๐ อมตะ/แก้วเก้า ๐





ประพันธ์โดย : แก้วเก้า
สำนักพิมพ์ : ทรีบีส์




จากหลังปก

ชีวิตของคนเราก็เหมือนเรือที่แล่นสวนกันไปมาในรัตติกาลของห้วงทะเลชีวิตพบกัน..ผ่านกันไป..แล้วก็กลืนหายไปในความมืดของวิถึทาง..การมีชีวิตอยู่โดยไม่มีวันตายคือความทรมานอันยืนยาวชั่วนิรันดร์..ทำอย่างไรจึงจะสามารถล้างบาปที่สร้างขึ้นด้วยความโง่เขลาและหลงผิด เพื่อสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ในชีวิตหน้า?


จากปกใน

แม้ว่าการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่มนุษย์ทั้งหลายต้องเผชิญ หากมนุษย์ก็ได้พยายามค้นคว้าหาวิธีการทึ่จะหลีกเลี่ยงความร่วงโรยแห่งสังขารและเอาชนะสัจธรรมแห่งสังสารวัฏด้วยการมีชีวิตอยู่ให้ยืนนานที่สุด..แต่ทุกสิ่งในโลกย่อมมีความสมดุลที่อยู่บนพื้นฐานของความพอดี การ "ได้มา" ที่มากเกินไปมักประสบกับ "การสูญเสีย" เป็นสิ่งตอบแทน

ในขณะที่บางคนหวาดกลัวต่อความตายและพยามยามทำทุกวิถีทางที่จะยืดอายุขัยให้ยืนยาว ความตายของคนบางคนกลับไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว หากเป็นความทุกข์ชั่วขณะของลมหายใจสุดท้าย เป็นการยุติข้อผิดพลาดและเป็นความหวังไปสู่การเริ่มต้นใหม่ในชีวิตหน้า จะมีความทุกข์ใดที่ทรมานไปกว่า การเฝ้าดูบุคคลที่รักและคุ้นเคย ร่วงโรยและตายไป คนแล้วคนเล่า เกิดใหม่ ภพแล้วภพเล่า โดยมีแต่ภูเขาและน้ำทะเลเป็นเพื่อน..เนิ่นนานหลายพันปี ดังนั้น บางคน การมีชีวิตอยู่จึงกลายเป็นความทุกข์ทรมานชั่วนิรันดร..

"อมตะ" เป็นจินตนิยายที่ท้าทายความคิดและชีวิตอันเป็นปริศนา จากปลายปากกาอมตะของ "แก้วเก้า" ที่บรรจงเปรียบเทียบสัจธรรมในชีวิตมนุษย์ได้อย่างลึกซึ่ง แยบยล และคมคายด้วยอักษรศิลป์อันงดงามระหว่าง..

การเกิดและการแตกดับ
ความอาฆาตพยาบาทและการให้อภัย
ความรักที่เสียและความใคร่ที่เห็นแก่ตัว
ความศรัทธาในความดีและความใคร่แสวงหาความเลว


ขอเชิญท่านผู้อ่านเป็นกำลังใจให้กับ "ศรุต" เจ้าชายในตำนานผู้ถูกจองจำกับอมตะ ชีวิตข้ามกาลเวลาเพื่อนแสวงหาทางแห่งการปลดเปลื้องบาปผิด และ "ณดา" หญิงสาวสวยผู้เปี่ยมด้วยศรัทธา ซึ่งก้าวเข้ามาสู่ชีวิตผู้ที่ถูกสาป ท่ามกลางความรัก ความใคร่ น้ำใจ ความผูกพันจากผู้คนรอบข้าง และเหตุการณ์พลิกผันโดยมีกระแสแห่งกรรมเป็นเครื่องโน้มนำพัดพา

"อมตะ" ชีวิตอันนานนิรันดร์จากโทษทัณฑ์แห่งกาลเวลาจะสร้างความประทับใจให้แก่ท่านผู้อ่านตลอดไป



ย่อเรื่องโดยข้าเจ้า

เนื้อเรื่องนี้เริ่มต้นคล้ายถูกแบ่งเป็นสองตอนค่ะ คือชีวิตที่แสนจะรันทดของนางเอง ที่ถูกพ่อเลี้ยงวางแผนรวบหัวรวบหางตั้งแต่เพียงเห็นหน้าเธอครั้งแรกตอนอายุสิบเอ็ดขวบ ซึ่งเป็นเหตุให้ชีวิตครอบครัวของนางเอกถึงจุดแตกแยก เมื่อมีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง จนนางเอกดิ้นรนให้พ้นจากพ่อเลี้ยง โดยมีพี่สาวของแม่เลี้ยงให้ความช่วยเหลือ โดยส่งเธอไปเรียนต่อเมืองนอก แต่..เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อพ่อประสบอุบัติเหตุ เธอจึงถูกเรียกตัวกลับ ชีวิตที่ถูกพ่อเลี้ยงรังควาน..ดำเนินไปจนถึงจุดๆหนึ่ง นางเอกได้ตัดสินเดินลงทะเล ซึ่งเป็นจุดให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงไปตลอดชีวิต

และชีวิตของพระเอกที่รอคอยการให้อภัยของหญิงสาวผู้หนึ่งมานับพันปี เพื่อปลดห่วงโซ่แห่งกรรมให้หลุดพ้นจากชีวิตอมตะ ชีวิตที่ปราศจากความรัก คนที่รัก ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงความรักชู้สาวเพียงอย่างเดียวนะคะ หมายถึงความรักทุกรูปแบบ และต้องมองดูบุคคลอันเป็นที่รักจากไปทีละคนสองคน มันคงจะเหงาอย่างหาที่สุดมิได้ จนอาจต้องร้องขอความตายเลยก็ได้ อย่างที่พระเอกเคยกระทำ แต่..ไม่สำเร็จ

และแล้วกงล้อแห่งกรรมก็ดำเนินทางมาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อพระเอกได้ช่วยเหลือนางเอกจากทะเล และเป็นเหตุเกี่ยวเนื้องให้พระเอกเจอคนที่ตามหามานับพันปี โดยหลายฝ่ายให้ความช่วยเหลือ

ส่วนเรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไป และใครคือคนที่พระเอกตามหา..ตามอ่านได้ในเล่มนะคะ




หากันจนเจอ/เสาวนิตย์ - ทรงสิทธิ์







Create Date : 23 ตุลาคม 2552
Last Update : 23 ตุลาคม 2552 12:33:32 น.
Counter : 1861 Pageviews.

7 comments
  
คุณฝนจ๋า ไม่ค่อยได้เข้ามาคุยด้วยเลย
ปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดตามหมอสั่ง
ตอนนี้ก็สบายใจหน่อย ที่อาการปวดดีขึ้นเรื่อย
เอาไว้หายสนิท...จะมาเคาะประตูดังๆ บุกเข้าบ้านคุยด้วย
ให้เบื่อกันไปข้างเลยนะคะ
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:05:09 น.
  
หวัดดีครับน้องฝน
ยังนึกของกำนัลสำหรับน้องฝนไม่ออกเลยครับ
ที่จริงอยากเอารูปมาแปะให้
แต่มันฟ้องไม่ให้คนนอกโพสต์

หรือว่าจะเอาเป็นบ้านพร้อมหนี้สิน
เหมือนเจ้าของบล็อกโน้นชอบให้ดีนะ อิอิ

ตั้งใจมาขอบคุณน้องฝนสำหรับน้ำใจครับ
โดย: พี่ชาย IP: 125.24.108.77 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:23:50 น.
  
ก๊อกๆ คุณฝนจ๋า
เงยหน้าจากกองหนังสือ มาหน่อยเน้อ
พักสายตาบ้างนะคะ ออกมาดูฟ้าสวยๆ กัน

พี่ชาย...นางตัดหน้า...
เอาภาพมาแปะแทนให้ก่อนแล้วกันนะคะ




โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:18:30 น.
  
คุณนางขา

ช่วงนี้ฝนกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือ
แบบเอาเป็นเอาเลยค่ะ ตอนนี้กำลังอ่าน
เรื่อง "สูตรเสน่หา" รอดูเป็นละครไม่ทัน
ใจ ก็เลยอ่านล่วงหน้าไปก่อนน่ะค่ะ..อิอิ

ช่วงนี้ก็ปล่อยให้คุณนางรักษาตัวไปก่อน
ถ้าคุณนางหายดีเมื่อไหร่ ค่อยไปจ้อรอ
เถ้าแก่เนี๊ยอัลกะนกกัน







พี่ชายขา

ฝนไม่เอา"บ้านพร้อมหนี้สิน"นะคะ ไม่
ต้องเลียนแบบบ้านโน้นก็ได้ค่ะ

ถ้ามีรูปไหนจะให้ฝนก็ฝากคุณนางมา
แปะให้ก็ได้ค่ะ แต่..ขอเรื่องมากนิ๊ดนึง
รูปไหนที่ให้ฝน ลงชื่อผู้ให้และผู้รับด้วย
นะคะ ไม่งั้นความดีทั้งหมดจะตกเป็น
ของคุณนางทันที ในฐานะคนที่นำรูป
มาแปะ พี่ชายก็จะติดหนี้ฝนไปตลอด
จนกว่าจะหาของกำนัลอย่างอื่นมาทด
แทน..อิอิ
โดย: หยาดฝน IP: 10.0.0.96, 124.120.19.129 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:07:55 น.
  
คุณฝนจ๋า

พี่ชายฝากของกำนัลมาให้ก่อนไปทำงาน
บอกว่าเป็นดอกไม้ที่ขึ้นอยู่ใกล้ๆ ที่พักค่ะ



โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา:5:27:12 น.
  
อีกอย่างค่ะ
พี่ชายบอกว่า ลงชื่อทั้งผู้รับผู้ให้
เป็นที่เรียบร้อยตามความประสงค์
(สงสัยพี่ชายกลัวความดีตกเป็นของนาง อิอิ)
โดย: เพรง.พเยีย วันที่: 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา:5:30:20 น.
  
โห....เรื่องนี้น่าอ่านมากค่ะ
เพราะชอบอ่านของคุณแก้วเก้าอยู่แล้ว
ยิ่งปลายเทียนยิ่งชอบใหญ่
อ่านแล้วอ่านอีกจนหนังสือเยิน อิอิ
โดย: พวงพะยอม (D-novel ) วันที่: 4 พฤศจิกายน 2553 เวลา:9:13:01 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไลเดเลีย
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



ร้อยรส...กลอนกานท์




O ฤดูลม...O

O ฉับพลันฝนก็เร้นเก็บเส้นสาย
ดวงวันฉายแสงช่วงโลมห้วงหน
ขับความชื้นลบเลือนรอยเปื้อนปน
ลบหมองหม่นแผ่นฟ้าจนพร่าเลือน

O คล้ายเมฆสีเทาทึมเมื่อครึ้มฝน
ถูกแสงสรวงเบื้องบนเข้าปนเปื้อน
ย้อมสีเทาเป็นขาว..เมื่อหนาวเยือน
มาตามเตือนเลื่อนยามให้งามตา

O ลมต้นหนาวเกรียวกรูเสียงวู่ไหว
โลมกิ่งใบไม้ตื่นทั้งผืนป่า
เขยื้อนขยับยวบไหวอยู่ไปมา
เหมือนบอกลาล่วงพ้น..คาบฝนปลาย

O ความเปลี่ยนแปลงผ่านสู่..ให้รู้เห็น
จากเมื่อสีเลื่อนเส้น..แล่นเป็นสาย
เสียงครืนครั่นก้องอยู่ไม่รู้วาย
แปลบปลาบว่ายเวียนย้ำโลมค่ำคืน

O จนฟ้าเปลี่ยนไม้ใบสั่นไหวระริก
น้ำก็พลิกแผ่นผิว..เป็นริ้วตื่น
จึงบัดนั้น..ภูมิทัศน์ก็หยัดยืน
ด้วยสายลมเย็นชื่น..เพื่อฟื้นตัว

O ถึงคราลมเย็นรื่น..วกคืนย้อน-
พรมสายอ่อนโอนระลอกเข้าหยอกยั่ว
ยอดหญ้าเรียวโค้งนั้น..ย่อมสั่นรัว
รอเกลือกกลั้วรับรู้..ฤดูลม

O จากยึดโยงรากแทงลงแหล่งดิน
ตราบฝนรินหยาดหลั่งลงสั่งสม
คลายความชุ่มความชื้นเหนือพื้น, พรม-
ภาวะอันอุดม..ห้อมห่มไพร

O เหยียดยอดเสียดขึ้นแทงรับแรงฝน
ที่คอยหล่นร่วงหยาด..ก่อนลาดไหล
ยืนต้นตั้งเป็นแถว..เป็นแนวไป
รอลมไหววาดวี..จักมีมา

O ไม่นานเลย..จากฝนฟ้าหม่นหลัว
จนยอดไม้ส่ายรัวอยู่ทั่วหน้า
โลกต่ำ-ใบขาบเขียวทุกเรียวคา-
จะออดอ้อนลมถา..อยู่คาพื้น

O ระบำแถวยอดหญ้าตรงหน้านั้น
จะค่อยสั่นใบพลิ้วเป็นริ้วตื่น
เขียวจากฝนฝากตอนจะย้อนคืน-
เป็นแพรผืนโยนระลอกยั่วหยอกลม

O ร้อนจะรุมสุมมาจากฟ้าไหน
เรียวจะไหววาดรับช่วยขับข่ม
รอค่ำคืนน้ำค้างมาพร่างพรม
เพื่อรับฉมชื่นมาลย์..กลิ่นซ่านซ้อน

O กาลย่อมผ่านโดยช่วงของดวงวัน
จากเม็ดพันธุ์แตกหน่อเป็นช่ออ่อน
จนกลีบใบเรียวแรกเริ่มแตก..ชอน-
ไชขึ้นอ้อนออดรู้ฤดูกาล

O ฝน..หนาว..ร้อนรุ่มถึงขุมขน
แล้วเวียนรอบให้ฝน..อีกฝนผ่าน
เพื่อหยัดกลีบเรียวช่อ..ขึ้นรอบาน
พร้อมเรณูหอมซ่านขึ้นหว่านรส

O ช้าเร็ว..มวลผึ้งภู่ย่อมรู้กลิ่น
เมื่อลมรินรวยเท..หันเหบท
คอยดูเถิดอีกประเดี๋ยว..การเลี้ยวลด-
เข้าจ่อจดหวานหอม..จะพร้อมแล้ว

O ฤดูลมพรมพรำ..อยู่ค่ำเช้า
อาจรุมเร้า, อ่อนโรย..จนโชยแผ่ว
รอกวัดใบหญ้าเต้นจนเป็นแนว
ซ้ำบทแล้วบทเล่า..แต่เช้าวัน

O เมื่อสายลมผ่านสู่..ฤดูล่อง
และฟ้าผ่องแผ้วงามสีครามนั่น
ก็เมื่อผิวต้องหนาวจนหนาวครัน
จึงบัดนั้นโลกกว้างย่อมวางรอ

O ให้ฟังเสียงลมเท..มาเห่กล่อม
สูดกลิ่นหอมเรณูที่ชูช่อ
ทั้งเสียงไม้เสียดยอด..แสงทอดทอ-
ลอดพุ่มกอก้านใบ..ที่ไหวรับ

O พอลมล่องลาดเทมาเห่กล่อม
โลกที่ล้อมรอบล้วนคล้ายครวญขับ-
ผ่านบทเพลงร่ายรำ..เพื่อสำทับ-
การเขยื้อนการขยับลำดับนั้น

O ก็ใช่- เป็นเพียงฤดูลม
หมุนรอบมาห้อมห่มให้ซมสั่น
เปลี่ยนผ่านสภาพธรรมเข้าค้ำยัน
ให้จิตใจทั้งนั้นรู้ผันแปร

O เมื่อเม็ดน้ำขาดช่วงจากห้วงหน
เมฆขาวบนฟ้าพลอย..เลื่อนลอยแผ่
เมื่อขาวครามกลมเกลียวให้เหลียวแล
ก็เห็นแต่ภาพงามของยามนี้

O โอบโลกให้งดงามอยู่ท่ามกลาง-
ดวงวันพร่างแสงพร้อยเรียงสร้อยสี
ลมหนาวร่ำสายผ่านลงคว้านตี
เมื่อปีกผีเสื้อลายบินบ่ายย้อน

O ช่องโสตก็จะแว่วเสียงแจ้วเจื้อย-
ของนก, ลมโชยเฉื่อยคล้ายเหนื่อยอ่อน
ผืนแผ่นน้ำครวญครางในต่างตอน
จักซ้ำซ้อนภาพลวงอีกดวงวัน

O ให้มองเห็นลอยดวงบนสรวงฟ้า
ทั้งแจ่มจ้ายิ่งล้ำกลางน้ำนั่น
เท็จ-จริง..ที่มองผ่านก็ปานกัน
ย่อมแปรผันโดยจิต..การคิดตรอง

O ก็ใช่ – ที่เป็นเพียงธรรมชาติ
ทั้งดวงวันโอภาสคอยสาดส่อง
หรือคลื่นน้ำไหลลาดลงฟาดฟอง
และปีกผีเสื้อล่องบนท้องฟ้า

O เห็นไหมเล่ากลีบผการะย้าย้อย
ทุกช่อที่เคยช้อยอยู่คอยท่า
รอฝน..ต้องฝน..หมดฝนพา-
กันอ่อนโรยอ่อนล้า..ซบคาพื้น

O ฤๅ - อาจรู้ลูบโลมด้วยลมหนาว
หรือแสงงามวับวาวจากดาวดื่น
ครั้นสิ้นรอบลมร่ำกลางค่ำคืน
ฤๅ – อาจรู้ฉ่ำชื้นของพื้นดิน

O เพียงกาลผ่านเวียนแล้วเปลี่ยนช่วง
งามทั้งปวงถ้วนบทก็หมดสิ้น
ปีกลวดลายลมโชยเคยโบยบิน
อาจลาถิ่นไพรเถื่อนลับเลือนแล้ว

O ที่ไหนเล่าโลกกว้างและทางแคบ
เพียงหนีบแนบกลีบใบที่ไหวแผ่ว
ที่ไหนเล่าดีร้ายที่ปลายแนว-
ของเทือกแถวดอกมาลย์หอมหวานนั้น

O ก็นั่นแหละรูปธรรมในธรรมชาติ
ลมไหววาดแสงฉายน้ำพรายสั่น
ปีกลวดลายบินหยุด..ดอมบุษบัน
เกสรกลั่นหวานรส..อาจหมดฤๅ

O หากอีกสภาพธรรมในธรรมชาติ
เมื่อลมลาดล่องอยู่อาจรู้หรือ-
ว่าร้อน..ฝน..จนหนาว..อีกหนาวคือ-
การยึดถือตีความเอาตามใจ

O ฤดูลม-ยอดไม้ส่ายไหวอยู่
ปีกลวดลายหรุบชูก่อนลู่ไหล-
ลอดกลีบดอกนุ่มบางแทรกร่างไป
หวานเยี่ยงไรเล่าหนอ..จึ่งพอเพียง ?

O ฤดูลม..หวนระลอก, ดวงดอกไม้-
ก็หอมให้แถวถิ่นรู้กลิ่น, เสียง-
นกไพรเถื่อนก้องกรู..คล้ายอยู่เคียง-
ศัพท์สำเนียงก้องรัว..บางหัวใจ !



จากบล็อกพี่ สดายุ ค่ะ

Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
ตุลาคม 2552

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog