ู~ ปลาทูพะโล้ ~
นี่เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ชอบมากค่ะ ปลาทูพะโล้ แบบไม่ใส่เครื่องพะโล้ค่ะ (งงกันมั้ยเนี่ย) มาเริ่มกันเลยนะคะ ขั้นแรกต้องเตรียมปลากันก่อน ปลาที่ได้มาวันนี้ ไม่รุ้ว่าจากบ้านไหน เพราะข้างบ้านทำเรือประมง และญาติ ๆ กันก็ขายพวกกุ้งหอยปูปลาด้วย เลยไม่แน่ใจว่า ซื้อหรือได้มาฟรี แต่ว่ามันสดมาก ๆ
เมื่อได้ปลาทูมา เราก็จัดการประหารหัวปลา และควักตับไตไส้พุงออกมา ล้างให้สะอาด แล้วใส่กระจาดพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ มาต่อกันที่เครื่องเลยค่ะ ส่วนผสมก็ง่าย ๆ มีอยู่แล้วตามก้นครัวทั่วไป ก็มีกระเทียม พริกไทย และรากผักชี พูดถึงรากผักชีนี่ ที่บ้านจะซื้อเฉพาะส่วนที่เป็นรากอย่างที่เห็นในภาพค่ะ ที่ตลาดแถวบ้านเค้าตัดขาย เห็นพี่บอกว่า ราคาพอ ๆ กับซื้อทั้งต้น เผลอ ๆ จะแพงกว่าด้วยซ้ำ (จำราคาไม่ได้ แต่รู้ว่าแพงมหาโหดเลยแหละ) ซื้อมาทีละโล แล้วใส่ช่องฟรีซ เก็บไว้ใช้ได้นานค่ะ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ไม่นาน เพราะเราชอบกินรากผักชีกับพริกไทยมาก ๆ ใส่อะไรก็หอมไปหมดเลย อิอิ จับใส่ครก โขลกให้ละเอียด อันนี้มันหยาบไปหน่อย เพราะพี่สาวหมดแรงตำแล้ว เริ่มแรก ตั้งน้ำมันให้ร้อน ใครสะดวกจะใส่กระทะก็ได้ค่ะ แต่ถ้าใช้กระทะเดี๋ยวต้องมาถ่ายใส่หม้ออีก
พี่สาวใช้หมอเอนกประสงค์ใบเดิม ตั้งน้ำมันให้ร้อนค่ะ เจียวให้เหลือง ๆ ค่ะ ระวังจะไหม้นะคะ เดี๋ยวกลิ่นจะไม่หอม แล้วกลายเป็นเหม็นไป
ปรุงรสตามชอบค่ะ เริ่มจากน้ำตาลปี๊ป ซอสถั่วเหลือง ซี่อิ้ว แต่จะไม่ใส่น้ำปลาค่ะ เดี๋ยวจะคาวไปกว่านี้ พี่บอกว่ารสของน้ำปลามันไม่เข้ากับพะโล้ค่ะ วันนี้ลองเพิ่มน้ำมันหอยเข้าไปหน่อยนึงด้วย แบบว่าใีครใคร่ใส่อะไรก็ใส่ค่ะ ^^ เอาให้เข้่มข้นเลยนะคะ เพราะเดี๋ยวต้องใส่น้ำแล้วปล่อยมันต้มไปอีก
ใส่น้ำลงไปค่ะ กะเอาให้ท่วมปลานะคะ ในภาพนี้มันน้อยเกินไปค่ะ ตอนหลังต้องใส่เพิ่มอีก ใส่ปลาลงไปให้มันเท้งเต้งอยู่ในนั้นค่ะ จะเห็นได้ว่าน้ำน้อยเกินไป เลยเติมน้ำเข้าไปอีกหน่อย ปล่อยมันต้มไปเรื่อย ๆ ตุ๋นให้เปื่อยเลย
ภาพนี้ตอนมันกำลังเดือดปุด ๆ ค่ะ พอเดือดซักพักก็หรี่ไฟ แล้วปล่อยมันต้มไปเรื่อย ๆ ค่ะ น้ำก็จะเริ่มแห้งลงไปเรื่อย ๆ น้ำแห้งลงไปเกือบครึ่งค่ะ ถึงตอนนี้ก็ใช้ได้แล้ว แต่ยังกินไม่ได้ค่ะ คนที่ชอบกินพะโล้จะรู้ว่า ถ้าจะให้อร่อย ต้องค้างคืนไว้ซักหนึั่่งคืน แล้วเอามาอุ่นใหม่ มันจะยิ่งเ้ข้าเนื้อเข้าหนัง อร่อยสุด ๆ ให้ดูกันชัด ๆ ค่ะ น่ากินมั้ยคะ รสชาติมันจะออกเค็ม ๆ หวาน ๆ ค่ะ ความจริงแล้ว ในการต้มครั้งนี้ พี่สาวได้ใส่เครื่องพะโล้ลงไปด้วยค่ะ (ทุกทีไม่เคยใส่เลย) แต่พอที่บ้านลองกินแล้วปรากฎว่า รสชาติมันแปร่ง ๆ ไป ไม่เหมือนทุกทีที่ไม่ใส่เครื่องพะโล้ ...ที่บ้า่นลงมติเป็นเอกฉันทฺ์ว่า ไม่ใส่เครื่องพะโล้จะอร่อยกว่า ... แต่สุดท้ายก็หมดค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชมนะคะ โอกาสหน้าจะนำเสนอเมนูใหม่ค่ะ ขอให้กินอิ่มนอนหลับนะคะ
Free TextEditor
Create Date : 10 มิถุนายน 2551 |
Last Update : 10 มิถุนายน 2551 22:58:13 น. |
|
9 comments
|
Counter : 1046 Pageviews. |
|
|