Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
20 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 

บันเทิงเริงใจ:135 กุหลาบ 999/ผู้ร้ายสเน่ห์แรง/จินเฉิงอู่/4 Beauty know no pain/นักฆ่า 6 ราศี



เมืองจีนหาเรื่องฉลองวาเลนไทน์กลางปีอีกแล้ว (ต้นปียังรักกันไม่พอ) หันซ้ายแลขวา เจอคู่นี้ประกบตาหลอดเว..... ช่างเข้าแก๊ปบรรยากาศ คู่พระนาง องค์หญิงอาซา Charlene Choi และแม่ทัพฟง Raymond Lam จากภาพยนตร์ The Jade and the Pearl ควงคู่ปรากฏตัวที่โรงหนังในปักกิ่งรอบพรีเมียร์ให้แฟน ๆ เมืองปักกิ่งได้กรี๊ดโรงสะเทือน โดยมีพิธีกรอาตี๋ที่เมืองจีนเป็นผู้ควบคุมเกมส์เลิฟ ไหน ๆ พระนางก็ชวนกันมาหวานแล้วในวันนี้ ขอยิงคำถามแรกเลยแล้วกันว่า คำพูดบอกรักที่คิดว่าประทับใจคุณที่สุดคือแบบไหน ? คุณพระเอกฟงเปิดปากว่า ส่วนตัวแล้วชอบการแสดงออกแบบตรง ๆ ง่าย ๆ ปกติแค่คำ 3 คำ ก็เพียงพอแล้วครับ ที่จะรู้สึกซึ้งซาบใจ I love You ครับ (คนไหนล่ะ) องค์หญิงอาซา แสดงอาการขนลุกเมื่อได้ยินไอเลิฟยูจากพระเอก แต่ที่ทำให้ช็อคซีนีม่ามากที่สุดคือคำพูดของพระเอกในหนัง “No matter my status , no matter the world’s common traditions” (เหลือการบ้านไว้ช่วยกันทำมาหากินมั่ง) อาซาบอกว่าเป็นคำพูดที่ลึกซึ้งกินใจ (ไปถึงตับถึงปอดรึป่าว)









วันนี้มีของขวัญพิเศษจะมามอบให้คุณฟงกับคุณซาด้วย เปิดตัวมาเป็นสตรอเบอรี่ เป็นสิ่งแทนความรุ่งเรืองและความหวานชื่น (ว่ากันไปนั่นเลย) ขอแนะนำให้หยิบยื่นความหมั่นไส้ให้กับแม่ยกด้วยครับ พิธีกรขอให้พระเอกนางเอกผลัดกันป้อนสตรอให้กันและกัน แต่คุณเรย์ฟงส่ายหน้าตลอดเวว่า ไม่กล้ากินสตรอเบอรี่ มันบรึ๋ยย เห็นผิวสตรอเบอรี่แล้วรู้สึกเหมือนกับสิวขึ้น (คิดได้งัย) ความลับปูดว่ะ หรือหาเรื่องไม่อยากป้อน ฝ่ายอาซาตั้งหน้ากินไม่ยั้ง ขณะที่คุณเรย์ฟงกัดไป 1 คำ ......เปรี้ยว....บรึ๋ย ดึกดึ๋ยย....... อาซาไม่กลัวสตรอบอแหลแต่กลัวแตงโม และกลัวที่สุดอีกอย่างคือ สายตากระแสไฟฟ้าช็อตของคุณเรย์ฟง พระเอกส่งเสียงกร๊าก ๆ แล้วบอกว่า ตาข้างขวาสั้น ตาข้างซ้ายยาว สองข้างช่าง balance มาก (พร่ามัว) บางครั้งเวลามองไปที่ฝูงสาว ๆ พยายามหาจุดโฟกัส ระหว่างที่หาอาจจะเวียนหัวเล็กน้อย (มิน่าล่ะ มองผิด มองถูก ไปมองคุณหม่าม้า ตรูอดได้นาฬิกา )







เข้าสู่คำถามเกี่ยวกับเรื่องราวของภาพยนตร์ ทราบกันแล้วว่าเป็นแนวคอมมาดี้ ทำให้การถ่ายทำเต็มไปด้วยความหนุกหนาน ถ้างั้นขอเม้นท์อะไรที่มากกว่าคำว่ารัก เอ้ย ๆ ม่ายช่าย....... ขออะไรที่มากกว่าความแฮปปี้หน่อยได้มั้ยคุณพระเอก ผมคิดว่ามาถ่ายหนังเรื่องนี้ ได้เจอคู่แข่งซะแล้ว คือคนที่ยืนข้าง ๆ นี่แหละครับ (แข่งกันแดร๊ก) อาซาเล่าว่า ฉันกับหลินฟงประเภท enjoy eating ตอนอยู่ในกองถ่ายจะมีการแข่งขันเกิดขึ้นระหว่างวันคือใครจะเอาขนมมากินมากกว่ากัน วันแรก อาซาเอาขนมมา 1 แพ็ค ต่อไปฟงเอามา 2 แพ็ค แล้วอาซาเอาน้ำแกงที่แม่ทำมากิน ตามด้วยฟงเอาเป๋าฮื้อมากิน อาซาเกทับด้วยซูชิ 2 ถาดใหญ่ สิ้นสุดการแข่งขันชิงแชมป์ enjoy แดร๊ก คือ อาซาชนะเริ่ดด



ตลอดเวลาที่ผ่านมา นักข่าวจะชอบประโคมเรื่องแบ็คกราวน์ร่ำรวยของคุณเรย์ฟง จึงเป็นที่ทราบกันดีกว่า อันความรวยแต่เกิดนั้นมันแชร์กันไม่ได้ ทำให้อาซาเริ่มตั้งแง่ว่าไอ้นี่คงไม่ดีแน่ แต่อาซาก็ยอมรับว่าโดนสื่อครอบงำความคิดผิดไปถนัดใจค่ะ เพราะทุกคนจะพูดใส่หูว่า เขาเป็นลูกคนรวยนะ ความประทับใจก็ไม่บังเกิดค่ะ แต่หลังจากได้รู้จักเขาแล้ว ได้ร่วมงานด้วยกัน ฉันคิดว่าเข้าใจผิดทั้งหมด (แต่ความรวยมันแก้ไม่ได้นะ) มันแตกต่างจากที่พวกนักข่าวรายงาน หล่ามฟงเป็นคนจริงใจกับทุกคน เป็นคนดีขั้นเทพ และเป็นมืออาชีพค่ะ (ความสามารถมันข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลเนอะ)









ช่วงเวลาโปรโมทหนังกระหน่ำซัมเมอร์ (ไม่) เซล คุณเรย์ฟงเข้าวงการ ทั้งร้อง ทั้งเล่น และเพิ่งจะเต้นเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ตลอดหลายปี บ้านเก่า เอ๊ย บ้านเกิดไม่ค่อยได้กลับไปเยี่ยม โปรโมทหนังคราวนี้ได้เหยียบถิ่นเมืองเฉิงตูครั้งแรก (ปกติเขาจะมาเยี่ยมแพนด้ากันไม่ใช่เหรอ) แต่หมีไม่เกี่ยว มีแต่ฟงกับอาซาเท่าน้าน (รู้สึกเบื่อขี้หน้ากันเองบ้างยัง) คุณเรย์ฟงมาครั้งแรก แต่อาซาเคยที่เฉิงตูหลายครั้งแล้ว ฉันยินดีเป็นไก่ เอ๊ย ไกด์ พาหลินฟงทัวร์รอบ ๆ เฉิงตู (อะไรกั๊นจะประจวบเหมาะเจาะ) อาซา บอกว่า เราเป็นแพ็คคู่เชลล์ชวนกิน เม้าท์กันตอนอยู่บนเครื่องบินว่าต้องไปกินหม้อไฟเย็นนี้ (กินในคอนเสิร์ตมันยังไม่อิ่มอีก) ของที่นี่อร่อยสุดยอดเลย รสชาติไม่เหมือนที่ฮ่องกง ...........ให้นางเอกหยุดเม้าท์เรื่องกินกันก่อนเถอะ สังเกตสังกาเห็นว่าพระนางเล่นเป็นคู่รักกัน เวลาตอบคำถามอะไรก็เข้าใจตรงกัน (มองตากันก็รู้คำตอบ) อยากจะถามว่ามีอะไรเลิฟ ๆ กริ๊ก ๆ มั่งมั้ย หลังจากหลุดออกมาจากเรื่องนี้ คำตอบคือ ปล่อยให้พรหมลิขิตจัดการเถอะค่ะ (ไอ้คนถามมีความพยายามจะจับคู่ให้ได้) คุณเรย์ฟงรู้ตัวว่าต้องเจอคำถามเดียวกัน รีบลอกการบ้านตอบว่า ความสัมพันธ์จะเกิดขึ้นอะไรยังไง ปล่อยไปตามธรรมชาติ (ลงโทษ)






เข้าสู่บรรยากาศวันวาเลนไทน์ของคนจีน (ไม่รู้จะอารมณ์ไหนว่ะ อยากจะรักกันมากเดือนนี้) ตอนไปปักกิ่งได้กินสตรอบอแหล วันนี้ดิ่งมาเฉิงตู จัดให้ยิ่งกว่า คุณเรย์ฟงเปิดตัวอลังด้วยดอกกุหลาบ 999 ดอก จัดเป็นของขวัญให้อาซาเนื่องในโอกาสวาเลนไทน์ของจีน นางเอกก็แฮปปี้ศรีอำไพไชโยละค่า “ฉันชอบดอกกุหลาบมากที่ซู้ด เป็นครั้งแรกที่ได้มากขนาดนี้ (ไม่ใช่ฟงไม่จัดให้นะยะ) แต่มีปัญหาติ๊ดนึงว่า เดี๊ยนจะแบกกลับยังไงรือ




ส่งคำถามให้นางเอกต่อว่า บทไหนที่อาซาอยากแสดงมากที่สุด ? ฉันอยากแสดงแบบชีวิตลำเค็ญหวานอมขมกลืน หรือป่วยทางจิตอะไรแบบนี้ค่ะ แต่เมื่อสองปีที่ผ่านมาได้แต่บทตลก (ยกเว้นเรื่องฟงอวิ๋น 2 และ Triple Tap) ฉันอยากร่วมงานกับผกก.เฝิงเสี่ยวกัง และจางอี้โหมว ส่วนคุณเรย์ฟงให้ตัวเองสอบผ่านการแสดงเรื่องนี้ ผมอยากแสดงหนังในหลายบทบาท แต่ไม่ใช่ของทีวีบี (พูดมาสิคะ ไม่ต้องไปเกรงใจเจ๊ Verginia) จอห์นวู ตู้ฉีฟง จางอี้โหมว ปีเตอร์ ชาน ฉีเคอะ ให้ฟงเลือกเอาไว้ในอ้อมใจซักคน



















ละครแนวดราม่าอารมณ์เครียดแห่งปี Growing Through Life ผลงานร่วมมือสร้างระหว่าง TVB และ SMG (ทะเลาะกระจาย ตบเป็นตบ จูบเป็นจูบ เลวเป็นบอสโก้ ดีเป็นหลินฟง) แต่เห็นข้อดีอยู่อย่างว่าภาพไตเติ้ลออกจาสวยมั่ก ๆ (จะให้อินไซด์อย่างอื่นต้องลองชมกันเอง) ตอนนี้กระแสแรงไปตกอยู่ที่พระเอกบอสโก้ เพราะว่า ไปหว่านเสน่ห์เกลื่อนกลาดไว้ที่เมืองจีน (ตามที่เพื่อนฟงได้วิจารณ์ไว้เป๊ะ) นางเอกเมืองจีน Vionn Song Wen Fei ได้ร่วมงานกับ 2 พระเอกดังของทีวีบี หลินฟงและบอสโก้ แบบแนบชิด ปากถึงปากล่ะ เกินที่ตรูจะบันระยาย จนต้องคลอดข่าวให้มันเป็นข่าวว่า (รับจ๊อบเป็นข่าวกับนางเอกเมืองจีนเพื่อเปลี่ยนรสชาติ) บอสโก้กับนางเอก Vionn อินเลิฟกันระหว่างถ่ายทำ วันนี้ฤกษ์ดีของสื่อมวลชนที่ทั้งคู่ขึ้นมายืนบนเวทีด้วยกัน (ไม่ใช่เวทีแต่งงานนะเฟ้ย) นักข่าวไม่ปล่อยให้ลอยนวล รีบรุกคืบไปสัมภาษณ์ถึงข่าวเม้าท์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นจริงจะใดไหนกัน




นางเอก Vionn บอกกับนักข่าวว่า ความสัมพันธ์ของฉันกับพระเอกบอสโก้ไปได้ดีโดยราบรื่น เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ถ้าหากว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นแบบในละคร ถามว่าฉันจะเลือกแฟนคนไหน ? ฉันจะเลือกบอสโก้ ถ้าจะให้เลือกแฟน อาจจะเลือกใครสักคนที่เหมือนบอสโก้ ชอบแบบนี้ค่ะ (ชีสารภาพได้ตรงมากอย่างนี้ บอสโก้จะกระโจนใส่ตามคำบอกรักเปล่าเนี่ย กรี๊ด ! I love Bosco)



ปล. แล้วที่เล่นฉากจูบกับคุณเรย์ฟงท่ามกลางสายฝน แล้วเธอให้สัมภาษณ์ว่าปากหลินฟง นิ้ม นิ่ม มันไม่ช่วยอะไรเลยเหรอ ฟงผ่านโลดจิง ๆ โดนกักอยู่ในเขตปลอดข่าวลือกับสาวจีน แต่สาวค่ายเดียวกันตรูไม่ขอรับรอง


















4 ผู้หญิงจากละคร Beauty Knows no pain (ที่กำลังออนแอร์ในฮ่องกง) หมีเซียะ Michelle Yim, จางเข่ออี้ Maggie Cheung, เถิงลี่หมิง Joyce Tang และ Elena Kong รวมตัวกันเม้าท์แซ่บเกี่ยวกับ life ของผู้หญิงในช่วงอายุสี่แยกถึงห้าแยกโดยเฉพาะ (เม้าท์เรื่องตัวเองค่ะ) ช่วยโยนคำถามมาให้พวกป้า ๆ เอ้อ พวกสาว ๆ ได้ตอบกันให้หายคันปากหน่อยค่า


หมีเซียะ - ขณะนี้โสดสนิท แฟนที่รักของเจ๊หมีจากไปแล้ว
จางเข่ออี้ - แฟนก็มีแต่อยากโสด เพราะเจ๊ไม่ยอมแต่งงานซักที
เถิงลี่หมิง - หลังจากเลิกรากับเว่ยจุ้นเจี๋ยที่คบกันมาหลายปี ตอนนี้โสด สวยเลือกได้
Elena Kong - ไม่ทราบปูมของเธอ ว่าผ่านมากี่หนาว แต่ขอร่วมก๊วนสวยด้วยคน





คำถามที่ 1 ในโลกของหญิงสาววัยกลางคน เมื่อล่วงเข้าสู่วัยเริ่มจะมีริ้วแห่งความชะราเข้ามาเยือน เรื่องการทำศัลยกรรม จะเป็นหัวข้อที่เข้ามาเวียนว่ายตายเกิดในชีวิตของพวกเธอ ไม่ว่าจะกรีดตา ดึงหน้า ทำจมูก เหลาคาง อัพหน้าเด้ง ฉีดโบท๊อกซ์ (หรือฉีดฟอร์มาลีน) หรือสวยด้วยแพทย์ด้วยวิธีการสารพัด เสริมงามทุกวิถีทางเพื่อให้ห่างไกลความชรา ป้องกันการสูญเสียความสาว (ก่อนที่จะรับไม่ได้ไปมากกว่านี้) ไม่ทราบว่าบิวตี้ทั้ง 4 คน มีความเห็นอย่างไรกับเรื่องการทำศัลยกรรม


Joyce - ถ้าลุคเราดูไม่ดี หรือมีส่วนไหนที่เราไม่พอใจหรืออยากแก้ไข ฉันรู้สึกว่าเราสามารถทำศัลยกรรมได้ ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องระมัดระวังตัวเองไม่ให้เสพติดศัลยกรรมมากเกินไป ถ้าหากเริ่มทำไปครั้งหนึ่ง คุณอาจจะต้องไปทำมากขึ้น ๆ (ทำจนจะออกจากบ้านไม่ได้ละม้าง) ความจริงผู้หญิงเรามีความมั่นใจในตัวเอง ก็เรียกว่าสวยแล้วค่ะ ความสวยจากภายในสำคัญที่สุด ถ้าคนคนนั้นไม่มีเทสต์หรือกลวง ฉันว่าความสวยก็ไม่ช่วยอะไรหรอกค่ะ

Michelle - แต่ฉันรู้สึกว่า ถ้าคนเราไม่มีความมั่นใจพอ แค่ทำศัลยกรรมในจุดด้อยเล็กน้อย ความจริงก็ช่วยให้เราดูดีขึ้นได้ ฉันจะสนับสนุนให้ทำค่ะ (ขอเงินทุนด้วยค่ะเจ๊หมี)


Elena- จริง ๆ ฉันเคยทำมาก่อน (อีก 3 คนร้องมอๆ) ทำฟัน ฉันต้องขอบคุณครอบครัวของฉันที่พาฉันไปดัดฟันเมื่อตอนอายุ 13 เพราะว่าฟันห่างและเกด้วย ทำให้ปิดปากได้ไม่สนิท หลังจากไปจัดฟันแล้ว ทำให้ฟันเป็นระเบียบเรียบตรงสวยงามขึ้น ในตอนนั้นต้องถอนฟันออก 4 ซี่ เจ็บระบมไป 3 ปี (ทนเจ็บเพื่อความงาม เฮ้อ คนหนอคน)


Joyce - ตอนเป็นเด็ก ฉันต้องดัดฟันเหมือนกัน แต่หลังจากถอนออก 4 ซี่ หมอฟันบอกว่า ฟันฉันซี่เล็กเกินไป ทำไม่ได้ (ตกลงว่า หมอทำไม่เป็น หรือหมอทำไม่ได้คะ)


Maggie - Elena ดูแตกต่างจากเมื่อวันวาน ฉันก็สนใจจะทำศัลยกรรม ถ้ามันจำเป็น และทำให้เราดูดีขึ้นได้ ฉันไม่คัดค้านเรื่องนี้ แต่คงจะไม่เกินขอบเขต ต้องพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี





คำถามที่ 2 ผู้หญิงฮ่องกงจำนวนมากมีอาชีพการงาน มีรายได้ มีอิสระเสรีในการจับจ่ายใช้สอย เมื่อพวกเธอเข้าสู่วัยกลางคน แต่ยังสถานะโสดอยู่ มันยากที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องการซุบซิบนินทา ในญี่ปุ่นจะใช้คำว่า defeat dog มาอธิบายถึงหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงาน (เจ้าแม่เอ้ย มันบอกว่าหมาจนตรอกงั้นเรอะ แล้วแต่จะไปเข้าใจกันเองแล้วกันค่ะ) บ้านฉันจะบอกว่า ขึ้นคานทองนิเวศน์ หรือขึ้นคานเพชรไปเลยก็ดี

Michelle - เป็นคนมีศัตรูรึเปล่าจ้ะ...... คนที่เขาไม่ชอบคุณ เขาจะนินทาไปต่าง ๆ นานา ไม่จำเป็นต้องเก็บคำพูดเหล่านั้นมาใส่ใจ

Maggie - ปากของเขา เราห้ามเขาพูดไม่ได้ ไม่ต้องไปแคร์ในสิ่งที่พูดมากเกินไป (ไม่ต้องไปแคร์ขี้ปากคนอื่น เข้าใจมั้ย)

Michelle - defeat dog มันก็แค่คำ nickname (เหน็บแบบนี้ มันก็น่าตบปากนะค้า)

Elena - ฉันรู้สึกว่าการที่ผู้หญิงวัยกลางคน และยังโสด ก็ไม่ใช่ธุระของคนอื่น (มันไม่ได้หนักหัวใครใช่มั้ยร่า) ฉันมีความสุขก็พอแล้ว ไม่ว่าผู้หญิงเราจะสวยหรือไม่สวย ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด ความมั่นใจสำคัญกว่า ทั้งฉลาดทั้งมั่นใจ นี่คือสิ่งที่ไม่มีใครสามารถให้คุณได้นอกจากตัวเอง

Maggie - ความจริงคำว่า defeat dog สองคำนี้มันน่าจะใช้กับผู้ชายเลว ๆ ไม่ใช่เหรอ

.................4 บิวตี้ พร้อมใจกันส่งเสียง เย้ เย้ !!!.....................

Elena - น่าจะเรียกว่าผู้ชายที่มีคุณค่าในตัวเองต่ำเหลือเกิน ดีกว่ามั้ย

Michelle - ทำไมไม่ใช้คำว่า prettier (พูดถึงผู้ชายค่ะเจ๊ ไม่ใช่กะเทย)

Joyce - ยกตัวอย่างคำว่า superior female ก็ไม่เลวนะค้า (แปลจากคำจีนมาเป็นอังกฤษ)

Elena - Excellent girl ดีมั้ย

Michelle - คำว่า Excellent girl คำภาษาจีนจะออกเสียงเหมือนเป็นผู้หญิงขี้กังวลมากกว่า ส่วนคำว่า superior female หมายถึง ผู้หญิงมั่น โดดเด่น ในภาษาจีน (สวย เริ่ด เชิด โสด ไงคะเจ๊)
ปล.ถกเถียงกันมาร้อยคำ ไม่เข้าใจพวกป้าๆ เลยจริง ๆ





คำถามที่ 3 ผู้หญิงบางคนพากเพียรทำงานมาตลอด จนกระทั่งถึงวัยอันสมควรที่จะมีครอบครัว (นึกขึ้นได้ว่า ฉันกำลังแต่งกับงาน หันซ้ายหันขวา เอาไงดี.....ผู้ชายที่ยังไม่แต่งงานก็ไม่ได้เรื่อง ส่วนผู้ชายดี ๆ แต่งกันไปหมดแล้ว พวกเธอควรจะเริ่มคิดเกี่ยวกับความรักดีหรือไม่ ? หรืออาจจะไปตกหลุมรักคนมีเจ้าของแล้วโดยไม่รู้ตัว ถ้าพวกคุณมีประสบการณ์แบบนั้น (ใครจะบอกเมิง) คิดว่าจะจัดการอย่างไร

Elena - ไม่จำเป็นต้องพูดว่าชอบ เพราะเขามีครอบครัวแล้ว จะทำอะไรได้ จะทำให้ครอบครัวคนอื่นเค้าร้าวฉาน เปลี่ยนเป็นแค่ชื่นชมเขาอยู่ห่าง ๆ ก็พอแล้ว ไม่ต้องไปไขว่คว้ามาครอบครอง คิดหรือว่านี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต การเป็นมือที่สามมันเจ็บปวดมากกว่า

Maggie - ฉันเป็นคนหนึ่งที่กลัวกับเรื่องนี้ ฉันชอบชีวิตง่าย ๆ ไม่ต้องการเจอกับปัญหาที่ยุ่งยากซับซ้อน (ขี้เกียจถอดสมการมือที่สาม) ถ้าไปรักคนที่แต่งงานแล้วจริง ๆ ฉันก็จะรักอยู่ห่าง ๆ (อย่างห่วง ๆ) จะไม่ไปแสดงอาการใด ๆ ให้เขารู้ ฉันไม่รู้ว่าจะมีปัญหาอะไรตามมา มันไม่คุ้มกันหรอก ถ้าคนสองคนมีชะตาต้องกันจริง ๆ ผู้ชายคงจะไม่ไปแต่งกับคนอื่น มันไม่ใช่สิ่งที่จะบังคับฝืนใจได้ (บางที ฉันรักผัวเขา มันยากที่ฝืนได้ค่ะ)

Joyce - ฉันเห็นด้วยกับ Elena และ Maggie เป็นไปไม่ได้ที่คนเราจะได้สิ่งดี ๆ ทุกอย่างมาครอบครอง





คำถามที่ 4 เมื่อคนเราถึงวัยเลขสี่ อะไรก็คือสิ่งที่กลัวที่สุด ยกตัวอย่างในละครที่คุณหมีเซียะ แสดงเป็นผู้หญิงที่สูญเสียทั้งงานและความรัก ถ้าพวกคุณเจอกับประสบการณ์แบบนี้ คุณจะเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างไร

Elena - ที่สำคัญคืออย่าไว้ใจคนอื่น แม้แต่พ่อแม่ เพราะว่าวันหนึ่ง ท่านก็ต้องจากเราไป ดังนั้นสิ่งสำคัญกว่าคือ ควรรู้จักดูแลตัวเองให้ดี ถ้าคุณต้องมาเจอกับเหตุการณ์ที่ต้องสูญเสียทั้งสองอย่างในช่วงวัยกลางคน คุณสามารถเผชิญหน้ากับมันได้อย่างกล้าหาญ

Maggie - การมีงานก็หมายถึงเรามั่นคงในสถานะการเงิน เมื่อเรามั่นคงในการเงิน ก็หมายถึงเราไม่ต้องไปพึ่งพาใคร การที่เราไม่ต้องพึ่งใคร ก็หมายถึงเรามีอิสระเสรี จะทำอะไรก็ได้ ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง เราต้องวางแผนเตรียมรับมือไว้ให้ดี ไม่ต้องไปกลัวการเปลี่ยนแปลง

Elena - ปัจจุบันนี้ คนที่ทำงานในตำแหน่งสูง ๆ ต้องแผนสำรองไว้ในชีวิต ถ้าหากวันใดเกิดสูญเสียทุกสิ่ง คุณยังออกไปทำงานอย่างอื่นได้ หารายได้อย่างอื่น เช่นเป็นพนักงานเสิร์ฟ อย่าปล่อยให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นภาระ ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่จะยั่งยืนตลอดไป

Joyce - แม้ว่าคุณจะแต่งงานแล้ว ก็ไม่ควรจะแยกตัวเองออกจากสังคมอื่น อย่าได้นิ่งนอนใจ เพราะถ้าหากคนรักจากคุณไป คุณจะรู้สึกว่าโลกนี้ได้จบสิ้นแล้ว ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วต้องมีการพบปะเพื่อนฝูง Maggie เคยบอกฉันเมื่อหลายปีมาแล้วว่า ให้รักตัวเองและเข้มแข็ง

Michelle - เม้าท์แตกกันมามากแล้ว วัตถุประสงค์ในการพูดคุยครั้งนี้ ฉันจะสนับสนุนและให้กำลังใจผู้หญิงทุกคน จงยืนหยัดและเข้มแข็ง เมื่อล้มแล้วก็ลุกขึ้นเริ่มใหม่ วางแนวทางชีวิตไว้ในใจ จำไว้ว่าโลกนี้ไม่มีวันเรียนรู้ได้จบสิ้น คุณต้องรู้จักปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ติดตามข่าวสาร แล้วนำสาระมาปรับปรุงพัฒนาตนเอง ตั้งใจทำงานและเก็บออม เรียนรู้ที่จะเปิดใจให้กว้าง รู้จักปรับเปลี่ยนทัศนคติที่ไม่ดี เรียนรู้ที่จะมองโลกในแง่ดี ด้วยวิธีเหล่านี้ ไม่มีอะไรที่จะหยุดคุณได้

Joyce - ถูกต้องนะคร้าบ......... หลังจากคุณเลิกรากับใครซักคน คุณสามารถจะเปลี่ยนความคิดได้ว่า มันดีซะอีกที่จะได้อิสระกลับคืนมา มันอาจจะฟังดูโง่ แต่ถ้าคุณคิดในแง่บวก จะส่งผลดีและไม่ทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวด




บทส่งท้าย........ส่งป้ากลับบ้านให้หมด

มีคำในภาษาจีนเปรียบเทียบไว้ว่า ผู้หญิงสามคนคือ 1 ตลาด (ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเป็นตลาดนัดหรือตลาดน้ำลายแตกฟอง) และผู้หญิง 4 คน คือการชุมนุมสุมหัวนินทา (ตกลงมันก็เหมือนกันนั่นแหละ หลอกให้ตรูเข้าใจไปทำไม) แต่ผู้หญิง 4 คนมารวมตัวกันเพราะละคร Beauty Knows No Pain พวกเธอไม่ได้จับกลุ่มนินทา แต่กลับกลายเป็นการสร้างมิตรภาพขึ้นมาระหว่างกันและกัน ถามว่าทำไมคุณทั้งสี่คนถึงได้เป็นมิตรที่ดีต่อกัน ? เจ๊หมีเซียะส่งยิ้มนำหน้าแล้วกล่าวว่า เพราะว่าเราคิดแบบคนที่มีวุฒิภาวะและยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น ประกอบกับเรา 4 คนมุ่งมั่นทำงาน (หรือบ้างานนั่นเองค่ะ) ดังนั้น พวกเราจึงเข้ากันได้สบายมั่ก ๆ ในระหว่าง 4 คน ผู้ที่ร่ำรวยประสบการณ์ในชีวิตมากที่สุดคือ หมีเซียะ เธอมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในหลาย ๆ เรื่อง ทุกครั้งที่เพื่อน ๆ ประสบปัญหา พวกเธอจะมาปรึกษาหมีเซียะ (เจ๊ปราดเปรื่องที่สุดในบรรดาพวกเรา) หมีเซียะบอกว่า ภาพยนตร์และละครที่ฉายอยู่ทุกวันนี้ เป็นสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้ชีวิตได้ ลองไปดูหนังเรื่อง Love is Love ที่โจวซิงฉือและอู๋จวินหยู แสดงด้วยกัน แล้วคุณจะเข้าใจในเนื้อหาของหนังว่า ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วยังคงต้องพัฒนาตัวเองให้ก้าวไปข้างหน้า ขอถามความเห็นเรื่องเหล่านางแบบชื่อดังในฮ่องกงทั้งหลายที่ออกอัลบั้มภาพเซ็กซี่ เจ๊หมี ตอบว่า เป็นธรรมดาของสาวสวยที่อยากจะบันทึกความงามของตัวเองไว้เป็นที่ระลึกในขณะที่ตัวเองยังสาวยังสวย เพื่อที่หยิบขึ้นมาดูตอนแก่ โชคไม่ดีว่าอัลบั้มภาพที่ออกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ มันดูเหมือนว่าจะผิดแนวทางไปค่ะ ทำให้บรรยากาศในสังคมดูแย่ลง (สงสัยว่าเซ็กซี่กับโป๊เปลือยจะแยกจากกันไม่ค่อยได้ เจ๊หมีเลยกลุ้มใจแทนเด็ก ๆ)















ถึงแม้จะมีข่าวออกมาครั้งกระโป้นว่า หนุ่มหล่อเข้มแห่งเอเชีย ทาเคชิ คาเนชิโร่ (จินเฉิงอู่) มีแววว่าจะได้ลงโปรเจ็ค เล่งฮู้ชง ของผกก.หยวนวูปิง ตอนนี้กลายเป็นโปรเจ็คดับจิตไปหรือนี่ แต่เราก็มีความหวังใหม่ โดยท่าน ผู้กำกับ ปีเตอร์ ชาน จะเป็นผู้ปลุกวิญญาณหนุ่มทาเคชิให้มารับงานแสดงหนังจีนอีกครั้ง (สงสัยจะเกรงจายเสียงปลายสายแน่ ๆ เรย เพราะเป็น ผกก.ปีเตอร์ ชาน ผมขอน้อมรับงานด้วยความยินดีระคนความหวาดกลัว) หลังจากผลงาน ขงเบ้ง ผู้หยั่งรู้ดินฟ้าในภาพยนตร์ Red Cliff (สามก๊ก โจโฉแตกทัพเรือ) หนุ่มทาเคชิ เก็บความหล่อเหลาไว้เงียบสนิทที่ญี่ปุ่น แต่ยังมีงานเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาชาลิปตัน (อัพเดทข่าวไปแล้วจ้า) และยังไม่วายเป็นข่าวว่าแต่งงานแล้วกับสาวญี่ปุ่น (ทำเอาสาวแทบนั่งจะไม่ติดกันไปทั้งแถบเอเชีย) สุดท้ายข่าวกลายเป็นฝุ่นไปเกาะที่บ้านใครไม่รุ






จนกระทั่งมีข่าวตกมาถึงท้องว่า หนุ่มทาเคชิจะเล่นภาพยนตร์ของผู้กำกับ ปีเตอร์ ชาน เป็นหนังแนวจอมยุทธซะด้วยค่า ชื่อหนังขอแปะไว้ชั่วคราวก่อนว่า Swordsman (แค่ชื่อชั่วคราวก็รู้สึกวิญญาณกำลังภายในกระฉูด) นอกจากจะทาบทามหนุ่มทาเคชิมาแสดงได้สำเร็จแล้ว ยังมีดาราบู๊ขั้นเทพมาแสดงนำอีกคนคือเฮียดอนนี่ เยน (เจินจื่อตัน ยกให้เฮียเป็นฝ่ายบู๊ระดับเทพในหนังแนวโบราณ เห็นหน้าเฮียตลอดปีเลยค่า) ส่วนดาราฝ่ายหญิง ยังไม่ลงตัว แต่ได้เสนอบทหนังให้คุณเจ๊กงลี่ไปนั่ง ๆ นอน ๆ ตีลังกาพิจารณาว่ารับแสดงหรือไม่ ก็ยังไม่เป็นที่คอนเฟริม ขณะที่ ผกก.ปีเตอร์ ชาน ออกมาเคลียร์ว่า ที่จะให้ถังเหว่ยมาแสดงนั้นไม่เป็นความจริง (กลัวชีมาทำรุ่มร่ามถอดผ้าผ่อนหรือคะ) ผกก.ปีเตอร์ ให้ความเห็นว่า เท่าที่ผมพิจารณาดูแล้ว ที่ผ่านมายังไม่เห็นมีผลงานภาพยนตร์แนวกำลังภายในที่สร้างได้ดีเหมือนผลงานเรื่อง Crouching Tiger, Hidden Dragon ในปี 2000 ของผกก.อั้งลี่ ผมหวังว่าจะนำเสนอมุมมองการต่อสู้แนวใหม่ในหนังของผม (มีเฮียดอนนี่ เยน ไว้ข้างกาย สบายไปสิบแปดกระบวนท่า) หนังจะเริ่มถ่ายทำปลายเดือนนี้ทางแถบยูนนานของจีน (ผกก. รับประกันความลำบากร้อยเปอร์เซ็นต์) ก่อนที่จะมีภาพหลุดเพิ่มเติมออกมา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีหรือเปล่า ขอหลุดด้วยแฟชั่นหนุ่มทาเคชิดูแก้คิดถึงไปพลาง ๆ ก่อน























Source : sina.com.cn
ภาพยนตร์จีนแอ็คชั่นฟันดาบเช้ง ๆ ระดับท่านจอห์นวูได้ฤกษ์ยามปล่อยของ (ตัวอย่างหนัง) ออกมาเรียกความสนใจจากแฟนหนังจีนทั้งหลาย (โปรดไปเก็บของที่ปล่อยกันเองนะค้า เอามาแล้วก็ expired) “REIGN OF ASSASSINS” (ปล่อยให้เรียกชื่อเล่น Rain of swords กันอยู่นานสองนาน) หนังมีเจ๊หยังจื่อฉุงเป็นตัวชูโรง และเพิ่มสีสันใหม่ด้วยพระเอกฝั่งเกาหลี จุงวูซุง , หยูเหวินเล่อ , หลินซีเหลย , สวีซีหยวน (ต้าเอส) , อู๋เพ่ยฉือ ฯลฯ หนังจะบินไปเปิดตัวรอบพรีเมียร์ในวันที่ 3 ก.ย.ไกลถึงอิแท้ลี่นะฮ้า ในงานเทศกาลภาพยนตร์เวนิซอินเตอร์เนชั่นแนลครั้งที่ 67 แล้วจะบินกลับมาฉายกันในบ้านเกิดเมืองนอนตามโรงภาพยนตร์วันที่ 28 ก.ย. (บ้านพี่ไทยรอกันไป)

Reign of Assassins เป็นเรื่องของนักฆ่า (หยังจื่อฉุง) ที่ล้างมือจากวงการมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับสามีชาวเกาหลีในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง (เป็นเกาหลีที่ข้ามฝั่งมาเป็นจีนได้เนียน) แต่นางจะสงบสุขได้จริงหรือ ? ในเมื่อนางเป็นผู้ครอบครองสมบัติอันมีค่าซึ่งเป็นที่หมายปองของเหล่านักฆ่าทั้งหลาย (ตกลงเจ๊มีหีบเพชรหีบทองหรือไง)

ผกก.จอห์น วู กล่าวถึงหนังตัวเองไว้ว่า ธีมของเรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเข่นฆ่าและล้างแค้น แต่เกี่ยวกับความรัก ทุกคนควรจะหาวิถีทางที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ แทนที่จะต้องอยู่ด้วยความเกลียดชังและอิจฉาริษยา คาแรกเตอร์ของพระเอกจุงวูซุงที่แสดงเป็น ชายหนุ่มท่าทางธรรมดา (ที่สงสัยว่าจะไม่ทำมะดา) ทำหน้าที่ส่งสาสน์ จะเป็นกุญแจที่ทำให้หนังดูลึกลับมากขึ้น (น่าจะเปลี่ยนเป็น love of assassins ดีกว่ามั้ยคร้า) แต่ท่านจอห์นวู คงจะเจตนาดีให้คนดูได้มองถึงแก่นแท้ของหนัง

เก็บโปสเตอร์ 6 ตัวละครหญิงมาให้ชม หยังจื่อฉุง , ต้าเอส, อู๋เพ่ยฉือ , หลินซีเหลย, Hee Ching Paw และ Jiang Yiyan ใช้แต่ละราศีมาอธิบายถึงคาแรกเตอร์ของตัวละคร (จอมยุทธท่านใดโฉบมา ให้มาแกะราศีกันเอง ข้าน้อยปลง ! อ่านไม่ออก
























 

Create Date : 20 สิงหาคม 2553
4 comments
Last Update : 17 เมษายน 2554 19:41:54 น.
Counter : 7061 Pageviews.

 

ออกใหม่อีกแร้.......

 

โดย: ข้าน้อยคาราวะ (ข้าน้อยคาราวะ ) 20 สิงหาคม 2553 20:23:12 น.  

 

เห็นแม่ยกไม่มีเสื้อใส่กันหรือไงล่ะ


 

โดย: ข้าน้อยคาราวะ (ข้าน้อยคาราวะ ) 20 สิงหาคม 2553 20:25:19 น.  

 

ข้าน้อยขา ออกใหม่แล้วจะซื้อไหมคะ นี่กำลังรอสั่งซื้อเพราะว่าวางแผงวันนี้
ใครจะกล้าใส่เสื้อที่มีรูปฟงหราขนาดนี้
แม่ยกจนนสนิท ดับอนาถหน้ามืดตามัวไปหมด

ฮั่นแน่ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จในการลงเพลงในบล็อกแล้ว เอาเป็นว่าจะเข้าบล็อกมาฟังบ่อยๆ อิอิ

ทั้งอาซาและอาฟง 2 คน นี่เข้ากันได้ดีเรื่องของกิน

 

โดย: มิโดริ IP: 115.87.108.146 20 สิงหาคม 2553 23:21:22 น.  

 


จะแวะมา Hello ที่บล็อกข้าน้อยซะหน่อย เข้ามาปุ๊บก็สะดุ้งกับเสียงกริ๊งของหนุ่ม Morning Cute ซะแล้วแฮะ

 

โดย: O-yohyo 21 สิงหาคม 2553 17:45:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ข้าน้อยคาราวะ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




小花

Friends' blogs
[Add ข้าน้อยคาราวะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.