ชีวิตก่อนมาอยู่เมืองนอก ของป้าลี
ป้าลีเกิดจากครอบครัวที่มีพื้นฐานทางการค้า แต่ครอบครัวทางฝ่ายแม่เป็นลูกชาวนาเต็มขั้น
สมัยเด็กๆ ก่อนสิบขวบ ป้าลีติดยายมาก นอนกับยายเพราะว่า พ่อกับแม่ต้องไปทำการค้าที่ต่างจังหวัดเป็นอาทิตย์ หรือสิบวัน ถึงจะกลับมาบ้าน จำได้ดีว่ายายเป็นคนสวย พูดเพราะ ยายชอบไปวัด ป้าลีจะวิ่งตามยายไปวัดเสมอ
วัดในสมัยก่อน ไม่มีสิ่งปลูกสร้างมากนัก มีแต่ต้นไม้ และลานพื้นก็เป็นเพียงดินแข็งที่ได้รับการเก็บกวาดเป็นอย่างดี ใบไม้ทุกใบจะถูกเก็บกวาด ทำให้เด็กๆ มีลานได้วิ่งเล่น
ป้าลีมีเพื่อนจากบ้านเหนือหลายคน และจากบ้านใต้ที่ต้องเดินมาไกลพอสมควร เดินลัดทุ่งที่มองเห็นริบๆ อยู่ฝั่งโน้น จำได้ดีว่าเพื่อนๆก็แฮปปี้ที่จะมาวัดเหมือนๆกันกับป้าลีที่ติดยาย..
ส่วนแม่ของป้าลีเป็นคนสวย ผิวขาวเหมือนยาย เป็นผู้หญิงที่ฉลาดที่สุดในสายตาป้าลี แม่ทำการค้าได้ดีกว่าพ่อ ทั้งๆ เรียนน้อยกว่าพ่อตั้งเยอะ แม่เป็นนักเจรจาต่อรองที่ดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา แม่เป็นคนทำมากกว่าพูด และเมื่อได้ลงมือทำอะไรก็ตามแต่ แม่ไม่เคยยอมแพ้ต่ออะไรทั้งสิ้น...นี่คือยายพรของป้าลี... ส่วนพ่อบวชเรียนพอจบและออกมารับราชการ ตามสไตล์คนในสมัยนั้น แต่หลังจากนั้นก็ออกมาทำการค้าก่อนพบรักกับแม่ และหลังแต่งงาน ก็เริ่มธุรกิจการค้าภายในครอบครัวขึ้นและพัฒนามาอีกหลายสิบปี ..
ป้าลีมีพี่ชายคนเดียว ซึ่งห่างกันสิบปี ซึ่งปัจจุบันรับราชการ อยู่ทางภาคตะวันออก
ป้าลีเรียนจบปริญญาโท จาก นิด้า จบ ป.ตรี จาก รามฯ และก่อนหน้านั้น จบอนุปริญญา สาขา บัญชี
ก่อนจะเข้าเรียน ม.รามฯ ป้าลีเป็นสาวเทคนิคอยู่สองปี พอมาเรียนราม ป้าลีก็เลยเรียนแค่ ปีกว่าๆ ก็จบ ปริญญาตรี เทคนิคการเรียนรามของป้าลีให้จบเพียงปีครึ่ง คือ
สมัยป้าลีเรียนราม เด็กรามรุ่นนั้นจะลงทะเบียนเรียนได้ไม่เกิน 24 หน่วยกิต ป้าลีใช้เทคนิค ลงทะเบียนให้เต็มหน่วยกิต ( แม้ว่าบางวิชาจะสอบชนกันก็เถอะ) เสร็จแล้ว จะเลือกสอบเพียงแค่ 5-6 วิชา ส่วนวิชาที่เหลือจะปล่อยไปเพื่อไปสอบซ่อม
ถ้าไม่ทำแบบนี้ จะไม่จบให้ทันในปีการศึกษาที่วางแผนเอาไว้ (และถ้าคิดว่าจะสอบทุกวิชาให้ผ่านในเทอมนั้นๆ ก็เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะว่าอ่านหนังสือไม่ทัน...ก็เลยต้องแบ่งสอบ ครึ่งแรก กับครึ่งหลัง... จำได้ว่า เพื่อนป้าลีบอกว่า ป้าลีบ้าพลัง ที่เรียนแบบนั้น...
(ยิ่งเทอมขอจบ ป้าลีบ้าพลังสุดๆ เพราะวันสุดท้ายของการสอบเทอมสุดท้าย มีสอบภาคเช้า และภาคบ่าย ภาคเช้าเป็นสถิติขั้นสูง ภาคบ่ายเป็น คณิตเล่มสูงเช่นกัน เมื่อเดินเข้าห้องสอบภาคบ่าย ป้าลีขออาจารย์คุมแถวสอบ งีบกับเก้าอี้สิบห้านาที แจ้งให้อาจารย์ทราบว่า ป้าลีขอจบเทอมนี้ มีสอบเมื่อเช้าและยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืน... เมื่อถึงเวลาอาจารย์เดินมาปลุกให้ตื่นมาสอบ...อิอิ... แต่ก็ผ่านฉลุยค่ะ..กราบขอบพระคุณอาจารย์ท่านนั้นสุดๆ )
พอจบก็ทำงาน และกลับไปเรียนต่อนิด้าในอีก สองปีถัดมา ทั้งเรียนและทำงานเสาร์อาทิตย์ ก็จบมาได้อย่างภาคภูมิใจ
เรื่องการทำงานป้าลีไม่เป็นรองใคร เช่นกัน... อาชีพแรกในปีฟองสบู่แตก (ที่ปล่อยค่าเงินบาทลอยตัว หลายท่านคงจำได้ว่า คนหลายแสนต้องตกงาน และเด็กจบใหม่ก็หางานทำไม่ได้ คนฆ่าตัวตายอีกเพราะปัญหาเคลียด และอื่นๆ ที่เป็นวิกฤติในสมัยนั้น)
งานที่ป้าลีทำก็คือ เป็นนายหน้าขายประกัน ของบริษัท ทีพีไอ ประกันชีวิต เหตุเพราะว่า หางานอย่างอื่นทำไม่ได้
วันนั้นกลับจากวิ่งไปเขียนใบสมัครกับบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ทาง จังหวัดระยอง งานวันนั้นคือ พนักงานบัญชี... ระหว่างที่ป้าลีกำลังเขียนใบสมัครอยู่นั้น ก็มี สาวนางหนึ่งมาเขียนใบสมัครเช่นกัน.. นางมีลูกสองคน (ป้าลีชำเรืองดูนิดหน่อย) และประสบการณ์ทำงานมา แปดปี...
ป้าลีกรอกเงินเดือน 12,000
นางกรอกเงินเดือน 8,000
ป้าลีชะงักมือที่กำลังเขียนอยู่ทันที ยังเขียนไม่เสร็จด้วยซ้ำ...แต่ป้าลีตัดสินใจยื่นใบสมัครคืนเจ้าหน้าที่ บอกว่า ไม่สมัครแล้ว...และโทรบอกแม่
แล้วกลับบ้าน แม่บอกว่า ดีแล้วลูก อย่างน้อยคนที่ลำบากกว่าเราก็ยังมี.. ตั้งแต่วันนั้นป้าลีไม่เคลียดเรื่องหางานทำอีกเลย...
แล้วฟ้าก็มาโปรด ที่บริษัทประกัน ทีพีไอ เรียกตัวไปสัมภาษณ์แล้วให้เงินเดือน เดือนตามที่ต้องการ แล้วไปอบรมอยู่หนึ่งเดือนเต็มที่กรุงเทพฯ
ตอนแรกไม่คิดว่าจะทำอาชีพนี้ได้ เพราะป้าลีไม่ใช่คนสังคมอะไรมากนัก ไม่ชอบพูด และไม่ชอบง้อใคร แต่แม่บอกว่า ก็ลองดูสิไม่เห็นเป็นไร อย่างน้อยก็อยากรุ้ว่าเค้าอบรมอะไรกันเหรอ ..เออ แม่ป้าลีเจ๋งนะ แม่บอกว่า ไปนั่งอบรมเฉยๆ ได้เงินเดือน หมื่นสอง จะไปหาที่ใหนได้อีกสมัยค่าเงินบาทลอยตัวแบบนี้...
จากวันแรกที่ทำงาน ผ่านไปสามเดือน ป้าลีลาออกจากพนักงานกินเงินเดือน โดดมากินคอมมิชชั่นแทน.. และผ่านไป เข้าปีที่สอง ป้าลีก็เป็นตัวแทนดีเด่นแห่งชาติ และ ควบอีกหนึ่งรางวัลคือ ตัวแทนใหม่ที่มีลูกค้าเยอะ หรือไรนี่แหละ
ยังจำได้ว่า ได้รางวัลเป็นทองคำมูลค่า น้ำหนัก สองบาท... ยังจำได้ว่า กลับมาบ้านตอน ตีสามกว่าๆ เข้าไปปลุกแม่และเอาทองนั้น ให้แม่ไป.....
จากนั้นก็ประสบความสำเร็จในอาชีพนั้นอีกหลายปี โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปง้อใคร มีแต่ลูกค้าที่ถูกส่งมาจากลูกค้าเก่าแนะนำ งานล้นมือ ทำงานเกิน สิบชั่วโมงต่อวัน...
ได้ทุกอย่างที่อยากจะได้ และทำธุรกิจอย่างอื่น ควบคู่ไปด้วย เช่น เปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ โดยการจ้างครูมาสอน และเปิดธุรกิจขายสินค้าด้านความงาม มีลูกทีมไม่รู้กี่ร้อยคน จนจำผู้จัดการตัวเองได้ไม่ครบด้วยซ้ำ.. (นั่นคือความโง่ เขลา เบาสมอง คือความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง แต่มองไม่เห็น ณ ขณะนั้น)
(แล้วก็มีเจ้ง มีพลาด มีล้ม มีเคลียด เหมือนคนทั่วไปนะคะ และการล้มของป้าลีเรียกว่า เจ็บดังอึก..เลยทีเดียว... เพราะความมั่นใจคิดว่าตัวเองแน่ ไงคะ เลยประมาท.. เอาเป็นว่า ได้เยอะ ก้พลาดเยอะ และเจ็บเยอะ ประสบการณ์การหลงผิดก็เยอะ เพราะมั่นใจตัวเองสูง คิดว่าตัวเองแน่ไรงี้...แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ บทเรียนพวกนี้ป้าลีผ่านมาแหละ กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรบางครั้งเราก็ต้องสูญเสียซะก่อนนั่นแหละ ไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งน้ำตา..เรื่องนี้จริงค่ะ )
จนแต่งงาน และต้องใช้เวลาให้กับครอบครัว เพราะมีลูกสาวคนแรกหลังจากที่เฝ้ารอมานานสี่ปี..
และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นในการทำงานด้านเทรดเดอร์ ในตลาดลงทุนที่ชื่อว่า เอเฟท หรือ ตลาดล่วงหน้าแห่งประเทศไทยนั่นเอง
นั่นคืองานสุดท้ายก่อนที่ป้าลีจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ...
ก่อนลาออกจากงาน ... สิ่งหนึ่งที่ป้าลี ทำควบคู่กับงานประจำ ก็คือการลงทุนในที่ดิน (ไม่รวมอสังหาริมทรัพย์ ที่ดินเปล่าอย่างเดียว) ป้าลีลงทุนครั้งแรก จากเงินสด แสนห้า... (ตอนนั้นป้าลีอายุ 21) แน่นอนได้รับการสนับสนุนโดยค่ายยายพร เป็นผู้ส่งเข้าประกวด(แม่ป้าลีเอง)
จากวันนั้นถึงวันนี้ ป้าลีก็ยังคงเดินหน้าลงทุนต่อไป... แม้จะไม่ใช่เงินก้อนใหญ่โตอะไร แต่งานนี้ก็ทำให้ป้าลี มีโอกาสในชีวิตที่สามารถ เอาเวลาไปทำอย่างอื่น โดยที่ไม่ต้องไปร่วมชะตากรรมในออฟฟิช หรือ ไม่ต้องไปวิ่งหางานทำเมื่อมาใช้ชีวิตที่เมืองนอก..
มันฟังดูง่ายค่ะ ... แต่ถ้าย้อนกลับไปมอง วิธีการทำงานของป้าลี จะเห็นว่า ป้าลีทำงานเนิ่นนานต่อวัน มากกว่าอาชีพทั่วไป และการลงทุนของป้าลีมันเกิดมานานกว่า สิบปีด้วยซ้ำ ตั้งแต่ลูกชายคนแรกยังเด็กๆ ตอนนี้เค้าอายุ ย่างสิบเจ็ดแล้ว (เร็วเหมือนกันนะเนี่ย)
นั่นคือ ช่วงก่อนมาอยู่ยุโรปค่ะ
......................................................................................................
ป้าลีชนะการแข่งขันกอล์ฟ วิลสันโอเพ่น ในประเทศฟินแลนด์ //www.bloggang.com/viewblog.php?id=leejayfinland&date=06-11-2013&group=21&gblog=9
นี่คือ ลิ้งค์วิดีโอจากยูธูปเมื่อสมัยที่ป้าลียังเด็กค่ะ //www.bloggang.com/viewblog.php?id=leejayfinland&date=31-12-2010&group=8&gblog=1
Create Date : 06 พฤศจิกายน 2556 |
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2556 3:23:15 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1223 Pageviews. |
|
|
ขอบคุณมากๆ ถึงมากที่สุด ที่แวะไปให้กำลังใจที่blog ช่วงนี้ เอรู้สึกแย่ๆกับความรักและหลายๆอย่างในชีวิต แต่ก็สู้ค่ะ วันนึงอาจจะเป็นวันของเราบ้างก็ได้
อ่านเรื่องของ ป้าลี แล้วคิดว่า นี่คือผู้หญิงเก่งสุดๆคนหนึ่งที่ได้รู้จักในชีวิต แล้วจะแวะเข้ามาคุยด้วยบ่อยๆนะคะ