แด่ ฮิปปี้ตัวจริง ที่จากไป



“ ถ้าแกอยากรู้จักฮิปปี้ตัวจริงมาบ้านฉันเลย น้าฉันฮิปปี้ตัวจริง ฮ่าๆ” คนที่พูดประโยคนี้เป็นหญิงสาววัยราวๆยี่สิบกว่าปี และไม่ใช่ฮิปปี้ แต่จะเป็นยัปปี้ไหมฉันไม่รู้

มีการงานมั่นคง เป็นหลักแหล่งน่าเชื่อถือ คือเจ้าของคำพูดข้างบน องค์กรระหว่างประเทศชื่อดังมีชื่อขึ้นต้นว่าUni… จ้างเธอเป็นบุคลากรคนหนึ่ง ให้ทำงานเกี่ยวกับเด็กๆ โดยเฉพาะเน้นเรื่องสิทธิของเด็กทั่วทั้งโลก

คนที่พูด ซึ่งความจริงต้องใช้ว่า “เขียน” จึงจะใช่ เธอเขียนถึงน้าสาวผู้เพิ่งจากโลกนี้ไป เมื่อไม่กี่วันมานี่เอง วันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๑ คือวันที่ฮิปปี้ตัวจริงของเธอจากไปสู่สวรรค์

ฉันอ่านพบมันจากหนังสือแจกในงานวันเผาศพ ปกสีเขียวอ่อนๆอาบมัน รูปภาพบนปกเป็นทางเดินสลัวๆมัวๆ บนภูเขา ตัวอักษรบนปกมีแค่ลายเซนต์ ชื่อและนามสกุลของฮิปปี้ตัวจริง ที่เธอว่า....

ฉันรู้จักน้าสาวของหลานสาวคนนี้ เธอเป็นเพื่อนเก่าของฉันด้วย ก็เลยเพิ่งรู้ว่าฉันมีเพื่อนเป็นฮิปปี้ตัวจริงในสายตาสายใจของหลานสาว.... หลายปีก่อนฮิปปี้ตัวจริงคนนี้ไปเยี่ยมเยียนและพักอยู่กับฉัน บ้านฉันอยู่ที่เมืองเล็กๆล้าสมัยในภาคเหนือ ที่ต้องบอกเพราะคนส่วนมากเมื่อพูดถึงภาคเหนือมักเหมาว่าคือเชียงใหม่ แต่ให้ตายเถอะ โชคดีเป็นบ้าฉันไม่ต้องมีบ้านอยู่ที่เชียงใหม่ เมือง(ห)ลวง ของล้านนา

ฤดูร้อนแล้งปีหนึ่ง ดอกไม้ในภาคเหนือกำลังแข่งกันให้ดอกสารพัดสี สวยบาดใจบาดตา ที่โดดเด่นคือสีขาว สีม่วง และสีส้มอมแดง...บ่ายนั้นลมร้อนพัดฉวัดเฉวียน ใบสักปลิดปลิวร่วงหล่น ขณะฉันกับเพื่อนผ่านไปบนถนนสายยาว สองข้างทางประดับด้วยดอกไม้สีส้มอมแดง ทั้งดอกทองกวาว ดอกหางนกยูง และดอกงิ้วป่า

ฮิปปี้ตัวจริงไปเยี่ยมฉันในวันที่ดอกงิ้วป่ากำลังเบ่งบาน พราวเต็มเมืองเหนือ มีอยู่ต้นหนึ่งที่ทำให้เธอตกหลุมรักทันทีที่ได้เห็น เราเสียดายที่ไม่มีกล้องถ่ายรูปติดไปด้วย ก็คงเพราะเธอเป็นฮิปปี้นั่นแหละ ไปไหนมาไหนเลยไม่มีสมบัติอะไรติดตัว ฉันสัญญากับเธอ จะหาทางถ่ายรูปดอกงิ้วป่าต้นนั้นไปให้เธอที่กรุงเทพฯ โอกาสอย่างนี้จะมีก็แค่ปีละครั้งเท่านั้นเอง เพราะเจ้างิ้วป่าต้นนี้จะบานอวดโฉมโนมพรรณได้หนึ่งครั้งต่อหนึ่งปี

เวลาผ่านไป ฉันเพิ่งถ่ายรูปดอกงิ้วป่านั่นได้เมื่อปีที่แล้ว ไม่ใช่กล้องของตัวเอง แต่เป็นกล้องของพี่คนหนึ่งชื่อพี่แสงดาว ตั้งใจจะเอารูปนี้ไปให้เธอ ให้เธอได้ดูรูปดอกไม้จากต้นไม้ของเธอเอง ฉันยกต้นไม้นั่นให้เธอเป็นเจ้าของไปนานแล้ว เพราะไม่เคยเห็นใครจะหลงรักต้นไม้ต้นนั้นได้มากเท่าเธอ ฮิปปี้ตัวจริงของหลานสาว....

ฤดูหนาว ข่าวความใกล้ตายเดินทางมาถึงหู แต่ยังชลอเวลาอยู่เท่านั้น
มัน - เจ้าตัวร้ายนั่น เริ่มวิ่งเร็วขึ้น แทรกซึมไปเกือบทั่วร่างแล้ว ผ่านไปตามเส้นเลือดที่เสมือนเป็นทางด่วนของชีวิต เอ็กซ์เพรสเวย์ หรือออโตบาห์น แล้วแต่เราจะเรียก ฉันยังคงต้วมเตี้ยมอยู่แถวภาคเหนือ ขณะเธอกำลังผ่านด่านเก็บเงินบนทางด่วน

มันสายไป ฉันไปไม่ทันเวลาที่เธอจะออกเดินทางไกล

ก็อย่างที่เรารู้ๆกัน ว่าพญามัจจุราชน่ะเคยฟังเสียงใครที่ไหน เพราะท่านหูหนวกมาแต่ไหนแต่ไรแล้วไง ถึงไม่เคยได้ยินเสียงสวดมนต์หรืออ้อนวอนอะไรทั้งนั้น แต่ฉันคุ้นชินเสียแล้วกับการสูญเสียคนที่รัก คนแล้วคนเล่าเหมือนใบไม้ร่วงปลิดปลิวไปกับสายลม จนฉันกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญการจัดงานศพไปเมื่อไหร่ไม่รู้ตัว

จากหนังสือที่แจกในงานศพ หลานสาวของเธอสรุปชีวิตน้าสาวของเธอสั้นๆ ไม่กี่คำว่า

“มันเหมือนน้ามีชีวิตที่ค่อนข้างเพอร์เฟ็ค มันเหมือนชีวิตจบลงหลังจากที่น้าได้ทำทุกอย่าง ได้ลองทุกอย่าง ได้ใช้ชีวิตที่ตัวเองต้องการจนหมดแล้ว จะมีสักกี่คนที่มีชีวิตแบบมีความสุข รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร แล้วก็เลือกทำอย่างนั้นจริงๆ ในขณะเดียวกันก็ไม่มีภาระอะไรเลย มันเป็นชีวิตที่ค่อนข้าง unique” หลานสาวเขียนต่อท้ายว่า “เล่าเรื่องน้าสาวให้เพื่อนๆฟัง ประมาณว่าถ้าแกอยากรู้จักฮิปปี้ตัวจริงมาบ้านฉันเลย น้าฉันฮิปปี้ตัวจริง ฮ่าๆ”

เพื่อนฉันคนนี้รู้ตัวว่าจะต้องจากโลกนี้ไปในราวห้าเดือนก่อน แต่เธอก็ยังยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ได้ และยังเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไกล เพื่อจะไปในที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน และไม่เคยมีใครที่เคยไปมาแล้วจะกลับมาเล่าให้ฟังเลย

เธอเลือกชุดโปรดสำหรับการเดินทางไกลเอาไว้ เลือกรองเท้าคู่โปรด และสั่งเสียทุกอย่างครบถ้วน

หนังสือที่จะแจกในงานศพ ถูกสั่งพิมพ์ล่วงหน้าราวหนึ่งสัปดาห์ ขณะเธอยังมีสติครบถ้วน ยังดื่มกาแฟสตาร์บัคได้ ยังกินแกงมัสหมั่น กินเป็ดย่างที่เธอชอบได้ และเธอยังได้อ่านความในใจของญาติพี่น้อง รวมทั้งเพื่อนๆ บางคนที่เขียนให้เธอล่วงหน้า สำหรับงานศพของเธอ ซึ่งกำลังใกล้เข้ามาทุกวันๆ แน่ล่ะอดีตของเธอคือนักอ่านตัวยง ไปไหนมาไหนพกแต่หนังสือ กับกัญชา นี่ว่าถึงสมัยยุคซิกซ์ตี้ สี่สิบปีที่แล้ว

ต้นเดือนมิถุนายน ปี ๒๕๕๑ ในวันที่อ่อนล้าวันหนึ่ง ขณะนอนหลับตาอยู่บนเตียง ภายใต้หลังคาโรงพยาบาลที่เต็มไปด้วยกลิ่นสารเคมีและสายระโยงระยาง หมอและพยาบาลในชุดขาว หลานสาวอ่านหนังสืองานศพของเธอเองให้ฟัง เธอพยักหน้าเป็นระยะๆ จนจบเรื่องของแต่ละคน เธอก็ปรบมือให้ พร้อมรอยยิ้มฉาบบนใบหน้าซีดเซียว แต่ดวงตาสิเป็นประกายงดงามนัก ฉันเองก็เขียนให้ เขียนเรื่องดอกงิ้วป่าแสนสวยจากต้นไม้ของเธอเอง เขียนบอกเธอว่า เธอมีต้นไม้แสนรักแสนสวยเป็นของเธอเองอยู่บนถนนสายหนึ่งในภาคเหนือ

พักหลังๆนี่ ดูเหมือนฉันจะถนัดมากกับการเขียนหนังสือ โดยเฉพาะหนังสืองานศพ เมื่อจะเขียนให้เธอฉันจึงเขียนเรื่องดอกไม้ พรรณาถึงแต่ดอกไม้ต้นไม้ ฉันเบื่อการสรรเสริญหรือพรรณาถึงความดีของคนที่ล่วงลับไปแล้ว เหมือนกับเบื่อแสนเบื่อ ที่ได้ยินคำพูดหวานๆเอียนๆเวลาคนไปเยี่ยมคนไข้ที่กำลังนอนป่วยในโรงพยาบาล

ฉันเชื่อของฉันเองว่า ต่อไปนี้ถ้าใครให้เขียนหนังสือแจกในงานศพ ฉันจะเริ่มต้นตรงต้นไม้ดอกไม้ และก็จะจบลงตรงนั้นเช่นกัน จะไม่มีวันพล่ามสดุดีผู้ล่วงลับ หรือบอกว่าตัวเองเสียใจขนาดไหน หรือรักคนที่ตายไปแล้วยังไง เพราะเรื่องพวกนี้น่ะมันต้องทำเอาไว้ตั้งแต่เขาหรือเธอยังมีชีวิตอยู่บนโลก

ในยุคก่อนที่เรียกว่ายุคซิกซ์ตี้ มีฮิปปี้ส์มากจริงๆ คุณอาจหาดูภาพเก่าๆได้จากหนังเพลงเรื่องวู๊ดสต็อก ตำนานหนึ่งของวงการดนตรี และพ่วงตำนานฮิปปี้ส์เข้าไปด้วยก็ยังได้ เพื่อนฉันผู้เพิ่งล่วงลับเคยอยู่ที่แคลิฟฟอร์เนียสิบกว่าปี เธอได้ยินเพลงซานฟรานซิสโกจนขึ้นใจ ท่อนแรกร้องว่า If you’re going to San Francisco, Be sure to wear some flowers in your hair. ซานฟรานเป็นถิ่นฮิปปี้ ไม่มีที่อื่นอีกแล้ว

ใช่ เธอได้ทัดดอกไม้ไว้ที่ผมของเธอด้วย
และแม้กระทั่งวันสุดท้ายบนโลกนี้

คนต่อไปที่ถ้าฉันจะต้องเขียนให้ แม้ไม่ใช่ฮิปปี้มาก่อน หรือไม่เคยแม้แต่จะได้ยินคำนี้ ฉันก็จะเขียนสดุดีต้นไม้ดอกไม้อยู่นั่นล่ะ มีต้นไม้ดอกไม้มากมายหลายล้านต้นบนโลก ทีนี้ต่อให้ต้องเขียนกี่เรื่องกี่คน ไม่มีวันซ้ำซากจำเจแน่ๆ

แด่ ดอกไม้อีกดอกหนึ่งที่ฉันรักแสนรัก สีส้มแกมแดงของเธอจะจัดจ้านอยู่กลางแสงตะวันยามบ่ายเสมอ




ดอกงิ้วป่าของเธอจ้ะ

หินทิเบตก้อนสุดท้าย
Last tibetstone







Create Date : 30 มิถุนายน 2551
Last Update : 30 มิถุนายน 2551 10:40:35 น.
Counter : 1818 Pageviews.

13 comments
  
พญามัจจุราชน่ะเคยฟังเสียงใครที่ไหน เพราะท่านหูหนวกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

คิดอยู่เหมือนกันว่า แกนะจะหูหนวก

"เราจะไม่ได้รับข่าวการจากไปของใครเลย เช่นเดียวกับเราจะไม่ต้องเขียนหนังให้ใครอีกแล้ว ในวันที่มีคนส่งข่าวการจากไปของเราและเขียนถึงเรา" (แต่หวังว่าไม่ใช่เร็ว ๆ นี้)
โดย: แพรจารุ วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:14:24:00 น.
  
พี่ท่าน..
รู้ไรอิกอย่างไหมเล่า
ว่าดอกไม้ที่มีน้ำหวานหอมหวานสำหรับหมู่นกในป่าน่ะ
ต้องเป็นดอกไม้ที่มีสีแสดแดง

มีดอกอยู่สองอย่างที่พวกนกต่างชอบมาก
คือดอกทองหลางป่า และดอกงิ้วป่า

ป่าไหนมีต้นที่ว่านี้อุดมสมบูรณ์
ป่านั้นจะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยนกค่ะ
โดย: malarn cha วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:19:30:28 น.
  
อ้อ..แล้วกัน
ลืมขอบพระคุณ สำหรับคำอวยพร Congraturation ค่ะ
โดย: malarn cha วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:19:32:04 น.
  
ดอกงิ้วป่า สวยจริงๆ เมื่อตัดกับสีของท้องฟ้าสีคราม
โดย: Neilnuch_T วันที่: 30 มิถุนายน 2551 เวลา:20:26:20 น.
  
จริง ๆ หรือที่วาเขาจะพัฒนา กาดงัว เมื่อสองสามเดือนก่อน ได้คุยกับคนี่เขาไปสัมภาษณ์ลงในหนังสือฟรีก้อปปี้เล่มหนึ่งเจ้าอขงเขาบอกว่าจะไม่พัฒนาเป็นอย่างอื่นเด็ดขาด และยังเก็บแม่ค่าถูก ๆ อยู่นี่นา

บอกจริง ๆ นะหิน เราเหนื่อยจัง

ช่างมันเถอะ เราว่าจะอยู่เฉย ๆ แบบไม่สนใจฟ้าดินแล้ว
แหละ เห็นว่าห้างสรรพสินค้าหนึ่งก็มีมาลงแถว ๆ ก่อนถึงสันป่าตอง

อย่างนี้ ต่อให้สร้างเขื่อนนับร้อย เอาพลังงานถ่ายหิน พลังงานที่ไหนจะพอ

ต่อไปคนคงหมดโลก มีสิ่งมีชีวิตใหม่เกิดมาแทน และพวกนั้นก็ค้นคว้าเรื่องคนกัน
โดย: แพรจารุ วันที่: 1 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:59:21 น.
  
ก็ต้องคอยดูต่อไปมังคะ น้ำใจกับน้ำเงิน ใครเป็นฝ่ายชนะ

โดย: last_tibetstone วันที่: 2 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:38:11 น.
  
มาลานชา ขอบคุณที่เล่าเรื่องดอกไม้กับนกมาเพคะ
เห็นภาพงามเลย

- และขอบคุณ Neilnuch_T ที่แวะมาค่ะ

- แพรจารุ เหนื่อยได้ แล้วก็พักยาวๆ แล้วก็ลุกขึ้นสู้ มีวิธีสู้หลายรูปแบบ ไม่ต้องโฉ่งฉ่างก็ได้นี่คะ
โดย: last_tibetstone วันที่: 3 กรกฎาคม 2551 เวลา:6:41:52 น.
  
Everyone must learn to be patient
with loneliness..........
Happiness begins from within.
If we can’t tolerate being alone,
it’s more likely that we haven’t
found happiness yet........

แวะมาทักค่ะ
โดย: ค๊อปเตอร์ใบไม้ (arlendil ) วันที่: 3 กรกฎาคม 2551 เวลา:19:01:43 น.
  
เรื่องเศร้าๆ แต่อ่านแล้วรู้สึกดีๆ
นึกถึงสมัยก่อนที่ฮิปปี้ยังเจริญรุ่งเรือง
เพื่อนของป้ามดกลุ่มหนึ่งจึงใช้ชื่อว่า "บุปผาชน"
แต่อาจจะไม่ใช่ฮิปปี้ตัวจริงเหมือนคนที่ถูกกล่าวถึงกระมัง
โดย: ป้ามด วันที่: 4 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:50:05 น.
  
มารายงานค่ะว่า..
เมื่อคืนไม่ได้ไปคันธคีรีเลย
เพราะว่า..ไปรับพ่อน้อยที่บ้านพี่หน่อย
เจออ้ายไพฑูรย์ ที่นั่นก็เลยนั่งคุยกัน คุยไปคุยมา
ศิลปินหน่อย ก็ซึ้อไฮน์มาเป็นลังเลย
ละก็เอารูปให้ 2 รูปเป็นของขวัญค่ะ
นายก็เลยเอามาอวดพี่หมูเนี่ย..สวยไหมเพคะ พี่ท่าน


อันนี้เป็นโทนร้อน ดูอบอุ้น อบอุ่น นะคะ


ส่วนอันนี้เป็นโทนเย็น ดูสบาย และปลอดโปร่ง


พอใส่กรอบละ มาติดข้าง ๆ กัน..โห..สุดยอด สุดยอดจริง ๆ ไม่มีใครเด่นกว่าใครเลย
โดย: malarn cha วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:14:13:07 น.
  
...> ขอบคุณที่แวะมาค่ะ ค๊อปเตอร์ใบไม้ และขอบคุณอีกสำหรับคำงามๆที่ส่งมาให้อ่าน

ทั้งความโดดเดี่ยว ทั้งความอดทน คงอยู่คู่กับมนุษย์เสมอ เช่นเดียวกับความสุขข้างในที่บางทีเราลืมมันไปได้ไงก็ไม่รู้..

...> ป้ามดคะ ขอบคุณค่ะที่แวะมาทักทาย ใช่ค่ะเรื่องนี้เศร้า เพื่อนของหินทิเบตฯคนนี้เป็นเพื่อนรุ่นพี่ ที่รักกันมาก ตั้งแต่เด็กแล้ว เธอจบจากจุฬาฯ แล้วไปทำงานที่สหรัฐฯหลายปีค่ะ พอกลับมาบ้าน ไม่กี่ปีก็จากไปอีกชั่วนิรันดร์

เธอคงอยู่ในยุคใกล้ๆกับเพื่อนบุปผาชนของป้ามด คนที่ยกให้เธอเป็นฮิปปี้ตัวจริงคือหลานสาวของเธอเองค่ะ

...> มาลานชา แวะมาห้องนี้ให้หินทิเบตอิจฉาตาร้อนอีกแล้วนะคะ
ไม่อวดเลยนะ ทั้งไฮน์เป็นลัง ทั้งของขวัญเป็นรูป
อิจฉาจ้ะอิจฉา
รูปงามขนาดเพคะ
โดย: หินทิเบตก้อนสุดท้าย (last_tibetstone ) วันที่: 9 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:48:13 น.
  
โดย: Dulcinea วันที่: 19 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:48:20 น.
  
Dulcinia ขอบคุณค่ะที่แวะมาเยี่ยม

รูปน่ารักมากค่ะ ชอบจริงๆ

อยากให้ ฮิปปี้ตัวจริงที่เพิ่งจากไปมาเห็นค่ะ สมัยก่อนเธอจะมีเสื้อผ้าดิบ เพ้นท์สัญลักษณ์ฮิปปี้ อย่างข้างบน
และจะเขียนว่า Make Love Not War
โดย: หินทิเบตก้อนสุดท้าย IP: 203.170.208.171 วันที่: 21 กรกฎาคม 2551 เวลา:20:44:11 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

last_tibetstone
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เหนือกว่ารัก เงินตรา หรือชื่อเสียง... มอบความจริงใจให้แก่กันจะดีกว่า...
มิถุนายน 2551

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29