Ramen Kio ราเมงเต่าน้อย ณ Rain Hill Complex
ร้านราเม็ง ผู้ครองความนิยมอันดับหนึ่งในแถบคันไซ ประเทศญี่ปุ่น

เปิดตัวต่างแดนเป็นครั้งแรกแล้วที่ประเทศไทย พิสูจน์รสชาติความอร่อยส่งตรงจากโอซาก้าได้แล้ววันนี้ที่ชั้น 3 Rain Hill Complex สุขุมวิท 47 แล้วคุณจะรู้ว่าทำไม Ramen-Kio สามารถอยู่รอดในเมืองโอซาก้าที่ "พิถีพิถันเรื่องการกิน" มายาวนานถึงกว่า 15 ปี

วันนี้มาเปิดข้อความตามเฟซบุ๊คของร้าน Ramen-Kio เลยค่ะ ร้านนี้มีสองสาขาคือที่ชั้น 3 ของ Rain Hill Complex สุขุมวิท 47 และที่ชั้น 4 ของสยามสแควร์วันค่ะ

ส่วนตัวเรานั้นได้ไปกินที่ Rain Hill Complex ค่ะ  เพราะได้วอยเชอร์มูลค่า 500 บาทมา แต่มีเงื่อนไขให้ใช้ได้แต่ที่สาขานี้เท่านั้นเราเลยลุยมาถึงที่นี่เลยคร่าาา


Rain Hill Complex ชื่ออาจจะไม่คุ้นสำหรับใครหลายคนรวมถึงตัวเราเองด้วย แต่การเดินทางนั้นไม่ลำบากเลยค่ะ ใครไปเส้นสุขุมวิทบ่อย น่าจะไปถูกค่ะ เพราะ Rain Hill Complex นั้นอยู่ติดริมถนนสุขุมวิทเลยค่ะ ถึงก่อนสุขุมวิท 47 สำหรับคนที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า จะอยู่ระหว่างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสพร้อมพงษ์และทองหล่อ ลองเลือกกันเอานะคะ จะลงที่สถานี้ไหนดี ส่วนตัวเรานั้น เราใช้บริการรถเมล์ค่ะ เท่าที่จำได้ก็จะมีสาย 2, 25, 40, 48 ค่ะ ลงป้ายอยู่ใกล้ๆ กับ Rain Hill Complex เลยค่ะ เมื่อเดินเข้าไป ให้หาลิฟต์ นะคะ กดขึ้นไปชั้น 3 เลยค่ะ ออกจากลิฟต์ให้เลี้ยวซ้าย ตรงๆ ไปจะเป็นห้องน้ำ ให้เลี้ยวซ้ายอีกทีจะเห็นร้าน Ramen Kio ราเมงเต่าน้อยของเราอยู่สุดทางเลยค่ะ ดูหน้าตาท่าทางของหน้าร้านแล้วคงเป็นร้านเล็กๆ พอเดินเข้าไปในร้าน ก็อืมเล็กจริงๆ แต่พอเข้าไปเกือบสุดทางทำให้รู้ว่าคิดผิดไปถนัดเลยค่ะ ร้านเป็นตัว L ทางที่เราเห็นนั้นเป็นแค่ขีดบนลงล่างเท่านั้น ยังมีขีดจากซ้ายไปขวาอีก ทำให้จริงๆ แล้วร้านนี้สามารถรับลูกค้าได้ค่อนข้างมากเลยล่ะค่ะ






หากเข้าร้านมา มองไปทางขวามือ จะเป็นโต๊ะตัวไม่ใหญ่ และมีโต๊ะที่ตั้งเป็นแถวริมหน้าต่างให้เราหันมองออกไปด้านนอกได้ แต่ช่วงเวลาที่เราไปนั่นค่ำแล้วทำให้เรามองไม่เห็นอะไรมากอ่ะค่ะ ส่วนซ้ายมือของประตูจะเป็นเคาน์เตอร์เก็บเงินค่ะ ถัดมาก็จะเป็นโต๊ะโซฟาที่นั่งได้ 4 คน ซึ่งเราก็นั่งโต๊ะตรงนี้แหละคะ เป็นโต๊ะตัวในสุด เป็นด้านหน้าของมุมที่ทำอาหารเลยล่ะค่ะ ส่วนด้านในยังมีโต๊ะอีกเป็นสิบที่จะรองรับลูกค้า






หากมากินราเมงแบบต้องการความสงบ บอกเลยว่าร้านนี้มีให้ไม่ได้ค่ะ ร้านค่อนข้างเจี้ยวจ้าว เนื่องจากพนักงานจะส่งเสียงต้อนรับลูกค้าเมื่อลูกค้าเข้ามาใหม่และส่งเสียงขอบคุณเมื่อลูกค้ากินเสร็จ เหมือนร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไปที่เราเจอนะคะ และยังมีเสียงที่สั่งอาหารระหว่างพนักงานกับเชฟอีกด้วยค่ะ แต่เรื่องเสียงไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเราค่ะ จะดังก็ไม่ได้อะไร นั่งเล่นชิลๆ คุยกะแม่ไป ดูพนักงานทำงานกันไป


ช่วงที่เราไปเป็นช่วงหัวค่ำวันอาทิตย์ ลูกค้าค่อนข้างเยอะด้วย เมื่อได้ที่นั่งพนักงานจะนำเมนูมาให้ แล้วเดินจากไป ให้เราเลือกได้ตามใจชอบ สักพักก็จะมีเสิร์ฟน้ำชาพร้อมทั้งผ้าเช็ดมือห่อสีแดงค่ะ ฟรีด้วยนะคะ อิอิ น้ำชานี้เสิร์ฟมาไม่อั้นเลยค่ะ หมดปุ๊บเติมปั๊บ กินไปได้เรื่อยๆ เบยยยยยย




เราก็เลือกจนได้เมนูที่อยากกินก็เรียกพนักงานมาค่ะ ที่นี่มีเมนูมากมายเลยค่ะ เมนูเด็ดของที่นี่คือ กระดูกอ่อนตุ๋นส่วนที่อุดมไปด้วยคอลลาเจนซึ่งมีเพียงไม่กี่ชิ้นในหมู 1 ตัว เห็นใครหลายคนแนะนำมา เราก็ต้องลองซะหน่อย จัดไปกับ Kuruniku Ippinmen ราเม็งหน้ากระดูกอ่อนตุ๋นส่วนที่อุดมไปด้วยคอลลาเจน (300 บาท) เมนูนี้เราลองเองค่ะ ส่วนของแม่ขอเมนูแบบไทยๆ ซะหน่อย เป็นต้มยำราเมง (240 บาท) รอสักพักใหญ่ จึงมาเสิร์ฟในเมนูของเรา เราก็รออยากจะถ่ายรูปรวม แต่ก็รอน้านนนนนนานกว่าต้มยำราเมงจะมา กลัวราเมงเราจะไม่ร้อนซะก่อน แต่พนักงานก็ดีนะคะ พอเห็นเรารอ แล้วแอบบ่นเบาๆ เขาก็ตามให้เราด้วย แป๊ปเดียวก็ได้มาล่ะ น่ากินช่ะม่ะ อิอิ


Kuruniku Ippinmen ราเม็งหน้ากระดูกอ่อนตุ๋นส่วนที่อุดมไปด้วยคอลลาเจน ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ค่อยคุ้นชินกับราเมงรสชาติแท้ๆ แบบญี่ปุ่น เาจะติดอะไรแบบไทยๆ มากกว่า ดังนั้นเมนูนี้ จึงไม่เด็ดมากสำหรับเรา แต่รสชาตินี่คือกลมกล่อมและเข้มข้นมาก รสออกเค็มจัด บนโต๊ะนี่มีเครื่องปรุงึ่ะ เราก็จัดซะ ทั้งน้ำส้มสายชูและน้ำมันงา  แต่ก็ไม่ได้ปรุงเยอะมาก กลัวเสียรสชาติดั้งเดิมเอา เส้นเป็นเส้นราเมงแบบเส้นใหญ่หน่อยคล้ายยากิโซบะ (เราไม่รู่ว่าเขาเรียกว่าเส้นอะไรอ่าาา >< ) ส่วนกระดูกหมูอ่อนนี้ กินก็อร่อยดี นุ่มๆ นิ่มๆ แต่เรามีความรู้สึกว่า เรากินหมดทั้งชิ้นนี้แล้วเลี่ยนไปหน่อยค่ะ เมนูนี้เราให้ 8.5/10 เลยค่ะ




ส่วนต้มยำราเมง จานนี้มาแบบต้มยำน้ำข้น แค่เห็นก็รู้สึกว่าเข้มข้นมากๆ เมื่อได้ชิมก็ไม่ผิดไปจากที่คิดเลยค่ะ เข้มข้น จัดจ้น ได้ใจ สไตล์คนไทยมากๆ จานนี้ถ้ามีข้าวสวยร้อนๆ นะคะ ดีเลยค่ะ เพราะรสชาติเขาทำมาได้ครบรสเค็มนำ เผ็ดตาม เปรี้ยวรอง กินกับข้าวสวยอร่อยเลย ยิ่งมาตอนร้อนๆ ควันยังลอยอยู่ด้วยนะคะ ฟินเฟ่อร์ อันนั้นแค่ความคิด กลับมาสู่ความจริง ต้มยำราเมงเป็นต้มยำกุ้งค่ะ กุ้งตัวไม่ใหญ่มาก แต่สดดี มีเห็ดฟางประกอบมาไม่มาก แต่ที่มาเต็มจริงๆ คือเครื่องต้มยำค่ะ เครื่องมาเต็ม รสชาติก็มาเต็มเช่นกัน คือกินแล้วเราไม่รู้สึกว่ากินอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นเลยค่ะ  เมนูนี้ให้ 9.5/10 หายไปครี่งคะแนนเพราะรสชาติออกเค็มไปหน่อย 555


และนี่คือค่าเสียหายในครั้งนี้ ช่วงที่เราไปกินวันนั้นเขามีให้สะสมแต้มด้วยนะคะ แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังมีอยู่หรือเปล่า



สำหรับเรา เราชอบร้านนี้นะคะ ถึงรสชาติอาจจะไม่ได้ถูกปากเราทีเดียว แต่เราว่าอาหารเขาบอกได้เต็มปากเลยค่ะว่าอร่อย! บรรยากาศก็ดี เดินทางก็ง่ายด้วยค่ะ หากใครอ่านแล้วสนใจอยากไปลองชิมบ้าง สามารถลองดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/Ramen.kio/

และทุกวันที่ 28 ของเดือน เป็นวัน Kio's Day ทางร้านมีโปรโมชันลด 50% ด้วยนะคะ


เมนูของร้าน



















Create Date : 11 ธันวาคม 2559
Last Update : 25 มกราคม 2560 17:32:00 น.
Counter : 1229 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Leelee LifeStyle
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ธันวาคม 2559

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
12
13
14
15
16
17
19
20
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
All Blog