ไม่นับงานด้านภาพ ลักษณะเช่นนี้เริ่มปรากฏชัดเจนตั้งแต่ใน Days of Being Wild หนังเรื่องที่สองของเขา ซึ่งเป็นเรื่องราวของหนุ่มสามฮ่องกงในปี 1960 ศูนย์กลางหนังเรื่องนี้คือ ยกไจ๋ ตัวละครเพลย์บอยที่แสดงโดย เลสลี่ จาง
ยกไจ๋ เป็นตัวละครแบบที่เรียกว่า one lost soul เขาเป็นผู้ชายในแบบฉบับที่ชวนหลงใหล ไม่เพียงเพราะหน้าตาหล่อ แต่ยังเพราะมีวิธีการที่จะทำให้ผู้หญิงสักคนจดจำเขาได้ไม่มีวันลืม หลังจากนั้นก็เก็บงำตัวเองให้พ้นจากความเข้าใจของเธอ ทำให้เธอต้องทุรนทุรายและพ่ายแพ้ เขาเป็คนมีเสน่ห์ในความโหดร้าย
เกี่ยวกับดนตรีประกอบ เดิมทีเดียวหว่องตั้งใจจ้างนักดนตรีในฮ่องกงทำให้แต่สมัยนั้นนักดนตรีในฮ่องกงชอบเล่นแนวดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ หว่องอยากได้เสียงดนตรีแบบดั้งเดิม พานตี้หัว(คนที่เล่นเป็นแม่เลี้ยงของยกไจ๋ เธอเป็นนักร้องเพลงสากลเสียงดีมากคนหนึ่ง) แนะนำแผ่นเสียงสมัยยุค 50 มาให้หลายแผ่น สุดท้ายก็มาลงตัวที่ Always in My Heart Los ของ Indios Tabajaras
นอกจากนี้ก็ยังมีผลงานของนักดนตรีชาวคิวบา Xavier Cugat อีกหลายเพลง ฉากยกไจ๋เต้นชาช่านั้นคือ Maria Elena นอกจากนี้ก็ยังมี Perfidia, El Cumbanchero, Jungle Drums, My Shawl และ Siboney
แกเป็นคนฮ่องกงจำนวนน้อยนะที่ชื่อเขียนออกมาเป็นภาษาไทยแล้วไม่ตลก
ถ้าลองเขียนชื่อดาราในเรื่องตามสำเนียงกวางตุ้งก็จะได้ว่า
เจิงกวกเหว่ง เจิงหม่านยก เหล่าตั๊กหว่า เหล่ากาเหล่ง เจิงหอกเหยา เหลิ่งฉิ่วไหว
ขำตาย ถ้าสื่อบ้านเราเรียกชื่อดาราฮ่องกงตามสำเนียงกวางตุ้ง ดาราพวกนี้จะได้เกิดมั้ยนี่