ปัจจัย 5 : เครื่องต้มกาแฟ

เพราะว่าจิตตกรุนแรงมากมายช่วงนี้ กว่าจะดึงตัวเองขึ้นมาได้ก็ช่างแสนยากเย็น เพราะหลายต่อหลายครั้งที่เราพยายามดึงตัวเองขึ้นมา แต่มันก็กลับไปเป็นอีก เข้าใจหลายๆ คนที่สามารถปลิดชีวิตตัวเองได้เลยเชียว เพราะทุกอย่างมันล้วนเกิดจากใจ เมื่อใจบอกว่าเจ็บ เราก็รู้สึกว่ามันเจ็บ เมื่อใจบอกว่าเหนื่อย ร่างกายมันก็ยิ่งเหนื่อย เมื่อใจบอกว่าท้อ สมองมันก็ไม่ยอมสั่งการสั่งงานใดๆ ทั้งสิ้น บางทีก็เคยคิดเล่นๆ ว่าคนเราที่อยู่กันทุกๆ วันนี้นั้นล้วนอยู่ได้ด้วยอารมณ์และความรู้สึก เพราะเมื่อไหร่ที่เรา ไร้ซึ่งอารมณ์และความรู้สึก เมื่อนั้นความเบื่อหน่าย หดหู่มันย่อมจะเข้ามาแทนที่ และทำให้บางครั้ง ความคิด ผิด ชอบ ชั่ว ดี หรือแม้แต่ ความรักตัวเอง มันไม่มีในในคนคนนั้นไปเลย

คนเราแต่ละคนมีเหตุผลให้เกิดความเศร้าหมอง เบื่อหน่ายต่างๆ กันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะนิสัยของแต่ละคน และสภาพแวดล้อมนั้นๆ ในความคิดของเรารู้สึกว่าอาการจิตตก นั้นมันค่อนข้างเกิดขึ้นได้ง่ายดายมากๆ แต่วิธีที่จะทำให้มันหายไปนั้นแสนยาก จริงๆ เชียว แต่ละคนอาจจะต้องใช้วิธีที่แตกต่างกันไป และแน่นอนมันก็มีวิธีที่เยอะแยะที่จะช่วยให้ดีขึ้นมาได้

สำหรับเรา เราเริ่มที่จะมองย้อนหลังกลับไป เพื่อหาสาเหตุแห่งความเศร้า ซึม เบื่อหน่ายโลก เบื่อหน่ายตัวเอง ค่อยๆ มองย้อนกลับไปจากใกล้ๆ ออกไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่ง ที่เราเคยมีความรู้สึกเชื่อมั่นในความเป็นเรา ช่วงที่เรามีความรู้สึกดีๆ จากสิ่งที่เราทำ หรืออะไรต่างๆ ที่ผ่านมาแล้วมันรู้สึกดี ชนิดที่ว่า "เกิดมาชาตินี้ ได้เจออะไรอย่างนี้นับว่าเราโชคดีมากมาย" ในที่นี้ก็อาจเป็นคน หรือเหตุการณ์อะไรซักเหตุการณ์ แล้วเมื่อเจอจุดนั้น เราก็ค่อยๆ คิดย้อนกลับมาหาปัจจุบันอีกครั้ง (เหมือนทัวร์ ชีวิตตัวเองอย่างไรอย่างนั้น)

ตอนนี้เราจะเริ่มรู้ที่มาที่ไปบ้างแล้ว จากตอนที่รู้สึกหน่ายสุดๆ แบบว่าอะไรก็ไม่เอา เป็นทุกข์ และทรมาณกับการดำรงชีวิตในแต่ละวัน ตื่นมาแบบไม่อยากตื่น แต่ก็ต้องตื่นเพราะนอนไม่หลับ นั่งทำงานทั้งๆ ที่สมาธิกับงานไม่มีสักนิด แต่ก็ต้องทำเพราะมันคือความรับผิดชอบที่ต้องมีต่อคนอื่นไง อารมณ์อ่อนไหวได้ง่าย นั่งอยู่ดีๆ ก็รู้สึกเศร้าและร้องไห้ออกมาดื้อๆ ทั้งๆ ที่ก็ไม่มีใครมาทำอะไรให้เจ็บช้ำน้ำใจ ณ ตอนนั้น หลายๆ ครั้งที่อยากจะไปปรึกษากับจิตแพทย์ แต่ก็นะไม่เคยจะไปสักที

พอเราเริ่มรู้ที่มาที่ไป ก็ลองคิดในหลายๆ แง่ ว่าสิ่งที่มันเกิด สิ่งที่เราประสบมา สิ่งที่มันทำให้เราเป็นทุกข์ และเบื่อหน่ายรุนแรง ถามตัวเองว่า "เราจะอยู่กับมันไปตลอดชีวิตเพื่ออะไร ??" การพยายามไม่คิด หรือจะให้ลืมมันไป แน่นอนมันย่อมเป็นไปไม่ได้ นอกเสียจากสมองไม่ทำงานแล้วเท่านั้น ในเมื่อลืม และเลิกคิดไม่ได้ ก็คิดมันไปให้ถึงที่สุด จะได้เข้าใจในสิ่งที่มันเป็น ได้เห็นในสิ่งที่มันทำ และมีผลกับเราในทุกๆ วันนี้ แล้วใช้ในเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ในการจะทำอะไรๆ ต่อไปในอนาคต ให้เราได้มีสติและความรอบคอบเสมอๆ ในการดำรงชีวิตในทุกลมหายใจ

และเมื่อสิ่งใดก็ตามที่เราได้ทำไปแล้ว จงอย่าเสียใจให้มากมาย เมื่อผลลัพธ์สุดท้ายมันไม่เป็นอย่างที่หวัง เพราะอย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่เราได้ตัดสินใจทำลงไปด้วยตัวเราเอง จงภูมิใจในความกล้าบ้าบิ่นของตัวเอง ^^

อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เราดีขึ้นมาได้นอกจากการทัวร์ประสบการณ์ชีวิตของตัวเองแล้วก็คือ การที่ได้คุยกับใครซักคนที่สามารถเปิดตาและเปิดใจเราได้ คนเราทุกคนมันคงจะมีใครสักคนบ้างสิน่า ที่สามารถคุยได้ทุกเรื่อง และสามารถให้คำแนะนำรวมทั้งติเตือนเราได้ตรงๆ แบบที่จะไม่มีการมาโกรธหรือเคืองกัน (แต่ถ้าใครไม่มีก็ควรจะหาไว้สักคนนะ ^^)

สำหรับเราเอง เราเลือกที่จะคุยกับเพื่อน ถึงแม้จะมีคนที่อยู่ในฐานะที่มากกว่าเพื่อนก็ตาม แต่เราก็เลือกที่จะคุยกับเพื่อนมากกว่า ด้วยเหตุผลหลายๆ ประการของคนสองคนที่อยู่ด้วยกันทุกวัน แต่ใช่ว่าจะคุยกันได้ทุกเรื่อง

จากการได้พูดคุยกับเพื่อนมานาน เพื่อนคนนี้เป็นคนที่ดีมากๆ คนหนึ่ง สำหรับเราเป็นเพื่อนที่วิเศษมาก ไม่รู้จะไปหาจากไหนได้อีกนะ ก็ได้คุยกันหลายๆ อย่าง สัพเพเหระบ้าง เป็นการเป็นงานบ้าง เชิงปรึกษาบ้าง คุยกันไปหมดซะทุกเรื่อง รวมๆ แล้วจบการสนทนาแต่ละครั้ง ก็รู้สึกว่าจิตใจตัวเอง เริ่มมีความรู้สึกขึ้นมาบ้าง เริ่มอยากจะทำนู่นนี่บ้าง คิดนั่นโน้นบ้าง

เมื่อเราได้คุยกับใครสักคน ที่พร้อมรับฟัง อาจจะแสดงความคิดเห็นให้เราบ้าง หรือแค่นั่งฟังเฉยๆ แค่นั้นมันก็ทำให้ดีขึ้นมาได้มากเลยเชียว หลังจากเริ่มดีขึ้นมาบ้าง เราก็หันหน้าหาสิ่งที่เราต้องเผชิญกับมัน ไม่ว่าจะเป็น ชีวิตคู่ หรือการงานก็ตาม พยายามทำให้มันดีที่สุด


-------------------------------------------------------------------


ยังไม่มีอะำไรเกี่ยวกับหัวข้อเลย แหะๆ ว่าด้วยปัจจัย 5 ของเราเองวันนี้ เรื่องของเครื่องต้มกาแฟ ปกติซื้อแต่กาแฟกิน ไม่ชงเองเพราะรู้สึกว่าชงได้ ห่วยสุดๆ และด้วยความที่ชอบกินกาแฟสดเย็นๆ ไม่ค่อยชอบกินกาแฟร้อน หรือกาแฟสำเร็จรูปสักเท่าไหร่ ก็เลยซื้อซะเป็นประจำ ส่วนมากก็ร้านแถวๆ บ้าน เพราะมันใกล้ดี ( เหตุผล?? ) แต่ว่านะเราเองเป็นคนที่ค่อนข้างขี้เกียจเดินมากๆ บางวันก็ขี้เกียจไปซื้อจัง แต่ก็อยากกินง่ะ วันไหนอดใจไม่ไหวจริงๆ ก็เดินลงไปซื้อ

แก้วนึงก็หลายสิบบาทเหมือนกันนะ แถวๆ ที่เรากินราคาอยู่ที่ 35 บาทขึ้นไป ก็แอบคิดเสียดายเงินเหมือนกันแหละ เพราะบางวันก็ 2 แก้ว ซึ่งก็เกือบร้อยบาทละเฉพาะค่ากาแฟ เหอะๆๆๆๆ วันก่อนไปหาของกินที่เซ็นทรัลแถวบ้าน บังเอิญเดินไปหาซื้อ เดทตอล มาล้างถาดรองกรงของเด็กๆ ที่บ้านในท๊อปซุปเปอร์มาเก็ต ก็เดินไปเดินมา บังเอิญๆ ผ่านล๊อคกาแฟ แค่เหลือบๆ ไปเห็น (ย้ำๆ แค่เหลือบๆ ไปเห็น จริงๆ ) เหลือบไปเห็นกาแฟคั่วบด หุๆ ก็เกิดความอยากจะลิ้มลองขึ้นมาซะอย่างนั้นแหละ คนข้างๆ ที่ไปด้วยก็เชียร์ให้ซื้อใหญ่เลย (ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่กินกาแฟนะ แต่เชียร์ให้เราซื้อ)

ไอ้เราก็เป็นประเภทใจง่ายซะ! ก็เดินหยิบๆ มาอ่านนู่นอ่านนี่ดู ของแต่ละยี่ห่อ แต่ละถุง แต่ละขวด แต่ละโหล (แบบว่ามีบรรจุภัณฑ์หลากหลายแบบ แฮะ) ราคาก็พอประมาณ ของนอกก็แพงหน่อย ของจากไทยก็ราคาเกือบพอๆ กัน แต่ทีนี้แค่ดูเราก็ไม่รู้ไงว่าอันไหนที่เราควรซื้อ มันทำให้ตัดสินใจยาก ก็ดูๆๆๆ จนจะหมดละ ตัดสินใจไม่ได้ ลำบากใจจริงๆ ก็เลยคิดว่าไม่ซื้อดีกว่า

ขณะขากำลังก้าวออกไปจาก เช้ลนั้น บังเอิ๊ญญญญอีกหละ ตาก็ไปเห็นกล่อง 4 เหลี่ยมสีน้ำตาลๆ เขียนว่าอะไร เขาๆ ดอยๆ นี่แหละ ก็เลยก้าวเท้าวหันหน้ากลับมาแล้วหยิบกล่องมาดู ... อืมมม ปรากฎว่าเป็นกาแฟจากชาวเขาอ่ะนะ จากทางภาคเหนือ ราคาก็พอประมาณ เกิดความรู้สึกอยากลองมากขึ้น ทีนี้เนื่องจากที่บ้านไม่มีหม้อต้มกาแฟ มีแต่กระติกน้ำร้อน ด้วยความอยากชิม ก็เลยตัดสินใจวางกล่องกาแฟเอาไว้ที่เดิม

แล้ว...เดินไปแผนกขายเครื่องใช้ไฟฟ้าแถวๆนั้นแหละ ก็ไปเดินๆ ดูโซนพวก เครื่องต้มๆ ปั่นๆ ดูไปดูมา จับโน่นจับนี่ แล้วก็ตัดสินใจ ซื้อมาอันนึง ยี่ห้อ มามารุ แล้วก็ให้คนเชียร์ซื้อลงไปซื้อกาแฟที่เล็งไว้ ^^ (ไม่ได้ซื้อมาแต่แรก เพราะกลัวว่ามาดูแล้วจะไม่มีเครื่องที่อยากซื้อไง ) ซื้อเสร็จ กลับบ้านมาคนเชียร์ก็ถอดนู่นถอดนี่ของเครื่องออกมาล้างคว่ำไว้ให้ เช้ามาเราก็ทำการดำเนินการตามขั้นตอนในคู่มือ ^^


เครื่องเปล่าๆ





ใช้งานครั้งแรก ต้มน้ำเปล่าไปก่อน





เดือดเร็วมากๆ เพียงไม่ถึงนาที





แป๊บๆ น้ำก็เต็มโถแล้ว ^^ มีกาแฟที่ซื้อมาวางคู่ด้วย





เอาน้ำในโถไปเททิ้ง ล้างๆออกหน่อย มันเหมือนมีเศษผงอยู่ด้วยน่ะ เสร็จแล้วก็เติมน้ำลงไปที่ช่องใส่น้ำ (อยู่ด้านหลัง) แล้วก็ใส่กาแฟลงไป





เปิดไฟ แป๊บๆ กาแฟไหลลงมาแล้ว





โว้วววว!~~~





กินกับซาลาเปาเซเว่น



รสชาติก็โอเ้หมือนกันนะ คนเชียร์บอกว่าเดี๋ยวจะซื้อน้ำแข็งมาไว้ให้ตอนเช้า แล้วก็ซื้อนมกับน้ำตาลมาไว้ชงกาแฟกินเองเลย

เราก็ตอบไปว่า "จัดมาโลดเธอ " ไม่รู้ว่าจะประหยัดหรือเปลืองขึ้น แต่ที่แน่ๆ คงกินเยอะขึ้น ต้มเป็นหม้อๆ เลยเชียว ^^ แต่ก็สะดวกดีนะ ถ้าใครชอบกินกาแฟเพียวๆ




 

Create Date : 05 ตุลาคม 2553
3 comments
Last Update : 5 ตุลาคม 2553 13:55:50 น.
Counter : 460 Pageviews.

 

ขอกาแฟดำถ้วยนึงค่ะ

หอมมาถึงนี่เลยทีเดียวเชียว

 

โดย: รุ่นป้าหน้าใส 5 ตุลาคม 2553 20:21:31 น.  

 

สวัสดียามบ่ายค่ะกระติ๊บ

ดีจังเลยจ๊ะที่มีเพื่อนคอยคุยคอยรับฟัง เพื่อนคนนี้ต้องน่ารักมากๆเลยใช่มั๊ย...

พรุ่งนี้ต้องดีกว่าเก่า มองโลกในแง่ดีชีวิตก็มีสุขเนอะ

โห..ตัวเองเป็นนักกินกาแฟตัวยงเลยเนอะ ขอซักแก้วด้วยค่า 555

ช่วงนี้อากาศเย็นแล้วเตรียมผ้าหนาๆไว้ห่มยามนอนด้วยนะคะ

 

โดย: หัวใจแก้ว 6 ตุลาคม 2553 15:21:21 น.  

 

สวัสดีค่ะกระติ๊บ

ขอให้สนุกในทุกๆวันนะคะ

 

โดย: หัวใจแก้ว 7 ตุลาคม 2553 12:43:49 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


กระติ๊บริมทาง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นคนดีคนนึง ก็แค่นั้น อ่ะฮิ้วววว
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
5 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add กระติ๊บริมทาง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.