อย่าเอาความอิจฉาริษยาไว้กับตัวเองมากนัก หัดลด ละ เลิก ลงซะบ้าง ด้วยการรู้จักไปร่วมงานมุทิตาจิตต่างๆ เช่น - ไปงานเลี้ยงแสดงความยินดีที่เพื่อน, พี่, น้อง ได้รับการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ด้วยการไปชื่นชมกับเขาด้วยใจจริงที่ไร้จิตริษยา ถามเขาว่าทำยังไงถึงได้มีวันนี้ แล้วก็ดำเนินรอยตาม ไม่มีอะไรเสียศักดิ์ศรีนักหรอก สำหรับการทำดีตามกัน - ไปงานบวชทดแทนคุณบิดา-มารดา ไปเห็นถึงความผูกพันระหว่างญาติมิตร พี่น้อง ไปดูความสามัคคีที่สมานรวมใจเป็นหนึ่งเดียวเพื่อช่วยการบุญผ้าเหลืองนี้ ว่าความสุขจากการอิ่มในบุญนั้นฉ่ำเย็นใจเพียงใด ให้ความฉ่ำเย็นนั้นมาราดรดลงไปในจิตที่คิดริษยาบ้างเพื่อให้มันเจือจางหายไปกับสายธรรม - ไปร่วมงานแต่งงาน งานของการเริ่มต้นชีวิตคู่ของคนคู่หนึ่งที่ปรารถนาจะใช้ชีวิตร่วมกัน ไปแสดงความยินดีร่วมกับเขาว่าเรายินดีด้วยที่คุณตามหากันและกันเจอ ที่คุณฟันฝ่าอุปสรรคด้วยกันต่างๆ นานา จนมามีวันนี้ แม้การแต่งงานจะไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต แต่มันจะเป็นการเริ่มต้นทุกอย่างของชีวิตที่จะเกิดขึ้นหลังจากการแต่งงาน - และสุดท้าย ไปร่วมงานศพ เพื่อเป็นมรณานุสติเตือนใจตัวเราเองว่า สักวันหนึ่งเนื้อชิ้นใหญ่ที่จะวางอยู่ในเชิงตะกอนนั้นต้องเป็นเราอย่างแน่แท้เชียว ไม่มีเป็นอื่นไปได้ เพราะสิ่งที่ไม่เคยตายก็คือ ความตาย ..ที่จะไม่มีวันตายนิรันดร์ งานศพถือเป็นงานลดอัตตา ตัวกู ของกู ของแท้ เพราะละครฉากที่อยู่ตรงหน้าเรามันจะแสดงให้เห็นว่า .. สุดท้ายแล้วเราก็เอาอะไรไปไม่ได้เลยสักอย่าง พ่อแม่อันเป็นที่เคารพ สามี-ลูก-เมียอันเป็นที่รัก ตำแหน่งหน้าที่การงาน หรืออะไรก็ตามที่ก่อนลมหายใจสุดท้ายจะหลุดออกจากร่างไป เราเรียกมันว่า ของๆ กู เราก็เอาไปไม่ได้ เพราะแม้แต่เหรียญบาทในปาก สุดท้ายก็มีคนมาเอาไป แล้วอะไรเล่าที่จะตามไปนอกจาก ... ความดี ความชั่ว บาป และ บุญ เท่านั้น!
แวะมาทักทายตอนสายๆค่ะ
พอเข้ามาอ่านบล็อกแล้ว รู้สึก โอ้โอเลยค่ะ เพราะว่าหนูก็ชอบธรรมะเหมือนกัน จากที่คุณเขียนในบล็อกนี้ มันดีจริงๆเลยนะคะ ทำให้เรามองเห็นความจริงของชีวิตค่ะ รู้สึกมีพลังชีวิตมากค่ะ^^