Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
19 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 

ลายดอกไม้ร่วง - กฤษณา อโศกสิน



เรื่องย่อจากสำนักพิมพ์ : รัก สามเส้าระหว่างหนึ่งหญิงสองชาย มีหรือที่จะลงเอยด้วยความสมหวัง และไม่ผิดจารีตศีลธรรมอันดีงามของสังคม...แต่ ‘มู่ลี่’ หญิงสาวผู้เลือกเอาความรักเป็นที่ตั้ง พร้อมที่จะจัดการปัญหาของเธอ...ให้พบกับทางออกได้อย่างลงตัว โดยมิให้ฝ่ายใดต้องเจ็บช้ำน้ำใจมากไปกว่าหัวใจของเธอเอง

ชอบงานของ กฤษณา อโศกสิน ทุกเรื่องเท่าที่ได้อ่านมาแล้ว เพราะนิยายของนักเขียนอาวุโสผู้นี้ไม่ว่างโหวงเหวง ไม่เลื่อนลอยหาแก่นสารอะไรไม่ได้ และตัวละครก็มีความสมจริงเอามากๆ แต่พออ่านเรื่องนี้จบก็เกิดอาการเหวอออ...อย่างรุนแรง จากหลายๆสาเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางแก้ปัญหาของตัวละครหลักของเรื่อง จนต้องถามตัวเองว่ามันเป็นไปได้อย่างไรกัน

ย่อๆของเรื่องนี้คือนางเอก (มูลี่) ท้องกับสุริยง หลังจากที่เรียนจบและเพิ่งทำงานได้ไม่นาน แต่สุริยงจำต้องแต่งงานกับทองเอก ลูกสาวอภิมหาเศรษฐีผู้มีอิทธิพล เหตุก็เพราะทองเอกไม่ยอมเอาใคร ปักอกปักใจก็แต่กับสุริยง

นั่นคือเหวอแรก เป็นไปได้ยังไงที่สุริยงยอมแต่งงานกับคนที่ตัวไม่ได้รักเพียงเพราะพ่อเป็นหนี้พ่อของฝ่ายผู้หญิง ก็เลยถูกบังคับให้แต่งงาน แล้วเป็นไปได้ยังไงที่กิจจา พ่อของทองเอก บังคับให้ผู้ชายแต่งงานกับลูกสาวตัวโดยไม่สนใจจะถามว่าฝ่ายผู้ชายรักลูกของตัวบ้างหรือเปล่า ลูกสาวบอกว่าจะเอาคนนี้ละนะ พ่อก็จัดแจงบังคับหักคอทั้งผู้ชาย ทั้งพ่อแม่ผู้ชายให้ลูกมาแต่งกับลูกตัวเสียเลย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น พ่อสติดีๆที่ไหนทำแบบนั้นกันบ้างก็ไม่รู้

พอรู้ว่าสุริยงต้องไปแต่งงานกับคนอื่น มู่ลี่ก็เจ็บช้ำแทบล้มประดาตาย นายจ้างผู้มีพระคุณคือปานจันทร์ก็เป็นเดือดเป็นแค้น นั่นคือเหวอที่ 2 ลักษณะอาการเป็นเดือดเป็นแค้นของปานจันทร์มันดูเกินฐานะนายจ้างกับลูกจ้างอย่างไรก็ไม่ทราบ เหมือนผู้หญิงที่ถูกคนรักหักอกมากกว่า การเป็นนายจ้างคือเป็นเจ้าของงาน ไม่ใช่เจ้าของชีวิตลูกจ้างสักหน่อย

พอลูกคลอด สุริยงก็อยากมีส่วนรับผิดชอบลูกด้วยการส่งเสียเงินค่าเลี้ยงดูให้ เหมือนตบหัวแล้วลูบหลังยังไงยังงั้น ก็ตัวเองแต่งงานกับลูกสาวมหาเศรษฐี มีเงินใช้สบายๆไปแล้วนี่ ตอนนั้นมูลี่ตัดเป็นตัดตายกับสุริยงไปเลย คือไม่อยากพูดคุยด้วย แต่เวลาเดียวกันมีผู้ชายคนอื่นมาติดพันก็ไม่สนใจ

แต่ต่อมาสุริยงกลับมาขอคืนดีด้วยก็ยอมดีด้วย ไม่ดีเปล่า ได้เสียกันอีก ประเภทเจ็บครั้งเดียวไม่จำ คงต้องหลายๆครั้ง อ้าว! มู่ลี่ท้องอีก

พอมู่ลี่ท้องอีกครั้ง สุริยงก็คิดว่าจะขอเลิกกับทองเอกเพื่อมาอยู่กับมู่ลี่ แต่บังเอิญทองเอกเกิดท้องขึ้นมาหลังจากแต่งงานกัน 5 ปีแล้วไม่ท้องสักที ก็เกิดเป็นปัญหาว่าสุริยงจะทำอย่างไร ต่อมาทองเอกสงสัยว่าสุริยงอาจมีคนอื่น มารู้ความจริงในที่สุด ก็ตามหึงมู่ลี่ จนถึงขั้นลงมือลงไม้กันที่สนามบิน ถึงตอนนั้นก็มีพระเอกขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยคือเพื่อนของสุริยงชื่อฉันทา

สุริยงใช้ฉันทาเป็นคนกลางติดต่อกับมู่ลี่มานาน แต่มู่ลี่กับฉันทาไม่เคยเจอตัวเป็นๆกันเลย จนวันนั้นที่มู่ลี่ทำหน้าที่มัคคุเทศก์พาคณะของสุริยงและฉันทาไปทัวร์อินเดีย ฉันทารับมู่ลี่ไว้ได้เมื่อถูกทองเอกตบเกือบล้ม แล้วไปไงมาไงก็ไม่ทราบ ฉันทาเกิดหลงรักมู่ลี่ (ช่วงนี้ตามไม่ทันเลยจริงๆว่ารักกันตอนไหนว้า)

มู่ลี่มาคิดได้ว่าควรแยกตัวออกมาจากสุริยงให้เด็ดขาดเสียที (หลังจากท้องลูกอีกคน เฮ้อ!) สุริยงเองก็มองเห็นแล้วว่าแอบพบกับมู่ลี่อย่างที่ทำมาเป็นปีๆแบบนั้นสงสัยจะไม่เวิร์คเสียแล้วเพราะทองเอกรู้ความจริง นายกิจจาต้องเอาตัวเองตายแน่ๆ ดีไม่มีเอามู่ลี่ตายอีกคน ก็เลยฝากฝังมู่ลี่กับฉันทา นี่คือทางแก้ปัญหาซึ่งนำไปสู่ตอนจบที่ไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่ามันคือทางออกที่ดีที่สุดได้อย่างไร

ฉันทาฉวยเอาคำขอร้องของเพื่อนมาเทียวไล้เทียวขื่ออยู่กับมู่ลี่ทุกวันหยุด ทั้งๆที่ตัวเองก็มีภรรยาที่แสนดีอยู่แล้วคือสะเพา คู่นี้มีลูกด้วยกันไม่ได้เพราะสะเพาเคยเป็นเนื้องอกแล้วต้องตัดมดลูกทิ้ง

ฉันทาเกิดหลงรักมู่ลี่ มู่ลี่ก็ชอบๆฉันทาเข้าแล้วเหมือนกัน ทั้งคู่ก็เลยตกลงใจเป็นผัวเมียกันในวันหยุด


ฉันทาไปขอกับภรรยา ซึ่งก็ยินยอมแต่โดยดี แถมยังชื่นชมมู่ลี่อีกว่าไม่คิดจะจดทะเบียนสมรสกับสามีของตัว ยอมเป็นเมียน้อยว่างั้นเหอะ ก็เลยกลายเป็นครอบครัวที่สมัครสมานสามัคคีกันเป็นอันดี

ตอนจบของเรื่องบอกว่าเป็นการเสียสละของฉันทาที่เข้ามาเป็นผู้แก้ปัญหาเรื่องทั้งหมด แก้ปัญหายังไงไม่เข้าใจ มาสร้างปัญหาละไม่ว่า ก็ตัวมีภรรยาอยู่แล้ว ยังจะสำส่อนไปมีผู้หญิงอื่นอีก แถมขอภรรยามีเมียน้อยหน้าตาเฉย เมียก็แสนดีจนเกือบเหมือนโง่ ยอมให้ผัวไปมีลูกกับคนอื่น ไป 'สร้างบ้าน' กับคนอื่นทุกวันสุดสัปดาห์ นี่หรือคือทางออกของปัญหา

ที่ว่ามู่ลี่พบทางออกอย่างลงตัว นั่นหรือทางออก กับที่ว่า โดยมิให้ฝ่ายใดต้องเจ็บช้ำน้ำใจมากไปกว่าหัวใจของเธอเอง ไม่มีใครเจ็บช้ำจริงๆหรือ คนที่เจ็บช้ำที่สุดคือสะเพา ผู้หญิงซึ่งไม่ได้ทำผิดอะไรเลย แต่สามีไปมีเมียน้อย มีลูกกับเมียน้อยให้เห็นๆ โดยที่ตัวเองก็จำใจต้องยอมรับเสียด้วย นั่นหรือคือวิธีแก้ปัญหาของคนที่ศีลธรรมไม่เสื่อมจนเกินไป

สรุปว่าอ่านจบแล้วไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเองหัวเก่าเกินไปจนตามสังคมไทยสมัยนี้ไม่ทัน หรือว่าไม่ได้อยู่เมืองไทยนานเกินไป คือ 25 ปี จนสังคมไทยเปลี่ยนไปมากถึงขนาดนี้แล้วตัวเองไม่รู้เอง หรือ (อีกที) คิดไปเอง นี่เป็นเพียงนิยาย ในชีวิตจริงไม่มีใครเขาเห็นว่าวิธีการที่ตัวละครในเรื่องนี้ทำคือการแก้ปัญหาที่แท้จริง




 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2551
22 comments
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2551 8:17:10 น.
Counter : 3983 Pageviews.

 

อ่านตั้งแต่ลงในสกุลไทยเหมือนกันค่ะ รู้สึกว่ามันแปลกๆแต่ก็ตามอ่านเพราะอยากรู้จะจบยังไง สรุปว่ายัยมู่ลี่นี่ไม่ได้เรื่องน่ะค่ะ

 

โดย: akachan 19 กุมภาพันธ์ 2551 8:21:09 น.  

 

อ่า...ดูมันมั่วๆ ซั่วๆ และไม่ค่อยสร้างสรรค์ชอบกล เนื้อเรื่องชวนจิตตกมากๆ

 

โดย: คิงเพนกวิน 19 กุมภาพันธ์ 2551 10:59:16 น.  

 

เอ่อ สาวสมัยไหนก็คงไม่ยอมเป็นแบบสะเพาแน่ค่ะ
สงสัยตาฉันทานี่จะเสน่ห์แรงมาก

มึน ๆ กับเนื้อเรื่องเหมือนกัน อะไรกันเนี่ย

 

โดย: ยาคูลท์ 19 กุมภาพันธ์ 2551 12:55:51 น.  

 

อ่านโกรธนะคะ
ถ้าจะบอกว่า...อ่านรีวิวแล้ว
ไม่คิดจะซื้อมาอ่านเลย...ไม่สร้างสรรค์เลย
เนื้อเรื่อง...ความจริงมันก็คล้ายกับชีวิตคนจริงๆนั่นแหล่ะ
คือไม่ได้ดีเลิศและอาจทำผิดศีลธรรมได้เสมอ
แต่ตอนจบที่ว่า
"ที่ว่ามู่ลี่พบทางออกอย่างลงตัว
นั่นหรือทางออก กับที่ว่า
โดยมิให้ฝ่ายใดต้องเจ็บช้ำน้ำใจ
มากไปกว่าหัวใจของเธอเอง"
มันเหมือน"กลับผิดให้เป็นถูก"อย่างไรไม่รู้

 

โดย: nikanda 19 กุมภาพันธ์ 2551 22:09:14 น.  

 

อย่าโกรธ...ขอโทษค่ะ...พิมพ์ผิด

 

โดย: nikanda 19 กุมภาพันธ์ 2551 22:21:50 น.  

 

เหมือนคุณ akachan เลยค่ะ คืออ่านแล้วติดหนึบ อยากรู้ตลอดเลยว่าเรื่องมันจะเป็นยังไงต่อไป ยิ่งผูกปมไว้อีนุงตุงนังนะคะ ก็ยิ่งอยากรู้ว่าจะจบยังไง แต่แล้วก็ผิดหวังตอนจบอย่างแรง คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นแบบนั้น อ่านถึงตอนที่ฉันทามาหามู่ลี่ทุกวันหยุด แถมพาไปเที่ยวไหนๆกันในลักษณะครอบครัว ก็ยังไม่คิดอะไรนะคะ คิดว่าคงไม่หน่า มันเป็นไปไม่ได้หรอกหน่า ยิ่งตลอดเรื่องแสดงให้เห็นว่าฉันทาเป็นคนดี มีคุณธรรม มู่ลี่ก็มีคนดีๆมาติดพัน ไม่สนใจว่ามีลูกติด ก็ยังไม่เอา คิดไม่ถึงว่าจะทำร้ายจิตใจลูกผู้หญิงด้วยกันด้วยการแย่งสามีเขาได้หน้าตาเฉย ต้องเรียกว่าแย่งแหละค่ะ ถึงแม้สะเพาจะยอม แต่ก็เป็นการยอมอย่างจำใจในเมื่อตัวมีลูกให้สามีไม่ได้ (อย่างกะว่าคนเราแต่งงานกันเพื่อสืบพันธุ์อย่างเดียวงั้นแหละ) แต่ในชีวิตจริง ผู้หญิงที่ไหนจะยอมให้สามีของตัวมีเมียน้อยได้อย่างหน้าชื่นตาบานแบบนั้นนะคะ

อ่านแล้วมั่วซั่วจริงๆค่ะคุณ คิงเพนกวิน ที่ทำให้อดไม่ได้ต้องมาเขียนถึงก็เพราะเป็นผลงานของนักเขียนคนโปรดนี่แหละค่ะ ทำให้ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น หรือว่าตัวเองคิดมากไปเอง

ฉันทาก็ไม่ได้มีเสน่ห์อะไรมากมายเลยค่ะคุณยาคูลท์ ก็เป็นเพียงผู้ชายธรรมดาๆ ทำมาหากินคนนึงเท่านั้นเอง คนที่มาติดมู่ลี่ซึ่งเป็นญาติของปานจันทร์ยังดูดีเสียกว่า แถมยังโสดด้วย แต่มู่ลี่ก็ไม่เอา อาจมีความรู้สึกผูกพันกับฉันทาที่เป็นคนโทรศัพท์มาส่งข่าวเกี่ยวกับสุริยงบ่อยๆ ก็เท่านั้นเอง แล้วอยู่ดีๆทำไมไม่ทราบมู่ลี่เกิดคิดขึ้นมาได้ว่าเอาฉันทามาทำหน้าที่พ่อของลูกแทนพ่อตัวจริงก็คงดีก็ไม่ทราบ เหมือนกับว่าเรื่องใกล้จบแล้ว เอาคนนี้ละว้า

เนื้อเรื่องจริงๆแล้วก็ชวนติดตามนะคะคุณ nikanda คือมันมีอะไรให้คอยตามตลอดเลยว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร แล้วต่อไปจะเป็นอย่างไร แต่มาเจออะไรที่มันเพี้ยนๆเข้าหลายจุด ก็เลยรู้สึกว่ามันประหลาดๆยังไงก็ไม่ทราบ

ที่จริงยังมีอีกเรื่องที่ชวนสงสัยค่ะ คือสะเพามีเนื้องอกที่มดลูก แล้วหมอแนะนำให้คอยดูไปอีก 3 เดือน อย่าเพิ่งทำอะไรก่อนตอนที่ตรวจพบ เพราะมันอาจหายไปเองได้ ทั้งๆที่ตัวสะเพาเองและฉันทาก็ไม่สบายใจนะคะ อยากจัดการให้รู้แล้วรู้รอดไป นี่ต้องมานั่งใจตุ้มๆต่อมๆคอยอีก 3 เดือน พอ 3 เดือนผ่านไป กลับไปตรวจอีกที กลายเป็นว่าขนาดของมันใหญ่ขึ้นจนต้องตัดทั้งเนื้องอกทั้งมดลูกทิ้ง เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้เลย ตัวเองก็เคยมีเนื้องอกลักษณะเดียวกันนั้นนะคะ ตรวจพบก็กับหมอที่รู้จักกันดีที่เมืองไทย หมอแนะนำให้ผ่าเอาออกเสีย แต่ตอนนั้นเรียนหนังสืออยู่ ไม่อยากขาดเรียนไปทั้งเทอม ก็เลยตกลงกันว่าจะกลับมาผ่าหลังปิดเทอมแล้ว กรณีเนื้องอกแบบนี้หมอจะบอกทางเลือกกับคนไข้ค่ะว่าจะผ่าเอาออกเลยให้มันรู้แล้วรู้รอดไป หรือจะคอยดูว่ามันจะยุบหายไปเองหรือไม่ โดยให้ยามาทานด้วย แต่ในเรื่องหมอแนะนำเลยว่าให้คอยดู ทั้งๆที่ตัวคนไข้เองกับสามีไม่สบายใจที่ต้องมาคอย หมอควรผ่าตัดให้เมื่อเขาต้องการอย่างนั้น พอทิ้งระยะไป 3 เดือน ปรากฎว่ามันใหญ่ขึ้นเร็วมาก หมอก็ผ่าตัดทั้งเนื้องอกทั้งมดลูกคนไข้หน้าตาเฉย โดยไม่รู้สึกผิดอะไรเลยด้วยค่ะ เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาเลย ปกติในกรณีคนไข้ที่ยังไม่เคยมีลูก หมอจะทำอย่างที่สุดที่จะเก็บมดลูกหรือรังไข่ของคนไข้ไว้ จะไม่ตัดออกเฉยๆเหมือนตัดไส้ติ่งอย่างในเรื่องแน่นอน กรณีนี้ก็เป็นอีกเรื่องค่ะที่ดูทะแม่งๆยังไงชอบกล คือจะให้สะเพามีลูกไม่ได้ ว่างั้นเถอะนะคะ ก็เลยใช้วิธีนี้ ผิดหวังค่ะ ผิดหวังอย่างแรง ถ้าเป็นงานของนักเขียนคนอื่นที่อ่านได้เรื่อยๆ ไม่คาดหวังอะไรมาก อาจไม่รู้สึกผิดหวังมากเท่านี้นะคะ

ว่าแล้วมาเมืองไทยคราวต่อไปคงต้องไปกราบขอโทษคุณกฤษณาที่เขียนถึงในทำนองนี้เสียแล้วค่ะ

 

โดย: กุลธิดา IP: 206.74.208.147 20 กุมภาพันธ์ 2551 0:33:25 น.  

 

อึม พี่ไก่คะ อ่านรีวิวพี่ไก่แล้วอึ้งอ่ะ เรื่องมันแปลกๆยังไงก็ไม่ทราบนะคะ หรือว่าจะต้องไปหาหนังสือมาอ่านหว่า แต่ยอมรับจริงๆ ค่ะ ไม่ชอบเรื่องทำนองผิดศีลธรรมเลยอ่ะ แถมเรื่องนี้ยังดูโครงเรื่องแปลกๆ แฮะ


งานของคุณกฤษณา อโศกสิน ค่อนข้างหนักอ่ะค่ะ เคยอ่านอยู่สองสามเรื่อง แล้วก็รู้สึกว่า หนักไปหน่อย แต่ก็ไม่เคยเจอเรื่องไหนเนื้อหาลอยๆ นะคะ แปลกใจกับเรื่องนี้จัง

 

โดย: ไกลนั้น IP: 58.9.73.179 24 กุมภาพันธ์ 2551 11:02:12 น.  

 

ที่จริงเนื้อเรื่องก็น่าติดตามดีเหมือนกันค่ะถ้ามองข้ามอะไรประหลาดๆพวกนั้นไปได้นะคะ แต่มันมองข้ามไม่ค่อยได้เพราะเป็นแก่นหลักของเรื่องนี่สิคะ ก็เลยทำให้อ่านแล้วขัดๆชอบกล

 

โดย: กุลธิดา IP: 71.28.69.231 25 กุมภาพันธ์ 2551 3:08:51 น.  

 

อ่านรีวิวแล้วอึ้งๆ นะคะ นี่ซื้อมาเหมือนกันค่ะ แต่ยังไม่ได้อ่านเลย..เอาไว้ก่อนแล้วกัน

 

โดย: Schnitzel IP: 84.151.143.18 25 กุมภาพันธ์ 2551 14:54:23 น.  

 

คุณ Schnitzel อ่านแล้วอาจมีความเห็นต่างออกไปก็ได้ค่ะ

เพิ่งอ่านอีก 2 เรื่องของ กฤษณา อโศกสิน จบค่ะ คือ น้ำผึ้งขม กับ ระฆังวงเดือน ซึ่งเป็นเรื่องต่อกัน ก็สนุกดีค่ะ

 

โดย: กุลธิดา IP: 71.28.69.231 26 กุมภาพันธ์ 2551 11:02:35 น.  

 

ปีที่แล้วซื้อหนังสือของคุณกฤษณา มาอ่านชุด เวียงแว่นฟ้า หนึ่งฟ้าดินเดียว ขุนหอคำ ซื้อมานั่งมองอยู่ตั้งนานค่ะ พอเริ่มตัดใจกับความหนาได้ เริ่มอ่านแล้ววางไม่ลงเลยค่ะ อ่านรวดเดียว 3 เล่มต่อกันเลยค่ะ ท่านเป็นนักเขียนมากฝีมือจริงๆ ส่วนเรื่องลายดอกไม้ร่วงนี้ไว้จะลองอ่านดูค่ะ

 

โดย: Schnitzel IP: 84.151.181.114 26 กุมภาพันธ์ 2551 18:20:09 น.  

 

สนใจ 3 เรื่องนั้นอยู่เหมือนกันค่ะ แบบนี้คงต้องสั่งซื้อมาอ่านแล้วละค่ะ ขอบคุณค่ะที่ confirm ว่าสนุก

 

โดย: กุลธิดา IP: 71.28.69.231 27 กุมภาพันธ์ 2551 12:18:05 น.  

 

ต้องร้องเฮ้อ จริง ๆ เลยค่ะ คุณ กุลธิดาคะ
....อย่างหนึ่งที่เราต้องควานหาให้เจอในชีวิตนี้
คือผู้ชายที่ยังไม่มีภรรยา อยู่ด้วย เพราะจะไม่มีวัน
ทำร้ายจิตใจผู้หญิงอีกคนเป็นอันขาด

.......นี่คือ วิธีการสอนสั่งอบรมของพ่อแม่ปู่ย่าตายาย
ของเรา ๆ ที่ผ่านมา
แต่สมัยนี้ อย่าให้พูดดีกว่าค่ะ หากเขียนเป็นเรื่อง
90 เปอร์เซ็นต์มังคะ ที่จะกลับตาลปัตร

แต่นั่นแหละค่ะ มิใช่ ทางออก แน่นอน ไม่น่าเลยนะคะ

 

โดย: tiki_ทิกิ 28 กุมภาพันธ์ 2551 23:41:06 น.  

 

รู้สึกแปลก ๆ เหมือนกันครับกับนิยายเรื่องนี้ของคุณกฤษณา ธรรมดาท่านจะเขียนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัว แม้ว่าจะหนักแต่ก็พอรับได้ แต่เรื่องนี้อ่านจบแล้วมันก็ยังค้าง ๆ คา ๆ ยังนึกถึงแต่นึกถึงแบบแปลก ๆ ยังไงไม่รู้

 

โดย: pan IP: 58.8.125.104 31 มีนาคม 2552 19:57:33 น.  

 

รูปสวยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

โดย: สมาคมคนรักฟรุ๊ค IP: 125.26.207.183 21 สิงหาคม 2552 20:35:35 น.  

 

อ่านแล้วได้ความรู้ ถึงการมีชีวิตครอบครัว

 

โดย: สุนารี IP: 125.26.118.138 22 กันยายน 2552 10:50:46 น.  

 

อ่านแล้วพานจะเป็นลม นี่มันเรยาเวอร์ชั่นนางเอก?!

คือ แรกๆยังพอรับได้นะคะ สุริยงแต่งงานขัดดอก มูลี่ท้องไม่มีพ่อ

ต่อมามูลี่กลับไปมีซัมธิงกับสุริยง (ที่แต่งงานแล้ว) จนท้องอีกรอบ ...อ่านแล้วแบบว่า เอ๊ะ! แปลกๆมั้ยอ่ะ ทำไมปล่อยให้ท้องล่ะ หรือมีจุดประสงค์แอบแฝงอะไรหรือเปล่า ประมาณว่าอยากได้หมากต่อรองแย่งสามีคืน หรืออยากหักหน้าทองเอกที่มีลูกไม่ได้ เอ้า อ่านต่อไป

ต่อมา สุริยงกับมูลี่ก็เกิดรู้สึกว่าสิ่งตัวทำมันไม่เวิร์ค (ห๊ะ?! หมายความว่าที่ทำกันไปทั้งหมดเนี่ยไม่ได้คิดอะไรเลย ให้แรงขับนำพาอย่างเดียว?) เลยเลิกขาดกันอีกรอบ สุริยงฝากมู่ลี่ไว้กับฉันทา ฉันทาตกหลุมรักมู่ลี่ ขณะที่มูลี่ก็เริ่มชอบฉันทา ...ทั้งๆที่ฝ่ายชายมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วเนี่ยนะ?! (มาตรงนี้เริ่มเซ็งความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องนิดๆ)

จบที่การแก้ปัญหา สะเพาผู้แสนดียอมให้สามีมีเมียน้อย ครอบครัวสุขสันต์ happily ever after แบบมึนๆ ...จบเห่ เซ็งห่าน นี่หรือทางแก้ปัญหาของมูลี่ ตกลงหล่อนเรียนรู้อะไรจากประสบการณ์ชีวิตบ้างเนี่ย เฮ้อ ก่อนมันจบเนี่ยก็เข้าใจได้นะคะ ว่าคุณกฤษณาคงอยากบอกเล่าถึงวิถีทางชีวิตที่ผกผันของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งจุดนี้ก็ยอมรับได้มาทั้งเรื่อง เพราะจริงๆแล้วเนื้อเรื่องก็มีข้อคิดอะไรๆหลายประการ (ในแง่ที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างเป็นส่วนมาก)

แต่มาจบด้วยการแก้ปัญหาโดยนางเอกเป็นเมียน้อยเนี่ย อันนี้นอนยันว่าไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้องเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ให้ฉันทาหย่ากับสะเพามาแต่งกับมูลี่ยังจะดูดีซะกว่า นึกดูนะคะ ชาวบ้านร้านช่องเขาจะว่ายังไง เวลามีลูกล่ะ จะบอกลูกว่ายังไง ที่สำคัญ ต่อให้สะเพาแสนดีแค่ไหน แต่จะทนกันไปได้สักกี่น้ำ เอาล่ะ ถึงจะอยู่กันแบบสงบแฮปปี้ได้จริงๆไม่มีปัญหาอะไร แต่โดยสามัญสำนึกเนี่ยใครเขาแก้ปัญหาอย่างนี้กันบ้าง (แต่ดูมูลี่ก็คิดไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านอยู่แล้วล่ะนะทั้งเรื่อง) สรุปว่าเป็นการจบที่ไม่สมเหตุสมผลในความรู้สึกของเราค่ะ

 

โดย: พุทธิดา IP: 202.28.249.181 17 ธันวาคม 2554 15:03:18 น.  

 

มันเป็นไปได้ทั้งนั้นแหละค่ะ ในชีวิตจริงๆ ที่เราเคยเห็นมา ยิ่งกว่านี้มากมาย คุณป้ากฤษณาท่านสะท้อนชีวิตจริงๆ ให้ได้เห็นกันถึงแก่นเลยทีเดียว อยู่ที่ใครจะยอมรับหรือเปล่า แค่นั้นเอง

 

โดย: ผ่านมา IP: 101.109.201.199 6 กุมภาพันธ์ 2555 18:17:42 น.  

 

เห็นด้วยที่ว่าเป็นไปได้ทั้งนั้นค่ะในชีวิตจริง บางคนก็ติดกับ กับความรู้สึกของตนเอง แต่บางคนก็สามารถก้าวผ่านมาได้ แล้วแต่ทางเลือก ไม่มีใครมีสุขหรือทุกข์มากไปกว่ากัน หมายถึงภายในนะคะ ไม่ใช้การมองจากภายนอกหรือบุคคลที่สาม เพียงแต่นวนิยายต้องการสะท้อนให้เห็นว่าผลของการเลือกทางเลือกแบบนั้น จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะหากเลือกไปแล้ว สิ่งที่ตนเลือกไม่ได้มีผลกระทบแค่จิตใจ แต่มีปัจจัยอื่นเกิดขึ้นมากมาย เพื่อจะบอกว่าคนเราไม่พ้นเป็นสัคว์สังคมค่ะ

 

โดย: JJJ IP: 203.148.177.254 24 กรกฎาคม 2556 19:25:46 น.  

 

อยากได้หนังสือเล่มนี้หาซื้อได้ที่ไหนค่ะ

 

โดย: Meaw Ja IP: 110.168.230.100 8 กุมภาพันธ์ 2559 22:14:31 น.  

 

ใช้อ่านเรื่องนี้แล้วน้ำตาร่วงแทนสะเภาเลยเจ็ยสุดๆ

 

โดย: Meaw Ja IP: 110.168.230.100 8 กุมภาพันธ์ 2559 22:22:27 น.  

 

อ่านแล้วมึนไปหลายวัน

 

โดย: aranyac IP: 110.78.183.10 13 มีนาคม 2566 12:28:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


kdunagin
Location :
South Carolina United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]




จำหลักไว้ในสายลม
กุลธิดา
www.mebmarket.com
แม้เป็นรักที่แอบเร้น หากก็ขออย่าเลือนไปกับสายลม
บาเคอร์
กุลธิดา
www.mebmarket.com
ราณียิ้มขมขื่น คำนั้นมีความหมายอย่างที่สุด บาเคอร์…วันพรุ่งนี้…ตามการออกเสียงของคนอิรัก เป็นสิ่งที่เธออยากเก็บไว้กับตัวแต่เพียงผู้เดียวตลอดไป…หรือจนกว่าจะได้พบเขาอีก เพราะนั่นคือคำสุดท้ายที่เขาบอกก่อนจะจากกันในเช้าวันนั้น ที่บ้านย่าของเขา และเธอกำลังร้องไห้แทบขาดใจ ‘มีวันพรุ่งนี้เสมอนะราณี’ และเธอก็ยึดถือคำพูดนั้นของเขาเป็นสรณะนับแต่นั้นมา เป็นความหวังเดียวที่มี ว่าวันหนึ่งเธอและเขาจะได้พบกันอีก แม้อาจไม่ใช่ในโลกนี้ก็ตาม
Friends' blogs
[Add kdunagin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.