| แผนภูมิความหลากหลายทางเพศของไทยในภาษาญี่ปุ่น | | |
ผลที่ออกมาส่วนหนึ่งคือข้อความข้างต้น พอผู้สอนได้ยินเข้าก็ทึ่งด้วย งงด้วย และงงเด้เพราะชักจะตามโลกไม่ทันว่าคนไทยมีสิบแปดเพศแล้วหรือ แต่ก็กลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่เพราะนึกไม่ถึงว่านักศึกษาญี่ปุ่นจะยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด จากนั้น อาจารย์ก็ถามว่าไปเอาข้อมูลมาจากไหน แล้วภาพบนสมาร์ทโฟนก็ปรากฏเป็นแผนภูมิขึ้นมา ซึ่งเป็นภาพที่ผมเคยเห็นผ่านๆ แต่ไม่ได้สนใจ พอไล่อ่านจริงจังถึงได้พบว่า มีคำที่ใช้เรียกอัตลักษณ์ทางเพศที่คนไทย (บางกลุ่ม) เข้าใจกันปรากฏบนแผนภูมินั้นสิบแปดคำ บางคำผมเองก็ไม่เข้าใจและได้ยินเป็นครั้งแรก สิบแปดคำที่ว่าคือ ผู้ชาย เพศชายทั่วไปที่ชอบผู้หญิง ผู้หญิง เพศหญิงทั่วไปชอบผู้ชาย ทอม ผู้หญิงที่มีท่าทางแบบผู้ชาย และชอบผู้หญิงหรือดี้ ดี้ ผู้หญิงที่มีท่าทางแบบผู้หญิงทั่วไป ชอบทอมหรือชอบผู้หญิงด้วยกัน ทอมเกย์ ทอมที่ชอบผู้หญิงก็ได้ ทอมหรือดี้ก็ได้ ทอมเกย์คิง ทอมที่ชอบทอมด้วยกันเอง ไบ รักร่วมสองเพศ (ไบเซ็กชวล) โบธ ผู้ชายที่คบได้ทั้งหญิง เกย์คิง เกย์ควีน ยกเว้นสาวประเภทสอง เกย์ควีน ผู้ชายที่ชอบผู้ชายโดยเป็นฝ่ายรับการกระทำ เกย์คิง ผู้ชายที่มีลักษณะเป็นผู้ชายและชอบเกย์ควีน ทอมเกย์ทูเวย์ ทอมที่เป็นได้ทั้งทอมเกย์คิงและทอมเกย์ควีน ทอมเกย์ควีน ทอมที่มีลักษณะแบบผู้หญิงและชอบทอม เลสเบี้ยน ผู้หญิงที่ชอบผู้หญิง กะเทย ผู้ชายที่อยากเป็นผู้หญิง มีท่าทางกระตุ้งกระติ้ง อดัม ผู้ชายที่ชอบทอม แองจี้ สาวประเภทสองที่ชอบทอม เชอร์รี่ ผู้หญิงที่ชอบเกย์และสาวประเภทสอง สามย่าน ผู้หญิงที่คบได้ทั้งทอม เลสเบี้ยน และผู้หญิง พอการนำเสนอสั้นๆ ของนักศึกษาจบลงและเมื่อผมลำดับความคิดได้ ก็พยายามอธิบายเป็นวิชาการว่า คำว่า เพศ ที่คนญี่ปุ่นมีแค่สองนั้นคือ เพศสภาพ (สภาพร่างกาย) ส่วนที่บอกว่าคนไทยมี 18 อย่างนั้น คือ เพศวิถี (เป้าหมายทางเพศ หรือรสนิยมทางเพศ) ถ้าเอามาเปรียบเทียบแบบสนุกๆ ก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้าพิจารณาอย่างเคร่งครัดแล้ว มันคือเกณฑ์คนละอย่าง จึงเทียบกันไม่ได้ เพราะเอาเข้าจริง เพศวิถีของคนญี่ปุ่นก็คงมีมากกว่า 2 อย่างแน่นอน ในเชิงวิชาการว่ากันอย่างนั้นก็ว่าไป แต่ผมก็เข้าใจประเด็นสำคัญที่นักศึกษาต้องการสื่อ คือ เมืองไทยนี้ดีนักหนาที่เปิดกว้างทางเพศวิถี คนไทยมีวิธีคิดที่น่าสนใจ ซึ่งคนญี่ปุ่นก็ไม่รู้ว่าทำไมเรื่องแบบนี้ถึงไม่ได้รับการยอมรับในญี่ปุ่น ผมจึงบอกว่าจริงอยู่ที่ประเทศไทยขึ้นชื่อในระดับโลกเกี่ยวกับเรื่องนี้ (พอๆ กับฟิลิปปินส์) ว่า openเปิดเผย และ tolerantรับได้หรือทนได้ แต่อาจารย์ก็ไม่กล้าใช้คำว่า ยอมรับ อย่างเต็มปากนะครับ เพราะแต่ละคนให้นิยามคำว่า ยอมรับ ต่างกัน ถ้ามองในเชิงสังคม ปัจจุบันคงถือว่าเป็นเรื่องแปลกน้อยลงในเมืองไทย แต่ขณะที่อเมริกาและหลายประเทศในยุโรป คนเพศเดียวกันแต่งงานได้โดยมีกฎหมายรับรอง และผู้นำของบางประเทศก็เปิดเผยอัตลักษณ์ของตนต่อโลก ในเมืองไทย กระแสความเคลื่อนไหวแบบนี้กลับอ่อนแรงมาก ถ้าอย่างนี้แล้ว นักศึกษาคิดว่าเป็นที่ ยอมรับ หรือไม่ นักศึกษาก็เงียบกันไปเพราะเป็นเรื่องที่ตอบยาก และไม่มีคำตอบที่ถูกที่สุด แต่ละประเทศคงมีคำตอบไม่เหมือนกันและขึ้นอยู่กับยุคสมัยด้วย แต่เมื่อเทียบระหว่างไทยกับญี่ปุ่นแล้ว คำตอบของสังคมญี่ปุ่นในปัจจุบันน่าจะง่ายกว่าคือ ไม่ยอมรับ ไม่ว่าจะด้วยมุมมองทางกฎหมายหรือทางสังคม เรื่องทางกฎหมายไม่ต้องพูดถึงเพราะคงอีกนานมากกว่าญี่ปุ่นจะก้าวไปถึงจุดที่เบลเยียมทำได้ ส่วนทางสังคมก็ยังเป็นเรื่องที่ต้องปกปิดกันสุดชีวิตทั้งๆ ที่เมื่อเทียบกันแล้ว ญี่ปุ่นเคยเปิดเผยมานานตั้งแต่โบราณก่อนไทยเสียอีก มีทั้งเอกสาร มีทั้งคำเรียกพร้อมสรรพ (และมีภาพยืนยันชัดเจน แต่คงไม่เหมาะที่จะนำมาลง)
|