เทพคิมหันต์



ย้อนคืนกลับสู่...ห้วงแห่งนิมิตฝันของผมเมื่อราว 20 ปีก่อนอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่หญิงชราได้ยินยอมให้บุตรชายผู้เป็นที่รักดั่งดวงใจเดินทางสู่มหาปราสาทนครวัด เพื่อพบกับองค์เทพทองในย่ำรุ่งก่อนคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 ไปแล้วนั้น หญิงชราก็เฝ้ารอคอยการกลับมาของบุตรชายไม่เว้นแต่ละวัน จวบจนเวลาได้ล่วงเลยไปครบขวบปี ก็ยังไม่เห็นวีแววของบุตรชายได้กลับมามายังตนแต่อย่างใด และด้วยเหตุนี้เองทำให้หญิงชราได้ตัดสินใจเดินทางไปยังมหาปราสาทหินนครวัดอีกครั้งหนึ่ง ด้วยวาดหวังว่า...ตัวเองจะมีโอกาสได้พบเห็นกับบุตรชายผู้เป็นที่รักดั่งดวงใจของตนนั่นเอง ซึ่งหญิงชราได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะออกเดินทางไปยังปราสาทนครวัดในย่ำรุ่งก่อนคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 ในปีต่อมานั่นเอง

และแล้ว...ยามย่ำรุ่งของวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 หญิงชราตัดสินค้าเดินทางออกจากบ้านมุ่งหน้าสู่ปราสาทนครวัด เพื่อหมายมุ่งที่จะได้เจอกับบุตรชายผู้เป็นที่รักดั่งดวงใจ แต่จากเพราะเป็นหญิงชราทำให้การเดินทางไปยังปราสาทนครวัดนั้นช่างแสนลำบากยากเข็ญยิ่งนัก ประกอบกับแสงแดดที่แผดจ้าก็ยิ่งทำให้รู้สึกเหนื่อยอ่อนตลอดระยะทาง แต่เพราะหญิงชรามีจิตใจที่มุ่งมั่นอย่างแรงกล้า จึงได้ฝ่าฟันอุปสรรคทั้งปวง เพื่อที่จะเดินทางไปถึงที่หมายให้จงได้ เริ่มจากรุ่งสาง..จนตะวันสาดส่องเต็มท้องฟ้า..ผ่านไปจนตะวันคล้อยลับขอบฟ้าไป หญิงชราก็ยังเดินทางไม่ถึงที่หมายตามตั้งใจ ขณะที่หญิงชราเดินทางถึงหน้าประตูทางเข้าปราสาทนครวัด ความรู้สึกดีใจเป็นล้นพ้นทำให้หญิงชราตัดสินใจก้มลงกราบแทบธรณีประตูมหาปราสาทนั้นด้วยความดีใจ พร้อมๆ กับได้ฟุ๊บตัวหมดสติลงไป ณ ธรณีประตูมหาปราสาทหินนครวัดนั่นเอง





ขณะที่แสงจันทร์สีทองเรืองรองเต็มท้องฟ้า ในคืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เหล่านางอัปสรก็เริ่มออกมาร่ายรำอย่างงดงามน่าติดตาตรึงใจ ท่ามกลางงานพิธีบวงสรวงประจำปีที่องค์เทพทองได้จัดขึ้นในทุกๆ ปีในคืนวันเพ็ญนั่นเอง เสียงดนตรีโบราณเริ่มบรรเลงขึ้นด้วยความไพเราะจับใจ ลีลาการร่ายรำของเหล่านางอัปสรช่างสอดคล้องกับท่วงทำนองของดนตรีโบราณอย่างลงตัวที่สุด ความเงียบสงบ ณ ใจกลางมหาปราสาทหินนครวัด ประกอบกับเสียงลมโชยดังหวีดหวิวในท่ามกลางลมหนาวที่พัดผ่านเข้ามา ก็ยิ่งทำให้ดูบรรยากาศ ณ ลานบวงทรวง ยิ่งดูเคร่งขรึมน่ากลัวไม่น้อย แต่ในความเงียบสงัดนี้เอง...ได้มีหญิงชราผู้ซึ้งติดตามบุตรชายผู้เป็นที่รักดั่งดวงใจ ได้แอบซ่อนกลายอยู่ในมุมหนึ่งของปราสาทหินเพื่อชื่นชมความงดงามของเหล่านางอัปสรที่กำลังร่ายรำ อยู่เงียบๆ ตามลำพัง

คืนวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 ของทุกปี จึงถือเป็นวันมหามงคลแห่งปี ณ มหาปราสาทหินนครวัด ที่จะมีพิธีบวงสวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ ประกอบไปด้วยการร่ายรำของเหล่านางอัปสรนับร้อย ประกอบกับเสียงดนตรีโบราณที่ไพเราะเสนอหูอย่างที่สุด และในราตรีของคืนวันเพ็ญนี้เอง ปวงชนแห่งอาณาจักรบาบนที่ยิ่งใหญ่ จะได้มีโอกาสได้ยลโฉมของเทพทอง ผู้สง่างามที่มีร่างกายเปล่งปลั่งดุจทองคำ ได้ออกมาปรากฏกายให้ทุกคนได้ชื่นชมกัน และที่พิเศษในราตรีที่เยือกเย็นของปีนี้ เทพทองผู้งดงาม ได้มีชายหนุ่มรูปงามอีกท่านหนึ่งผู้ซึ่งเป็นสิ่งกำนัลจากหญิงชราที่มาวิงวอนขอพรจากท่านพร้อมคำสาบายที่จะมอบบุตรชายที่รักดั่งดวงใจให้มาติดตามท่านนั่นเอง





"คิมหันต์" ผู้ซึ่งเป็นบุตรชายที่รักดั่งดวงใจของหญิงชรา ได้เยื้องกายออกมาเคียงคู่กับองค์เทพทองอย่างสง่างาม รอยยิ้มที่มองดูอ่อนโยน และกิริยาท่วงทำนองของการเยื้องก้าวเดิน ทำให้มองดูราวกับคิมหันต์ได้กลายเป็นเทพไปเสียแล้ว ภาพที่หญิงชราได้เห็นประจักษ์กับตาดวงเอง ทำให้รู้สึกปลื้มปิติ พร้อมกับมีน้ำตาไหลพรากอาบแก้วด้วยความรู้สึกเป็นสุขอย่างหาใดเปรียบมิได้ ณ ห้วงเวลายามดึกสงัดในคืนวันเพ็ญปีนี้ หัวใจของหญิงชราได้รู้สึกพองโตที่บุตรชายของตนได้กลายเป็น "เทพคิมหันต์" อยู่เคียงคู่กับ "เทพทอง" ณ ดินแดนแห่งอาณาจักรบายนที่ยิ่งใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว

ถึงแม้ว่าหญิงชราจะไม่มีโอกาสแม้จะได้สนทนากับบุตรชายผู้เป็นที่รักดั่งดวงใจแม้แต่สักคำ แต่หญิงชราก็รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจที่บุตรชายของตนได้กลายเป็น "เทพคิมหันต์" ที่สง่างามไปแล้ว กว่าที่ยามค่ำคืนในราตรีแห่งคืนวันเพ็ญที่ยาวนานจะผ่านพ้นไป หญิงชราก็ได้หลับไปในท่านกลางแสงจันทร์ ณ ซอกหินในปราสาทนครวัดอย่างเหนื่อยอ่อน  จวบจนรุ่งสางของวันใหม่ ขณะที่แสงอาทิตย์ได้เจิดจ้าสว่างไสวขึ้นเต็มท้องฟ้า หญิงชราจึงได้ลืมตาขึ้นมองเห็นลานพิธีบวงสวงเงียบสงัด ไร้ซึ่งผู้คน ภาพของงานบวงทรวงที่ยิ่งใหญ่ยังคงติดตาตรึงใจหญิงชราไม่รู้คลาย





หลังจากที่หญิงชราเดินทางกลับถึงบ้าน ก็ได้มีการจัดตั้งศาลเทพทอง เคียงคู่กับศาลคิมหันต์ ซึ่งทาด้วยสีทองเปล่งปลั่งอยู่บ้านเคียงคู่กัน ชวนทำให้ชาวบ้านในระแวกเดียวกันพากันสงสัยว่าหญิงชราตั้งศาลอะไรขึ้นในบริเวณบ้านของตน เพราะมองดูไม่เหมือนกับศาลพระภูมิเจ้าที่ และไม่เหมือนศาลเพียงตาที่ใครๆ คุ้นเคยกันมาก่อน แต่ลักษณะของศาลนี้จะมีรูปลักษณ์เหมือนปราสาทหินนครวัด เคียงคู่อยู่ภายใต้ฐานเดียวกัน ส่วนด้านในจะมีรูปปูนปั้นเทพทั้งสองสีทองวางอยู่อย่างสวยงาม ชวนให้ผู้คนที่ผ่านไปมาต้องแวะชมกันทุกวี่วัน ถึงแม้ว่าหญิงชราจะไม่สามารถนำบุตรชายผู้เป็นที่รักกลับมาด้วย แต่หญิงชราก็ได้คลายความเศร้าโศกเสียใจ และกลายเป็นคนที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและมีความสุขในทุกๆ วัน 




ในขณะ้เดียวกันนั้น ณ มหาปราสาทหินนครวัดที่ยิ่งใหญ่ ก็ได้ปรากฏภาพหินแกะสลักหนุ่มรูปงามเพิ่มขึ้นอีก 1 คน ที่นั่งอยู่เคียงคู่กับองค์เทพทอง ซึ่งหากใครไม่สังเกตุก็จะคิดว่า..เป็นภาพแกะสลักหินโบราณนับพันปี แต่จากร่องลอยที่เกิดขึ้นตรงผนังในส่วนนั้น สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า.. ณ มหาปราสาทหินที่ยิ่งใหญ่ ได้มีการสลักหินเพิ่มขึ้นใหม่ทาบซ้อนไปยังภาพแกะสลักหินโบราณนั้นจริงๆ ซึ่งเรื่องราวแห่งนิมิตฝันถึงองค์เทพทองของผม ก็ได้บรรจบลง ณ ภาพแกะสลักหินที่งดงามแห่งนี้เอง หลังจกาที่ผมสะดุ้งตื่นจากภวังค์แห่งนิมิตฝัน ผมก็ยังปักใจมั่นว่า..เรื่องราวในนิมิตฝันนั้น มิได้เป็นเพียงการฝันลมๆ แล้งๆ แต่มันคือเรื่องราวที่ได้อุบัติขึ้นจริงๆ ณ ใจกลางมหาปราสาทหินที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ และจะยังคงสืบสานพิธีบวงสวงที่ยิ่งใหญ่สืบไปจนชั่วนิรันดร



Create Date : 15 ตุลาคม 2556
Last Update : 15 ตุลาคม 2556 13:44:27 น.
Counter : 2325 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

บุษบาเสี่ยงเทียน
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



ตุลาคม 2556

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
15 ตุลาคม 2556
  •  Bloggang.com