Nepal - Poon Hill Trek (Day2)
21 ตุลาคม 2553เมื่อตะคืนหลับคร่อกกันไป ตอนยังไม่ทันจะสองทุ่ม เพราะร่างกายมันใช้พลังงานในการเดินมาทั้งวันเลย รีบตื่นมาแต่เช้า เพื่ออยากจะเห็นวิวสวยๆ แล้วก็ไม่ผิดหวัง อากาศแจ่มใสสมใจแสงแรกของวันส่องกระทบกับภูเขา สวยงามมาก แพ็กของ แต่งตัวเรียบร้อย เราก็เดินลงไปสั่งอาหารเช้ากินกัน นี่คือบริเวณหน้าที่พักของเรา "ประทับเกสเฮ้าส์"เมื่อวาน พูประทับใจกับมื้อเย็นมาก เราเอาผ้ามาปูพื้นหน้าที่พัก สั่งอาหารและเบียร์มากิน มองเห็นวิวภูเขาด้านหน้า ลมพัดเย็นชิ้วๆ แถมพระจันทร์เต็มดวงอีก อะไรจะโรแมนติกขนาดนั้น อิอิการสั่งอาหารที่นี่ต้องสั่งล่วงหน้านานๆ หน่อยนะจ๊ะ เพราะเจ้าของบ้านก็จะทำกันเอง เป็นเรื่องปกติที่ต้องรอกันเป็นชั่วโมงๆ นี่โรริต้า ลูกสาวเจ้าของบ้านกำลังเตรียมมื้อเช้าให้เราอยู่หน้าตาอาหารมื้อเช้าของเรา บนภูเขาสูง คล้ายๆ แป้งโรตี ทาแยม กาแฟถ้วยนึง และโกโก้ร้อนๆ อีกหนึ่งจ้ะ สำหรับค่าที่พักที่นี่ บอกไปแล้วว่าคิดเป็นเงินไทย ราคาแค่ 60 บาท ซึ่งราคาที่พักสามารถต่อรองกับเจ้าของบ้านได้ แต่ค่าอาหาร ของเมื่อวานเย็นและเช้าวันนี้ คือ 2,270 รูปี หรือคิดเป็นเงินไทย ประมาณ 1,300 บาท เพราะฉะนั้นชาวบ้านที่นี่ จะมีรายได้กับค่าอาหารเป็นหลัก เพราะถ้ามีคนมาพักเยอะ นั่นก็หมายถึงจะมีคนสั่งอาหารกับเจ้าของบ้านมากขึ้นหลังจากมื้อเช้า และจ่ายเงินแล้ว เราก็โบกมือลา เจ้าของบ้านผู้แสนใจดี ออกเดินทางต่อไป แผนการเดินทางของเราวันนี้ คือผ่านหมู่บ้านเหล่านี้ อูลเลริ - บานทานติ - นาเงทานติ - โกเรปานี เราออกจากอูลเลริ ตอน 8 โมงเช้ายิ่งเดินไต่ระดับความสูงไปเรื่อยๆ ธรรมชาติก็ยิ่งงดงาม ตามเส้นทางส่วนใหญ่ ก็จะเป็นลำธาร น้ำตก เพราะหมู่บ้านก็ตั้งอยู่ตามแหล่งน้ำเรายังเดินขึ้นเรื่อยๆ แต่ทางไม่โหดเท่าเมื่อวาน ป่าเริ่มชื้นๆ เย็นๆ ทางเดินแคบๆ ข้ามน้ำ ข้ามห้วยกันไปตลอดระหว่างทางจะมีแท่นหินแบบนี้ ให้นั่งพัก และวางเป้ สำหรับคนที่เดินแบกเป้หนักๆแล้ว ถ้าได้เห็นแท่นหินลิบๆมาแต่ไกล ก็คงจะดีใจมากคุณบีม ลูกหาบและไกด์เรา เป็นคนน่ารัก ดูแลเราดีมาก มาแบกเป้ให้เรา เป้เราหนักประมาณ 15 กิโล แต่ไม่เคยเดินทันคุณบีมเลย คุณบีมมักจะหันมามองเราด้วยความห่วงใย จากระยะไกลๆ ลิบๆ และไปเจอกันเอาแท่นหินข้างหน้าเสมอ ห้าๆๆ เดินไปๆ เราก็มาถึงด่านตรวจอีกแห่งหนึ่ง คุณบีมเอาเอกสารเราไปลงทะเบียนใกล้เที่ยงวันแล้ว เริ่มหิว คุณบีมบอก เดินขึ้นไปข้างหน้าก็เป็นหมู่บ้านแล้ว จะได้กินแย้ว เย่ๆๆๆแล้วเราก็มาถึงหมู่บ้านนาเงทานติเราจะพักกินมื้อกลางวันกันที่นี่จ้ะตามเส้นทาง เราก็จะเจอนักท่องเที่ยวเยอะ มิตรภาพดีๆ น่ารักๆ จะเกิดขึ้น บางคนเจอเดินแซงเราไปเมื่อวาน วันนี้เราเดินตามทัน หรือถามไถ่กัน เป็นไง มาจากไหน มาทำไม ส่วนใหญ่ก็อุดมการณ์เดียวกัน คุยกันก็จะสนุกสนานไปอีกแบบ รอข้าวอยู่ ถ่ายรูป ดอกดาวเรือง ณ หิมาลัย มาฝากอาหารกลางวันมาแล้ว ดีใจจัง ข้าวผัดหนึ่งจานมันฝรั่งทอดหนึ่งจาน ไข่เจียวอีกที่ อาหารยังกินแบบเบสิคมาก ไม่ต้องคิดจะสั่งอะไรแปลกๆเลย เพราะเมนูอาหารทุกร้าน ทุกหมู่บ้านในเส้นทางเดิน trekking จะเหมือนกันหมดค่ะ เพราะเมนูรายการอาหารและราคาจะถูกควบคุมด้วยสำนักงาน ACAP เมนูอาหารเหมือนกันหมด แตกต่างกันที่รสชาติและหน้าตา ส่วนราคาก็แพงมากขึ้นเรื่อยๆ ตามระดับความสูงเหนือระดับน้ำทะเลสั่งข้าวเปล่าอีกจาน เพราะเรามีหมูหยอง ฮ่าๆ อาหารอาจจะดูธรรมดานะคะ แต่ ณ ที่นั่น เวลานั้น มันอร่อยที่สุดแล้ว เนื้อสัตว์หากินยากมากจ้ะ แทบจะไม่มี เน้นแป้งล้วนๆ เพราะเราใช้พลังงานเยอะมาก มื้อนี้เราจ่ายค่าอาหารไป 600 รูปี เป็นเงินไทยก็ประมาณ 360 บาท ที่นี่น้ำเปล่าขวดละ 90 รูปีแล้ว ราคาน้ำเปล่าที่โพขรา 20 รูปี อาหารและน้ำดื่มก็จะแพงมากขึ้น เมื่ออยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเลมากขึ้น ที่นี่ความสูงประมาณ 2200 เมตร คุณบีมบอกว่า ที่ Annapurna Base Camp ความสูง 4130 เมตร น้ำดื่มขวดละ 270 รูปี เพราะการขนส่งค่อนข้างลำบาก ต้องใช้คนแบกเดินเท้าไป หรือใช้ล่อ ม้า แบกขนสินค้า ยิ่งไกล ยิ่งสูง ก็ยิ่งลำบากแป๊บๆ เราก็เดินมาถึงเขตหมู่บ้านโกเรปานี จุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ ตอนประมาณ บ่ายสองโมงที่นี่เป็นหมู่บ้านใหญ่ ค่อนข้างเจริญ เพราะนักท่องเที่ยวทุกคน ที่เดินเส้นทางนี้ จะต้องแวะมาพักที่นี่ เพื่อรอเดินขึ้นพูนฮิลล์พรุ่งนี้เช้า ชมวิวสวยๆ ของเทือกเขา Annapurna และยอดเขามัชชปูชเร Muchchapuchhreเมื่อเข้าเขตหมู่บ้านโกเรปานีมาแล้ว อย่าเพิ่งรีบดิ่งตรงเข้าหาที่พัก ให้เดินข้ามเขามาด้านหน้า จะมีบ้านพักหลายแห่ง และมีวิวสวยๆด้วยจ้า วันนี้เราจะเดินไปพักข้างล่างนู่น เพราะจะได้เห็นวิวสวยๆจากหน้าต่าง เต็มๆตาวันนี้เราจะพักที่นี่กัน Hotel Tukucheพักที่นี่แหละ วันนี้ บ้านพักค่อนข้างใหญ่โต ที่หมู่บ้านโกเรปานี ความสูงประมาณ 2750 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อากาศค่อนข้างหนาวทีเดียว พูยังหายใจสะดวกอยู่ แต่ยิ่งสูง ออกซิเจนยิ่งเบาบางห้องพักบนชั้นสอง เรียงรายกันไป เรามาถึงเร็วก็จะมีห้องว่างเยอะ เย็นๆมานักท่องเที่ยวเริ่มทยอยมาถึงกัน ห้องพักก็เต็มจ้ะสภาพไม่ต่างจากเมื่อวาน เรียบง่าย ดูดี แต่คงความสะอาดสุดยอดวางกระเป๋าเรียบร้อย พักนวดแข้งนวดขากันแป๊บนึง ก็ออกไปเดินสำรวจรอบๆ หมู่บ้าน ที่นี่มีร้านหนังสือเล็กๆ อยู่ เป็นที่แลกเปลี่ยนซื้อขาย ใครมีหนังสือเก่า อ่านจบแล้ว เอามาเปลี่ยนเล่มใหม่ไปได้ ดีจังนอกจากนั้นยังมีโต๊ะพูลให้เล่น มีร้านเนตด้วยแน่ะ แต่ต้องรอเวลามีไฟฟ้าเท่านั้น ซึ่งไม่ค่อยจะมี อีกอย่างราคาแพงมากด้วย เราชอบร้านขนมร้านนี้ เป็นร้านเดียวในหมู่บ้าน เจ้าของบ้านก็ทำกันเองเราพกชาไปเอง สั่งน้ำร้อนมากระติกนึง พร้อมกับพายแอบเปิ้ล รสชาติบอกไม่ถูก แต่ก็อร่อยมากแล้วสำหรับที่นั่น อากาศหนาวได้จิบอะไรอุ่นๆ มีความสุขจังบรรดานักท่องเที่ยว และลูกหาบ ต่างพากันมานั่งตากแดดอุ่นๆ กัน พูก็มานั่งตากแดด กินพายแอบเปิ้ล ง่ำๆๆกลับไปห้องพัก นั่งดูวิวจากหน้าต่าง อากาศไม่สดใสเลย เมฆหมอกมืดมัว ที่จริงข้างหน้าควรจะเป็นวิวเทือกเขาหิมะ แบบพาโนรามา ก็หวังว่าพรุ่งนี้เช้า ขึ้นพูนฮิลล์ เราจะได้เห็นวิวสวยๆ เนอะคะได้เวลาอาหารเย็น ตั้งแต่เดินกันมา เห็นคุณบีม ลูกหาบเรากินแต่อาหารจานนี้ ซึ่งเป็นอาหารเบสิคเลยของเนปาล เรียกว่า Dal Bhat วันนี้เลยอยากลองบ้าง สั่งมาชิมดู อร่อยดีค่ะ ก็จะมีข้าวเปล่า มากับซุปถั่ว และผัดผัก อาจจะมีน้ำพริกแนมมา พร้อมกับแผ่นแป้งกรอบ แต่จานนี้เป็น Dal Bhat แบบธรรมดามากๆ มีตอนหลังเราได้กิน Dal Bhat ที่หรูหรากว่านี้ แล้วจะเอาภาพมาให้ดูวันหลังจ้ะ อิอิอิฮ้า.... มื้อนี้มีสั่งพิซซ่ามากินด้วยน๊า...รสชาติเป็นไง อืม....บอกไม่ถูก ก็เราไม่มีทางเลือก ฮ่าๆ แต่ก็กินเกลี้ยง เบื่อกินข้าวเปล่ากับหมูหยองไง วันนี้ชวนคุณบีมมานั่งกินด้วยกัน เริ่มสนิทสนมล่ะ จิบชาไป นั่งผิงไฟแก้หนาวกันไป คุยกันสนุกสนาน ประมาณทุ่มกว่าๆ เราก็ขอตัวไปนอนก่อนล่ะ เพลียเหลือเกิน ขาเราวันนี้ เมื่อยนิดนึง แต่ไม่ถึงกับปวดมาก ต้องรีบนอนเร็ว เพราะพรุ่งนี้ ต้องเดินขึ้นพูนฮิลล์ตั้งแต่ตีห้า คุณบีมบอกจะมาปลุกตอนเช้า เราขอตัวไปซุกถุงนอนอนอุ่นๆ ก่อน ที่นี่อากาศหนาวเหลือเกิน ค่อยเจอกันบนพูนฮิลล์พรุ่งนี้เช้านะจ๊ะ....มาลุ้นกันว่าเราจะโชคดีได้เห็นวิวสวยๆมั๊ย ฮี่ๆๆๆ