The Island Of Dr.Moreau เกาะของ ดร.มอโร




เกาะของ ดร.มอโร 
The Island Of Dr.Moreau (1896)
โดย H.G.Wells 
สนพ.เวลา แปลโดย ประสิทธิ์ ตั้งมหาสถิตกุล

"...ก่อนหน้านี้พวกนี้ คือ สัตว์ป่า มีสัญชาตญาณอันแนบสนิทกับธรรมชาติแวดล้อม มีความสุขอย่างที่สิ่งมีชีวิตพึงมี ทว่าบัดนี้ พวกมันกลับต้องมาติดอยู่ในโซ่ตรวนความเป็นมนุษย์ อยู่กับความกลัวที่เกาะกุมชีวิตตลอดเวลา วิตกกังวลกับกฎที่ตนไม่อาจเข้าใจ ชีวิตที่ลอกเลียนมนุษย์ของพวกมัน เริ่มต้นด้วยความทุกข์ทรมาน แล้วก็ดำรงอยู่ด้วยความขัดแย้งภายในมายาวนาน...เพื่ออะไรกันเล่า?"

เมื่อเรือเลดี้เวนที่ เอ็ดเวิร์ด เพร็นดิกโดยสารมา เกิดอัปปางลง เขารีบหนีลงเรือบดด้วยความทุลักทุเล พร้อมกับพวกอีก 2 คน แต่สุดท้ายมีเพียงตัวเขาที่รอดลอยทะเลมา จนได้รับการช่วยเหลือจากชายไม่รู้จัก "มอนต์โกเมอร์รี่" ที่โดยสารมากับเรือลำหนึ่งซึ่งผ่านมาพอดี พร้อมกับสัมภาระที่เป็นสิงสาราสัตว์ชนิดต่างๆ

เมื่อเรือแล่นมาถึงจุดหมายปลายทางที่มอนต์โกเมอร์รี่ ว่าจ้างให้ไปส่ง กัปตันเรือก็ได้ไล่ส่งเขาลงจากเรือไปให้พ้น

เกาะที่เขาได้เหยียบย่ำ นั่นก็คือ เกาะของชายลึกลับนามว่า "มอโร"

ระหว่างที่เขาอยู่บนเกาะแห่งนี้ การทดลองอันลึกลับของมอโร
ที่น่าสยองขวัญพองเกล้า ก็ค่อยๆเผยความน่าสะพรึงกลัวแก่ตัวเขาใหัเป็นที่ประจักษ์

นี่คือชะตากรรมที่เขาต้องเผชิญ หลังรอดพ้นความตายจากท้องทะเลตามธรรมชาติ เพื่อมาผจญกับความเสี่ยงตายอีกรอบ ด้วยฝีมือรังสรรค์ของมนุษย์ที่ท้าทายอำนาจของพระเจ้า...

คุ้มค่าแก่การรอคอยกับเรื่องขึ้นหิ้งคลาสสิกที่ผ่านมากว่า 120 ปีของ H.G.Wells บิดานิยายวิทยาศาสตร์ ที่เคียงข้างมากับ Jules Verne

เป็นเรื่องที่อ่านง่าย อ่านเพลิน เผลอแป๊บเดียวก็จบแล้ว 
(ผมอ่านช้านะ แต่เทียบกับอัตราความเร็ว ในการอ่านของผมเอง ถือว่าจบเร็วมากๆ) ภาษาในการแปลสวยทีเดียว รวมถึงปกก็ออกแบบได้สวย ผมพลิกดูปกระหว่างการอ่านบ่อยครั้งพอควร ดูแล้วเข้ากับเรื่องมากๆ

Wells เขียนโดยใช้บันทึกเปิดเรื่อง แล้วที่เหลือก็ร่ายยาวผ่านมุมมองของบุคคลที่ 1 นั่นคือผ่านมุมมองของ เพร็นดิก ยิ่งส่งเสริมให้เราเข้าไปอยู่ในเนื้อเรื่องได้ง่าย เสมือนหนึ่งเราเป็นตัวเขาเอง ตื่นเต้น ลุ้นไปพอสมควรเลยว่า จะมีตัวอะไรหลบซ่อนอยู่ ถึงแม้หลายๆคนอาจจะผ่านตาจากภาพยนตร์มาก่อนด้วย จนน่าจะพอรู้ว่า "อสูร" ที่มอโร สร้าง คือตัวอะไรบ้าง อยู่ก่อนแล้วก็ตาม

คุณค่าของสารที่ Wells ต้องการจะสื่อ นอกจากสารหลัก คือ เรื่องน้ำหนักตาชั่งด้านจริยธรรมกับความกัาวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ว่าเราจะโน้มเอียงตาชั่งให้สมดุล มี
ผลกระทบ ผลเสียให้น้อยที่สุดแล้ว 

แต่ยังสื่อด้านการผ่าตัดที่ไม่ใช่เพียงเนื้อกายหยาบ แต่ชำแหละลึกลงไปในจิตใจของมนุษย์ด้วยซ้ำว่า มนุษย์ที่จิตใจมีความเป็นปิศาจ ดูน่ากลัว  มีเล่ห์เหลี่ยม  หลากหลายอารมณ์ยากจะคาดเดา มากกว่า สัตว์ที่ถึงแม้จะถูกดัดแปลงเป็นมนุษย์ มีเขี้ยว ความดุร้ายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สุดท้ายมันก็เพียงแสดงออกตามสัญชาตญาณดิบ ไม่ผ่านการปรุงแต่งอะไรมากมาย นอกจากประทังความหิวและปกป้องชีวิตตนเองเพียงเท่านั้น

ป.ล. ในความเห็นผม หนังสือเล่มนี้เปรียบเสมือน มนุษย์ล่องหน (The Invisible Man) ที่ผ่านสงครามล้างพิภพ ( The War of The Worlds) มายังดินแดนคนตาบอด (The Country of The Blind) ที่มองข้ามผลงานชิ้นนี้ไป เพื่อพาเรานั่งไทม์ แมชชีน (The Time Machine) กลับไป 120 ปี ดื่มด่ำกับอาหารทิพย ์(The Food Of The Gods) ทางสมอง...และแล้ววันนั้นก็มาถึง (A Story of Day To Come) ให้ข้าพเจ้าได้อ่านในวันนี้...พิมพ์จำนวนจำกัดนะครับแค่ 700 เล่ม

คะแนน 8.2/10



Create Date : 09 กันยายน 2559
Last Update : 9 กันยายน 2559 16:12:03 น.
Counter : 3395 Pageviews.

2 comments
  
ปกสวยจริง ๆ ด้วยสิคะ
เรื่องนี้เคยดูฉบับภาพยนตร์ ( หลายปีมว๊ากกก )

โดย: Serverlus วันที่: 10 กันยายน 2559 เวลา:22:30:00 น.
  
หนังจำอะไรไม่ค่อยได้ จำได้เลาๆแค่ว่าไม่สนุกเท่าไหร่ครับ

นิยายวิทยาศาสตร์ในตลาดแบบนี้เหลือน้อยลงทุกที มี สนพ.เวลานี่แหละครับที่พอมีผลงานออกมาเรื่อยๆ แม้ไม่ถี่มากแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลยครับ
โดย: leehua (สมาชิกหมายเลข 755059 ) วันที่: 11 กันยายน 2559 เวลา:20:12:17 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 755059
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]



New Comments
กันยายน 2559

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
22
23
24
25
26
27
29
30
 
 
All Blog