Bloggang.com : weblog for you and your gang
Group Blog
ทดสอบการสร้างบล็อคของช้าน
รับน้อง...ส่องทาง
เกาหลี กับการเที่ยวคนเดียวครั้งแรกในชีวิต
โตเกียว ครั้งแรก ตัวคนเดียว
กับหนังบางเรื่องที่ยังอิน
บ่น ๆ เพ้อเจ้อ เล่าโน่น เล่านี่ไปเรื่อย
สิงคโปร์คนเดียวครั้งแรก แถมนัดหนุ่มที่นั่นมาเที่ยวด้วย
เรื่องที่มันผ่านไปแล้ว อ่านไปตอนนี้มันไม่ดีอ่านะ
มิตรภาพฟูฟ่อง...ที่ฮ่องกงครั้งแรก ตัวคนเดียว
เที่ยวคนเดียวในมาเลย์...ไม่เก๋อย่างที่คิด
เที่ยวคนเดียวในเมืองฝรั่ง และการเจอหนุ่มตี๋หลาย ๆ คนจาก dating app
<<
พฤษภาคม 2558
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
25 พฤษภาคม 2558
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 13 วันสุดท้ายในโตเกียว วัดเซ็นโซจิและสวนอุเอโนะ
All Blogs
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 13 วันสุดท้ายในโตเกียว วัดเซ็นโซจิและสวนอุเอโนะ
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 12 ไต้ฝุ่นเข้า เลยต้องเข้าดองกี้แทนตลาดนัดแบกะดิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 11 ให้คนญี่ปุ่นพาเที่ยวเข้าไปในยิมที่เด็กม.ปลายกำลังแข่ง
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 10 พาไปเดินเล่นในสวนพร้อมพาช้อปย่าน KICHIJOJI
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 9 เจอหนุ่มในฝันบนรถใต้ดิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 8 เทศกาลน่ารักที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 7 ประทับใจกับจิตสำนึกของเด็กญี่ปุ่นที่เราไม่เคยถูกสอน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 6 ขึ้นรถไฟใต้ดินชั่วโมงเร่งด่วนเป็นครั้งแรก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 5 วัฒนธรรมภายในบ้านคนญี่ปุ่นที่เราไปค้างด้วย
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 4 นัดเจอและเข้าไปนอนบ้านคนไม่รู้จักฟรี ๆ คืนแรก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 3 เย็นวันแรกที่สถานีโตเกียว
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 2 เรื่องเล่าในสนามบินและบนเครื่องบิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 1 การเลือกที่พัก
ในที่สุด เราก็ทำแผนเที่ยวโตเกียวครั้งแรกคนเดียวเสร็จแล้ว สำหรับคนชอบเที่ยวสวนและตลาดนัดอย่างเรา
จะไปเที่ยวโตเกียวครั้งแรก แถมไปคนเดียว สนใจไม่กี่อย่างแต่สถานที่มันเยอะเหลือเกิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 13 วันสุดท้ายในโตเกียว วัดเซ็นโซจิและสวนอุเอโนะ
เพื่อความต่อเนื่อง
ไปอ่านตอนก่อน ๆ ได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้จ้ะ
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 1 การเลือกที่พัก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 2 เรื่องเล่าในสนามบินและบนเครื่องบิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 3 เย็นวันแรกที่สถานีโตเกียว
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 4 นัดเจอและเข้าไปนอนบ้านคนไม่รู้จักฟรี ๆ คืนแรก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 5 วัฒนธรรมภายในบ้านคนญี่ปุ่นที่เราไปค้างด้วย
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 6 ขึ้นรถไฟใต้ดินชั่วโมงเร่งด่วนเป็นครั้งแรก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 7 ประทับใจกับจิตสำนึกของเด็กญี่ปุ่นที่เราไม่เคยถูกสอน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 8 เทศกาลน่ารักที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 9 เจอหนุ่มในฝันบนรถใต้ดิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 10 พาไปเดินเล่นในสวนพร้อมพาช้อปย่าน KICHIJOJ
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 11 ให้คนญี่ปุ่นพาเที่ยวเข้าไปในยิมที่เด็กม.ปลายกำลังแข่ง
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 12 ไต้ฝุ่นเข้า เลยต้องเข้าดองกี้แทนตลาดนัดแบกะดิน
แอบเศร้าใจ
นี่เป็นวันสุดท้ายในญี่ปุ่นของผู้หญิงที่เที่ยวญี่ปุ่นคนเดียวเป็นครั้งแรก
ความรู้สึกว่ามันเร็วเหลือเกิน
หวัดก็ยังไม่หาย น้ำมูดยังยืด และยังไอและเจ็บคอสุด ๆ อยู่เลย
อันเนื่องมาจากว่าเที่ยวเยอะเกินในแต่ละวัน
เล่นเดินตากแดด ตากลม ในฤดูร้อนบ้านเค้า ที่ร้อนและแดดแรงไม่ต่างจากบ้านเรา
กลับมาวันแรกก็เริ่มเจ็บคอเลย
เดินตั้งแต่ 8 โมงยันหัวค่ำ นั่งพักตอนเดียวคือตอนนั่งกินข้าวแป๊บ ๆ
แล้วก็เดินทั้งวัน กินน้ำก็น้อย เพราะไม่อยากเสียเวลาหาและเข้าห้องน้ำสาธารณะ
แล้วน้ำก็แพง น้ำฟรีก็มี แต่ก็ไม่อยากจะแบกขวดอีก เรื่องเยอะชะมัด เลยอดน้ำแม่มเลยดีกว่า
แล้วเป็นไงล่ะ ร่างพัง หวัดกิน แต่รอบนี้ขาและหลังไม่พังนะ
ต้องยกความดีความชอบทั้งหมดให้รองเท้า TOMS เลยจริง ๆ
ตอนไปเกาหลีหน้าร้อน เราใส่รองเท้าแตะ เดินตั้งแต่เช้ายันเย็นแบบนี้เหมือนกัน
แต่หลังจากเดินไปซัก 4-5 ชั่วโมง เราเริ่มปวดส้นเท้าและหลัง
เนื่องมากจากร้องเท้าไม่ดี แต่จะให้ใส่ผ้าใบก็ร้อนไป ถ่ายรูปไม่สวยอีกต่างหาก เพราะมันไม่เข้ากะชุด ฮา ๆ
แต่ไปญี่ปุ่นรอบนี้ ลองตัดใจซื้อรองเท้า TOMS มาใส่ ทั้ง ๆ ที่คู่นึงก็ 2-3 พัน
ซื้อมาแบบไม่เคยใส่มาก่อน อ่านแต่รีวิวเมืองนอก ลุ้นมาก กลัวว่าซื้อมาแพงแล้วใส่ไม่สบาย
ไม่ได้ลองใส่ก่อนด้วย ซื้อมาแล้วก็เอาไปใส่ญี่ปุ่นเลย
เพราะเพิ่งได้ก่อนไปญี่ปุ่นวันเดียว ฮา ๆ
ปรากฏว่า ใส่ดีมาก ใส่เดินทั้งวัน ไม่มีอาการเมื่อยเลย (แต่เหม็น) ฮา ๆ
เพราะใส่หน้าร้อน เดินทั้งวัน เหงื่อออกทั้งวัน ถอดมาทีนึงนี่โครตอายเวลาถอดรองเท้าเข้าบ้านคนอื่นเนี่ย แต่ทำไงได้เนอะ
หน้าตาอาหารเช้ามื้อสุดในในบ้านหลังนี้และในญี่ปุ่น
แล้วเราก็จากลาครอบครัวคนญี่ปุ่นที่ให้เราอยู่มาตั้ง 3 คืน
คุณแม่ญี่ปุ่นก็เอาอีกแล้ว มาส่งเราหน้าบ้าน นั่งพับเพียบสไตล์ญี่ปุ่น
แล้วก็โค้งคำนับพูดอะไรก็ไม่รู้เป็นภาษาญี่ปุ่น
เราก็ได้แต่พูดว่าขอบคุณมาก โค้งให้ได้มากกว่าที่เค้าโค้งให้เรา จนหัวจะติดหัวเข่า แหะ ๆ
แล้วคุณพ่อก็มากระเป๋าและตัวเราใส่รถไปส่งตรงสถานี Ueno ที่เราจะต้องไปฝากกระเป๋าแล้วไปเดินเล่นก่อนจะมาเอากระเป๋าแล้วนั่งรถไฟไปสนามบินตอนบ่าย
โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุดเทศกาล โอ-บน 1 สัปดาห์เต็ม ประมาณ 3 วันก่อนและหลังวันที่ 15 สิงหาคม เป็นต้นไป
ทำให้รถโล่ง คนก็โล่ง
เราก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเวลาเร่งด่วนวันทำงาน รถในโตเกียวจะเยอะเหมือนในกรุงเทพฯ รึเปล่า
เพราะเราก็มุดหัวลงใต้ดินตลอด
แต่ confirm ว่ารถไฟใต้ดินเวลาเร่งด่วนของญี่ปุ่นมันสุดยอดมาก ๆ
ถ้าได้เบียดกับซาราริมังหนุ่ม ๆ นี่ฟินเลย แต่ที่เบียดมาทุกวันเจอแต่แก่ ๆ ไม่รู้หนุ่ม ๆ มันไปไหนหมดวะ
มาดู 2 ข้างทางตอนเช้าในโตเกียวกัน
อันนี้ถ่ายป้ายบนพื้นถนนในโตเกียวต่าง ๆ
แล้วเราก็มาฝากกระเป๋าที่ตู้
แล้วก็มาสู้ต่อว่ากรูจะเอายังไงกะชีวิตกรูดีวะเนี่ย
ดูแต่ละตู้ดิ ภาษาญี่ปุ่นล้วน ๆ
อย่ากระนั้นเลย ไปหาเจ้าหน้าที่ดีกว่า
แล้วเราก็ได้บัตรไปสนามบินสมใจ โดยจำไม่ได้แล้วว่าซื้อก่อน หรือค่อยกลับมาซื้อ
แล้วเราก็นั่งใต้ดินไปเก็บ 2 ที่สุดท้ายซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กันคือ
วันเซ็นโซจิ กับ สวนอุเอโนะ
บรรยากาศรถไฟใต้ดินวันนี้
ถึงแล้ววววววว
วัดที่เราเฝ้าใฝ่ฝันถึงมานานร่วม 10 ปีตั้งแต่อ่านหนังสือโตเกียวไม่มีขา ของพี่เอ๋ นิ้วกลม ฉบับพิมพ์ครั้งแรก ๆ
หน้าตาโคมยักษ์ เป็นแบบนี้นี่เอง
เลือดลมสูบฉีด
แต่มาคนเดียว
ใครจะถ่ายรูปให้เนี่ย
3-4 วันในโตเกียว เที่ยวแต่ป่าแต่สวน ไม่มีคนไทยให้ร้องขอเล้ย
แต่พอมาที่นี่ โอ้ว เหมือนตลาดไทย คนไทยเต็มไปหมด
ขอให้ถ่ายรูปให้อย่างไม่ต้องทำภาษามือเป็นครั้งแรก หุหุ
มาดูบรรยากาศหน้าวัดกัน คนอย่างเยอะ นี่ขนาดแค่เช้า ๆ สาย ๆ นะเนี่ย
วันนี้เหมือนมีกลุ่มเด็กมาทำการบ้าน ประมาณว่าให้คุยกับต่างชาติหรือให้ตอบแบบสอบถามเนี่ยแหละ
แต่พอดีเราไม่มีเวลาเลยขอปฏิเสธพวกเค้าไป แต่ก็ไม่วายขอถ่ายรูปกับพวกเค้าด้วย
พอเข้าประตูแรกผ่านโคมยักษ์มา
ก็มาถึงถนน Nakamise หรือตลาดละลายทรัพย์ ที่มีเรื่องในนักท่องเที่ยวได้เสียทรัพย์ร้านใด ร้านหนึ่ง
มาดู 2 ข้างทางกันว่ามีอะไรขายบ้าง
อันนี้แอบให้ดูชุดนักเรียน อิอิ
ให้ดูพอเป็นน้ำจิ้ม
แล้วเราก็เดินฝ่าด่านร้านอรหันต์ทั้งหลายเข้ามาถึงเขตวัดชั้นในกัน
สวยงามอลังการ
เข้าไปในวัดกันเถอะ
หลังจากไหว้เจ้าแม่กวนอิมเสร็จ
ก็เลยลองเสี่ยงเซียมซีดู
เวง ได้ bad fortune แอบนอยด์เลยทีเดียว
เลยเดินถ่ายรูปแถว ๆ นั้น ให้น้องหนุ่มญี่ปุ่น อารมณ์เด็กมหาลัยช่วยถ่ายรูปให้หน่อย
พอถ่ายเสร็จ
น้องบอกว่าเราน่ารัก ยกนิ้วโป้งให้แล้วยิ้มเขิน ๆ แล้วก็เดินอาย ๆ จากไป
กรี๊ดดดดดดด.......... อยากเลี้ยงเด็กมหาลัยญี่ปุ่นขึ้นมาเลยทันที ค่าเทอมในโตเกียวแพงมั้ยน้อง ฮา ๆ
หรือนี่จะเป็น bad luck ของช้านนนน
แล้วก็จากกัน ได้แต่ยิ้มกลับให้น้องแล้วก็ขอบอกขอบใจน้อง
มีผู้ชายชมว่าน่ารักด้วย ปลื้มปริ่มไป 3 วัน 7 วัน น้องนี่มี perception แปลกดีนะ กร๊าก ๆ
เรามาเดินดูรอบ ๆ วัดกันต่อเถอะ
กลับมาที่ถนนละลายทรัพย์ขาออกกันอีกรอบ
ตอนแรกว่าจะไม่เสียทรัพย์ละนะ
เพราะเป็นพวกใจแข็ง รู้ว่าพวกของที่ระลึกมักจะแพงกว่าปกติ
แต่ด้วยอากาศร้อน และอยากกินไอติม
จริง ๆ มันก็มีหลายร้านนะ แต่ร้านนี้ทำไมคนยืนกินข้างร้านเยอะมาก
เลยตัดสินใจเลือกร้านไอติมชาเขียวร้านนี้แหละ
300 หรือ 350 เยนมั้งถ้าจำไม่ผิด โคนละร้อยเชียวหนา ท่าทางต้องอร่อยแน่นอน
พอสั่งเสร็จ จ่ายเงิน เค้ายื่นป้ายนึงมีทั้งภาษาอังกฤษ จีน ไทยประมาณว่า
ถ้าได้รับไอติมแล้ว ไม่ให้เดินไปกินไป ให้ยืนกินข้างร้านให้หมดแล้วทิ้งตรงนั้น
ป๊าดดดดดดดด..... กลยุทธ์ทางการตลาดชัด ๆ (ไม่หรอก จริง ๆ คนญี่ปุ่นเค้าจะไม่เดินไปกินไปอยู่แล้ว)
พอได้ไอติมโคนชาเขียวมา กินเข้าไป
น้ำตาไหลเลย โคนละร้อยบาทของกรู หวานมากกก แล้วแทบไม่ได้กลิ่นชาเขียวเลย
นี่หลอกขายต่างชาติใช่มั้ย ชาเขียวมันต้องมีกลิ่นและขมหน่อยเซ่ เสียจายยย
เอาคืนมาเลย กินไอติมแมค 19 บาทยังอร่อยกว่าเบยยย
ตอนขาออก
เจอ 2 สาวยุ่นใส่ชุดยูกาตะมาวัดด้วย
น่ารักดีเลยขอถ่ายไว้ซะหน่อย
แล้วก็ลงใต้ดินไปสวนอุเอโนะกัน
เด็กที่เจอระหว่างทาง น่ารักมากกก
เป็นการถ่ายรูปคนในใต้ดินครั้งเดียวที่ขออนุญาต
ส่วนผู้ชายที่อยู่ในกล้องอิชั้นทั้งหมด เป็นการแอบถ่าย อ๊างง ถ้าไม่หล่อ ไม่ได้อยู่ในกล้องนะแจ๊ะ โปรดให้อภัย
ขึ้นจากใต้ดินมาก็แอบถ่ายชาวบ้านทันที หุหุ
เอ๊ะ เราเคยเล่าให้ฟังแล้วใช่มั้ย
ว่าวัยรุ่นนักกีฬาเบสบอลทุกคนในญี่ปุ่นจะโกนหัวกัน
เพราะเค้าต้องการใส่ใจเรื่องการฝึกซ้อม มากกว่าห่วงหล่อ
มันคือ Japanese Spirit จริง ๆ
มาถึงแล้ว สวนอุเอโนะ
สิ่งที่เราอยากมาดู เป็นอะไรที่เรียบง่ายมาก คืออยากมาดูศาลเจ้า
ที่มีซุ้มไม้สีแดง เลียนแบบที่เกียวโต
ซึ่งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันอยู่ตรงไหนของสวน
แล้วสวนก็มีขนาดใหญ่มาก แล้วเราก็มีเวลาเดินเล่นในสวนนี้เพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น
แล้วดูจากแผนที่แล้วก็ไม่รู้เลยว่าซุ้มนั้นอยู่ตรงไหน อยู่ตรงศาลเจ้าอะไร
มาถึงสวน เราทำได้เพียงปล่อยไหล
เดินเจอศาลเจ้าตรงไหนก็ไหว้ตรงนั้น ดูนก ดูไม้ ดูผู้คนไปเรื่อย
เดินมาถึงศาลเจ้าที่แรก
แอบบอกว่า พระหล่อมากกกกก
แล้วเดินมาถึงศาลเจ้าที่ ๆ สอง มีสระบัวขนาดใหญ่ก่อนถึงศาลเจ้าด้วย
ณ ศาลเจ้านี้เอง เราได้พบเพื่อนใหม่
เธอเป็นสาวฝรั่งเศส มาเที่ยวโตเกียวคนเดียวเหมือนเรา
เรากำลังจะกลับวันนี้ แต่เธอเพิ่งมาถึงเมื่อวาน
เราถ่ายภาพให้กันและกัน แล้วอวยพรให้เธอเที่ยวให้สนุก
แล้วก็มาถึงศาลเจ้าที่ 3
แล้วก็เดินเรื่อยเปื่อยมาศาลเจ้าที่ 4
ขุ่นพระ!!! เจอแล้วจ้าาา....
ฟินมากค่า
ใครอย่าได้เดินมาผ่านนะคะ
เป็นเหยื่ออิชั้นหมดค่ะ เพราะอิชั้นใช้ถ่ายรูปให้หน่อย
ทั้งยืน ทั้งนั่ง ทั้งไหว้ ฯลฯ
ใครถ่ายไม่สวย อิชั้นก็รอเหยื่อรายต่อ ๆ ไปจ้า
แล้วสาวฝรั่งเศสที่เจอศาลเจ้าที่แล้วก็เป็นเหยื่อคนสุดท้ายของเรา แฮ่
ฟินละ ได้เวลาจากลา สวนอุเอโนะ ซึ่งใหญ่มาก จะใหญ่ไปไหน
นี่ขนาดจุดมุ่งหมายเราแค่ศาลเจ้านะ ถ้าใครจะไปดูสวนสัตว์ museum คงทั้งวันอ่ะจ้ะ
แต่ ณ จุดนี้ ฟินละ กลับกรุงเทพฯ ได้ ได้ความแดงจากวัดและซุ้มในสวน
แล้วเราก็มาเดินเล่นช้อปปิ้งกันต่อที่ตลาด Ameyoko
เราก็มาเดินเล่นเฉย ๆ ไม่ได้อะไรหรอก เพราะทุกอย่างเราซื้อที่ aeon ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แพ็คใส่กระเป๋าเดินทางเรียบร้อย ไม่สามารถแบกอะไรขึ้นเครื่องได้อีกแล้ว นอกจากขนมที่จะซื้อที่สนามบิน
มาตลาดนี้ก็ถ่ายรูปเล่นเอามาลงบล็อคเฉย ๆ
ตลาดนี้ต่างชาติค่อนข้างเยอะ เหมือนเป็นตลาดขายต่างชาติยังไงยังงั้น
ดังนั้น ผู้ชายที่ถ่ายมาจากตลาดนี้อาจจะไม่ใช่ญี่ปุ่น แล้วถ้าแต่งตัวจัด ๆ คาดว่าจะเป็นพี่ไทยเรานี่เอง ฮา ๆ
มาดูกันว่าผู้ชาย เอ้ย ตลาดนี้ขายอะไรกันบ้างง
เอาล่ะ
เดินดูผู้ชายข้างนอกมาเยอะละ
เราไปดูผู้ชายข้างในบ้างดีกว่า
เราไปเดินเล่นในรถไฟใต้ดิน ueno ซึ่งเป็นที่เชื่อมต่อรถไฟหลายสายมาก
สถานีเลยใหญ่มาก มีทางเข้าออกหลายทาง แล้วคนก็เยอะมากด้วย
แล้วก็ได้เวลาที่เราจะต้องขึ้นรถไฟไปสนามบินซะที
ยังมิวายแอบถ่ายผู้ชายข้าง ๆ อิอิ
หลังจากนี้อีก 1 ชั่วโมงครึ่ง ก็จะถึงสนามบิน
มอง 2 ข้างทางที่เป็นทุ่งหญ้า นาข้าว จนเริ่มเบื่อ
และในรถไฟไปสนามบินนั้น
ตอนแรก เราก็นั่งเดี่ยว ๆ อยู่คนเดียวล่ะนะ
ไป ๆ มา ๆ ก็มีคนขึ้นระหว่างทาง
แล้วเหมือนสวรรค์โปรด
มีเด็กวัยรุ่นประมาณมหาลัยหรือเพิ่งจบเนี่ยแหละมานั่งข้าง ๆ
มีกีต้าร์มาด้วย 1 ตัว
ตอนเข้าขึ้นมาเค้าก็คุยกันสนุกสนาน
เราก็รอให้เค้าหมดเรื่องคุย เพราะผู้ชาย 2 คนคุยกัน คงไม่มีเรื่องเม้าเป็นชั่วโมงไม่หยุดปากเหมือนที่เรานั่งเม้ากับเพื่อนสาวหรอก
แล้วก็ได้เวลาของเรา เมื่อ 2 คนนั้นหยุดคุย
เราก็เลยเริ่มชวน 2 คนนั้นคุยบ้าง
ทั้ง 2 คนทำงานแล้ว ภาษาอังกฤษดีซะด้วย
คนนึงเป็นนักดนตรี อีกคนเป็นพนักงานออฟฟิศ เพิ่งเริ่มงาน
กำลังจะไปปีนเขา Narita-san เพื่อนอีก 2 คนอยู่ที่นั่นแล้ว เพราะบ้านเค้าอยู่นาริตะ
ก็คุยไปคุยมา คุยมาก็คุยไป จนน้อง 2 คนเค้าลงไปก่อน
ก่อนลงก็มีถ่ายรูปคี่ 3 คน
แล้วรูปที่ให้ดูคือรูปที่แอบถ่าย น้องที่เป็นหนุ่มออฟฟิศ ไม่ใช่หนุ่มนักดนตรี
แต่ไม่เชิงแอบถ่ายหรอก น้องเค้าก็รู้ตัว มีมองกล้องด้วย
แต่ ณ จุดนี้ เจอกันครั้งเดียว อย่ากระนั้นเลย น่ารักถูกใจเจ้ เจ้ขอเก็บภาพหน่อย เจ้กลัวลืม ฮา ๆ
และแล้ว
การเดินทางของผู้หญิงตัวคนเดียว ที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกก็จบลงด้วยความประทับใจ
ประทับใจทุก ๆ อย่างในญี่ปุ่นเลย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางที่สะดวกสบาย ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของคนญี่ปุ่น ธรรมชาติตนไม้สวนต่าง ๆ ที่มีเยอะมากในเมืองหลวง แล้วที่ขาดไม่ได้เลยคือ ผู้ชายญี่ปุ่น
ประเทศนี้ผู้ชายหน้าตาดีทุกอาชีพเลยจริง ๆ
ทั้งมนุษย์เงินเดือน ยาม พนักงานใต้ดิน เด็กเสริฟ พนักงานขนของ พนักงานขายของ คนแจกในปลิว หรือแม้แต่พระ!!!
ขออภัยผู้ชายญี่ปุ่นทุกคนที่โดนแอบถ่ายเอามาลงในบล็อคนี้นะคะ
แต่คุณรู้ตัวไว้ด้วยว่า ถ้าคุณอยู่ในรูปในบล็อคเรา แสดงว่าคุณหน้าตาดี ถูกใจเจ้าของบล็อคค่ะ
เรารู้ว่าคุณใส่ใจสิทธิส่วนรวมขนาดไหน และเราก็ได้ละเมิดสิทธิ์ของพวกคุณ
แต่พวกคุณน่ารักจนเราอดใจไม่ไหว แล้วก็มีอีกก็เยอะที่เราหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายไม่ทัน แฮ่
เราประทับใจญี่ปุ่นขนาดไหนน่ะเหรอ
ก็เบา ๆ เอง
แค่เรากลับมาแล้วเราอยู่ในภาวะซึมเศร้าไปร่วม 2 อาทิตย์เอ๊งงง
กว่าจิตเราจะกลับมาจากญี่ปุ่น เป็น 2 อาทิตย์ที่ทรมานใจเรามากกว่าที่เราจะผ่านไปแต่ละวัน
เรานั่งทำงานไป น้ำตาตก ปาดน้ำตาไปอย่างเงียบ ๆ ในคอกเราทุกวันตลอด 2 อาทิตย์
นั่งสมาธิก็เห็นแต่สวนญี่ปุ่น คนญี่ปุ่น วิวญี่ปุ่น ของขายที่ญี่ปุ่น อะไร ๆ ก็ญี่ปุ่น
ไม่บอกละกันว่าเรารักและอินญี่ปุ่นครั้งแรกตัวคนเดียวของเราขนาดไหน
แต่จากที่เราบรรยายมาคงก็ตอบคำถามนี้ได้
ขอบคุณทุก ๆ อย่างที่เราได้เจอ ได้สัมผัส การบริการและวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่น ที่จะติดตรงตรึงใจเราไปอีกนาน แล้วเราคิดว่าไม่ใช่เราคนเดียวที่ไปญี่ปุ่นแล้วรู้สึกแบบนี้ (แต่คนอาจจะอินน้อยกว่าเราหน่อย แค่วันเดียวทุกคนคงกลับมาใช้ชีวิตปกติในกทม.ของเราได้แล้ว)
ขอบคุณโอกาส ขอบคุณความคิด ที่มีแรงดึงดูดให้เราได้ไปยืนอยู่หน้าโคมแดงจริง ๆ
ขอบคุณทุกเรื่องเล่าและบทสนทนา ที่ทำให้เราเรียนรู้และเติบโต
ขอบคุณหนังสือโตเกียวไม่มีขา ของพี่เอ๋ นิ้วกลม
ก็คงจริงอย่างที่พี่เอ๋บอกล่ะนะว่า...
การท่องเที่ยวทำให้เราเยาว์วัย--การเดินทางไกลทำให้เราเติบโต
Traveling is cheaper than therapy!!!
แล้วเจอกันใหม่นะ
ติดตามอ่านแต่ละตอนได้ตามลิงค์ด้านล่างนะคะ
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 1 การเลือกที่พัก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 2 เรื่องเล่าในสนามบินและบนเครื่องบิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 3 เย็นวันแรกที่สถานีโตเกียว
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 4 นัดเจอและเข้าไปนอนบ้านคนไม่รู้จักฟรี ๆ คืนแรก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 5 วัฒนธรรมภายในบ้านคนญี่ปุ่นที่เราไปค้างด้วย
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 6 ขึ้นรถไฟใต้ดินชั่วโมงเร่งด่วนเป็นครั้งแรก
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 7 ประทับใจกับจิตสำนึกของเด็กญี่ปุ่นที่เราไม่เคยถูกสอน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 8 เทศกาลน่ารักที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 9 เจอหนุ่มในฝันบนรถใต้ดิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 10 พาไปเดินเล่นในสวนพร้อมพาช้อปย่าน KICHIJOJI
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 11 ให้คนญี่ปุ่นพาเที่ยวเข้าไปในยิมที่เด็กม.ปลายกำลังแข่ง
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 12 ไต้ฝุ่นเข้า เลยต้องเข้าดองกี้แทนตลาดนัดแบกะดิน
เที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรก แถมไปคนเดียว ตอนที่ 13 วันสุดท้ายในโตเกียว วัดเซ็นโซจิและสวนอุเอโนะ
Create Date : 25 พฤษภาคม 2558
Last Update : 25 พฤษภาคม 2558 19:11:13 น.
2 comments
Counter : 4891 Pageviews.
Share
Tweet
แอบเก็บภาพหนุ่มๆ มาตลอดทริปเลยน้าาาา
ปล. จะบอกว่าเราซื้อโตเกียวไม่มีขามาอ่านเพราะลีลีด้วยล่ะ
โดย:
copo de nieve
วันที่: 25 พฤษภาคม 2558 เวลา:22:29:58 น.
ขอบคุณมากครับ พอดีวางแผนจะไปเที่ยวสิ้นปีเลย อ่านรวดเดียวจบ 13 ตอนเลย
โดย:
Loucipher
วันที่: 30 กันยายน 2558 เวลา:4:10:36 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [
?
]
ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.
ปล. จะบอกว่าเราซื้อโตเกียวไม่มีขามาอ่านเพราะลีลีด้วยล่ะ