Bloggang.com : สมาชิกหมายเลข 755059

Dogsbody ดาวสุนัข

ดาวสุนัข Dogsbody (1975)

โดย Diana Wynne Jones

สนพ.Words Wonder Publishing

แปลโดย วรรธนา วงษ์ฉัตร

"ปัญหาของมนุษย์ก็คือ ความเชื่อแบบสุดโต่งของพวกเขา ดูเหมือนพวกเขาจะคิดว่าทุกอย่างที่ไม่น่าเป็นไปได้สามารถเกิดขึ้นได้ในยุคก่อน แต่เพียงเพราะเวลานี้เป็นยุคใหม่ พวกเขาก็เลยบอกเธอว่าทั้งหมดนั้นไม่ใช่เรื่องจริง"

ซิริอุส ดาวสุนัขซึ่งเป็น 1 ในดาวฤกษ์ชั้นสูงถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฆ่าดาวฤกษ์หนุ่ม ด้วยการบันดาลโทสะหลังจากใช้อาวุธที่มีชื่อว่า "โซอี้" แต่ด้วยความที่เคยทำความดีมาก่อนจึงถูกลดโทษไม่ถูกประหารชีวิต แต่ต้องไปตามหาอาวุธสุดอันตรายอย่าง "โซอี้" ที่สูญหายไปกลับมาให้ได้ แต่...ไม่ใช่ในฐานะดาวฤกษ์ชั้นสูงผู้ทรงพลังอีกต่อไป

ซิริอุส มาจุติเป็น "ลีโอ" หมาน้อยพันธุ์ผสมที่มีลักษณะคล้ายลาบราดอร์ตัวเล็กๆตาสีเขียวที่แทบไม่มีความทรงจำใดๆเหลืออยู่เลย มันถูกเก็บช่วยเหลือให้รอดชีวิตโดยสาวน้อยไอริชผู้มีจิตใจดีอย่าง แคธลีน ที่เธอก็ถูกรับเลี้ยงโดยครอบครัวของคุณดัฟฟิลด์

มิตรภาพ ความรัก ความผูกพันจึงเริ่มก่อเกิดเป็นความสัมพันธ์ระหว่างมันและเธอ

แต่ภายใต้เงื่อนเวลาของอายุและเงื่อนไขของสภาวะทางร่างกายอันจำกัดของหมา มันจะหาหนทางด้วยสติปัญญาอันจำกัดด้วยกระทำแต่ตามสัญชาตญาณที่เรียกร้องอยู่เรื่อยๆในการหาโซอี้มาชดใช้ได้ทันเวลาหรอกหรือท่ามกลางอุปสรรคอันมากมาย

..............................................................................

ถ้า Richard Adams เขียนยุทธการทุ่งวอเตอร์ชิป (Watership Down) ผ่านสายตากระต่ายอย่าง "เฮเซล" หรือ Kenneth Oppel เขียนชุดปีกเงิน ผจญภัย (Silverwing Series) ผ่านสายตาค้างคาว อย่าง "เชด" ได้เป็นอย่างดี Diana Wynne Jones เจ้าของผลงานเรื่องดังอย่าง ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์ (Howl's Moving Castle) ก็เขียนเรื่องนี้ผ่านสายตาหมาอย่าง "ลีโอ" ได้ดีจนคนอ่านเองอาจจะเอาใจช่วยมันอย่างไม่รู้ตัวได้ดีเช่นเดียวกัน เพียงแต่ถ้าเทียบกับ 2 เรื่องนั้นแล้วออกจะผจญภัยน้อยกว่ากันเยอะทีเดียว

เป็นหนังสือที่อ่านง่าย สนุก เพลิดเพลิน มีความน่ารักของสิ่งมีชีวิตอย่างหมาและแมว

ผมอมยิ้มเลยนะในฉากที่ลีโอติดหมัดแล้วทิบเบิ้ลส์ เรียก "อีตาบ้า" โอ๊ย ฮาจริงๆ เหมาะแก่การให้ทุกวัยอ่านจริงๆ ถามว่าทำไมล่ะ...ถึงคราวสาธยายละ

เริ่มจากวัยผมก่อนเลยละกัน วัยรุ่น...เอ๊ย ไม่ใช่ๆ 55 แอ๊บไม่ไหวละ ผู้ใหญ่ เราจะสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนที่ชีวิตประจำวันเราอาจจะหลงลืมไป หนังสือเล่มนี้ จะมีให้เราผ่านสิ่งมีชีวิตอย่างลีโอกับแคธลีน ผ่านการให้โดยไม่มีเงื่อนไขของมิสสมิธ รวมถึงเหตุการณ์กบฏ IRA ที่มันส่งผลกระทบไปทั่วแก่ชาวไอริชและชาวอังกฤษ แต่ผู้ไม่ได้กระทำอย่างเด็กๆก็ได้รับ

ผลกระทบไปด้วย เป็นเหตุการณ์ในมุมหนึ่งของโลกที่เตือนวัยอย่างเราให้คิดอะไรให้รอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไปที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง โดยเฉพาะผู้มีอำนาจทั้งหลาย

มาถึงวัยรุ่นจริงๆแล้ว วัยที่คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ดุจดาวฤกษ์ชั้นสูง พลังเพียบ บันดาลโทสะบ่อยๆ ก็จะได้เรียนรู้ถึงความยากลำบากของการบันดาลโทสะ เรียนรู้ในการปรับตัวให้เข้ากับโลกใบนี้ เหมือนดั่งลีโอ ทำตัวให้เล็กได้ใหญ่เป็นและรับรู้ได้ว่าความสวยงามก็มียาพิษซ่อนอยู่เช่นเดียวกัน

ท้ายที่สุดเลยวัยเด็กน้อยแน่นอนความสนุกของเรื่องชวนให้จินตนาการบรรเจิดแน่ๆ ได้เรียนรู้ว่าโลกใบนี้มีผู้คนที่หลากหลายมีทั้งคนที่เป็นแบบมิสสมิธ แบบดัฟฟี่ สัมผัสกับความรักระหว่างสิ่งมีชีวิตทั้งในแบบคนต่อคน คนกับสัตว์ สัตว์กับสัตว์ และทำความรู้จักกับความสูญเสียอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นยังก่อให้เกิดผลทางอ้อมทำให้อยากรู้อยากเห็นทางวิทยาศาสตร์อีกด้วยว่า ดาวซิริอุส ดาวบีเทลจูสและดาวต่างๆในเรื่องอยู่ตรงไหนบนท้องฟ้าในยามราตรีกาลน้อ

แฟนตาซีที่ส่งเสริมด้านความอ่อนโยนละมุนละไมของชีวิตแก่ทุกวัยจริงๆครับ

"โลก!...มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเลยสักนิด แต่มันเป็นดาวเคราะห์...เป็นดาวเคราะห์ที่งดงามและมีเมตตามากที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จัก

แน่นอนว่าเขาเคยคุยกับโลก เขาคุยกับโลกทุกครั้งที่ออกไปเดินเล่นรอบทุ่งหญ้าหรือเดินลุยแม่น้ำหรือสูดอากาศและโลกก็คุยตอบเขาในทุกวิธีที่ทำได้ เช่น

ในกลิ่นและภาพ...

ในความสง่างามของทิบเบิลส์

ในเสน่ห์งี่เง่าของแพ็ตซี่

ในความตรงไปตรงมาของมิสสมิธ...

ในความเมตตาของแคธลีน...

ในความหยาบกระด้างของบาซิล

และแม้กระทั่งในความเยือกเย็นของดัฟฟี่

โลกประกอบด้วยครึ่งหนึ่งของจักรวาล และโลกสอนทุกอย่างที่เขารู้..."

คะแนน 8.4/10