
 |
|
 |
 |
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
 |
 |
|
|
My view: TKS (มุมมองทางพื้นฐาน)
1.จัดเป็นธุรกิจด้านสิ่งพิมพ์และกระดาษสำนักงาน ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทและสยามเพรส โดยสยามเพรสมีจุดเด่นที่เป็นผู้ให้บริการจัดพิมพ์เอกสารสำคัญ เช่น เช็ค,ตั๋วสัญญาใช้เงิน,ใบหุ้น,สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร,รายงานประจำปี,แผ่นพับโฆษณา งานพิมพ์ระบบดิจิตอล รวมถึงการรับบริหารจัดเก็บและบริหารคลังให้กับองค์การขนาดใหญ่ สำหรับบริษัทเป็นผู้ให้บริการจัดพิมพ์งาน เอกสารแบบพิมพ์ที่ใช้ในสำนักงาน Slip ATM กระดาษสำนักงาน สิ่งพิมพ์ปลอดการทำเทียม เช่น คูปองบัตรกำนัล บัตรเชิญที่มี Hologram บัตรภาษี เป็นต้น การให้บริการงานพิมพ์สามารถจำแนกออกเป็น 7 ประเภทหลักคือa. แบบพิมพ์ทั่วไปและแบบพิมพ์ระบบออฟเซ็ท (Business Forms) b. แบบพิมพ์ธุรกิจแบบพิเศษ (Advance Forms) c. แบบพิมพ์ปลอดการทำเทียม (Security Forms) d. กระดาษพิมพ์สำนักงาน(Office Paper) e. บริการ Cheque On Demand f. บริการพิมพ์งานระบบดิจิตอล(Digital Print and Mail) g. บริการบริหารคลังแบบพิมพ์(Warehouse Management)
2. Sunset or sunrise ! เมือไรเราพูดถึงธุรกิจโรงพิม์ เราจะรู้สึกได้ว่า ตั้งแต่ยุคIT เข้ามามีบทบาทในข้อมูลต่างๆแล้ว หนังสือเอกสาร งานพิมพ์ต่างๆก็ถูกลดไปเรื่อยๆ บางคนถึงกับกล่าวว่า โรงพิมพ์เข้าสู่ยุค sunset หรือที่เค้าเรียกกันว่า ธุรกิจตะวันตกดิน
เหตุผลหลายๆเหตุผลที่ทำให้เราคิดกันก็คือ -ธุรกิจสื่อตีพิมพ์เริ่มลดลง คนหันมาอ่านในสื่ออินเตอร์เนทกันมากขึ้น สิ่อต่างๆเริ่มลดปริมาณการพิมพ์ -ต้นทุนต่างๆ ไม่ว่าจะวัตถุดิบ ต้นทุนการขายอื่นๆ ก็ค่อนข้างสูง ง่ายๆก็คือ ส่วนต่างกำไรขั้นต้น หรือ gross profit margin ได้ไม่คุ้มทุน ถ้าดูงบกำไรขาดทุน จะเห็นว่า ต้นทุนการขายค่อนข้างสูง

แต่อย่างหนึ่งสำหรับผบห.ที่มีvision ที่ดี ก็คือ ผบห.ที่เก่ง ก็ต้องมองเห็นถึงอนาคตและมี Exit Strategy ที่จะนำพา บริษัทไม่ให้กลายเป็น Sunsink และพร้อมที่จะหาช่องทางเพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจเข้าสู่ Sunrise ได้ ผมว่าอันนี้น่าสนใจ สิ่งที่เกิดขึ้นของ tks ในปีที่ผ่านมา นั้น ทำอย่างไรในการปิดช่องโหว่ต่างๆและเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไรบ้าง และสามารถหา Exit Strategy ที่จะนำพา tks ให้รอดพ้นต่อสภาวะ sunset ได้หรือไม่ สิ่งที่ผมเสนอประเด็นต่อไปนี้ นั้นอยู่ที่ดุลพินิจของแต่ละว่าเป็นคีย์ ของ Exit Strategy หรือไม่ -การพัฒนาสินค้าต่างๆให้เข้ากับยุคดิจิตอลมากขึ้นและการทำ Quality control ต่างๆช่วยนำไปสู่การลดต้นทุนการขายมากขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น กำไรของบริษัทพลิกกลับมาบวกในปี 53 แต่ก็ยังเป็น question ว่า จะรักษาระดับ อัตรากำไรขั้นต้นได้ต่อเนื่องไหม -เปลี่ยนตัวเองจากแค่รับพิมพ์งานแล้วส่งมอบให้ลูกค้า แต่ทำรูปแบบที่เรียกว่า การบริหารคลังแบบฟอร์ม ที่เรียกว่า Warehouse management ซึ่งผบห. นำ Strategy นี้มาใช้ เพื่อให้พื้นฐานของบริษัทยังเป็นธุรกิจที่น่าสนใจอยู่ต่อไป -ในแง่ของ security form นั้น โดยส่วนตัวจะดูสองกรณี 1.ความมีประสิทธิภาพของโรงพิม์ในแง่การทำงานพิมพ์ออกมาแล้วมีระบบควบคุมยากต่อการลอกเลียนแบบ 2.สินค้าที่ทำออกมานั้น มีความต้องการความปลอดภัยต่อการลอกเลียนแบบมากแค่ไหน ยกตัวอย่าง ถ้าพิมพ์ธนบัตร อันนี้น่าจะต้องมีระบบรัดกุมและต้องการความปลอดภัยและมีความยากต่อการเลียนแบบในระดับสูง แต่ถ้าพิมพ์แสตป์ 7-11 หรือทำคูปองสมนาคุณผู้ซื้อสินค้าตามห้างต่างๆก็อาจจะไม่คุ้มต่อการลอกเลียนแบบสักเท่าไรนัก เป็นต้น และแน่นอน ในแง่ว่าบริษัทไหนทำสินค้าที่ลอกเลียนแบบได้ยาก ก็จะทำให้เป็นจุดที่ลูกค้าสนใจกันมาก แต่เท่าที่อ่านผ่านๆมา tks ก็ถือว่าเป็นบริษัทที่ทำsecurity form ค่อนข้างได้มาตรฐานระดับหนึ่ง กับตัวสินค้าที่ผลิตออกมา(ที่ต้องการความปลอดภัยในระดับหนึ่ง)
3. ปัจจัยเสี่ยงในมุมมองต่างๆ
3.1ตัวแปรแรกที่ต้องคำนึงถึงคือ ด้านวัตถุดิบ แม้บริษัทจะมีมาตรการต่างๆในการช่วยsupportไม่ให้เกิดภาวะการขาดแคลนวัตุดิบก็ตาม แต่เมื่อไรที่ราคากระดาษสูงขึ้นก็มีผลกระทบต่อกำไรของบริษัทเช่นกัน
3.2กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้น(ประมาณ70%)เกิดจากกำไรจากบริษัทร่วม(synex)และ มีเพียงราวๆหนึ่งในสามของกำไรสุทธิที่เป็นกำไรที่เกิดจากบริษัทTKS ดังนั้นมองในมุมกลับกัน ถ้าบริษัทร่วม(synex)มีรายได้ลดลงก็ส่งผลกระทบต่อรายได้รวมของบริษัทtksเช่นกัน
3.3 ในแง่การลดต้นทุนการขายในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้กำไรสุทธิของรายได้บริษัทหลักนั้นเพิ่มขึ้น และส่งผลในแง่ดีที่บริษัท tks สามารถทำกำไรสุทธิเป็นบวกได้ในปีแรกหลังจากขาดทุนสุทธิมา แต่ถ้ามองลงไปที่รายได้จากการขาย ก็มีสัดส่วนในสามปีย้อนหลัง นั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นชัดเจนอะไร (ผมจึงคิดว่า รายได้จากการขายน่าจะอยู่ในจุดเสถียรของมันในระดับนี้เท่าที่ผ่านมา) มองอีกมุมหนึงคือ และในปีนี้ล่ะ จะลดต้นทุนค่าใช้จ่ายการบริหาร ต่างๆลงได้อีกหรือไม่ หรือว่า ถ้าลดลงไปกว่านี้ไม่ได้ รายได้จากการขายจะเพิ่มกระเตื้องกว่านี้จากเหตุปัจจัยอะไร(กิจกรรมพิเศษเช่นในเรื่องของการเลือกตั้งจะส่งผลต่อยอดรายได้เพิ่มขึ้นไหมหรือเป็นรายได้พิเศษเพียงชั่วคราว?)
3.4 การเปลียนแปลงโครงสร้างหนี้ จากหนี้สินระยะสั้นไปเป็นหนี้สินระยะยาว อาจจะส่งผลดีในระยะสั้น ในแง่ของเงินสดหมุนเวียนได้ ( อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของปี 53 ที่ลดฮวบลงมาเหลือ 1.27เท่า เทียบกับปี 52 และ 51 คือ 1.64 กับ 2.61) แต่หนี้สินระยะยาวก็มีข้อผูกมัดในเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้
3.5 ความเสี่ยงจากราคาหุ้นปรับลดลงจากการขายหุ้นซื้อคืน ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 11 พ.ย. 53 มีมติให้ดำเนินการขายหุ้นที่ซื้อคืนผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีระยะเวลาการขายหุ้นสามัญที่ซื้อคืนตั้งแต่ 29 พฤศจิกายน 2553 ถึง 23 กันยายน 2553 ทั้งนี้ บริษัทได้มีการจำหน่ายหุ้นสามัญที่ซื้อคืนไปแล้วเป็นจำนวน 3,461,300 หุ้น (ในเดือนมกราคม 2554) คงเหลือ 13,480,060 หุ้น
4. fundamental analysis
 หมายเหตุแก้คำผิด: ในตารางปีงบการเงินเฉพาะกิจ ปี 2553 2552 2551
ในแง่การวิเคราะห์ได้เขียนแทรกๆไว้อยู่แล้ว ไว้ว่างๆจะมาเขียนเพิ่ม เลยขอลงรายละเอียดไว้ก่อนครับ สรุปสิ่งที่ได้มา(ใช้เวลาสองชั่วโมง)อาจจะไม่ได้ลงรายละเอียดลึกมากแต่ก็น่าจะนำร่องให้ไปทบทวนกันเพิ่มเติมที่หลังว่า tks เป็นบริษัทที่ยังน่าลงทุนอยู่หรือไม่
Reference : แบบรายงาน 56-1 (//capital.sec.or.th/webapp/corp_fin2/cgi-bin/result56.php?from_page=find56&lang=T&cmb_comp_id=0702) และ สรุปข้อมูลบริษัทจดทะเบียน (//www.set.or.th/set/factsheet.do?symbol=TKS&language=th&country=TH)
Create Date : 23 เมษายน 2554 |
Last Update : 23 เมษายน 2554 20:37:06 น. |
|
3 comments
|
Counter : 6365 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: kunjoja วันที่: 23 เมษายน 2554 เวลา:16:42:24 น. |
|
โดย: kunjoja IP: 49.48.196.175 วันที่: 23 เมษายน 2554 เวลา:20:17:26 น. |
|
โดย: kunjoja IP: 49.48.196.175 วันที่: 23 เมษายน 2554 เวลา:20:19:04 น. |
|
| |
|
kunjoja |
 |
|
 |
|
ปล. แล้วถ้ามีเวลาจะมาเขียนเพิ่มอีก เพราะรู้สึกว่ายังเขียนได้ไม่ครอบคลุมอย่างที่ตัวเองต้องการเท่าไรนัก เหมือนจะขาดๆเกินๆอยู่