภาพลวงอีกดวงวัน

O ให้มองเห็นลอยดวงบนสรวงฟ้า
ทั้งแจ่มจ้ายิ่งล้ำกลางน้ำนั่น
เท็จ-จริง..ที่มองผ่านก็ปานกัน
ย่อมแปรผันโดยจิต..การคิดตรอง

O ก็ใช่ – ที่เป็นเพียงธรรมชาติ
ทั้งดวงวันโอภาสคอยสาดส่อง
หรือคลื่นน้ำไหลลาดลงฟาดฟอง
และปีกผีเสื้อล่องบนท้องฟ้า

O เห็นไหมเล่ากลีบผการะย้าย้อย
ทุกช่อที่เคยช้อยอยู่คอยท่า
รอฝน..ต้องฝน..หมดฝนพา-
กันอ่อนโรยอ่อนล้า..ซบคาพื้น

O ฤๅ - อาจรู้ลูบโลมด้วยลมหนาว
หรือแสงงามวับวาวจากดาวดื่น
ครั้นสิ้นรอบลมร่ำกลางค่ำคืน
ฤๅ – อาจรู้ฉ่ำชื้นของพื้นดิน

O เพียงกาลผ่านเวียนแล้วเปลี่ยนช่วง
งามทั้งปวงถ้วนบทก็หมดสิ้น
ปีกลวดลายลมโชยเคยโบยบิน
อาจลาถิ่นไพรเถื่อนลับเลือนแล้ว

O ที่ไหนเล่าโลกกว้างและทางแคบ
เพียงหนีบแนบกลีบใบที่ไหวแผ่ว
ที่ไหนเล่าดีร้ายที่ปลายแนว-
ของเทือกแถวดอกมาลย์หอมหวานนั้น

O ก็นั่นแหละรูปธรรมในธรรมชาติ
ลมไหววาดแสงฉายน้ำพรายสั่น
ปีกลวดลายบินหยุด..ดอมบุษบัน
เกสรกลั่นหวานรส..อาจหมดฤๅ

O หากอีกสภาพธรรมในธรรมชาติ
เมื่อลมลาดล่องอยู่อาจรู้หรือ-
ว่าร้อน..ฝน..จนหนาว..อีกหนาวคือ-
การยึดถือตีความเอาตามใจ

O ฤดูลม-ยอดไม้ส่ายไหวอยู่
ปีกลวดลายหรุบชูก่อนลู่ไหล-
ลอดกลีบดอกนุ่มบางแทรกร่างไป
หวานเยี่ยงไรเล่าหนอ..จึ่งพอเพียง ?

O ฤดูลม..หวนระลอก, ดวงดอกไม้-
ก็หอมให้แถวถิ่นรู้กลิ่น, เสียง-
นกไพรเถื่อนก้องกรู..คล้ายอยู่เคียง-
ศัพท์สำเนียงก้องรัว..บางหัวใจ !



จากบล็อกพี่ สดายุ ค่ะ

Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
พฤศจิกายน 2553

 
1
2
4
5
6
7
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog