สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แถลงหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีวาระฉุกเฉิน สั่งยกระดับมาตรการตรวจสอบและเฝ้าระวังเชื้อไวรัสอีโบลาในประเทศให้มีความเข้มงวดมากขึ้นอีกหลายเท่า เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไม่ให้ออกสู่วงกว้าง โดยเบื้องต้นจะมีการจัดตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็วพร้อมลงพื้นที่ต้องสงสัยมีการแพร่ระบาดของเชื้อโรคตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ท่ามกลางบรรยากาศหวั่นวิตกเรื่องเชื้อไวรัสมรณะที่กำลังปกคลุมไปทั่วประเทศ ผู้นำสหรัฐสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ด้วยการยืนยันว่า รัฐบาลจะสามารถควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาได้อย่างแน่นอน
ท่าทีล่าสุดของโอบามามีขึ้นหลังศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค (ซีดีซี) ยืนยันการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลาคนที่ 2 ในประเทศ คือ น.ส.แอมเบอร์ วินสัน วัย 29 ปี ซึ่งเป็นพยาบาลประจำโรงพยาบาลเทกซัส เฮลธ์ เพรสไบเทียเรียน ในเมืองดัลลัส รัฐเทกซัส ที่เดียวกับ น.ส.นีนา ฟาม วัย 26 ปี ผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลาคนแรกในสหรัฐ โดยทั้งคู่รับหน้าที่ดูแลนายโธมัส เอริค ดันแคน ชายชาวไลบีเรียซึ่งเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสมรณะเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ในขณะที่ฟามรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลที่เธอทำงาน วินสันได้รับการเคลื่อนย้ายไปรับการรักษายังโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยเอมอรี ในเมืองแอตแลนตา ขณะที่ซีดีซีสั่งกักบริเวณเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเทกซัส เฮลธ์ เพรสไบเทียเรียน เพิ่มอีก 70 คนเพื่อเฝ้าระวัง และออกประกาศขอความร่วมมือให้ผู้ที่เดินทางไปกับสายการบินฟรอนเทียร์ แอร์ไลน์ส จากเมืองคลีฟแลนด์สู่ดัลลัส เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ทั้ง 132 คน ให้รายงานตัวต่อทางการด้วย เนื่องจากเป็นเที่ยวบินที่วินสันโดยสาร 1 วันก่อนแสดงอาการป่วย