สิงหาคม 2557

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
แบกเป้เที่ยวสิงคโปร์ไปมาแล้วก็ยังหลง ตอนที่ 2

25/5/57 วันนี้เราออกเดินทางกันสายหน่อย 9 โมงเช้า ไปกินข้าวมันไก่ที่ร้านฟู้ดคอร์ดหน้าโรงแรม เสร็จแล้วก็เดินทางไปการ์เด้นบายเดอะเบย์ วิธีการเดินทาง Mrt Bayfront exit B เดินตามป้ายบอกทางไปเรื่อย ๆ พอออกจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ก็เดินผ่านสวนไปจะมีรถกอล์ฟบริการพาไปส่งที่การ์เด้นบายเดอะเบย์ ค่าบริการคนละ 2 เหรียญค่ะ




สำหรับที่นี่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่มาก มีทั้งส่วนที่เป็นกลางแจ้งและสวนในโดม ในส่วนของสวนกลางแจ้งชมฟรี แต่ถ้าจะเข้าไปในโดมต้องเสียค่าเข้าชม ถึงแม้จะไปแต่เช้าแต่แดดแรงมากให้แดดกลางแจ้งคงไม่ไหว พวกเราซื้อบัตรเข้าในส่วนของ Flower Dome และ Cloud Forest จากร้าน Seawheel มาแล้วในราคา 19 ดอลล่าร์ รถกอล์ฟจอดให้ลงที่โดมกันเลยค่ะ




Flower Dome จะเป็นสวนดอกไม้ในร่มแอร์เย็นสบาย มีการจัดแสดงดอกไม้ต่าง ๆ นานา ถามว่าสวยไหมก็สวยค่ะ แต่สำหรับเราคือเป็นคนเชียงใหม่เห็นดอกไม้แบบนี้มาตั้งแต่เกิดเราว่าไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปค่ะ ค่าเข้ามันแพงไป






Cloud Forest จะเป็นส่วนการแสดงพืชพวกป่าดงดิบ เฟิร์น กล้วยไม้อะไรประมาณนี้ เดินเข้าไปก็จะเจอน้ำตกก่อนละอองน้ำแรงนะคะระวังกล้องเปียกกันด้วย





เราไม่ค่อยเท่าไหร่กับทั้งสองโดมนะคะ เสียเงินห้าร้อยบาทไปดูสวนประดิษฐ์ สิงคโปร์เค้าเป็นเกาะบ้านเค้าจัดสวนเพื่อให้คนบ้านเค้าได้ดูได้ชมกัน แต่เมืองไทยดอกไม้ธรรมชาติ ป่าดงดิบบนดอย ยังมีให้ชมมากมาย สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการประหยัดงบแนะนำว่ามาช่วงเย็น ๆ เดินเล่นรอบสวนกลางแจ้ง ดูโชว์แสงสี Super tree ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะค่ะ




เสร็จจากที่นี่แล้วเราไปช็อปปิ้งกันต่อที่ย่านออร์ชาดค่ะ ถึงแม้ว่าการ์เด้นบายเดอะเบย์ จะอยู่ใก้ลเมอร์ไลอ้อนพาร์ค แต่แดดแรงขนาดนี้ขอหลบเข้าห้างหาที่เย็น ๆ ดีกว่า 

พวกเราเลือกช๊อปกันที่ห้าง 313@Somerest ลงรถไฟฟ้าที่ MRT Somerest ออกจากสถานีก็เจอห้างเลยค่ะ กินอาหารกลางวันกันที่ห้างนี้ เดินหาร้านอยู่นานเลือกแล้วเลือกอีกสุดท้ายจบลงที่ MK.สุกี้ ร้านอาหารสัญชาติไทยนี่หล่ะค่ะ เอ็มเคที่สิงคโปร์ก็รสชาติเหมือนที่ไทย มีเครื่องสั่งอาหารให้เล่นด้วย จิ้มกันสนุกเชียว พนักงานเสิร์ฟพูดภาษาไทยได้ด้วยค่ะ 







พวกเราเดินห้างนั้นออกห้างนี้กันหลายห้างแต่ก็ไม่ได้อะไรติดมือมา เลยชวนกันไปห้าง Anchorpoint outlet และนี่คือการหลงทางที่เหนื่อยมาก ตอนที่เตรียมข้อมูลเรามีข้อมูลของห้าง Anchorpoint out let ว่าลงที่สถานี Queenstown Exit b แล้วให้เดินย้อนขึ้นไปทางสถานี mrt redhill พอเดินมาสัก 3 นาทีจะเจอ 4 แยกใหญ่ให้เลี้ยวขวาเดินไปเรื่อยๆผ่านปั๊มเซลปั้มหอย เดินไปก็จะเห็น ikea อยู่ฝั่งตรงข้ามห้าง Anchorpoint

แต่พอไปถึงปรากฏว่าเราเดินผิดทางไม่ได้เดินย้อนขึ้นไปแต่กลับเดินทางไปทางตรงข้าม เดินไปก็เจอสี่แยกใหญ่นะ แล้วก็เลี้ยวขวาด้วย แต่ทางที่เดินไปมีแต่อพาร์ทเม้นท์ที่เป็นบ้านคน เราก็เคยอ่านมาว่าห้างนี้เป็นเอาท์เลทอยู่ใต้อพาร์ทเม้นท์เราก็ยังมั่นใจว่าใช่ เดินไปเกือบ 15 นาทีก็ยังไม่มีวี่แววมาจะเจอห้าง แถมทางที่เดินก็เป็นทางขึ้นเขา เริ่มเอะใจว่าไม่ใช่ละ หลงทางแน่  แต่ก็ดันมีรถบรรทุกของห้างอิเกียผ่านมา อ้าวงั้นก็ใช่สิ เดินกันจนหอบก็เลยมานั่งพักที่ป้ายรถเมล์ และถามคนแถวนั้นว่าห้างนี้ไปยังไงเค้าก็บอกให้นั่งรถเมล์ไปจำสายไม่ได้ละ นั่งไปประมาณ 5 ป้าย ถามเค้าว่าเดินไหวไหมเค้าบอกว่าไกลมาก นั่งรถเมล์ไปเถอะ รอจนรถมา นั่งนับกันไปห้าป้าย พอลงจากรถบัสก็ยังไม่เจอห้างอีก ก็เลยต้องเดิน ๆ ๆ ถามทางไปเรื่อย ๆ สรุปก็ลงเร็วไปสองป้าย พอเจอห้างเท่านั้นหล่ะ น้ำตาจะไหล เหนื่อยมากยังกะหาอาร์ซี




สินค้าในห้างมีเยอะนะคะ ที่ดั้นด้นมาเพราะ ชาร์ลแอนด์คีท หล่ะค่ะราคาจะถูกกว่าในห้างนิดหน่อยและมีของรุ่นลดราคาด้วย ถ้าในห้างจะเป็นรุ่นใหม่ และรุ่นที่เพื่อน ฝากซื้อจากไทยเหมือนกับว่าไปดูในห้างมาอยากได้รุ่นนี้คือที่สิงคโปร์ตกรุ่นแล้วไง ในเอาท์เลทก็จะยังมีรุ่นพวกนี้เหลืออยู่ค่ะ พวกสินค้าลดราคาก็จะเป็นสินค้าตกรุ่นพวกนี้แต่พวกรุ่นใหม่ก็จะราคาเท่าในเมืองค่ะ

ตอนขากลับก็ยังคงมีปัญหาอยู่เพราะเคยอ่านมาว่ามีรถชัตเตอร์บัสไปส่งฟรีที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่ถามพนักงานในห้างก็บอกว่าไม่มี เลยถามคนที่ป้ายรถเมล์ว่าจะไปสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่ใก้ลที่สุดยังไง เค้าก็บอกให้นั่งรถเมล์สาย 195 ไปสามป้าย พอได้ขึ้นรถเมล์ลงจากรถเท่านั้นแหละมันใก้ลมาก ปั๊มเชลก็เจอ สี่แยกก็มีถ้าเดินมาทางนี้ซะตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้


ย้ำอีกครั้งวิธีการเดินทางที่ถูกต้อง Mrt Queen Town Exit B  นั่งรถเมล์สาย 195. ไป 3 ป้าย ลงหน้าห้าง IKEA แล้วข้ามสะพานลอยจะเจอห้าง Anchorpoint outlet

เวลา ณ ตอนนั้น 6 โมงเย็นต้องเร่งไปย่านเมอร์ไลอ้อนพาร์ค ก่อนที่พระอาทิตย์จะตกเพราะตากล้องไม่อยากถ่ายรูปตอนกลางคืน เมอร์ไลอ้อนพาร์ค วิธีการเดินทาง mrt. Raffles Place ทางออกที่ H /6 ถนน Battery rd. ออกจากสถานีแล้วก็เดินเลาะแม่น้ำไปเรื่อยมีป้ายบอกทางตลอดถ้าเดินถูกทางจะไม่ไกลค่ะ ถ้าเดินไกลแสดงว่าหลง ข้ามถนน แล้วเดินลงบันไดไปด้านหน้าก็คือ เมอร์ไลอ้อนพาร์คแล้วค่ะ





กว่าจะมาถึงแสงก็หมดพอดี เมอร์ไลอ้อนยามค่ำคืนก็สวยไปอีกแบบนะคะ






ถ่ายรูปกันหนำใจแล้วหมดแรงกันมากมายขอนั่งแท็กซี่กลับโรงแรมละกันไปกัน 6 คนนั่งแท็กซี่สองคันเอาที่อยู่โรงแรมจากใบจองโรงแรมยื่นให้คนขับดู ใช้เวลาไม่นานก็ถึงโรงแรมค่าแท็กซี่ไม่แพงค่ะคันละ 14 ดอลล่าร์ ถึงโรงแรมนั่งพักกันซักพักใหญ่ ก็ไปช๊อปกันต่อที่ห้าง city square mall  อยากสมน้ำหน้าตัวเองจะดั้นต้นไปทำไมให้เหนื่อย ห้างหน้าโรงแรมก็มีทุกอย่างให้เลือกซื้อ เราได้ Vincci มาสองคู่ คู่ละ 700 กว่าบาทเอาซิ คนอื่นเค้าช๊อป charles & keith เราได้รองเท้าสัญชาติมาเลเซีย ทำไมต้องเหมือนใคร


26/5/57 วันสุดท้ายในการเดินทางกินอาหารเช้าเป็นพวกนมขนมปัง โจ๊กกันที่โรงแรม แล้วก็นั่งแท็กซี่จากโรงแรมไปสนามบินเลย ค่าแท็กซี่ คันละ 20 ดอลล่าร์ กิจกรรมวันสุดท้ายก็ไม่มีอะไรมากนั่งเล่น wifi ที่สนามบินรอขึ้นเครื่องตอน 14.40 น. ในโซนที่รอขึ้นเครื่องก่อนเช็คอินสามารถเอา passport ไปขอรับรหัส wifi ฟรีได้ที่เคาว์นเตอร์ประชาสัมพันธ์ค่ะ แต่พอผ่านตม.มาแล้วหา wifi เข้าฟรีได้เลย



รูปนี้เป็นต้นไม้แห่งอนาคตค่ะ เค้าจะมีกล้องไว้ให้เราถ่ายรูปพอถ่ายเสร็จแล้วก็ส่งข้อมูลรูปที่เราถ่ายขึ้นจอภาพด้านบนได้เลย

สรุปค่าใช้จ่ายสำหรับทริปนี้ค่ะเป็นแบบรวม 6 คนนะคะอย่างได้แบบต่อคนก็หาร 6 กันเองนะคะ



จบทริปสิงคโปร์จนกว่าจะเจอกันใหม่

ขอบคุณที่เข้ามาชมกันค่ะ




Create Date : 08 สิงหาคม 2557
Last Update : 9 สิงหาคม 2557 22:00:39 น.
Counter : 2473 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kumyotha
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]