ประสบการณ์จากห้องเรียน
English version
หัดขีด หัดเขียน
<<
มีนาคม 2552
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
26 มีนาคม 2552
บทเรียนราคาแพงเมื่อเราใจดีกับนักเรียนมากเกินไป
บทเรียนราคาแพงเมื่อเราใจดีกับนักเรียนมากเกินไป
เมื่อผมพูดถึงตัวเองแล้วผมเห็นอะไร
ฉันจะเรียนอะไรดี
ปัญหาเเอดมิชชั่นในปีนี้ ที่ดูจะร้อนเสียยิ่งกว่าปีที่แล้ว เฮ้อ...
โดนไวรัสเล่นงานจนได้ ....
เด็กเก่งนี่น๊า ... มันเก่งจริง ๆ แฮะ
ไม่ได้อัพมานานม๊ากกกกกก ได้เวลาตอบ tag ซะที
เข้มงวดเสียก่อน คุณจึงจะโอนอ่อนได้
งานกีฬาสี
สวัสดีปีใหม่ครับ
เป็นหวัดรับคริสต์มาส - -"
ได้เวลาลงคะแนน
ชายที่ยืนอยู่เบื้องหลัง
รู้สึกเหนื่อย ๆ จังช่วงนี้
สิ่งที่เราสอนเด็กไม่ได้
มาดูพฤติกรรมของเด็กกันบ้างดีกว่า
เรื่องยุ่งยากกับสมุดสีชมพู
ความประทับใจต่อคนคนหนึ่ง
You did a good job today!
เมื่อนักเรียนร้องไห้ในห้อง(ซวยละสิตู)
เมื่อเด็ก ๆ ไม่ฟังเรา
ได้เวลาสอนแล้ว(จะตายไหมเรา)
จุดเริ่มต้น
บทเรียนราคาแพงเมื่อเราใจดีกับนักเรียนมากเกินไป
ตลอดสามปีที่ได้มาเป็นครูพิเศษหรือพาร์ทไทม์ ผมได้เห็นประสบการณ์ที่ทั้งดีและไม่ดีที่ได้จากการสอนหนังสือ วันนี้ผมอยากจะพูดถึงประสบการณ์ด้านลบที่ผมได้รับจากการสอนหนังสือ เป็นประสบการณ์ที่เกิดจากความผิดพลาดของตัวผมเอง
เมื่อเริ่มแรกที่เป็นครูสอนหนังสือผมมีอาการตื่นเต้นมากเกินไปในการสอน ทำให้การสอนไม่ได้ผลตอบรับที่น่าพอใจ บุคลิกที่นับได้ว่าเป็นข้อเสียของผมอย่างหนึ่งก็คือผมเป็นคนที่ใจดีเกินไป ผมไม่ชอบขึ้นเสียงกับใครนัก เมื่อใดที่ทำผมมักจะกลับมานั่งทบทวนรู้สึกผิดอยู่คนเดียวเงียบ ๆ เพราะผมไม่ชอบอากัปกิริยาของตัวเองที่แสดงกับคนอื่น จากพื้นฐานทางความคิดของตัวเองในลักษณะนี้ทำให้น้อยครั้งนักที่ผมจะตักเตือนเด็กด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
ตอนแรกผมมองว่าการเป็นครูที่ใจดีนั้นไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่อย่างใด ตรงกันข้ามผมมองว่าเด็กพอใจที่ได้เจอครูแบบนี้ ตัวผมเองก็พอใจที่เด็กชอบและก็ดูจะตั้งใจเรียนกันดี ผมต้องใช้เวลาถึงสามปีกว่าจะตระหนักได้ว่าตัวเองได้ทำผิดพลาดอย่างมหันต์
ความผิดพลาดนั้นคืออะไร ผมเชื่อว่าคนเป็นครูที่มีประสบการณ์คงจะเข้าใจได้ และพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกเป็นก็ย่อมจะเข้าใจได้ไม่ยากเช่นกัน
ธรรมชาติของมนุษย์ย่อมเอาความพึงพอใจของตนเองเป็นที่ตั้ง สิ่งนี้ขัดแย้งกับกฎระเบียบที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเพื่อควบคุมพฤติกรรมของตนเอง เด็กนักเรียนทุกคนก็มีพื้นฐานทางความคิดที่แตกต่างกันไปแต่จุดที่เหมือนกันก็คือพวกเขาไม่สามารถบังคับตนเองให้อยู่ในกฎระเบียบได้ตลอดเวลา และแม้ว่าในตอนแรก ๆ พวกเขาจะดูตั้งใจเรียนกันดีแต่พอเวลาผ่านไปได้เพียงแค่เทอมเดียวพวกเขาก็ปล่อยธรรมชาติของเด็กในตัวออกมา ไม่สนใจเรียนมากขึ้น ชอบแหกกฎ ไม่ฟังที่ผมสอน และที่สำคัญพวกเขาไม่กลัวผมเลย
ความกลัวใช่ว่ามีแต่ด้านลบ ด้านบวกของมันก็มีอยู่เหมือนกันโดยเฉพาะกับเด็ก ๆ ผู้เฒ่าผู้แก่มักสอนให้เด็ก ๆ กลัวเรื่องผีหรือเรื่องลึกลับต่าง ๆ ก็เพื่อปรามความประพฤติของเด็ก ๆ ไม่ให้ซนจนเกินไป
แม้ว่าในปัจจุบันความกลัวครูของเด็กนักเรียนจะลดน้อยถอยลงไปไม่เหมือนสมัยเมื่อราวสิบยี่สิบปีก่อน แต่ครูที่มีบุคลิกที่ดูดุ ไม่โอนอ่อนแต่แข็งหรือมีบุคลิกดูไม่เป็นมิตรยังพอจะข่มนักเรียนได้บ้าง
แต่สำหรับครูที่แทบจะไม่เคยดุเลยอย่างผมนั้น แน่นอนว่าเด็กจะไม่มีทางกลัวเพราะผมได้แสดงความเป็นมิตรกับพวกเขามากเกินไปแล้วนั่นเอง
สิ่งที่ผมได้สัมผัสมาก็คือเด็กพวกนี้ไม่ใช่ว่าไม่มีจิตสำนึกเรื่องผิดชอบชั่วดีหรอกนะครับ พวกเขามีสิ่งนี้อยู่ในตัวหากแต่ว่าถ้าเราไม่เน้นย้ำอยู่ตลอดเวลามันจะค่อย ๆ ถูกฝังลงไปในใจของพวกเขาเรื่อย ๆ จนชินชากับการทำผิดไปในที่สุด
ผมเลยกลายเป็นครูที่ไม่มีอำนาจใด ๆ ต่อตัวนักเรียนนอกจากมาทำหน้าที่สอนและให้คะแนนเท่านั้น แน่ละว่าผมรู้สึกผิดหวัง ผมไม่ได้ผิดหวังกับนักเรียนแต่ผมผิดหวังกับตัวเองที่ไม่สามารถคุมนักเรียนได้เลย
บุคลิกที่ผมแสดงออกกับนักเรียนไปนั้นเป็นธรรมชาติของตัวผม ความเป็นคนใจดีและคุยสนุก แต่มันกลับให้ผลร้ายกับผมซะเองเพราะถ้าผมจะกลับมาว่านักเรียนนั้นก็กลายเป็นว่าผมกำลังฝืนทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเองและนักเรียนก็จับจุดตรงนี้ได้เป็นอย่างดีด้วยเหตุนี้ไม่ว่าผมจะทำอย่างไรพวกเขาก็ไม่ได้ฟังผมมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นัก
ที่แย่กว่านั้นคือผมใช้เวลาสามปีที่จะตระหนักถึงความจริงข้อนี้ ก่อนหน้านี้ผมมักมองข้ามปัญหาไปโดยคิดว่าเด็ก ๆ ก็แบบนี้แหละ คุมยาก คุมไม่อยู่ แต่ความจริงคือทุกอย่างอยู่ที่เรา อยู่ที่ครู และอยู่ที่ผู้ใหญ่ทุกคน
ตอนนี้ผมพอเข้าใจแล้วว่าทำไมเราต้องปราบเด็ก ต้องตักเตือน ต้องดุหรือแม้แต่ต้องตีพวกเขา การลงโทษนั้นสมควรจะมีแต่ต้องมีขอบเขต ทุกอย่างไม่ว่าชมหรือตักเตือนก็ต้องมีความพอดี หากแต่ปัจจุบันนี้ความพอดีเหมือนไม่มีที่อยู่ เด็กมองอย่างหนึ่ง ครูมองอย่างหนึ่ง แต่ที่แย่กว่าคือผู้ปกครองของเด็กก็มองไปอีกทางหนึ่ง
โดยส่วนตัวผมรู้ว่าควรทำอย่างไรมากขึ้น แต่ก็ยังไม่อาจบอกได้ว่าผลลัพธ์จะออกมาดีหรือไม่ แต่ผมต้องเตือนตัวเองว่าอย่าใจดีมากเกินไปและต้องสอนให้นักเรียนเข้าใจกฎระเบียบมากขึ้น กับเทอมใหม่กับนักเรียนใหม่ ส่วนนักเรียนที่เคยเรียนกับผมมาผมก็ต้องเล่นกับเขาน้อยลงและมีสมาธิกับการสอนมากขึ้น
บทเรียนราคาแพงนี้สอนให้ผมเข้าใจถึงสิ่งที่คนสมัยก่อนทำกันมา สมัยที่ผมเป็นนักเรียนผมก็ไม่ชอบหรอกกับการถูกลงโทษ แต่เมื่อเราทำผิดเราก็ต้องยอมรับว่าผิด และการยอมรับผิดทำให้เรารู้จักรับผิดชอบและขอบเขตของการกระทำ น่าเศร้าที่ทุกวันนี้เด็ก ๆ ไม่สำนึกในจุดนี้ขณะที่พ่อแม่ก็ปกป้องลูกของตัวเองมากเกินไป ทำให้คุณภาพของเด็กในทุกวันนี้น่าเป็นห่วงมากขึ้น แม้เด็กดี ๆ จะยังมีอยู่ แต่โดยภาพรวมแล้วก็เหมือนน้ำในลำคลองทุกวันนี้ที่มีแต่จะเน่าเสียลงเรื่อย ๆ แม้น้ำดีจะยังมีอยู่แต่สีของน้ำก็ไม่ชวนน่าดื่มน่าใช้เหมือนในอดีตเสียแล้ว
Create Date : 26 มีนาคม 2552
Last Update : 26 มีนาคม 2552 21:49:53 น.
2 comments
Counter : 4820 Pageviews.
Share
Tweet
อารมณ์เดียวกันเลยครับ
สอนเด็กนี้สอนยากชมัด ปรามอะไรไม่ค่อยฟัง (ก็ไม่กลัวนิน่า) บางทีรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหัวหลักหัวตอเลยอ่ะครับ
โดย: โจโฉ IP: 124.120.3.182 วันที่: 14 เมษายน 2552 เวลา:19:54:46 น.
อ่านเรื่องของคุณครู แล้วนึกถึงสมัยเรียนเลย ..
ตอนเป็นเด็ก ก็เคยไม่เชื่อฟังคุณครูบ้างเหมือนกันนะ ..
.
.
ตอนนั้น ครูคนนั้นเป็นครูมาใหม่ ประมาณว่าเพิ่งจบมา ก็ยังไม่มีประสบการณ์ ดูแล้วสอนไม่ค่อยเป็น .. พูดวกวนฟังไม่เข้าใจเลย .. พวกเราในฐานะนักเรียน ก็เลยพากันต่อต้านด้วยวิธีต่างๆ เช่น ไม่ค่อยฟัง ไม่ค่อยตอบเวลาที่ครูถาม ( ดูแล้วไม่ค่อยดีเลยเนอะ
)
.
.
แต่พอนานวันไป เหตุการณ์มันก็เปลี่ยนไปนะ
เพราะความพยายามของคุณครูคนนั้น ที่พยายามจะแก้ไขตัวเอง ในข้อที่มองแล้วเห็นว่าบกพร่อง
พยามยามสอน เด็กไม่เข้าใจ ก็พยายามย้ำอยู่อย่างนั้น เอาใจใส่การสอนอยู่ตลอดเวลา
.
.
จากเมื่อก่อนที่พวกเรามองว่า น่าเบื่อ .. ความรู้สึกมันก็เปลี่ยนไป กลายเป็นว่า .. เราแพ้ใจคุณครูกันซะอย่างนั้น
.
.
ทั้งนี้ ก็อยากจะเล่าให้ฟังอ่ะจ้ะ
ว่า อะไรๆ ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับความพยายามนะจ๊ะ
.
.
ขอให้คุณครูอย่าเพิ่งท้อนะ .. สู้ๆต่อไป
แนวคิดของคุณครูเริ่มมาถูกทางแล้ว ..
(รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตีเนอะ)
แต่ คุณครูต้องอย่าลืม การที่เราจะให้ใครอยู่ในโอวาท ไม่ใช่ว่า จะต้องใช้แต่พระเดชนะคะ พระคุณก็ต้องควบคู่กันไป
ขอให้คุณครูใช้ทั้งสองอย่าง อย่างพอเหมาะพอดีนะคะ
.
.
เป็นกำลังใจให้นะคะ คุณครู
โดย:
แมงป่องไร้พิษ
วันที่: 27 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:52:20 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Mr.Learning
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
บางครั้งคนเราก็มีความคิดอยู่ในสมองมากเกินไป บางครั้งบางคราวก็ปลดปล่อยมันออกมาให้คนอื่น ๆ รู้จักตัวเราเสียบ้างน่าจะดี
ผีกองกอย
อุรัสยา
Doderic
iwrite4u
everything on
"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
กายแก้ว
หนอนหนังสือตัวเป้ง
Johann sebastian Bach
แมงป่องไร้พิษ
nutuang
amatuer translator
สายลมอิสระ
Webmaster - BlogGang
[Add Mr.Learning's blog to your web]
wikipedia
Bloggang.com
สอนเด็กนี้สอนยากชมัด ปรามอะไรไม่ค่อยฟัง (ก็ไม่กลัวนิน่า) บางทีรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหัวหลักหัวตอเลยอ่ะครับ