|
THE STONE ROSES ; All The Colours Fade
Blog วันก่อนเขียนถึง The Charlatans ไปแล้ว ถ้าไม่เขียนถึง Stone Roses คงไม่ได้เด็ดๆ เพราะในช่วงปลายยุค 80 ถึงกลางยุค 90 ไม่มีวงดนตรีอังกฤษวงไหนสำคัญและยิ่งใหญ่ไปกว่าพวกเขา แน่นอนว่าหากคุณเป็นคนที่โตมากับดนตรีอเมริกัน กรันจ์ ร๊อค วงดนตรีอย่าง Stone Roses คงไม่ได้มีความหมายอะไรกับคุณมากมายนัก แต่หากคุณโตมากับเพลงจากฝั่งอังกฤษ ชื่อของ Stone Roses คือหนึ่งในหน้าแรกๆของประวัติศาสตร์การฟังเพลงของคุณแน่นอน Stone Roses เริ่มฟอร์มวงและออกทัวร์ในอังกฤษประมาณช่วงกลางยุค 80 มีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกหลายครั้ง ก่อนจะมาลงตัวในชุดที่ถือว่าเป็น Classic Line Up ของวง Stone Roses ยุค Classic Line Up ประกอบไปด้วย - Ian Brown (ร้องนำ) - John Squire (กีต้าร์) - Gary Mani Mounfield (เบส) - Alan Reni Wren (กลอง) - Cressa ( คนนี้เป็น On Stage Dancer ประจำวง เก๋นะฮ้า มี Dancer ซะด้วย อิอิ )
พวกเขาเริ่มสร้างชื่อเสียง ตั้งแต่ยังไม่มีอัลบั้มซักชุด ด้วยการตัดซิงเกิ้ลเพลง Sally Cinnamon ในปี 1987 เพลงเนื้อหาเศร้าๆ จังหวะ Catchy น่ารักๆ ในปลายปี 88 นั่นเอง พวกเขาก้อเข้าสตูดิโอบันทึกอัลบั้มเปิดตัวสุดคลาสสิคชื่อเดียวกับชื่อวงออกมาในเดือนมีนาคม ปี 89 และ...... ที่เหลือก็คือประวัติศาสตร์ พวกเขาไม่ใช่เด็กหนุ่มข้างถนนธรรมดาๆจากแมนเชสเตอร์อีกต่อไป
ในทุกๆโชว์ เบสของ Mani ลากยาวๆมาในท่อนอินโทรของ I Wanna Be Adored เพลงเปิดสุดขลัง ก่อนที่ Ian จะเดินส่ายอาดๆท่าลิงๆ เล่น Yo Yo เรืองแสงขึ้นเวทีมา ความที่เป็นวงดนตรีที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ทำให้พวกเขาเป็นแรงบันดาลใจของใครๆหลายคน ไม่ว่าจะเป็น สองพี่น้อง Gallagher แห่ง Oasis, John Power แห่งวง Cast, Mark Morris แห่ง The Bluetones, Rick Witter แห่ง Shed 7,Thom York, แม้กระทั่งวงอิเลคโทรนิคอย่าง Chemical Brothers , Paul Oakenfold (Paul เคยเป็น Dj Warm Up ก่อนเริ่มโชว์ให้ Stone Roses อยู่หลายงาน)และวงรุ่นหลังๆอย่าง Delays และ Kasabian หลายคนคิดว่ามันไม่น่าจะยากหากคิดจะฟอร์มวงอย่าง Stone Roses ขึ้น ทำเพลงแบบพวกเขา และ ประสบความสำเร็จแบบพวกเขา แต่มันต้องยากแน่นอน หากวงของคุณไม่มีมือกีต้าร์ฝีมือระดับ John Squire และนักร้องบุคลิกโดดเด่น(แบบลิงๆ อิอิ) อย่าง Ian Brown อัลบั้มเปิดตัวชุดแรกของ Stone Roses เรียกได้ว่าเป็นอัลบั้มสามัญประจำบ้านที่วัยรุ่นทุกคนในยุคนั้นต้องมีเลยทีเดียว (รวมทั้งกางเกงทรง Baggy และผมทรงดอกเห็ด) และถ้าผมจำไม่ผิด ทายซิว่าหนังสือแทบลอยด์อย่าง NME ให้อัลบั้มชุดไหนเป็นอัลบั้มอันดับที่ 1 ของ 100 Greatest Albums Of All Time ไม่ใช่ OK Computer ของ Radiohead, ไม่ใช่ White Album ของ Beatles ใช่แล้วมันคืออัลบั้มแรกของ Stone Roses อัลบั้มที่มีเพลง 3-4 คอร์ดง่ายๆชุดนี้นี่เอง หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากกับอัลบั้มแรก พวกเขาก็ทิ้งช่วงไปนานถึง 5 ปี เป็น 5 ปีที่เหลวแหลกเงินหมดไปกับยาเสพติด การฟ้องร้อง แต่ก็ยังมีคนเห็นสมาชิกบางคนของวงยังไปนั่งชิลด์เอาท์ดูฟุตบอลในที่นั่งชั้นแขกรับเชิญของสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเตดแทบจะทุกสัปดาห์ที่มีการแข่งขัน และเดือนธันวาคมปี 1994 พวกเขาก็ได้ฤกษ์ปล่อยอัลบั้มชุดที่สองที่แฟนเพลงรอคอยมาอย่างยาวนาน
Second Coming คือชื่ออัลบั้มชุดที่ 2 ของ Stone Roses แค่ซิงเกิ้ลเปิดตัว Love Spreads ก็สร้างความมึนงงให้บรรดาแฟนเก่าๆของวงกันไปตามๆกัน เพราะมันไม่ใช่ Stone Roses เมื่อ 5 ปีก่อนอีกต่อไป อัลบั้มชุดนี้ เรียกได้ว่าเป็นร๊อคอัลบั้มก็ว่าได้ การเล่นกีต้าร์ของ John ใน Second Coming เรียกว่าบรรลุติดเพดานไปแล้ว มันเป็นกีต้าร์สไตล์ Jimmy Page ที่ John ได้รับอิทธิพลมาระหว่างแต่งเพลงในอัลบั้มชุดนี้ คุณลองฟังเพลงอย่าง Breaking Into Heaven, Love Spreads หรือ Good Times แล้วจะรู้ว่านี่ไม่ใช่ฝีมือของนักกีต้าร์ระดับพื้นๆอย่างแน่นอน ซึ่ง John เคยให้สัมภาษณ์แบบไม่เกรงใจแฟนเพลงระหว่างการทำอัลบั้มชุดนี้ว่า อัลบั้มต่อไปของเราจะไม่เหมือน Stone Roses ที่คุณเคยฟังอีกต่อไป ถ้าคุณยังต้องการให้เพลงในชุดใหม่ของเราเป็นอย่างในอัลบั้มแรก ก็เชิญไปฟังวงอื่นได้เลย ก็จริงอย่างที่ John ว่า เพราะระหว่างที่ Stone Roses หายไป 5 ปี มีวงดนตรีมากมายพยายามทำเพลงให้ได้ซาวด์แบบพวกเขา อย่าง Bluetones, Inspiral Carpets, The Las, The Soup Dragon รวมทั้ง The Charlatans แต่หลังจากที่ปล่อยอัลบั้มที่ 2 มาได้เพียง 2 ปี Stone Roses ก็ประกาศยุบวงในที่สุด หลังจบทัวร์ Reading Festival ในปี 1996 ด้วยปัญหาความขัดแย้งภายในวง "Having spent the last ten years in the filthiest business in the universe it's a pleasure to announce the end of the Stone Roses. May God bless all who gave us their love and supported us throughout this time, special thanks to the people of Manchester who sent us on our way. Peace be upon you." - Ian Brown, Manchester, 29 October 1996
John ไปฟอร์มวงใหม่ของตัวเอง คือ The Seahorses แต่ก็ออกอัลบั้มมาได้ชุดเดียวก็แยกวงไป ตอนนี้เค้าเป็น Solo Artist มีอัลบั้มออกมา 2 ชุด Ian เป็น Solo Artist เช่นกัน มีอัลบั้มออกมาตอนนี้ 4 ชุดแล้วและ แฟนเพลงก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี Mani ไปได้ดีอยู่กับ Primal Scream วงของ Bobby Gilespie Reni มือกลองคนเก่งยังคงเล่นดนตรี มีวงอินดี้เล็กๆของตัวเองชื่อวง The Rub ซึ่งเค้ารับหน้าที่เล่นกีต้าร์และร้องนำเองซะด้วย
Discography - The Stone Roses (1989) - Turns Into Stone (B-sides Album 1992) - Second Coming (1994) - The Complete Stone Roses (Compilation Album 1995)
Wild sounds with attractive melodies. We chose the name The Stone Roses because it reflects this contradiction.The name was a contradiction - something hard and something pretty, something noisy but tuneful." - John Squire
| | |
| |
-_-' นึกว่าวงนี้มีแค่ชุดเดียวซะอีก
อิๆ ชอบ Primal Scream นะ
แต่ไม่ชอบชุดล่าสุดอะ T_T