ทาไล ลามะที่ 14 กับการบูชา เจ้าแม่ตารา

เจ้าแม่ตารา




กำเนิด ; ศตวรรษที่ 7 ในสมัยกษัตริย์ทิเบต ซง เซน กัมโป

สถานะ ; เป็นพระโพธิสัตว์หญิง อวโลกิเตศวร

ที่อยู่ ; ประเทศเนปาล จีน อินเดีย และแถบเทือกเขาหิมาลัย


เจ้าแม่ตารา (Tara) ที่จะกล่าวถึงนี้ มักเห็นอยู่ในภาพทังกะของชาวพุทธทิเบต

ภาพทังกะ (Thanka) เป็นภาพเขียนในศาสนาพุทธ ที่ศิลปินชาวทิเบตเขียนลงบนผืนผ้าทั้งผ้าฝ้ายและผ้าไหม แล้วแขวนห้อยไว้ตามฝาผนังของวัด หรือไม่ก็ตามหิ้งบูชาในบ้านเรือนของชาวทิเบตทั่วๆไป ไม่ว่ายากดีมีจน เหตุผลนั้นเข้าใจได้ไม่ยากเลยว่าเพื่อบูชานั่นเอง


ถ้าไปถึงเมืองแถบเทือกเขาหิมาลัย เราจึงมักเห็นภาพเจ้าแม่ตาราทั้งที่วัดและที่บ้านของชาวพุทธทิเบต และบางครั้งเมื่อมีเทศกาลสำคัญทางศาสนา ลามะก็จะม้วนภาพแล้วนำไปทำพิธีที่ไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ในวัด ซึ่งบางทีก็จะแขวนไว้ทำพิธีกลางแจ้ง ที่รู้ว่าผู้ศรัทธาชาวทิเบตจะมาร่วมงานจำนวนมากแน่ๆ

การวาดเขียนภาพบนผืนผ้าทำให้สะดวกที่จะเคลื่อนย้ายภาพทังกะที่สุด




Thanka คือคำสองคำ ออกเสียงติดกันว่า Than และ Ka

ในภาษาทิเบต คำว่า than แปลว่าแบนราบ ส่วน ka แปลว่า ภาพวาด


ถ้าถามชาวทิเบตว่าเจ้าแม่ตาราคือใคร คำตอบที่ชาวทิเบตจะบอกคุณก็คือ “พระโพธิสัตว์หญิง
”

การกำเนิดขึ้นของเจ้าแม่องค์นี้ ต้องย้อนกลับไปในสมัยกษัตริย์ ซง ซาน กัมโป แห่งศตวรรษที่ 7 เจ้าแม่ตาราอุบัติขึ้นในเวลานั้น บนความเชื่อที่ว่าเจ้าแม่ตาราจะลงมายังโลกมนุษย์ในร่างของสตรีที่ปฏิบัติดีงาม

แม้จะเข้าใจแล้วว่าเจ้าแม่ตาราเป็นสัญลักษณ์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ที่เป็นหญิง แต่หากลงลึกในรายละเอียดอีกนิด จะพบว่ามีเจ้าแม่ตาราอยู่สองภาค หรือสองแบบ นั่นคือเจ้าแม่ที่มีผิวขาว และผิวสีเขียว ซึ่งความเชื่อที่มาจากปากคำของลามะทิเบตก็คือ....

เจ้าแม่ตาราผิวขาว ลงมาเกิดเป็นเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์กษัตริย์จีน นาม wen ch’eng ส่วนเจ้าแม่ตาราผิวกายเขียว เป็นเจ้าหญิงเนปาลี นามว่า Brikuti ในกษัตริย์ Ansu Verman

ดังนั้นเราจะพบเห็นเจ้าแม่ตารา อยู่สองภาค คือหนึ่งภาคที่มีผิวกายสีขาว และภาคที่ผิวสีเขียว





เพราะเป็นพระโพธิสัตว์ เจ้าแม่ตาราจึงสื่อสัญลักษณ์ถึงการหลุดพ้น การตรัสรู้ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงห่วงใยใหญ่หลวง และปรารถนาที่จะช่วยผู้ทุกข์ยากลำบากในโลกมนุษย์ ทรงเปี่ยมด้วยปัญญา และความเมตตาปรานีต่อมนุษย์ ในอันที่จะช่วยให้มนุษย์หลุดพ้นจากความทุกข์
นั่นคือการปลดปล่อยสรรพสัตว์จากบ่วงกรรมของชีวิต ของความตาย และของการกลับมาเกิดอีก เพื่อมนุษย์จะได้ก้าวข้ามพ้นบ่วงกรรมนี้ไปได้

ชาวทิเบตเชื่อว่า การที่มนุษย์เกิดมาในโลก เป็นเพราะเราละเลยธรรมชาติที่แท้จริง และความจริง ดังนั้นจึงส่งผลให้เราทุกข์ทรมานด้วยการกลับมาเกิดอีกครั้ง และดวงจิตของมนุษย์นั้นขับเคลื่อนโดยแซมซาร่า ( samsara ) หรือความหลง คนเรามักยึดติดจมปลักอยู่ในวังวนของความหลงความลวง

และในตัวคนเราแต่ละคน จะมียาพิษสามชนิดอยู่ภายในจิต ที่เป็นรากเหง้าของความเจ็บป่วยทั้งปวงในตัวตนเรา ไม่ว่าป่วยภายในหรือภายนอกก็ตาม

ยาพิษตัวแรกคือกิเลส ความต้องการ ความปรารถนา และการติดยึดหรือที่เราเรียกว่าอัตตานั่นเอง
ส่วนยาพิษตัวที่สองคือความเกลียด
และยาพิษตัวที่ ๓ ก็คือความสับสนวุ่นวาย


Tara’s origin ;



ลามะทิเบตเชื่อว่าภาคดั้งเดิมของเจ้าแม่ตาราคือเจ้าแม่ผิวกายเขียว

ในภาษาทิเบตจะเรียกว่า โด-เงิน


กายสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของพละกำลังอันแข็งแกร่ง และยังสื่อถึงผืนแผ่นดินโลกอีกด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นนอกจากชาติกำเนิดที่แตกต่างกันเพียงนิดหน่อยแล้ว รูปลักษณ์ส่วนใหญ่ของเจ้าแม่ตาราจะคล้ายกันแทบทั้งหมด นอกจากสีผิว และนัยน์ตาของเจ้าแม่

เจ้าแม่ตารามีรูปร่างบอบบาง อรชรอ้อนแอ้น สง่างาม เครื่องแต่งองค์เป็นแบบพระโพธิสัตว์ และจะสวมมงกุฏห้าแฉก
เจ้าแม่ตาราจะมีนัยน์ตาอยู่ 7 ตา หนึ่งอยู่ที่มือทั้งสองข้าง สองอยู่ที่เท้าทั้งสอง และสาม อยู่ที่กลางหน้าผาก แสดงถึงการรู้แจ้งเห็นจริงในสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวง หรือถึงซึ่งปัญญา

ภาคร่างผิวเขียวนั้นนัยน์ตาจะเปิดกว้าง ส่วนผิวขาวก็จะหรี่ๆ ครึ่งเปิดครึ่งปิด
เจ้าแม่ตาราจะประทับนั่งอยู่บนบัลลังค์ดอกบัวเสมอ มือข้างขวาหงายมาทางข้างหน้า อยู่ในท่า วราดา มุตรา หมายถึงมีความกรุณาสูงสุด เพื่อดลบันดาลให้มนุษย์สมหวังในสิ่งที่ร้องขอต่อท่าน ส่วนมือซ้ายกำก้านดอกบัวไว้ เพื่อให้พร เพื่อปกป้องคุ้มครองพิทักษ์มวลมนุษย์
เจ้าแม่ตาราจะบันดาลความสมหวังให้แก่ผู้ที่ขานเรียกชื่อของท่านและ สวดมนต์ถึงท่าน

ดูจากท่านั่งจะเห็นขาซ้ายที่งอพับ ส่วนขาขวาอยู่ในท่าเตรียมพร้อมที่จะก้าวลงมาจากบัลลังค์ดอกบัวเพื่อช่วยเหลือผู้ทุกข์ยากลำบาก เมื่อใดก็ตามที่มีคนขานเรียกชื่อท่าน สวดมนต์ภาวนาถึงท่าน

บทสวดของเจ้าแม่ตารามีอยู่ว่า Om Tare Tut Tare Ture Soha
และสำหรับชาวทิเบตนั้น ความเมตตาของเจ้าแม่ตาราจะมากกว่าความรักที่แม่มีต่อลูกเสียอีก
ชาวทิเบตเชื่อว่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ที่ควรก้าวข้ามให้ผ่านพ้นนั้น คือความเลวร้ายแปดประการ เปรียบเทียบเป็นสัญลักษณ์ของสรรพสิ่งในโลกมนุษย์ก็คือ
สิงห์โต หมายถึง ความหลงตัว
ช้างป่า หรือ มายา
ไฟป่า หรือ ความเกลียดชัง
งู คือความอิจฉาริษยา
หัวขโมย คือความดื้อรั้น
คุก หมายถึง ความตะกละตะกราม
น้ำท่วม คือ กิเลส
จิตวิญญาณชั่วร้าย คือ ความสับสนวุ่นวาย


ถ้าคุณเดินทางผ่านไปที่เนปาล อินเดีย หรือแม้แต่จีน รวมทั้งเมืองต่างๆในแถบเทือกเขาหิมาลัย คุณจะเห็นภาพทังกะอยู่เสมอตามวัดวาอาราม และตามร้านขายของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยว
และที่เมืองแชงกรีลา ที่จีนโหมโพรโหมทไม่อั้นด้านการท่องเที่ยวโดยอาศัยชื่อจากนวนิยายอันโด่งดังของโลก เรื่อง Lost Horizon ที่นั่นจะขึ้นชื่อเรื่องหินทิเบตของแท้ ขนาดว่าใครซื้อไปจากร้านของครอบครัวหนึ่ง วันข้างหน้ายังเอามาจำนำได้ก็แล้วกัน

ที่นั่นก็มีภาพทังกะ ภาพเจ้าแม่ตารา แขวนโชว์เช่นกัน


ในยุคมืดอย่างวันนี้ ที่น่าจะเรียกได้แล้วว่ากลียุคนั้น เจ้าแม่ตาราน่าจะยิ่งมีบทบาทมากๆ ที่จะบันดาลให้เกิดสันติสุข ไม่ใช่เฉพาะกับชาวทิเบตเท่านั้น แต่กับคนไทยอย่างหินทิเบตก้อนสุดท้ายด้วย
เผื่อว่าการสวดมนต์ภาวนา “โอม ตาเร ตุทตาเร ตูเร โซฮา” จะทำให้ฝ่ายสีแดงและสีเหลืองในเมืองไทย ก้าวข้ามพ้นมหาสมุทรที่เต็มไปด้วยภัยแปดประการที่บอกไว้ข้างบนนั้นได้

ท่านทาไลลามะองค์ที่ 14 ที่วันนี้คงลี้ภัยอยู่ ณ ธรรมศาลา บนแผ่นดินอินเดีย ยังคงบูชาเจ้าแม่ตาราผิวกายเขียวทุกวัน เพราะเชื่อว่าท่านจะประทานสันติภาพให้เกิดขึ้นบนโลกได้ ในวันใดวันหนึ่งข้างหน้า

เพียงร้องเรียกชื่อหรือพร่ำบ่นมนตรา Om Tare Tut Tare Ture Soha เจ้าแม่ตาราอาจปรากฏอยู่ใกล้ๆ คุณ บางทีอาจมาในรูปร่างของเพื่อน ของมารดา หรือใครสักคนที่อยู่ใกล้ๆตัวคุณก็เป็นได้





Create Date : 23 กันยายน 2551
Last Update : 11 กรกฎาคม 2554 17:55:17 น.
Counter : 5521 Pageviews.

5 comments
  
อลังการมากเลยพี่หิน น่าสนใจมาก

ตอนนี้ยายกำลังเตรียมงานเพื่อส่งสำนักพิมพ์ พี่หินสนใจจะส่งงานไปยังสำนักพิมพ์บ้างไหม

เขียนสารคดีอยู่นาน พี่หินน่าจะคัดสรรรวมได้สักเล่มนะ ตอนนี้ไม่อยากมำเองแล้วค่ะพี่หิน ส่งสำนักพิมพ์ เพื่อเราจะได้มีเวลาเขียนหนังสืออย่างเดียวค่ะ

ตอนนี้ตั้งใจแน่วแน่หยุดทำงานอื่น โดยเฉพาะงานประชุมสัมมนา งานที่ปรึกษา ระดมความคิดต่าง ๆ ซึ่งเอาเวลาไปมากเหลือเกินพี่หิน

โดย: แพรจารุ วันที่: 25 กันยายน 2551 เวลา:7:20:51 น.
  
"ยาพิษตัวแรกคือกิเลส ความต้องการ ความปรารถนา และการติดยึดหรือที่เราเรียกว่าอัตตานั่นเอง
ส่วนยาพิษตัวที่สองคือความเกลียด
และยาพิษตัวที่ ๓ ก็คือความสับสนวุ่นวาย "

...อ่านแล้วคิดตาม...เห็นด้วยค่ะ

ได้ประโยชน์มั่กมั่ก..อิอิ รู้จักแต่เจ้าแม่กวนอิมอ่ะ
เห็นภาพเจ้าแม่ตาราแล้วอยากมีไว้ในครอบครองสักองค์..
..กำลังถูกยาพิษที่เรียกว่ากิเลสเข้าครอบงำแล้วค่ะ..
ขอยาถอนพิษ...ด่วน

ขอบคุณสำหรับดาวทั้งหมดที่มอบให้..ข้าน้อยขอฝากตัวเป็นศิษย์ค่ะ

โดย: girl from sea วันที่: 25 กันยายน 2551 เวลา:18:21:21 น.
  
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับคุณหิน
โดย: ปุราณ (ปุราณ ) วันที่: 28 กันยายน 2551 เวลา:6:56:05 น.
  
ขอบคุณมากเลยกำลังอยากรู้เลย
โดย: ปุ้ย IP: 118.172.179.117 วันที่: 2 สิงหาคม 2553 เวลา:13:59:40 น.
  
สาธุค่ะ เราเชื่อ เพราะเราชอบบทสวดมนต์ของท่านมาก สวดก่อนจะรู้จักท่าน มีปฏิหารที่ไม่สามารถบอกกล่าวออกมาได้ทั้งหมด
โดย: แตง IP: 212.47.252.101 วันที่: 25 ตุลาคม 2560 เวลา:16:11:05 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

last_tibetstone
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เหนือกว่ารัก เงินตรา หรือชื่อเสียง... มอบความจริงใจให้แก่กันจะดีกว่า...
กันยายน 2551

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
30