สัจจะนั้นมีเพียงหนึ่ง แต่หนทางรู้ซึ้งนั้นมีหลากหลาย...
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
20 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
(๐๕) ตามรอย "กวนต๋ง" ยอดปราชญ์ แห่งฤดูใบไม้ผลิ ๔



     ตามรอย "กวนต๋ง" ยอดปราชญ์ แห่งฤดูใบไม้ผลิ (ตอนที่ ๔)



      ฝ่ายทัพเมืองฬ่อซึ่งค่อยๆเดินทัพมาตามทางหลวงนั้น ครั้นมาถึงตำบลเคียนเสียง จึงให้ทหารหยุดพักตั้งค่ายลง พอมีทหารเข้ามาบอกก็ทราบว่าทหารเมืองเจ๋ยกทัพมาตั้งรับเป็นจำนวนมาก แล้วจึงเกิดการรบพุ่งกันขึ้น ฝ่ายทหารเมืองฬ่อนั้น ครั้นถูกทหารเมืองเจ๋ซึ่งมีกำลังพลมากกว่า ตีโอบซ้ายขวา เป็นทัพกระหนาบ ก็เสียทีตกอยู่ในวงล้อม ทหารเมืองฬ่อถูกฆ่าตายไปเป็นจำนวนมาก


     กวนต๋งเห็นเสียทีดังนั้น ก็ให้เตียวหุดพาเจ้าเมืองฬ่อและก๋งจูกิวหนีไป


     เปาซกแหยเห็นดังนั้นจึงประกาศขึ้นว่า


     "ผู้ใดจับตัวเจ้าเมืองฬ่อได้ เราจะให้ตบรางวัลให้อย่างงาม"


      นายทหารเมืองเจ๋ได้ยินดังนั้นต่างคนต่างอยากได้ผลงาน จึงไล่สกัดจับตัวเจ้าเมืองฬ่อเป็นอลม่าน เจ้าเมืองฬ่อเห็นดังนั้นจึงพาก๋งจูกิวกระโดดลงจากเกวียนใหญ่ ขึ้นเกวียนน้อยขับหนีไป ส่วนกวนต๋งก็ชักธนูยิงทหารเมืองเจ๋ตายไปเสียหลายคน ทหารเมืองเจ๋เห็นดังนั้นก็กลัวธนูจึงติดตามไปห่างๆ


     เปาซกแหย ก็ให้จูเสียงหู ตังกวยแหย และกองซุนสิบผอง เหล่าทหารเอก เร่งออกตีสกัดตัดทางเดินเอาไว้ จะให้ทันเจ้าเมืองฬ่อให้ได้ กวนต๋งเห็นจะหนีไม่พ้นอันตรายแล้ว จึงสั่งให้ทหารทิ้งเกวียน และสิ่งของเสีย รีบหนีเอาตัวรอด กลับมายังเมืองฬ่อ


     เปาซกแหยกับเจ๋ฮวนก๋ง ก็ยกทัพติดตามเข้ามาจนถึงชานเมืองฬ่อ ก็ตั้งค่ายลง แล้วจึงเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง มีใจความว่า ให้เจ้าเมืองฬ่อตัดหัวก๋งจูกิว กวนต๋ง และเตียวหุด มาส่งให้เจ๋ฮวนก๋งเสีย ถ้าไม่ฟังคำจะยกทหารเข้าตีเมืองฬ่อ จับชาวเมืองฆ่าเสียให้สิ้นทั้งเมือง แล้วจึงให้กองซุนสิบผองถือไปเมืองฬ่อ


     ฝ่ายเจ้าเมืองฬ่อครั้นกลับถึงเมือง ตรวจตราแทกล้วทหารจึงพบว่าเหลือตายกลับมาเพียงห้าร้อย ตายไปเสียในที่รบถึงสองพันห้า พอนายประตูเข้ามาบอกว่าทัพเมืองเจ๋ยกทัพเข้ามาตั้งอยู่ที่ชานเมือง ให้นายทหารถือจดหมายเอามาให้ เจ้าเมืองฬ่อจึงให้นำตัวผู้ถือจดหมายเข้ามาพบ พอรับจดหมายฉีกผนึกออกอ่านทราบความ แล้วจึงปรึกษากับ ซีเป๊ก ผู้เป็นขุนนางว่า


     "ก๋งจูกิว กวนต๋ง และเตียวหุดเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองเรา เราจะช่วยก๋งจูกิวให้ได้เป็นเจ้าเมืองเจ๋ก็ไม่สมกับที่ได้ตั้งใจไว้ ซ้ำยังพาทหารไปตายเสียอีกเป็นอันมาก บัดนี้เจ้าเมืองเจ๋ยกทัพมาประชิดเมืองเราแล้ว และได้มีจดหมายมาถึงเรา ให้เราส่งศีรษะก๋งจูกิวกวนต๋งและเตียวหุดออกไปให้ เราควรจะทำประการใดต่อไปดี..."


     ซีเป็กได้ยินดังนั้นจึงตอบว่า


     "ทัพเมืองเจ๋ประชิดเมืองเราแล้ว ทหารเรานั้นเล่าก็เหลือเพียงน้อยนิด ไหนเลยจะไปสู้รบกับเขาได้ ท่านยังจะอาลัยถึงคนทั้งสามอยู่นั้น ภัยก็จะมาถึงตัวท่าน ข้าพเจ้าขอให้ท่านจับคนทั้งสามฆ่าเสีย เหมือนแลกเอาเมืองเราไว้ให้เป็นสุขจึงจะชอบ..."


     เจ้าเมืองฬ่อก็เห็นด้วย จึงสั่งให้ทหารไปจับตัวก๋งจูกกิว กวนต๋ง และเตียวหุด พาเอาตัวไปมัดไว้ที่หลักประหาร พอเพชรฆาตลงดับก๋งจูกิวเสร็จ เตียวหุดจึงแหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วร้องขึ้นว่า


     "เกิดมาเป็นบุตรก็ต้องซื่อตรงต่อบิดามารดา มาเป็นข้าก็ควรจะซื่อตรงต่อเจ้า บัดนี้เจ้าเราสิ้นบุญเสียแล้ว เราจะขอตามไปด้วย"


     ว่าแล้วก็เอาศีรษะกระแทกกับเสาหลักประหารจนตาย กวนต๋งเห็นดังนั้นก็มิได้ย่อท้อต่อ จึงทำหน้าชื่นตาบานเป็นปกติอยู่ มิได้เกรงกลัวต่อความตาย ซีเป๊กเห็นดังนั้นจึงเข้าไปบอกเจ้าเมืองฬ่อว่า


     "กวนต๋งคนนี้ เห็นทีจะมีสติปัญญามาก ซึ่งท่านจะให้ฆ่าเสียดังนี้ ข้าพเจ้าเสียดายนัก ขอให้ท่านมีหนังสือไปขอโทษกวนต๋งไว้เถิด หากเขายังไม่ถึงที่ตาย ภายหลังคงจะคิดถึงบุญคุณของเรา"


     เจ้าเมืองฬ่อจึงตอบว่า


     "กวนต๋งกับเจ้าเมืองเจ๋เป็นอริกันอยู่ จำเราจะต้องฆ่ากวนต๋งตัดเอาศรีษะไปให้เจ้าเมืองเจ๋เสีย เขาถึงจะหายแค้น ไม่มาย่ำยีเมืองเราสืบไป..."


     กองซุนสิบผองได้ยินเจ้าเมืองฬ่อว่าจะฆ่ากวนต๋งเสียดังนั้นจึงพูดว่า


     "อันกวนต๋งนี้ เคยยิงธนูไปถูกเจ้าเมืองเจ๋ เจ้าเมืองเจ๋เคียดแค้นกวนต๋งเป็นอันมาก คงใคร่จะได้ตัวไปชำระแค้น เชือดเนื้อออกเป็นชิ้นๆเสียด้วยตัวเอง ขอให้ท่านส่งตัวกวนต๋งออกไปทั้งเป็นๆเถิด"


     เจ้าเมืองฬ่อก็เห็นด้วยจึงให้คนทำกรงใส่ตัวกวนต๋ง แล้วจึงมอบศรีษะก๋งจูกิวและเตียวหุด ให้กองซุนสิบผองนำกลับไปให้เจ้าเมืองเจ๋


     พอกองซุนสิบผองกลับมาถึงค่าย เห็นเปาซกแหยยืนคอยอยู่ จึงเอาศีรษะของก๋งจูกิวและเตียวหุดกับตัวกวนต๋งเข้าไปคำนับเปาซกแหย เปาซกแหยเห็นกวนต๋งนั่งอยู่ในกรงก็นึกสงสารนัก ด้วยเพราะเคยเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน จึงเปิดกรงจูงมือกวนต๋งออกมานั่งโต๊ะเสมอกัน กวนต๋งก็ถ่อมตัวลดลงมานั่งชั้นล่างแล้วจึงกล่าวว่า


     "ตัวข้าพเจ้านี้เป็นคนต้องโทษตายอยู่แล้ว เพราะได้ทำความผิดต่อท่านและเจ๋ฮวนก๋งไว้เป็นอันมาก ข้าพเจ้าก็จะขอตายตามโทษที่ได้รับ ซึ่งท่านยังมีน้ำใจเห็นข้าพเจ้าเป็นเพื่อน และไม่ได้ถือโกรธเอานั้น ข้าพเจ้าขอบคุณท่านอย่างสุดซึ้ง และขออวยพรให้ท่านมียศศักดิ์จำเริญยิ่งขึ้นสืบไป...."


     เปาซกแหยจึงว่า


     "ขอท่านอย่าได้เป็นทุกข์เลย ไว้เป็นธุระข้าพเจ้าจะช่วยว่ากล่าวกับเจ๋ฮวนก๋ง ขอให้ท่านรอดชีวิตให้จงได้ ท่านจงไปพักผ่อนอยู่นอกค่ายก่อนเถิด"


     แล้วเปาซกแหยจึงพากองซุนสิบผองพร้อมกับหัวก๋งจูกิวและเตียวหุด เข้าไปหาเจ๋ฮวนก๋ง เจ๋ฮวนก๋งจึงถามกองซุนสิบผองว่า


     "ท่านไม่ได้หัวกวนต๋งมาด้วยหรือ..."


     เปาซกแหยได้ยินดังนั้น จึงแกล้งทำอุบาย ร้องไห้ขึ้น จากนั้นก็จึงเปลี่ยนเป็นหัวเราะ เจ๋ฮวนก๋งนึกสงสัย จึงกล่าวกับเปาซกแหยว่า


     "ท่านร้องไห้ขึ้นแล้วกลับหัวเราะด้วยเหตุใดเล่า.."


     เปาซกแหยจึงตอบว่า


     "ข้าพเจ้าเห็นศีรษะก๋งจูกิวแล้วก็นึกสงสารนักจึงร้องไห้ขึ้น แต่ที่ข้าพเจ้าหัวเราะนั้น ก็พราะเห็นกองซุนสิบผองไม่ได้หัวกวนต๋งกลับมาสมความคิด อันตัวกวนต๋งนี้มีสติปัญญาเป็นเลิศ รู้จักการจัดแจงบ้านเมืองอย่างฉลาดรอบคอบจะหาผู้ใดเสมอมิได้ ถ้าหากเมืองใดได้ตัวกวนต๋งไว้เป็นที่ปรึกษาแล้ว บ้านเมืองก็จะบริบูรณ์มั่งคั่ง..."


     เจ๋ฮวนก๋งจึงกล่าวว่า...


    "กวนต๋งนั้นเคยเอาธนูยิงเราครั้งหนึ่ง เรายังไม่หายแค้น จึงใคร่จะได้ตัวกวนต๋งมาเชือดเนื้อออกเสียทีละน้อย จนกว่าจะเหลือแต่กระดูก จึงจะสาสมกับความแค้นของเรา"


     เปาซกแหยจึงกล่าวว่า..


     "กวนต๋งนี้เป็นอาจารย์สอนหนังสือให้ก๋งจูกิว ก็สมควรแล้วที่เขาอยากจะให้ลูกศิษย์ได้ดิบได้ดีเป็นเจ้าเมืองเจ๋ จึงได้อาสาช่วยทำนุบำรุงก๋งจูกิว แต่ก๋งจูกิวนั้นวาสนาน้อยนักจึงทำการไปไม่ตลอดรอดฝั่ง  ตัวกวนต๋งนั้นเล่าก็รับผิดจะยอมตาย ข้าพเจ้าเห็นว่ากวนต๋งคนนี้น้ำใจซื่อตรงนัก ถ้าท่านละโทษไว้แล้ว กวนต๋งก็จะคิดถึงคุณท่าน ตั้งใจทำการอาสารับใช้ท่านโดยสุจริตใจ อนึ่งนั้น ถ้าท่านคิดจะตั้งตัวเป็นใหญ่ จะเก็บเอาความแค้นส่วนตัวมาสั่งฆ่าผู้มีสติปัญญาเสียนั้น คนทั้งปวงก็จะนินทาท่านว่าหาสติปัญญามิได้ มีแต่ความพยายาท ไม่โอบอ้อมอารี สืบภายหน้าจะมีผู้ใดมาอาสารับใช้ท่านเล่า ข้าพเจ้าว่าทั้งนี้ หวังเตือนสติ จึงขอให้ท่านตรึกตรองดูก่อนเถิด"


     เจ๋ฮวนก๋งได้ฟังดังนั้น จึงคิดว่าเปาซกแหยกับกวนต๋งนี้เป็นเพื่อนรักกันมาก่อน ซึ่งเราได้เป็นเจ้าเมืองเจ๋นี้ ก็เพราะความคิดของเปาซกแหย แต่ครั้งจะสั่งฆ่ากวนต๋งเสียนั้น ก็เกรงใจเปาซกแหย จึงสั่งให้กวนต๋งพ้นโทษ แล้วเลิกทัพกลับมาเมืองเจ๋ เปาซกแหยก็พากวนต๋งเข้าไปอาศัยอยู่ด้วยที่บ้าน...




    
โปรดติดตามตอนต่อไป...











Create Date : 20 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2553 1:48:42 น. 2 comments
Counter : 924 Pageviews.

 
กวนต๋งผู้นี้ใช่หนึ่งในสองมหาปราชญ์
ขวัญต๋ง,งักเยที่ขงเบ้งแห่งสามก๊กกล่าวถึงใช่ไม๊ครับ


โดย: มหาชัย IP: 171.5.245.19 วันที่: 14 สิงหาคม 2559 เวลา:7:30:23 น.  

 
ใช่ครับ 5555


โดย: วิชญ์ IP: 124.121.110.74 วันที่: 1 ตุลาคม 2559 เวลา:8:33:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สหายกุนเชียง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]







บ่นเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก
ครั้งที่ 60
ตอน - ความสุขของความรัก
.........คือการได้รัก

ทำไม? คนเราถึงอยากมีคนรัก
นั่นเพราะอยากมีความสุข
ในเมื่อที่การได้รักใครสักคน
มันก็ทำให้มีความสุขอยู่แล้ว
ทำไมจะต้องไปอยากรู้
หรือไปใส่ใจอะไรอีก 
ว่าใครรัก ใครไม่รัก
เขารักใคร ใครรักเขา ฯลฯ

กับหัวใจที่เต็มไปด้วยแผลฉกรรจ์ดวงนี้ 
มันดีแค่ไหนแล้ว ที่ยังใช้รักใครได้อยู่...

13/08/55







เพลงพวกนี้.........
ผมชอบทุกเพลงครับ
แต่ละเพลงฟังมานานแล้ว
และจะฟังต่อไปเรื่อยๆ
เพราะฟังกี่รอบๆ ก็ไม่เบื่อ
ว่างๆมานั่งฟังเป็นเพื่อนกันเถอะ
แล้วจะติดจาย~* ^___^



MusicPlaylist
Music Playlist at MixPod.com






free counters


Website counter

Friends' blogs
[Add สหายกุนเชียง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.